คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Angel on Earth
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามาแทนที่แสงดาวในยามราตรี เสียงนกร้องจิ๊บๆคล้ายกับเป็นนาฬิกาปลุกที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างจงใจ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กภายในตะกร้าสานที่ยังไม่รู้ว่ามาได้อย่างไรเริ่มขยับตัวบิดไปมา เปลือกตาบางขยับปริบปรือ แขนป้อมๆทั้งสองข้างยันกายเล็กให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะขยี้เปลือกตาด้วยความง่วงงุน
“ฮ้าววว รู้สึกว่าไม่ได้นอนเต็มอิ่มแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย.....โอ๊ะ o_0 เรามาอยู่ที่นี่ได้ไงอ่ะ” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มือเล็กถูกยกขึ้นมาขยี้ตาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อจะพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป
“ตายละหว่า....ท่านผู้เฒ่าส่งแจจุงมาที่ไหนเนี่ย แจจุงจะอยู่ได้มั๊ย แล้วคนที่นี่จะใจร้ายกับแจจุงรึป่าว” เจ้าตัวเล็กที่เรียกตัวเองว่าแจจุงเริ่มมองไปรอบห้องอย่างตื่นเต้น...โห เฮะ!!! ห้องนี้น่าอยู่เป็นบ้าเลย แต่ทำไมตัวเขาเองถึงรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงชอบกล...ปีกบางใสเริ่มขยับกางออกและบินสำรวจไปทั่วห้องพักจนกระทั้ง.......
.โป๊ก!!!!!............
“อ๊าก.....เจ็บชะมัดเลย ประตูบ้ามาตั้งอยู่ตรงนี้ทำไมเนี่ย” เจ้าตัวคลำหน้าผากที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างหัวเสีย ปากบางขยับขมุบขมิบกล่าวโทษประตูเจ้ากรรมอย่างฟังไม่เป็นภาษา แล้วค่อยๆเดินย่องผ่านช่องว่างของประตูที่แง้มเปิดไว้นิดๆเข้าไปอย่างระแวดระวัง
แจจุงกางแขนเล็กทั้งสองออกข้างลำตัว หัวกลมๆส่ายไปมาอย่างระมัดระวังเหมือนคนกำลังจะเดินข้ามถนน ปลายเท้าเล็กๆที่อยู่บนพื้นพรมซอยถี่ยิบเพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดเสียง....แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดระบำปลายเท้าเมื่อรู้สึกตัวว่าเขากำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับวัตถุสีน้ำตาลขนาดใหญ่จนต้องผงะกระโดดถอยหลังออกมาอย่างตกใจ เมื่อมองขึ้นไปดีๆแจจุงก็รู้ว่ามันคือเตียงนอน เขาจึงบินขึ้นไปยืนบนที่นอนหนานุ่มที่มีมนุษย์ผู้ชายตัวใหญ่ๆคนหนึ่งนอนอยู่
“ง่า อะไรเนี่ย....ทำไมเจ้าหน้าหมีนี่ถึงนอนได้น่าเกลียดขนาดนี้ ใช้พื้นที่เตียงได้คุ้มจริงๆ” แจจุงส่ายหัวน้อยๆกับท่าทางการนอนของยุนโฮที่เท้าสองข้างกางออกคนละทิศละทาง มือไม้ป่ายแปะไปทั่ว แถมตัวหมีๆที่นอนอยู่ตอนนี้ก็หมิ่นเหม่เต็มทนจะตกเตียงอยู่รอมร่อ......และแล้วเจ้าตัวเล็กก็เกิดปิ๊งไอเดียแกล้งคนขี้เซา เขาบินไปหยิบ(แบก)ขนไก่ที่หลุดออกมาจากหมอนนุ่มนิ่มใบเขื่องมาวางไว้แถวๆจมูกหมีก่อนที่จะ........
