ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาอินคา

    ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 4 หลงกาลเวลา [5]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 812
      6
      25 พ.ย. 60







     

    “บังอาจ!

     

    คนที่แต่งตัวเป็นทหารชักดาบออกมาจ่อที่คอหอยของหญิงสาว ในขณะที่ทหารคนอื่นๆ เงื้อหอกขึ้นพร้อมจะแทงหญิงสาวให้ตายตกลงต่อหน้า

     

    “นี่มันอะไรกัน คุณไม่มีสิทธิ์มาจ่ออาวุธใส่ฉัน ฉันจะแจ้งความเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เอาดาบออกไปนะ” ยาบารีโวยวายแต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อคมดาบกดลงบนลำคอจนเลือดไหลออกมา เธอจึงตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติเสียแล้ว

     

    “เกล้ากระหม่อมขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ หลานสาวของเกล้ากระหม่อมไม่รู้จักความ โปรดอภัยให้ด้วย” โรปาวิ่งมาคุกเข่าหน้าเสลี่ยงแล้วโค้งคำนับจนหน้าผากแทบจดพื้น ยาบารีมองกิริยาของโรปาด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมโรปาถึงได้ดูหวาดกลัวคนพวกนี้นัก ทั้งที่พวกนี้ก็แค่คณะแสดงละครประวัติศาสตร์เท่านั้น นี่คงจะไปแสดงที่มาชูปิกชู หรือไม่ก็ในเมืองอูรูบัมบาแน่ๆ

     

    “เล่นแรงไปแล้วนะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” หญิงสาวตวาดเสียงดังอย่างไม่ยอมแพ้

     

    “หุบปากเดี๋ยวนี้นะยาบารี!

     

    เสียงตะคอกของโรปาทำให้ยาบารีเงียบเสียง แม้จะไม่เข้าใจภาษาแต่ก็รับรู้ได้ว่าโรปากำลังดุเธอ เพราะปกติเขาไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับเธอ นี่มันเรื่องอะไรกัน

     

    “ได้โปรดปล่อยนางไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ” โรปาทูลขอทั้งที่รู้ว่าการทำเช่นนี้อาจทำให้เขาต้องซวยไปด้วย ทว่าเขาก็มิอาจทิ้งยาบารีไปได้

     

    “สามหาว! นางคนนี้บังอาจวิ่งมาขวางขบวนเสด็จ เช่นนี้เจ้ายังกล้าร้องขอไม่ให้เอาผิดอีกกระนั้นหรือ” ทหารนายหนึ่งชักดาบวางลงบนคอของโรปา ยาบารีเห็นดังนั้นก็ยิ่งตกใจ แต่ไม่กล้าพูดหรือโวยวายเมื่อเห็นสายตาปรามของโรปา

     

    “ปล่อยนางเถอะ นางแค่ช่วยชีวิตกระต่ายเอาไว้ ไม่ได้หมิ่นเกียรติข้าหรอก”

     

    “แต่...”

     

    “วาคัคทำตามคำสั่งของข้า”

     

    “พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์วาคัคโค้งรับคำสั่งก่อนจะพยักหน้าให้ทหารเก็บดาบ ทันทีที่ดาบเลื่อนออกจากลำคอระหง ยาบารีก็รีบวิ่งไปหลบหลังโรปาทันที มองหน้าคนพวกนี้อย่างขุ่นเคืองใจ คนพวกนี้เป็นใคร แต่งตัวประหลาดแล้วยังใช้อำนาจราวกับเป็นเจ้าขุนมูลนายเสียอย่างนั้น

     

    “เจ้ามีเลือดออก” เจ้าชายทูปัก วีรา รับสั่งให้ทหารวางเสลี่ยงลง แล้วเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาว

     

    เมื่อได้เห็นหน้าชายผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ใกล้ๆ อะไรบางอย่างทำให้ยาบารีรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ได้แต่จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาราวกับถูกสะกดเอาไว้ ชายคนนี้ตัวสูงทั้งที่เธอสูงถึง 170 เซนติเมตรแต่เธอกลับต้องแหงนหน้ามองเขา รูปร่างสมส่วน ใบหน้าคมคล้ามแข็งแกร่ง ผมหยักศกประบ่า ชุดที่เขาสวมใส่นอกจากแปลกแยกจากคนอื่นๆ แล้วยังมีเสื้อคลุมสีแดงเลือดหมูผืนใหญ่คลุมไหล่อีกด้วย

