ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาอินคา

    ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ 5 แผ่นดินทองคำ [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 720
      6
      27 พ.ย. 60







    บทที่ 5

    แผ่นดินทองคำ

     

     

    เมืองกุสโกตรงหน้าทำให้หญิงสาวถึงกับเข่าอ่อน ทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยอาการตกตะลึง เธอรอนแรมมาเกือบหนึ่งอาทิตย์เพื่อที่จะพบว่ากุสโกไม่มีแม้แต่รถยนต์สักคัน ผู้คนทั้งเมืองล้วนแต่งกายเช่นเดียวกับโรปา พลาซ่า เดอ อาร์มาสตรงหน้าไม่ใช่สถานที่ที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไป ต้นไม้สูงใหญ่และถนนปูด้วยหินโล่งกว้างมาแทนที่ตึกรามบ้านช่องและถนนอิฐตัวหนอนที่มีรถวิ่งผ่านไปมา

     

    หญิงสาวออกวิ่งไปรอบๆ ราวกับคนเสียสติ ยิ่งออกวิ่งก็ยิ่งร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง จนเธอสะดุดล้มคะมำไปบนพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่หน้าวิหารพระอาทิตย์

     

    หัวใจเจ้ากรรมแทบจะหยุดเต้นเสียให้ได้ นี่มันอะไรกัน!

     

    “ยาบารีเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” โรปาวิ่งตามหญิงสาวที่จู่ๆ ก็ร้องไห้ฟูมฟายวิ่งไปมา แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะเอาแต่จ้องโกริกันฉะ หรือวิหารพระอาทิตย์ราวกับไม่เคยพบเห็น

     

    “โรปาบอกฉันสิว่านี่มันเรื่องอะไร โรปา...ที่นี่คือที่ไหน” หญิงสาวชี้ไปยังเบื้องหน้า เธอต้องการคำยืนยันว่าเธอไม่ได้ตาฝาดหรือฝันไป

     

    “เจ้าหมายถึงอะไรยาบารี หมายถึงโกริกันฉะเนี่ยน่ะหรือ” โรปาชี้ไปยังวิหารพระอาทิตย์ข้างหน้า เพียงเท่านั้นเองหญิงสาวก็ทรุดลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง

     

    เดี๋ยวเราจะไปโกริกันฉะนะครับคุณรีเสียงอาจารย์โซลาโน่ดังก้องขึ้นมาในความทรงจำ เธอจำได้ดีว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนเธอเพิ่งมาที่นี่ มาที่วิหารพระอาทิตย์แห่งนี้

     

    โกริกันฉะ คือที่ไหนเหรอคะอาจารย์

     

    วิหารพระอาทิตย์อย่างไรล่ะครับ ผมจะพาคุณไปที่นั่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความรุ่งเรืองของชาวอินคา แต่บัดนี้แทบไม่เหลือความภูมิใจที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ขึ้นมา

     

    ใช่...มันควรไม่เหลือความภาคภูมิใจใดๆ วิหารพระอาทิตย์ที่ประดับด้วยทองคำทั้งตัวอาคารและกำแพงควรจะถูกสเปนเผาหลอมทองเอาไปจนหมด แล้วสร้างโบสถ์คริสต์ทับวิหารเดิมจนไม่เหลือเค้า มันควรจะเป็นเช่นนั้น... ทว่าวิหารพระอาทิตย์เบื้องหน้าเธอกลับเหลืองอร่ามจนต้องหยีตาไม่อาจจ้องมองวิหารทองคำที่สะท้อนแสงอาทิตย์เจิดจ้าได้ มันสุกสกาวงดงามจนหญิงสาวแทบหยุดหายใจ หรือเธอกำลังฝันไป

     

    ใช่! ต้องใช่แน่ๆ เธอกำลังฝัน!

     

    หญิงสาวหยิกตัวเองเต็มแรง แต่ก็ต้องร้อง โอ๊ย!” จนเสียงหลง โรปาทรุดลงนั่งยองๆ มองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจนัก ยาบารีมองหน้าโรปาอย่างครุ่นคิด เธอจะสื่อสารกับโรปาได้อย่างไรในเมื่อเธอกับเขาพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง... เธอจะถามใครได้ว่าที่นี่ที่ไหน คริสต์ศักราชที่เท่าไหร่...