“งืมๆ....อือ”
“ฮิฮิ ฮิฮิ”
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก”
“เฮ้ย!!!!! O_0” ยุนโฮสะดุ้งโหยง แล้วสปริงตัวออกจากที่นอนแทบจะทันที พลันสายตาเขาก็จับจ้องไปที่เจ้าตัวปัญหาที่มาขัดขวางการนอนในเช้าที่อากาศดีเช่นนี้....เจ้าตัวเล็กที่ว่ากำลังกลิ้งขลุกๆอยู่บนผ้านวมผืนโต ก่อนที่จะถลาลงมานอนแผ่อยู่ปลายเตียงผมเผ้ากระเซอะกระเซิง
ยุนโฮไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปแล้วใช้ฝ่ามือตะครุบเจ้าตัวเล็กไว้ แล้วนั่งลงบนปลายเตียงโดยที่นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ยังคงจับอยู่บนเสื้อของตัวการหน้าหวานที่มองตาเขาปริบๆ
นี่มันตัวอะไรเนี่ย ปีกบางใสที่เหมือนกันกับปีกของนางฟ้าในจินตนาการวัยเยาว์ กลุ่มผมสีดำช่วยขับให้ใบหน้าขาวหวานนั้นน่ามองยิ่งขึ้น ดวงตากลมโต จมูกโด่งเล็ก แล้วยังจะปากสีเชอรี่น่าชิมนั่นอีก คิ้วเรียวของเจ้าตัวเล็กเริ่มขมวดเป็นปมจนจะผูกโบได้อยู่รอมร่อ....ดูไปดูมาเจ้านี่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ
“เธอเป็นนางฟ้าเหรอ” ยุนโฮถามออกไป พลางยกแขนของตัวเองขึ้นมาอีกนิดเพื่อให้เจ้าตัวเล็กอยู่ในระดับสายตาของเขา
คุณยายครับ นางฟ้ามีจริงๆด้วย ผมได้เจอนางฟ้าแล้วนะฮะ ^^...ยุนโฮได้แค่คิดอยู่ในใจ
“เห....แจจุงไม่ใช่นางฟ้านะ แล้วแจจุงก็ไม่ใช่ผู้หญิงด้วย อย่าเรียกแจจุงว่า ‘เธอ’ อีก...จำไว้ด้วยคุณหน้าหมี” อารมณ์ของเจ้าตัวเล็กที่เริ่มประทุตั้งแต่กลิ้งตกลงมาจากกองผ้านวมยิ่งเดือดมากขึ้นไปอีกเมื่อร่างสูงตรงหน้าเรียกเขาว่า เธอ!!!!!....ชริ นี่มันหยามกันชัดๆ
“อ้าว ชื่อแจจุงหรอกเหรอแถมยังเป็นผู้ชายซะด้วย” ยุนโฮพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยียวน แล้วยังสายตากรุ้มกริ่มนั่นอีก ดูยังไงๆผู้ชายคนนี้ก็ไม่น่าไว้ใจซักนิดในสายตาของแจจุง
“นี่...ไม่เคยเหนเอลฟ์รึไงมองอยู่ได้”
“...............”
“นี่ ตาหมีอ้วน...นายจะจ้องจนตาหลุดออกจากเบ้าเลยรึไง!!!!!” แจจุงชักทนไม่ไหว เขาโบกไม้โบกมือในอากาศหยอยๆหวังจะเรียกสติคนตรงหน้ากลับมา
“อะ....ฮ๊ะ.....เมื่อกี๊นายบอกว่าตัวเองเป็นตัวอะไรนะ” ยุนโฮตกใจจนหน้าตาเหรอหราแต่ก็รีบเก็กเสียงขรึมเมื่อสติกลับมาเข้าร่างเหมือนเดิม
“ปล่อยแจจุงลงก่อนเซ่” เจ้าตัวเล็กเริ่มต่อรอง
“อ้อ โทษที.....ทีนี้บอกได้รึยังว่านายเป็นตัวอะไร” ยุนโฮวางเจ้าตัวเล็กลงบนหัวเตียงอย่างเบามือโดยไม่ลืมทำเสียงเบสต่ำเย็นชาใส่คนแปลกหน้าตัวจ้อย
“เอลฟ์” แจจุงตอบแค่นั้นก่อนจะยืนกอดอก เชิดหน้าขึ้นไปอีกทาง
“...........” คำนี้มันคุ้นๆแฮะ เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหน
...................................
........................ ผ่านไป 3 วินาที .............................
“ฮ่าๆ นายเป็นด๊อบบี้เหรอ” ถึงตอนนี้ยุนโฮหัวเราะจนท้องแข็ง กลิ้งตัวงอไปงอมาบนที่นอนแต่นิ้วเรียวก็ยังไม่หยุดชี้ไปที่เจ้าตัวเล็กที่ยืนหน้างอง้ำเป็นม้าหมากรุก
“นี่ มันมีอะไรน่าขำมิทราบ...คุณหน้าหมี~”
o_0!!!!
