คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : MOL :: ย้อนรอยความเจ็บปวด
[ FIC BTS-JinV ]
Magic Off Loved สลักดักรัก
ย้อนรอยความเจ็บปวด....
ภายในคลับรู้สึกว่าจะคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งเปิดบริการฟรีทั้งที่เป็นสมาชิกหรือไม่ แถมยังมีบริการเครื่องดื่มและอาหารตาอาหารใจครบ โดยเฉพาะเหล่าผู้บริหารแสนชั่วร้ายทั้งเจ็ดคน
งานฉลองครบรอบหนึ่งปีบังทันโซยอดันที่ถูกจัดขึ้นบนชั้นสอง ชั้นส่วนตัวที่ไว้สำหรับพวกเขาทั้งเจ็ดเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ส่วนคนอื่นต้องได้รับอนุญาติจากทุกคนที่เป็นเข้าของเท่านั้น หากฝ่าฝืนตายทันที การรวมตัวสุดช็อกของเหล่าสมาชิกที่คาดไม่ถึงว่าจะมารวมกันได้ แต่ยังขาดไปอีกคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าจะมาหรือเปล่า และพวกเขาก็สามารอยู่ยืนเป็นเสาหลักให้กับบรรดานักพนันในสถานบันเทิงหลายที่ในเกาหลี
“เฮ้ โกงกันนี่หว่า..โห่ !!!” มิน ยุนกิ เซียนไพ่ประจำกลุ่มร้อง เมื่อเขาดันติดกับให้มานั่งเขย่ากระติบไฮโลกับเหล่านักพนันด้านไฮโลตัวพ่ออย่างคิม นัมจุน และซ็อง โฮซ็อก
“โกงอะไร พี่นั่นแหละจะโกงพวกผมอ่ะ ดูดิ แต้มมันต่ำชัด ๆ เลยนะ” นัมจุน หนุ่มหน้าโหด เจ้าของรอยยิ้มพิฆาต เวลาที่เขายิ้มลักยิ้มทรงเสน่ห์ของเขาจะโผล่มาด้วยเสมอ ไม่ว่าเจ้าตัวจะต้องการหรือไม่
“นั่นดิ พี่นั่นแหละจะโกงพวกผม พี่แทงสูงนะเว่ยยย” โฮซ็อกพูดเสริม
“มันก็โกงกันหมดนะ ที่ผมเห็นน่ะ” จอน จองกุกเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ หลังจากที่นั่งเงียบมาตลอด ในมือกำลังถือขวดแป๊ปซี่ และขนมมากมาย
“โถ่พวกมึงนะ จำไว้เลย วันไหนพนันไพ่จะตบด้วยตองให้หมด” ยุนกิวางกระติบอย่างไม่พอใจ ด้วยเหตุนี้ทำให้นัมจุน และโฮซ็อกต้องปลอบอย่างเต็มที่
“นัมจุนเว้ยยย” เสียงใสเจ้าของเทพบอลตะโกนลั่นเข้ามาในห้องส่วนตัวของเหล่าบังทัน
“กูแก่กว่ามึงตั้งเกือบปีนะ หอก” เจ้าของชื่อแสดงตนพร้อมด่ากลับจีมินทันที
“เออ ช่างมันเหอะ ไปดูแทฮยองมันหน่อยจะตายเป็ดแล้วนั่นน่ะ”
“น้องกูเป็นอะไร ?”
“ไม่รู้ดิ มันบ่นเรื่องชะนีของมันอ่ะ รีบไปดูมันเหอะ” จีมินไล่ ก่อนจะเข้ามาร่วมวงไฮโลแทนคิม นัมจุน ที่ลุกออกไป
นัมจุนวิ่งออกมาด้านนอก เขาเห็นน้องชายคนเดียวของเขาเหม่อลอย ในมือมีแก้วเหล้าที่ไม่รู้ว่าอายุแค่นี้ใครให้ดื่ม นัมจุน เดินเข้าไปดึงแก้วเบียร์ออกมาแล้วปาทิ้งลงพื้นอย่างจัง ไม่สนว่าเศษแก้วจะกระเด็นไปโดนร่างกายของเขาหรือคิม แทฮยองหรือไม่
“ไงน้องชาย โดนใครหักอกมาล่ะ” นัมจุนเอ่ยถาม เมื่อเขาพาร่างของตัวเองมายืนข้างกับแทฮยอง
“เปล่าสักหน่อยพี่ ไม่มีอะไรหรอกครับ” คนถูกถามตอบกลับไปด้วยใบหน้าเรียบเฉยตามสไตล์ พร้อมกับกระดกแก้วที่มีน้ำสีอำพันอยู่ ให้มันใหลผ่านลำคอ กลิ่นเหล้าอ่อน ๆ ทำให้แทฮยองรู้สึกมึนบ้างเรพาะเป็นคนที่ไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอส์มากเท่าไหร่ มีเพียงครั้งนี้ที่เขายอมดื่มมันเพื่อลิมเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมง
“ปกตินายไม่ดื่มจนตาลอยแบบนี้นี่นาน้องชาย” นัมจุนไม่ละความพยายาม เขาสังเกตุเห็นสิ่งปกติในตัวของน้องชาย ทั้งการแสดงออก และแววตาเวลาพูด
“ผมหรอตาลอย พี่มั่วแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ” แทฮยองหัวเราะกลบเกลื่อน “แต่พี่ครับ ผมมีเรื่องอยากถามพี่มากกว่า...”