     

    “ยาบารีเจ้าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า เดินไปอีกหน่อยก็ถึงบ้านข้าแล้ว ที่นั่นพอจะมียาและอาหาร ไปเถอะ” โรปาวางมือลงบนไหล่บาง พยักหน้าให้หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินตามเขาไป

     

    ยาบารีลังเลเพียงครู่ก็ลุกขึ้นเดินตามไป เธอไม่มีทางเลือกมากนัก หากว่านี่ไม่ใช่ความฝัน...เธอได้หลงกาลเวลาข้ามผ่านมายังยุคสมัยอินคา[1] ซึ่งอยู่ในช่วงคริสต์ศักราช 1438-1533 ซึ่งเธออยู่ในช่วงไหนนั้นเธอก็ไม่สามารถรู้ได้เลย

     

    “โรปาที่นี่ที่ไหนคะ” หญิงสาวชี้ที่ตัวเขาและชี้ไปรอบๆ เป็นเชิงถาม เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นบ้า เธอไม่ได้ฝัน แต่เธอจะข้ามกาลเวลาย้อนมาอดีตได้จริงๆ เหรอ เป็นไปได้งั้นเหรอ...

     

    “ฉันชื่อโรปาไงล่ะยาบารี ที่นี่คืออาณาจักรตาวันตินซูยู และนี่คือเมืองหลวงกุสโก เจ้าอยากมาที่กุสโกนี่ไม่ใช่เหรอ หรือว่าข้าเข้าใจผิด ความจริงแล้วเจ้าอยากกลับบ้านไปหาพวกพ้องชาวเผ่าชันคาของเจ้า” โรปาขมวดคิ้วมุ่น

     

    ยาบารีแทบล้มทั้งยืน “โรปา ตาวันตินซูยู กุสโก” เธอทวนคำที่คุ้นเคยและจับใจความได้ ตาวันตินซูยูเป็นภาษาเกชัว แปลว่าอาณาจักรอินคา เธอเคยอ่านในหนังสือประวัติศาสตร์และพอจะจำได้บ้าง เช่นนั้นภาษาที่โรปาพูดกับเธอก็คือภาษาเกชัว และที่นี่คือจักรวรรดิอินคาที่แสนรุ่งเรือง

     

    โอ้...ไม่นะ!’

     

    แม้เธอจะเคยพูดว่าอยากมาเห็นความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรนี้ด้วยตาของตัวเองสักครั้ง แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้ สวรรค์ทำไมถึงใจร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วเธอจะกลับบ้านยังไง จะกลับไปในปี ค.ศ. 2013 ได้อย่างไรกัน



    [1] ชาวอินคาเริ่มอาศัยในบริเวณกุสโกในคริสต์ศตวรรษที่ 12 พวกเขาตั้งนครรัฐกุสโกภายใต้การนำของมันโก คาปัก ในปี 1438 พวกเขาเริ่มขยายดินแดนตามคำสั่งของซาปา อินคา ปาชากูตี จนทำให้นครรัฐเล็กๆ มีอำนาจควบคุมบริเวณส่วนใหญ่ของเทือกเขาแอนดีส (ข้อมูลจากหนังสือ อาณาจักรลับอินคา แผ่นดินแห่งเลือดและทองคำ โดย บรรยง บุญฤทธิ์ เรียบเรียง)