     

    และที่สำคัญ...เสียงของเขาทุ้มนุ่ม ราวกับเธอเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่เธอกลับคิดไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน

     

    เขายื่นมือหนามาแตะลำคอของเธอแผ่วเบา น่าแปลกที่ยาบารียืนนิ่งไม่แม้แต่จะขยับถอยหนี อาจเพราะยังตะลึงกับรูปร่างหน้าตา และกิริยาท่าทางของผู้ชายตรงหน้า เขาดูมีพลัง มีอำนาจลึกลับสะกดให้เธอใจเต้นแรง และบางสิ่งบางอย่างในตัวเขากำลังดึงดูดเธอให้เข้าหา

     

    “ขอเครื่องมือให้ข้าหน่อยวาคัค”

     

    “พ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย” องครักษ์วาคัคส่งกล่องเครื่องมือที่ทำจากไม้ให้เจ้าชายทูปัก วีรา ทรงรับมาถือไว้แล้วเปิดหยิบผ้าสะอาดมาซับแผล ใส่ยาให้หญิงสาวเพื่อไม่ให้ติดเชื้อ

     

    “เอายานี่ไปต้มกิน แผลไม่ลึกมากก็จริง แต่ก็ไม่ควรประมาท” เจ้าชายทูปัก วีรา ยื่นห่อยากระดาษให้ยาบารี ทว่าเธอมัวแต่ยืนอึ้ง โรปาจึงยื่นมือมารับไว้แทน

     

    “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย ทรงมีเมตตากับหลานสาวของเกล้ากระหม่อมเหลือเกิน แต่หลานสาวของเกล้ากระหม่อมไม่รู้ขนบธรรมเนียมประเพณี ต้องขอประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” โรปานอบน้อม แล้วกดบ่าและศีรษะของยาบารีให้โค้งต่ำลง

     

    เจ้าชายทูปัก วีรา ไม่ได้สนพระทัยกิริยาท่าทางของหญิงสาว ทรงต้องพระทัยใบหน้าคมขำแม้จะมีคราบดำเปื้อนใบหน้าจนดูมอมแมม ทว่าก็รู้ได้ว่านางเป็นคนสวย ดวงตามีประกายกล้าของหญิงสาวตรึงสายพระเนตรเอาไว้ได้อย่างน่าประหลาด ดูท่าแล้วนางคงเป็นชนเผ่าอื่น หรือไม่ก็เป็นสาวชาวป่าไม่รู้จักธรรมเนียมประเพณี ทว่าหากทอดพระเนตรโดยละเอียดจะเห็นว่านางสวยกว่านางห้ามในวังเสียอีก ใบหน้าอ่อนหวานทว่าดวงตากลับกร้าวแกร่งไม่ยอมใคร

     

    หากเปรียบนางกับรสชาติของอาหารคงเป็นรสหวานปนขม ราวกับรสชาติของโกโก้[1] จากต้นคาเคาก็มิปาน

     

    “ไม่เป็นไร ว่าแต่พวกเจ้าจะเดินทางไปไหนกัน”

     

    “เดินทางเข้าเมืองกุสโกพ่ะย่ะค่ะ” โรปาตอบอย่างนอบน้อม ใจหายใจคว่ำเมื่อยาบารีเอาแต่มองพระพักตร์เจ้าชายทูปัก วีรา หากเจ้าชายเกิดไม่พอพระทัยขึ้นมาหัวคงกระเด็นหลุดออกจากบ่าแน่ แม้เขาจะค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าชายจะไม่ทรงทำเช่นนั้นก็ตาม

     

    นั่นก็เพราะว่า เจ้าชายทูปัก วีรา หรือเจ้าชายหมอ พระองค์คือโอรสคนที่ 9 แห่งจักรพรรดิวา นาคาแพ็ค ทว่าเป็นพระโอรสที่เกิดจากพระสนมชาวชันคา จึงไม่ได้รับการยอมรับ และเป็นที่โปรดปรานดั่งเช่นโอรสพระองค์อื่นๆ นั่นก็เพราะว่าตามกฎมณเฑียรบาลแล้วจักรพรรดิต้องอภิเษกสมรสกับเครือญาติเท่านั้น พระโอรสที่ประสูติออกมาจึงจะได้รับการยอมรับ