“อะแฮ่ม...เออแล้วมาอยู่นี่ได้ไงอ่ะเรา” ยุนโฮที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าหลุดฟอร์มรีบกลับมาวางท่าเงียบขรึมเย็นชาตามสไตล์
“บอกแจจุงมาก่อนสิว่าด๊อบบี้คืออะไรอ่ะ”
“อ่อ มันคือชื่อเอลฟ์ในนิยายน่ะ
แต่มันไม่มีปีกเหมือนนาย”
“อ่อ อย่างนี้นี่เอง” แจจุงเอามือสองข้างเท้าคางนั่งฟังตาแป๋วอย่างสนอกสนใจ ตั้งแต่ตาหมีบ๊องนี่ลืมตาตื่นขึ้นมามันก็เกิดเหตุการณ์จลาจลเล็กๆทำให้เขาเจ็บนู่นเจ็บนี่ตลอดเวลา เลยพาลไม่ค่อยชอบขี้หน้าตาหมีอ้วนนี่ซักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขาชักจะไม่คิดอย่างงั๊นซะแล้วสิ...นายนี่ก็ไม่ได้เย็นชาอย่างที่ตัวเองแสดงออกมาหรอก จริงๆแล้วก็เป็นแค่นายหน้าหมีขี้เก๊กคนนึงก็เท่านั้นเอง
---ไม่ใช่แค่แจจุงคนเดียวหรอกที่นั่งเหม่อหน่ะ...ตายุนโฮขี้เก๊กก็เข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวด้วยเหมือนกัน---
...ให้ตายสิ คำอธิฐานของผมเมื่อคืนมันได้ผลเร็วขนาดนี้เลยเหรอ พระเจ้าเป็นคนส่งเจ้าตัวเล็กนี้มาให้ผมใช่มั๊ยครับ จริงๆแล้วที่ผมขอน่ะผมหมายถึงคนธรรมดาๆ...ผมแค่อยากได้ผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่เป็นเพื่อน เป็นคนรู้ใจ สามารถไปไหนมาไหนด้วยกันได้ต่างหากล่ะ......แต่ถึงจะเป็นเจ้าตัวเล็กตาแบ๊วนี่ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมากมายหรอก น่ารักดีเหมือนกัน....ขอบคุณครับพระเจ้า...ที่ไม่เพิกเฉยต่อคำอธิฐานของผม
“เหม่ออีกแล้วนะหมีอ้วน” และเป็นแจจุงที่ได้สติก่อนจึงรีบหยอกคนตัวสูงเพื่อทำลายความเงียบที่เข้าครอบคลุมบรรยากาศในห้องนี้มาพักใหญ่
“ฉันเนี่ยนะหมีอ้วน...นายใช้อะไรมองเนี่ย”
“เอ๊า ก็เหมือนจริงๆนี่นา คิกคิก” แจจุงหัวเราะไป เอามือทั้งสองข้างปิดปากไปเพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมามากกว่านี้
“เออๆ หมีก็หมี...สรุปว่านายจะบอกฉันได้รึยังว่านายมาจากไหน แล้วมาได้ยังไง” ในที่สุดยุนโฮก็เอ่ยถามคำถามที่เค้าสงสัยมานานอีกเป็นครั้งที่สอง
“จ๊อกกกกกกกกกกกกก”
>/////<
“แหะๆ” แจจุงถึงกับหน้าแดงเอามือเกาท้ายทอยแก้เขิน...ทำไมเจ้าท้องบ้าทรยศทุกทีเลยนะไม่ยอมเชื่อฟังกันเลย....เฮ่อ น่าอายชะมัด
“ฮ่าๆ....จริงสินี่เกือบสิบโมงเช้าแล้วนายคงหิวสินะ....ฉันก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน ตามมานี่สิ” ยุนโฮพูดแล้วก็ลุกเดินออกไปจากห้องทันที... ไม่ แม้แต่จะหันมาสนใจซักนิดว่าเจ้าตัวเล็กยกมือเก้อเพราะหวังให้เขาอุ้ม(หิ้ว)ไปด้วยกัน
“ให้ตายสิ...นายหมีงี่เง่าเอ๊ย รอกันหน่อยก็ไม่ได้แทนที่จะพาแจจุงไปด้วย”
“แล้วนายกินอาหารอะไรได้บ้าง ต้องกินพิเศษกว่ามนุษย์รึป่าว” เสียงตะโกนที่ฟังดูเย็นชาดังมาจากทางห้องครัว
“แจจุงทานได้ทุกอย่างแหละฮะ ไม่เรื่องมากหรอก” เจ้าตัวเล็กตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ สายตาฉายแววตัดพ้อคนตัวสูงอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะกางปีกบินออกไปจากห้องนอนนั้น
..