    ยายหนูยาบารีจะเป็นยังไงบ้างน๊าาาาาาาาาา ฝากติดตามด้วยนะคะ






    เสน่หาอินคา
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    ยาบารี ยาบารี ที่รักของข้า? เสียงเรียกอันแสนคุ้นเคยของใครบางคนที่ ยาบารี หญิงสาวลูกครึ่งไทย-เปรู ฝันถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมายังเปรูดินแดนต้นกำเนิดอาณาจักรอินคาที่เธอหลงใหล เสียงปริศนาดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในยามหลับและยามตื่นราวกับกำลังเรียกเธอให้ไปหา... แล้วปาฏิหาริย์ก็ชักนำให้เธอหลงกาลเวลาไปยังอาณาจักรอินคา ดินแดนแห่งทองคำเมื่อสี่ร้อยกว่าปีก่อน ด้วยสร้อยพระอาทิตย์ของสำคัญที่บิดาทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต ณ ที่แห่งนี้ เธอได้พบและผูกพันหัวใจไว้กับเจ้าชายทูปัก วีรา เจ้าชายหมอผู้สูงศักดิ์ ท่ามกลางสงครามและยุคสมัยแห่งการล่มสลายของอาณาจักรที่รุ่งเรือง หญิงสาวผู้มาจากอนาคตและเจ้าชายหนุ่มจะร่วมกันแก้ไขหน้าประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ แล้วเธอจะหาทางกลับมายังปัจจุบันได้อย่างไร เมื่อยังมีสายสัมพันธ์รักอันยิ่งใหญ่กับชายสูงศักดิ์เกี่ยวกระหวัดให้หัวใจมิอาจลืมเลือน ***ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากหัวใจรัก นำพาให้คนทั้งสองได้พบเพื่อจาก และพรากเพื่อเจอ ตราบใดที่หัวใจทั้งสองดวงยังคงร้อยรัดด้วยสายใยแห่งรักและผูกพัน ปาฏิหาริย์จะชักพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาเคียงคู่กันในสักวัน

    ซากุระผลิที่กลางใจ
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    หลิวหลุดเข้าไปใน 'ยุคสมัยเฮอัน' ซึ่งย้อนอดีตไปถึงพันปีเหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อเธอกลายเป็นคุณหนูของคฤหาสน์อาจิไซ บุตรีขององคมนตรีชั้นเอกผู้เป็นข้ารองบาทขององจักรพรรดิในขณะเรื่องราวผิดฝาผิดตัวสร้างความโกลาหลวุ่นวายหัวใจของหญิงสาวก็เบ่งบานไม่ต่างจากดอกซากุระ

    ดวงใจปฏิพัทธ์
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    เลือดต้องล้างด้วยเลือด จักต้องแผดเผาศัตรูให้พินาศย่อยยับแต่เหตุใดเล่า... เมื่อเห็นนางเจ็บ เขากลับเจ็บยิ่งกว่า! องครักษ์หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผู้ที่เข้ามาทำให้โลกของเจ้าหญิงครีษมาสดใส นางหลงรักเขาอย่างหมดหัวใจ ทว่าการที่องครักษ์หนุ่มเข้ามาใกล้ชิดนางนั้นกลับเต็มไปด้วยเงื่อนงำ... เมื่อองครักษ์หนุ่มคืนสู่ศักดิ์อันแท้จริง เขาคือเจ้าชายภานรินทร์ที่หายสาบสูญ เขากลับมาอีกครั้งเพื่อขจัดความอยุติธรรม พร่าเกียรติและศักดิ์ศรีเจ้าหญิงผู้สง่างามให้พลิกผันเป็นเพียงนางบำเรอชั้นต่ำ!นาง...เจ็บเจียนตายแต่หัวใจกลับรักเขาเขา…แค้นฝังใจแต่มิอาจปล่อยมือจากนางบทสรุปความรักจะเป็นเช่นไร...รักฤาชัง

    มายามรณะ
    รางนาก
    www.mebmarket.com
    ภาพหลอน! ความกลัว! ความตาย! และความสิ้นหวัง! ประดังเข้าสาดซัดนางเอกสาวดาวรุ่งราวกับห่าฝนในคืนเดือนมืด เมื่อมือที่มองไม่เห็นยื่นมากระชากชีวิตของหญิงสาวให้เปลี่ยนไปตลอดกาล...

    มะนาวซ่อนหวาน
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    ใครๆ ต่างพากันตั้งฉายาให้ มะนาว ว่า...ไฮโซขาวีน และ ไฮโซมือตบแต่...อย่าได้แคร์สื่อ เธอยังคงสวย เริด เชิด หยิ่งจนกระทั่งผู้เป็นบิดาต้องงัดไม้เด็ดมาปราบลูกสาวหัวดื้อทางด้าน เตชธรรม ถึงกับกุมขมับเมื่อได้รับมอบหมายให้ดัดนิสัยยายตัวร้ายที่เขาให้คำจัดความว่าตั้งแต่แรกเห็นว่า‘ชอบเที่ยวกลางคืน ยั่วยวนผู้ชาย ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว’ชายหนุ่มจึงงัดสารพัดวิธีที่มั่นใจว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ออกมาจัดการทว่า...ผิดคาด เมื่อมะนาวลูกนี้ไม่ได้มีดีแค่ความเปรี้ยวซ่าอย่างที่คิดและกว่าจะรู้ตัวว่า...ผิดแผน หัวใจก็ลิ้มรสหวานจนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นเสียแล้ว

