บทนำ
PROLOGUE
"อ๊ากกก..." เสียงคร่ำครวญของเหล่าปีศาจดังไปทั่วบริเวณแข่งกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก
"ท่านพี่หนีไป ข้าจะต้านไว้เอง" ชายร่างใหญ่กวัดแกว่งและหมุนดาบเป็นวงกว้างจนเกิดเป็นพายุหมุนขนาดย่อมต้านทหารในชุดเกราะนับสิบคนที่ดาหน้าเข้ามาโจมตี
"เอริค หนีไปกับข้าเถอะพวกมนุษย์มีจำนวนมากเกินไป พวกเราสู้ไม่ไหวหรอก" หญิงในชุดคลุมยาวพยายามขัดขืนเมื่อทหารองครักษ์ดึงตัวให้ออกห่างจากพื้นที่การต่อสู้
"องค์หญิงเฟน่าได้โปรดหนีเถอะพะยะค่ะ องค์ชายเอริคต้านเอาไว้ได้แน่นอน" หนึ่งในองค์รักพูดพลางนำมือคล้องแขน
"ไม่..ข้าจะไม่หนีไปคนเดียว" เฟน่าพยายามขัดขืนอย่างถึงที่สุด
"พาพี่ข้าไปเดี๋ยวนี้"
"เปิดประตูมิติ" เสียงของเอริคตะโกนก้อง
ทันใดนั้นวงเวทย์สีดำขนาดใหญ่พลันปรากฎขึ้น องครักษ์ดึงร่างเฟน่าพุ่งเข้าไปภายในก่อนจะหายไปราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
"เอาล่ะ ได้เวลาเอาคืน" เอริคกัดฟันพลางยิ้มที่มุมปาก
"แต่ว่า..องค์ชายทหารของเราเหลือไม่ถึงสองร้อยนาย พวกมนุษย์มีทหารมากกว่าหมื่นนาย เราควรถอยก่อนพะยะค่ะ" หัวหน้าองครักษ์แนะนำด้วยความกังวล
"นายพลเอล ท่านก็รู้ว่ามนุษย์พวกนี้ทำอะไรข้าไม่ได้ ถ้าผู้พิทักษ์ไม่มาจุ้นจ้านมอบพลังให้พวกมัน" เอริคตอบขณะใช้ปลายดาบยักษ์ตวัดทหารมนุษญ์สามนายกระเด็นออกไป
"เจ้ามนุษย์พวกข้าอุตส่าห์เดินทางจากทวีปดำเพื่อมาทำสัญญาสงบศึกอย่างสันติตามที่คณะฑูตของเราได้ตกลงกันไว้ แต่พวกเจ้ากลับสับปลับลอบโจมตีพวกเราซ้ำร้ายยังมีผู้พิทักษ์คอยช่วยเหลือ" เอริคตะโกนก้องด้วยพลังเวทมนต์ท่ามกลางการสู้รบที่กำลังดำเนินอยู่
กษัตริย์มนุษย์ได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้ทหารทุกนายหยุดโจมตีแล้วตะโกนตอบโต้
"ข้าไม่เคยตอบรับพวกเจ้า..มนุษย์อย่างเราไม่ต้องการจับมือกับพวกปีศาจโสโครกหรอก อีกอย่างผู้พิทักษ์เองก็เห็นดีเห็นงามและช่วยเหลือพวกข้าด้วย"
ร่างเรืองรองภายใต้ชุดคลุมสีขาวสง่า ร่างกายสูงเกือบสามเมตรลอยอยู่กลางอากาศ แม้จะเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดแต่เปี่ยมไปด้วยความเกรงขามกระจายออกมา ร่างนั้นเปล่งแสงสว่างเล็กน้อยก่อนที่เสียงทุ้มจะดังกังวาลให้ทุกคนได้ยิน
"ข้าเพียงเพิ่มความตื่นเต้นเท่านั้นเอง มนุษย์มีร่างกายและความสามารถอ่อนแอกว่าปีศาจการ เพิ่มพลังกายให้กับพวกมนุษย์ก็ดูเสมอภาคดีไม่ใช่รึ"
"ท่านเป็นผู้พิทักษ์ที่ดูแลโลกใบนี้ไม่ใช่หรือไง แทนที่จะห้ามปรามกลับสนับสนุนให้เกิดสงคราม" เอริคตะโกนอย่างเดือดดาล เขาไม่เคยคาดคิดว่าผู้พิทักษ์ที่เขาเห็นตอนนี้จะเป็นคนเดียวกับผู้ที่มีเมตตาและปกครองโลกในนิทานที่แม่ของเขาเคยเล่าให้ฟัง
"หุบปาก เจ้าปีศาจชั้นต่ำ" เสียงทุ้มตะโกนดังราวราชสีห์ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังกองทัพปีศาจ
เปรี้ยง !! ตูม !!
สายฟ้าเส้นใหญ่พุ่งตรงและระเบิดทันทีที่ปะทะกับพื้นดิน กองทัพปีศาจกระเด็นกระจัดกระจาย เอริคเองก็บาดเจ็บไม่น้อยแม้เขาจะร่ายเวทย์กำแพงดินมาป้องกันสายฟ้าได้ทันในเสี้ยววินาที
เอริคกัดฟันด้วยความคับแค้น พลังของเขาไม่สามารถต่อต้านพลังอันยิ่งใหญ่ของผู้พิทักษ์ เขาตัดสินใจตะโกนสั่งถอยทัพและร่ายประตูมิติที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยเวทมนต์เฮือกสุดท้ายก่อนสั่งให้ทหารที่ยังรอดชีวิตวิ่งหนีเข้าไป
"ทหารข้าหนีเข้าไปเร็ว ข้าเปิดประตูมิติได้ไม่นาน" เอริคตะโกนเสียงแหบพร่า เลือดที่ศีรษะเริ่มไหลเข้าตาจนแสบ
"อย่าปล่อยให้มันหนีไป" กษัตริย์มนุษย์สั่งการเสียงดัง ทหารทุกนายพุ่งตรงไปยังเอริคพร้อมโจมตีทันที
เคร้ง !!