     

    แม้ในวังจะไม่มีใครยอมรับเจ้าชายทูปัก วีรา ทว่าประชาชนชาวอินคาทุกคนล้วนรักพระองค์ เพราะไม่ทรงถือยศศักดิ์ และมักเสด็จออกรักษาชาวบ้านด้วยพระองค์เองอยู่เป็นนิจ

     

    “งั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปเถอะ” เจ้าชายทูปัก วีรา พยักพระพักตร์ก่อนจะกลับขึ้นประทับบนเสลี่ยง รับสั่งให้ทหารออกเดินทางต่อ เมื่อขบวนเสด็จของเจ้าชายทูปัก วีรา ผ่านไปแล้ว โรปาก็หันมาหายาบารีแล้วดึงหญิงสาวเข้ามากอดไว้

     

    “โรปา...”

     

    ยาบารีตกใจไม่น้อย คราแรกจะขืนตัวออกแต่เมื่อรับรู้ได้ว่าโรปากำลังสั่นราวกับหวาดกลัว เธอจึงยืนนิ่งแล้วกอดตอบชายร่างท้วมเอาไว้ เธอไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้โรปาหวาดกลัวสักเพียงไร เธอไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร เธอรู้เพียงว่าโรปาช่างดีกับเธอเหลือเกิน หากไม่มีโรปาเธอคงนอนตายอยู่ในป่าเป็นแน่แท้



    [1] ชนกลุ่มแรกที่รู้จักทำช็อกโกแลตเป็นอารยธรรมโบราณที่อยู่ในเม็กซิโก และอเมริกากลาง ชนกลุ่มนี้ได้แก่ชาวมายา และชาวแอซเทค แห่งอารยธรรมเมโสอเมริกา คนเหล่านี้เอาเมล็ดคาเคามาบดแล้วผสมกับเครื่องปรุงหลายชนิดเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มที่มีรสขมเฝื่อน นอกจากใช้ประกอบอาหารแล้วช็อกโกแลตยังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตเชิงศาสนาและสังคมด้วย

      ชาวมายา (ค.ศ. 250-900) เป็นชนชาติแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่าได้ค้นพบความลับของต้นคาเคา โดยพวกเขาได้นำต้นคาเคามาจากป่าฝนและปลูกไว้ที่สวนหลังบ้าน พอออกฝักก็เก็บเอาเมล็ดมาหมักบ้าง คั่วบ้าง และยังบดเป็นเนื้อเหนียว อยากชงเป็นเครื่องดื่มก็เอามาผสมน้ำ โรยพริกไทยกับแป้งข้าวโพด ก็จะได้เครื่องดื่มช็อกโกแลตรสซาบซ่ามีฟองฟ่อง










    เสน่หาอินคา
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    ยาบารี ยาบารี ที่รักของข้า? เสียงเรียกอันแสนคุ้นเคยของใครบางคนที่ ยาบารี หญิงสาวลูกครึ่งไทย-เปรู ฝันถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมายังเปรูดินแดนต้นกำเนิดอาณาจักรอินคาที่เธอหลงใหล เสียงปริศนาดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในยามหลับและยามตื่นราวกับกำลังเรียกเธอให้ไปหา... แล้วปาฏิหาริย์ก็ชักนำให้เธอหลงกาลเวลาไปยังอาณาจักรอินคา ดินแดนแห่งทองคำเมื่อสี่ร้อยกว่าปีก่อน ด้วยสร้อยพระอาทิตย์ของสำคัญที่บิดาทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต ณ ที่แห่งนี้ เธอได้พบและผูกพันหัวใจไว้กับเจ้าชายทูปัก วีรา เจ้าชายหมอผู้สูงศักดิ์ ท่ามกลางสงครามและยุคสมัยแห่งการล่มสลายของอาณาจักรที่รุ่งเรือง หญิงสาวผู้มาจากอนาคตและเจ้าชายหนุ่มจะร่วมกันแก้ไขหน้าประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ แล้วเธอจะหาทางกลับมายังปัจจุบันได้อย่างไร เมื่อยังมีสายสัมพันธ์รักอันยิ่งใหญ่กับชายสูงศักดิ์เกี่ยวกระหวัดให้หัวใจมิอาจลืมเลือน ***ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากหัวใจรัก นำพาให้คนทั้งสองได้พบเพื่อจาก และพรากเพื่อเจอ ตราบใดที่หัวใจทั้งสองดวงยังคงร้อยรัดด้วยสายใยแห่งรักและผูกพัน ปาฏิหาริย์จะชักพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาเคียงคู่กันในสักวัน