..
“อ่า.....อิ่มจังเลย ขอบคุณสำหรับอาหารเช้าฮะ” แจจุงนอนตีพุงอยู่บนจานกระเบื้องขนาดใหญ่กว่าตัวเข้าเท่าตัวซึ่งก่อนหน้านี้มันเคยมีแพนเค้กราดน้ำผึ้งหน้าตาน่ากินขนาดจิ๋ววางอยู่อีกด้านหนึ่งของจาน
“นายน่ะมาพร้อมกับตะกร้าสานใบนั้นใช่มะ...แล้วไม่มีอะไรติดตัวมาอีกเหรอ” ยุนโฮถามขึ้นพลางชี้ไปที่ตะกร้าสานที่ยังคงอยู่บนโต๊ะริมหน้าต่างเหมือนเดิมตั้งแต่เมื่อคืน
“ใช่ฮะ” แจจุงพยักหน้าหงึกหงัก พร้อมกับแววตาสงสัย....ก็เห็นๆกันอยู่ ตาหมีอ้วนจะถามแจจุงทำไม
“งั๊นก็คงต้องไปซื้อของใช้อย่างอื่นเพิ่มสินะแต่ฉันไม่มีเวลาให้นายหรอก นี่ก็ไปแกลลอรี่สายกว่าทุกวันแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ แจจุงอยู่ได้...ไม่ต้องใช้ของพวกนั้นหรอก หมีอ้วนไปทำงานเถอะ แจจุงอยู่คนเดียวได้” แจจุงฉีกยิ้มกว้างแล้วลุกขึ้นมาทำท่าเบ่งกล้ามเพื่อยืนยันว่าเรื่องแค่เนี๊ยะสบายบื๋อ
“อ่อ งั๊นฉันไปนะ....บาย” ร่างสูงคว้าผ้าขึ้นมาเช็ดปาก รีบหยิบกระเป๋าใส่อุปกรณ์วาดภาพแล้วก้าวฉับๆออกไปจากห้องอย่างเร่งรีบ
“เฮ่อ แล้วจะทำอะไรดีเนี่ยเรา” เจ้าตัวเล็กลุกขึ้นมายืนบนขอบจาน เขาอยากจะเอาจานพวกนี้ไปล้างให้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแบกอย่างไร...ก็มันใหญ่กว่าตัวเขาตั้งเยอะนี่นา....เรากลายเป็นตัวถ่วงไปแล้วใช่มั๊ยเนี่ย....แจจุงคิดบ่นตัวเองแล้วบินไปยืนเกาะระเบียงรับแสงแดดอ่อนๆยามเช้า
นี่แจจุงทำอะไรลงไปฮะ แจจุงคิดผิดรึเปล่าที่ตัดสินใจทำแบบนี้ ถ้าวันนึงแจจุงโดนทิ้ง.....แจจุงจะทำยังงัยดีฮะ.....ท่านผู้เฒ่าช่วยบอกแจจุงที~
.