“ว่ามาสิ” นัมจุนตอบพร้อมมองหน้าน้องชาย
“พี่เอาบ้านไปพนันเพื่อแลกตัวผมในตอนนั้นหรอครับ ?” แทฮยองมองหน้าพี่ชายที่ตอนนัยน์ตาไร้ความรู้สึกใด ๆ
“ตอนนั้นน่ะหรอ...”
“กูขอเดิมพันด้วยบ้านหลังนี้ และชีวิตของกู ถ้ากูชนะพนันครั้งนี้มึงจะได้บ้านและชีวิตของกูเพื่อแลกกับน้องชายของกู แต่ถ้ากูชนะ พวกมึงจะไม่ได้อะไรจากกูทั้งนั้น ตกลงมั้ย ?”
คิม นัมจุนเสนอเงื่อนไขของตนเองที่มีแต่คำว่ากู กู และกู หลังจากใช้เวลาคิดถึงสามวันเต็ม บ้านคือทุกสิ่งของนัมจุน เพราะมันคือสิ่งเดียวที่พ่อและแม่ทิ้งไว้ก่อนลาโลกไป แม้ว่าจะมีคนมาติดต่อซื้อและให้ราคาสูงมากก็ตาม แต่เพื่อแลกกับน้องชายที่ดันพลาดท่าให้กับพวกสวะสังคมพนัน และสิ่งที่พวกมันต้องการคือบ้านของเขาและน้องชาย
“ตกลง มึงเตรียมตัวแพ้ และเตรียมรอรับหัวของน้องมึงได้เลย”
“มาดูกันดีกว่าว่ามึงจะเอาวิธีไหนมาโกงกู” นัมจุนพึมพำ กับการพนันที่ไม่มีคำว่ากฏหรือกติกา
“เต็มที่เลยนะพี่ พวกผมจะอยู่แถวนี้ล่ะ” โฮซ็อกให้กำลังใจพี่ชาย ก่อนจะยืนพิงกำแพงพร้อมกับพวกพ้องอีกสี่คน
การพนันเริ่มต้นอย่างเรียบง่าย ก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นการพนันที่ดุเดือดและร้อนแรง ลูกเต๋าถูกเขย่าครั้งแล้วครั้งเล่า และมันก็แสดงแต้มที่สำคัญที่สุด จนนัมจุนก็สามารถเอาชนะสวะสังคมพนันได้อย่างเรียบง่าย ถึงแม้ว่าเขาจะต้องงัดเกมโกงออกมาเล่นก็ตาม
“บ้านของกูมึงก็อดแล้วสินะ ชีวิตของกูมึงก็อด เสียใจด้วยจริง ๆ ว่ะ ส่วนน้องกูรีบพามาเดี๋ยวนี้เลย” นัมจุนเอ่ยในฐานะผู้ชนะพนัน
“ตอนนั้น...พี่คิดไม่ออกว่าจะพนันด้วยอะไรดี เลยเอาบ้านไปพนัน ฮ่า ๆ ๆ” นัมจุนเอ่ยความจริงไปบางส่วน “โชคดีนะที่พี่มีความสามารถด้านการเล่นลูกเต๋า ไม่งั้นเราคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้หรอก”
“เหอะ ๆ น่ายกย่องตายล่ะ เซียนไฮโลเนี่ย”
“ไปนอนไป ท่าทางนายจะไม่ไหวล่นะ” นัมจุนไล่ให้น้องชายไปนอน
“ผมก็ว่างั้น งั้นฝันเอถึงแซดนะพี่” แทฮยองเอ่ย ก่อนจะเดินเข้าไปพักผ่อนในห้องส่วนตัวของตน ซึ่งอยู่ภายในชั้นสองของคลับเช่นกัน
ผ่านไปสักพักนัมจุนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ที่ระเบียงหลังชั้นสอง เขามองไปยังความมืดมิดและความว่างเปล่าของท้องฟ้านามค่ำคืน ลมพัดอ่อน ๆ ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม
“ทำไมไม่บอกแทฮยองไปให้หมดนัมจุน” เสียงปริศนาดังขึ้นด้านหลังของนัมจุน
“อ่าว...นึกว่าพี่จะไม่มาซะแล้ว” นัมจุนเอ่ยทักทายพี่ชายอีกคนที่ห่างกันไม่เท่าไหร่ด้วยกิริยาสุภาพ