    มนตราสีกุหลาบ
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    มนตราแห่งเพตรา ดลบันดาลให้หัวใจสองดวงผูกพัน ก่อเกิดเป็นความรักร้อนแรงจนแม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์ก็มิอาจเทียบ หลังจากผิดหวังในความรัก ยี่สุ่น...หญิงสาววัยเบญจเพสจึงตัดสินใจเดินทางมายังจอร์แดนตามคำชักชวนของมารดา พร้อมความเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้พบรักแท้ และเมื่อเธอมาถึงนครเพตรา?นครศิลาสีชมพู เธอก็ได้พบรัฟฟาน หนุ่มจอร์แดนมาดเข้ม เธอหลงคิดว่าเขาเป็นไกด์พื้นเมืองจึงใช้งานเขาสารพัด รัฟฟาน... ตำรวจสากลผู้ได้รับมอบหมายให้มาสืบหาแหล่งผลิตยาเสพติดที่นครเพตรา ยินยอมเป็นไกด์ให้ยี่สุ่นเพราะต้องการปลอมตัวให้แนบเนียน ไม่เป็นที่สงสัยของคนร้าย แต่นักท่องเที่ยวสาวกลับทำให้เขาต้องคิดทบทวนว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่ยอมเป็นไกด์ให้เธอ เพราะเธอเปิ่นและบ้าดีเดือดชนิดไม่มีใครเหมือน ซ้ำยังทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ความรักได้ก่อเกิดขึ้นจากความใกล้ชิด พร้อมกับอันตรายที่คืบคลานเข้ามาให้เขากับเธอร่วมกันฟันฝ่า เพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้มีอยู่จริง +++++++++++++“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมไม่ได้ตั้งใจลวนลามคุณ ผมแค่เข้ามาปลุกคุณไปกินอาหารเย็น” รัฟฟานหัวเสียไม่น้อย นี่ล่ะเขาถึงไม่อยากมีแฟนเพราะรำคาญผู้หญิงที่ชอบพูดไม่รู้เรื่อง เอะอะก็โวยวายเอาไว้ก่อนไม่เคยฟังเหตุผลอะไรเลยสักอย่างเดียว“ฉันไม่เชื่อ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้ดู”“คุณ...”รัฟฟานไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวโวยวายไปมากกว่านี้ เขาปิดปากอิ่มได้รูปด้วยริมฝีปากเรียวอย่างรวดเร็ว ยี่สุ่นพยายามโวยวายแต่กลับเป็นการเปิดเรียวปากให้ชายหนุ่มแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตวัดเร้าควานหาความหอมหวานจากปากนุ่มสีกุหลาบ ยี่สุ่นสั่นไปหมดทั้งตัว หัวสมองหนักอึ้ง รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่แล้วเขาก็เติมเต็มลมหายใจให้เธอพร้อมๆ กับฉกฉวยมันไป สลับไปมาจนเธอชาวาบจนถึงปลายเท้า แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ติดพื้น เมื่อเขาบดจูบเร่าร้อนยาวนานจนเธอเผลอกอดตอบเขาและเผลอ...จูบตอบเขาอย่างไร้เดียงสารัฟฟานผละออกจากริมฝีปากอิ่มอย่างเสียดาย ยี่สุ่นทรุดฮวบลงไปกองที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง คิดหาคำพูดหรือคำด่าทอไกด์หนุ่มไม่ถูก นั่งบื้อใบ้หัวสมองมึนงงด้วยความสับสน“คราวนี้เชื่อหรือยังว่าผมมาปลุกคุณให้ตื่นไปรับประทานอาหารเย็น ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาลวนลาม เพราะถ้าผมตั้งใจจะทำ...ผมจะทำแบบเมื่อครู่นี้ เอาละ...อีกสิบห้านาทีผมจะกลับเข้ามารับ อย่าช้าล่ะเพราะที่นี่จัดอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์หากเกินเวลาไปมากกว่านี้อาจไม่เหลืออะไรให้คุณกิน” พูดจบเขาก็เดินออกไปทิ้งให้หญิงสาวนั่งหน้าแดงก่ำจูบแรกของฉัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×