    ซากุระผลิที่กลางใจ
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    หลิวหลุดเข้าไปใน 'ยุคสมัยเฮอัน' ซึ่งย้อนอดีตไปถึงพันปีเหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อเธอกลายเป็นคุณหนูของคฤหาสน์อาจิไซ บุตรีขององคมนตรีชั้นเอกผู้เป็นข้ารองบาทขององจักรพรรดิในขณะเรื่องราวผิดฝาผิดตัวสร้างความโกลาหลวุ่นวายหัวใจของหญิงสาวก็เบ่งบานไม่ต่างจากดอกซากุระ

    ดวงใจปฏิพัทธ์
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    เลือดต้องล้างด้วยเลือด จักต้องแผดเผาศัตรูให้พินาศย่อยยับแต่เหตุใดเล่า... เมื่อเห็นนางเจ็บ เขากลับเจ็บยิ่งกว่า! องครักษ์หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผู้ที่เข้ามาทำให้โลกของเจ้าหญิงครีษมาสดใส นางหลงรักเขาอย่างหมดหัวใจ ทว่าการที่องครักษ์หนุ่มเข้ามาใกล้ชิดนางนั้นกลับเต็มไปด้วยเงื่อนงำ... เมื่อองครักษ์หนุ่มคืนสู่ศักดิ์อันแท้จริง เขาคือเจ้าชายภานรินทร์ที่หายสาบสูญ เขากลับมาอีกครั้งเพื่อขจัดความอยุติธรรม พร่าเกียรติและศักดิ์ศรีเจ้าหญิงผู้สง่างามให้พลิกผันเป็นเพียงนางบำเรอชั้นต่ำ!นาง...เจ็บเจียนตายแต่หัวใจกลับรักเขาเขา…แค้นฝังใจแต่มิอาจปล่อยมือจากนางบทสรุปความรักจะเป็นเช่นไร...รักฤาชัง

    มายามรณะ
    รางนาก
    www.mebmarket.com
    ภาพหลอน! ความกลัว! ความตาย! และความสิ้นหวัง! ประดังเข้าสาดซัดนางเอกสาวดาวรุ่งราวกับห่าฝนในคืนเดือนมืด เมื่อมือที่มองไม่เห็นยื่นมากระชากชีวิตของหญิงสาวให้เปลี่ยนไปตลอดกาล...

    มะนาวซ่อนหวาน
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    ใครๆ ต่างพากันตั้งฉายาให้ มะนาว ว่า...ไฮโซขาวีน และ ไฮโซมือตบแต่...อย่าได้แคร์สื่อ เธอยังคงสวย เริด เชิด หยิ่งจนกระทั่งผู้เป็นบิดาต้องงัดไม้เด็ดมาปราบลูกสาวหัวดื้อทางด้าน เตชธรรม ถึงกับกุมขมับเมื่อได้รับมอบหมายให้ดัดนิสัยยายตัวร้ายที่เขาให้คำจัดความว่าตั้งแต่แรกเห็นว่า‘ชอบเที่ยวกลางคืน ยั่วยวนผู้ชาย ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว’ชายหนุ่มจึงงัดสารพัดวิธีที่มั่นใจว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ออกมาจัดการทว่า...ผิดคาด เมื่อมะนาวลูกนี้ไม่ได้มีดีแค่ความเปรี้ยวซ่าอย่างที่คิดและกว่าจะรู้ตัวว่า...ผิดแผน หัวใจก็ลิ้มรสหวานจนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นเสียแล้ว