“ตอบกูมา” ผู้มาใหม่คาดคั้นคำตอบจากนัมจุน
“จะให้กูบอกมันยังไงวะ มึงคิดว่ากูทำใจบอกมันได้หรือไงว่าเราเอาบ้านกับชีวิตของกูไปพนันเพื่อแลกกับชีวิตของมัน !” นัมจุนว่า เขาเปลี่ยนสรรพนามจาก ‘พี่’ เป็น ‘มึง’ เพื่อเพิ่มอรรถรจในการพูดคุย
“มึงก็ควรบอกมันไปถ้าสมมติวันนั้นมึงแพ้ขึ้นมา กูไม่ห่วงหรอกเรื่องบ้านหรือเรื่องอะไรก็ตาม แต่กูห่วงว่าจะได้หัวของแทฮยอง...ไม่สิ...หัวของน้องชายทั้งสองคนของกูมาดูต่างหน้า แทนการด่ากันอยู่แบบนี้”
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะซอกจิน กูคิดไม่ออกจริง ๆ” นัมจุนมองหน้าผู้มีศักดิ์เป็นพี่ของตน ยืนพิงระเบียงแทน หลับตาเพื่อเก็บความรู้สึกที่ย่ำแย่เอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
“ก็ทำเหมือนที่มึงทำกับกูไง ตอนนั้นมึงยังกล้าบอกกูทั้งที่กูกำลังเคลียร์เรื่องพวกมึงที่ไปเหยียบหางมนุษย์ป้าอยู่ที่อังกฤษ แต่ตอนนี้น้องมันอยู่ตรงหน้ามึง มึงจะยังปิดน้องได้หรอคิม นัมจุน” คิม ซอกจิน พี่ชายร่วมสาบานอีกคนหนึ่งของคิม นัมจุน และคิม แทฮยอง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มตามนิสัยแสนสุภาพบุรุษ และความเป็นผู้นำทำให้เขาจำเป็นต้องให้กำลังใจทุกคน
“กู...กูบอกน้องไม่ได้จริง ๆ กู...” นัมจุนพูดเสียงขาดหายเป็นช่วง ซอกจินที่รู้สถานการณ์โอบกอดเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลมน้องชายคนสำคัญที่ต้องแบกรับเรื่องราวต่าง ๆ มากมายในระหว่างที่เขาไม่อยู่
“ไม่เป็นไร มึงก็ค่อย ๆ พูดกับน้องก็ได้ กูเชื่อว่ามันจะต้องเข้าใจ” ซอกจินผลักร่างของน้องชายที่แก้มทั้งสองข้างอาบไปด้วยน้ำตาเบา ๆ
“มันจะเข้าใจหรอวะ กูเห็นทุกวันนี้แม่งไม่ค่อยเข้าใจกูเท่าไหร่” นัมจุนประชดตัวเอง เขาเป็นคนเดียวที่พูดอะไรไม่ค่อยจะมีใครเข้าใจสักเท่าไหร่ เพราะว่ามันลึกซึ้งเกินไปหรืออะไรก็ตาม ไม่มีใครรู้สาเหตุนั้น
“มันต้องเข้า...” เสียงของซอกจินหายไปท่ามกลางเสียงปืนที่ดังลั่นคลับ
ปัง ๆ ๆ ๆ!!!
“เฮ้ย ! แย่แล้วนัมจุนข้างนอกมีเรื่อง” ชูก้าตะโกนลั่นเมื่อเห็นทั้งนัมจุนและซอกจินวิ่งเข้ามาด้านใน ก่อนที่ทั้งหมดจะวิ่งลงไปชั้นหนึ่งพร้อมกัน
“หาตัวไอ้แทฮยองให้เจอ แล้วฆ่ามันทิ้งซะ !” เสียงใครบางคนที่บุกเข้ามาในคลับ รู้สึกมันจะได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้นำในการบุกครั้งนี้
“แทฮยอง...” นัมจุนเอ่ยเบา ๆ “จงกุก รีบพาแทฮยอนหนีไปจากที่นี่เร็วเข้า !”