ดาบนับร้อยที่กำลังรุมฟันถูกป้องกันด้วยโดมโปร่งใสที่สร้างจากเวทมนต์แห่งลมครอบคลุมประตูมิติและเหล่าทหารที่กำลังหลบหนี
"องค์ชายหนีไป ข้าต้านไว้ได้ไม่นาน" ผู้ร่ายโดมป้องกันคือนายพลเอลที่กำลังกัดฟันร่ายเวทมนต์อย่างเต็มกำลังจนเลือดเริ่มออกจากมุมปาก
"นายพลเอล นี่เจ้า.."
ทันใดนั้นโดมป้องกันพลันแตกออกและทหารปีศาจคนสุดท้ายกระโดดเข้าไปในประตูมิติ เอริคคว้าแขนนายพลเอลก่อนจะพุ่งตัวไปยังประตูมิติซึ่งตอนนี้มีขนาดเล็กลงมาก
"อั๊ก.." หอกยาวแทงทะลุหน้าอกของนายพลเอล เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักเอริคให้เข้าไปในภายในประตูมิติ เอริคที่กำลังโดนประตูมิติดึงไปยังปลายทางจ้องมองด้วยความตกตะลึงก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณของนายพลผู้เสียสละนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น
"เหอะ มันหนีไปหมดแล้วพวกปีศาจขี้ขลาด พวกเราถอยทัพ" กษัตริย์มนุษย์สบถพลางถ่มน้ำลายลงพื้น
"เดี๋ยวพวกมนุษย์ ใครบอกว่าข้าช่วยพวกเจ้าโดยไม่หวังอะไรตอบแทน" ผู้พิทักษ์พูดก่อนจะค่อยๆลอยลงมายืนที่พื้นแล้วลดขนาดร่างกายลงจนเท่ามนุษย์ทั่วไป
"ท่านต้องการอะไรล่ะ แก้วแหวนเงินทองพวกข้ามีมายมาย ขอให้ท่านบอกมาเถิดว่าต้องการเท่าไหร่" กษัตริย์มนุษย์ยิ้มกว้างพลางคิดในใจอย่างเย้ยหยัน ไม่ว่าจะเป็นใครเงินทองก็สามารถซื้อได้เสมอ
"ข้าไม่ต้องการเงินทองของพวกเจ้าหรอก ขอสิ่งที่ข้าต้องการหน่อยนะ"
ผู้พิทักษ์ยกมือขึ้นเหนือหัว แสงสีฟ้าหลายร้อยหลายพันเส้นพุ่งขึ้นฟ้าแล้วตรงไปยังเหล่าทหาร ไม่ทันที่จะตั้งตัวร่างของทหารผู้สัมผัสกับเส้นพลังพลันกระตุกแรง ดวงตาเหลือโปน ก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆแห้งเหี่ยวและล้มลงราวกับใบไม้แห้งที่โรยรา
"ทะ ท่าน..ทำอะไร" กษัตริย์มนุษย์ตะโกนก้องด้วยความตกใจ
"รางวัลข้าคือพลังชีวิตของพวกเจ้า พวกเจ้ามาขอร้องให้ข้าเพิ่มพลังให้สู้กับเหล่าปีศาจซึ่งก็สัมฤทธิ์ผลแล้วดังนั้นก็ต้องตอบแทนข้าจริงมั้ย" ผู้พิทักษ์แสยะยิ้มในขณะที่ทหารนับพันค่อยๆล้มลง
"จอมเวทย์ร่ายมนตรานิทรา เร็วเข้า" กษัตริย์สั่งเสียงดังด้วยความหวาดหวั่น
กองทัพจอมเวทที่เหลืออยู่ราวหนึ่งร้อยคน พึมพำบทเวทมนต์โบราณที่สามารถล้มได้แม้กระทั่งมังกรแต่กระนั้นต้องสังเวยคนมากมายในการร่ายเวทมนต์อันตราย
แสงสีม่วงพุ่งตรงจากร่างไร้วิญญาณของจอมเวทย์ผู้เสียสละตนตรงไปยังผู้พิทักษ์ที่กำลังร่ายเวทมนต์ดูดวิญญาณ แม้เขารู้ว่าจอมเวทย์ร่ายเวทมนต์ใส่ตนแต่ก็ไม่ใส่ใจนักเพราะเชื่อมั่นในพลังของตนที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้
"นี่มัน..มนตรานิทราบรรพกาล !!" ผู้พิทักษ์ร้องอย่างตื่นตระหนก
แสงสีม่วงครอบคลุมร่างของผู้พิทักษ์ ทันใดนั้นตาของเขาค่อยๆปิดลงจนสนิท ก่อนที่ร่างจะลอยขึ้นและจางหายเป็นแสงสีทอง กระจายเป็นละอองหายไปในอากาศ
กษัตริย์มนุษย์นั่งลงกับพื้นดิน พร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก
"ผู้พิทักษ์ท่านมันน่ากลัวเกินไป จงหลับฝันไปชั่วนิรันดร์เถิด"
ความคิดเห็น