    มนตราสีกุหลาบ
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    มนตราแห่งเพตรา ดลบันดาลให้หัวใจสองดวงผูกพัน ก่อเกิดเป็นความรักร้อนแรงจนแม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์ก็มิอาจเทียบ หลังจากผิดหวังในความรัก ยี่สุ่น...หญิงสาววัยเบญจเพสจึงตัดสินใจเดินทางมายังจอร์แดนตามคำชักชวนของมารดา พร้อมความเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้พบรักแท้ และเมื่อเธอมาถึงนครเพตรา?นครศิลาสีชมพู เธอก็ได้พบรัฟฟาน หนุ่มจอร์แดนมาดเข้ม เธอหลงคิดว่าเขาเป็นไกด์พื้นเมืองจึงใช้งานเขาสารพัด รัฟฟาน... ตำรวจสากลผู้ได้รับมอบหมายให้มาสืบหาแหล่งผลิตยาเสพติดที่นครเพตรา ยินยอมเป็นไกด์ให้ยี่สุ่นเพราะต้องการปลอมตัวให้แนบเนียน ไม่เป็นที่สงสัยของคนร้าย แต่นักท่องเที่ยวสาวกลับทำให้เขาต้องคิดทบทวนว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่ยอมเป็นไกด์ให้เธอ เพราะเธอเปิ่นและบ้าดีเดือดชนิดไม่มีใครเหมือน ซ้ำยังทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ความรักได้ก่อเกิดขึ้นจากความใกล้ชิด พร้อมกับอันตรายที่คืบคลานเข้ามาให้เขากับเธอร่วมกันฟันฝ่า เพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้มีอยู่จริง +++++++++++++“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมไม่ได้ตั้งใจลวนลามคุณ ผมแค่เข้ามาปลุกคุณไปกินอาหารเย็น” รัฟฟานหัวเสียไม่น้อย นี่ล่ะเขาถึงไม่อยากมีแฟนเพราะรำคาญผู้หญิงที่ชอบพูดไม่รู้เรื่อง เอะอะก็โวยวายเอาไว้ก่อนไม่เคยฟังเหตุผลอะไรเลยสักอย่างเดียว“ฉันไม่เชื่อ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้ดู”“คุณ...”รัฟฟานไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวโวยวายไปมากกว่านี้ เขาปิดปากอิ่มได้รูปด้วยริมฝีปากเรียวอย่างรวดเร็ว ยี่สุ่นพยายามโวยวายแต่กลับเป็นการเปิดเรียวปากให้ชายหนุ่มแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตวัดเร้าควานหาความหอมหวานจากปากนุ่มสีกุหลาบ ยี่สุ่นสั่นไปหมดทั้งตัว หัวสมองหนักอึ้ง รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่แล้วเขาก็เติมเต็มลมหายใจให้เธอพร้อมๆ กับฉกฉวยมันไป สลับไปมาจนเธอชาวาบจนถึงปลายเท้า แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ติดพื้น เมื่อเขาบดจูบเร่าร้อนยาวนานจนเธอเผลอกอดตอบเขาและเผลอ...จูบตอบเขาอย่างไร้เดียงสารัฟฟานผละออกจากริมฝีปากอิ่มอย่างเสียดาย ยี่สุ่นทรุดฮวบลงไปกองที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง คิดหาคำพูดหรือคำด่าทอไกด์หนุ่มไม่ถูก นั่งบื้อใบ้หัวสมองมึนงงด้วยความสับสน“คราวนี้เชื่อหรือยังว่าผมมาปลุกคุณให้ตื่นไปรับประทานอาหารเย็น ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาลวนลาม เพราะถ้าผมตั้งใจจะทำ...ผมจะทำแบบเมื่อครู่นี้ เอาละ...อีกสิบห้านาทีผมจะกลับเข้ามารับ อย่าช้าล่ะเพราะที่นี่จัดอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์หากเกินเวลาไปมากกว่านี้อาจไม่เหลืออะไรให้คุณกิน” พูดจบเขาก็เดินออกไปทิ้งให้หญิงสาวนั่งหน้าแดงก่ำจูบแรกของฉัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×