เมื่อได้รับคำสั่งจงกุกก็รีบทำตามทันที เขาวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองและเปิดประตูห้องนอนของแทฮยองอย่างง่ายดายเพราะมันไม่ได้ล็อกไว้ ก่อนจะล้มลง เพราะแทฮยองวิ่งสวนออกมาก่อน
“วี ! หยุด !” เป็นจองกุกที่เป็นคนวิ่งไล่ตามแทฮยองแทน “โถ่ กูตายแน่งานนี้”
“พี่นัมจุน !!” เมื่อแทฮยองลงมาถึงชั้นหนึ่งได้ เขาเห็นพี่ชายของตนกำลังฟัดกับกลุ่มศัตรูที่มีปัญหากันมายาวนาน “เฮ้ยยยย ไอ่เสี่ยเวร”
“จอน จงกุก กูบอกให้มึงพามันหนีไปไงเล่า !!!” นัมจุนตะโกนลั่นแล้วหันไปมองจงกุกที่กำลังลากแทฮยองให้ออกจากคลับก่อนจะถูกเจอตัว
“นั่นไง มันอยู่นั่น ฆ่ามันให้ได้ !!!” เสี่ยที่แทฮยองพูดถึงหันมาเจอแทฮยองซึ่งเป็นต้นเหตุของการบุกครั้งนี้ เล็งปืนมาที่แทยองอย่างเต็มที่ โฮซ็อกวิ่งเข้าไปดึงตัวจงกุกหวังที่จะให้แรงดึงของตนทำให้ทั้งคู่พ้นวิถีปืนได้ แต่ผิดคาดจงกุกล้มลงพร้อมกับโฮซ็อก เว้นแต่แทฮยองที่ใช้จังหวะก่อนที่โฮซ็อกจะดึงนั้นสะบัดมือของจงกุกทิ้งจนหลุด
“ชิบหายแล้วมึง !!!” โฮซ็อกสบถลั่น
…
..
.
ปัง !!!
.
..
...
เสียงปืนดังลั่น พร้อมกับร่างของชายหนุ่มล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด และหมดแรง เมื่อสิ้นเสียงกระสุนปืนเป็นจังหวะพอดีกับที่ทางตำรวจจะเข้าควบคุมตัวผู้บุกรุกในพื้นที่คลับจดทะเบียนและถูกต้องตามกฏหมาย
“นัมจุนน !!” ชูก้าร้องลั่น ปรี่เข้าไปหานัมจุนที่ล้มลงเพราะโดนยิงเต็ม ๆ
“เรียกรถพยาบาลเร็ว” ซอกจินสั่งลูกน้องที่เริ่มเคลียร์พื้นที่เพื่อความสะดวกของหลายฝ่าย “นัมจุน ๆ อย่าเป็นอะไรนะนัมจุน” วิ่งเข้ามาหาน้องชายทัน มองด้วยสายตาอาวร
“พี่นัมจุน ผม...ฮึก” แทฮยองจำเสี้ยววินาทีนั้นได้ดี เขากำลังจะถูกยิง เมื่อเสียงปืนดังขึ้น เขากลับไม่รู้สึกใด ๆ แต่พอมองดูอีกทีแล้ว คนที่รู้สึกเจ็บปวดกลับเป็นพี่ชายของเขา นัมจุน
“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บสักนิด...” นัมจุนพยายามฝืนยิ้ม เพื่อให้เห็นตนยังไหว
“ผมผิดเองพี่ ผมผิดเอง ผมขอโทษ...ฮืออ” แทฮยองปล่อยน้ำตาให้ใหลออกมาเรื่อย ๆ จีมินมองว่าที่ผู้นำด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ
“นัมจุน มึงทำใจดี ๆ แผลแค่นี้ไกลหัวใจเยอะ” แล้วจีมินก็พูดปนขำออกไป และก็ได้ผลคนที่นอนหายใจติดขัดเพราะกระสุนเข้าตำแหน่งหัวใจพอดี
“เออไกลหัวใจตั้งเยอะ...”
และแล้วสติของคิม นัมจุนก็หมดไปในตอนนั้น ท่ามกลางเสียงตะโกน เรียก และเสียงแห่งความโศกเศร้า
#ตอนนี้เป็นตอนย้อนไปนู่นเลยนะคะ ฮ่าๆๆๆ
ความคิดเห็น