เสียงย่ำเท้าของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ดังขึ้นตามจังหวะการก้าวเดิน เป็นเช่นนี้ติดต่อกันมาตั้งแต่เข็มสั้นชี้ที่เลข 6 จนบัดนี้บนหน้าปัดนาฬิกาที่แขวนไว้กลางห้องนั่งเล่นบ่งบอกว่าเวลาได้ล่วงเลยมาจนถึง 4 ทุ่มแล้ว
“ทำไมยังไม่กลับมาซักที...ใครเค้าบ้างานจนไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้กัน” แจจุงเดินจงกรมวนไปวนมารอบโต๊ะรับแขกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่ถ้านับระยะทางที่เขาเดินมาทั้งหมดตลอด 4 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้น พนันได้เลยว่าตัวเขาต้องทำลายสถิติเดินมาราธอนของกินเนสบุ๊คส์สำหรับเอลฟ์เป็นแน่
“ ฟู่...แจจุงจะไม่รอหมีอ้วนแล้วนะ”
------ ผ่านไป 10 นาที ------
“นี่ถ้าอีก 5 นาทีนายยังไม่โผล่หน้าหมีๆมาล่ะก็ แจจุงจะงอนแล้วด้วย”
------ ผ่านไป 7 นาที -------
“ง่า รู้มั๊ยว่าแจจุงหิวเอามากๆเลย วันทั้งวันมีแค่แพนเค้กมื้อเช้าชิ้นเดียวที่ตกถึงท้อง กลับมาเร็วๆซี่ตาหมีบ้า” ถึงตอนนี้แจจุงผู้แอคทีฟที่คิดจะทำลายสถิติกินเนสบุ๊คส์ได้ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แผ่นหลังของร่างเล็กพิงกับรีโมทโทรทัศน์ที่ร่างสูงวางทิ้งไว้กลางโต๊ะรับแขก แขนทั้งสองถูกปล่อยวางไว้ข้างลำตัวไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยกขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาจากไรผม ดวงหน้าหวานที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดหนักลงไปอีกจนน่าใจหาย
“กลับมาเร็วๆนะ แจจุงจะ....ระ......ระ........รอ~” ปากบางสีเชอรี่ขยับน้อยๆพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันจบประโยคดีเปลือกตาบางก็ประท้วงจะปิดให้ได้ ร่างเล็กผล็อยหลับไปแทบจะในทันที
----- ยุนโฮ ความผิดครั้งนี้ของนาย......ควรให้อภัยดีมั๊ยนะ -----
.
“เฮ่อ...ในที่สุดผลงานชิ้นโบแดงของฉันก็เสร็จซักที” ยุนโฮยืดแขนบิดขี้เกียจไปมาหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งวาดภาพนี้มาตั้งแต่เช้า...น่าแปลก วันนี้อะไรดลใจก็ไม่รู้ ระหว่างที่เดินมาแกลลอรี่ในช่วงเช้านั้น อยู่ๆเขาก็เกิดอยากเขียนภาพๆหนึ่งขึ้นมา พอเข้ามาถึงร้านชายหนุ่มก็ทักทายลุงคังคนช่วยดูแลแกลลอรี่ ต่อจากนั้นเขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบตรงดิ่งไปยังผืนผ้าใบสีขาว หยิบพู่กันขึ้นมาละเลงไปตามอารมณ์และความรู้สึกทันที
มารู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่วาดภาพนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ...ภาพยามค่ำคืนของมหานคร เมืองซึ่งเต็มไปด้วยตึกสูงตระหง่านมากมาย ความวุ่นวายของผู้คนที่ตกอยู่ในวังวนของอำนาจเงินตรา แต่เหนือสิ่งอื่นใด มหานครแห่งนี้ถูกโอบอุ้มด้วยปีกสีขาว...ปีกของนางฟ้า
“เอ...จะตั้งชื่อเจ้าภาพนี้ว่าอะไรดีนะ...อืม เมือง...ผู้คน...ความวุ่นวาย...ปีก...นางฟ้า...”
o_0!!!!!!
“นางฟ้า!!!!......แจจุง” ตายละวา ผมลืมแจจุงไปซะสนิทเลย อยู่คนเดียวในห้องแบบนั้นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เมื่อเช้ารีบออกมาเพราะ 10 โมงมันก็สายมากแล้ว เลยลืมเตรียมอาหารมื้อกลางวันไว้ให้ แถมเจ้านั่นยังตัวเล็กกว่าฝ่ามือเขาซะอีก จะเปิดตู้เย็นเข้าไปหยิบอาหารได้อย่างไรกัน
...
ยุนโฮนึกโทษตัวเองอยู่ไม่น้อย ขายาวๆของเขารีบวิ่งกลับไปที่คอนโดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ทุกย่างก้าวที่ก้าวออกไปนั้น ความรู้สึกผิดได้ถาโถมเข้ามามากขึ้นทุกที ทุกที....พอมารู้ตัวอีกครั้ง เขาก็ยืนหอบแฮ่กๆอยู่หน้าห้องตัวเองซะแล้ว
.......หลังจากที่ยุนโฮไขกุญแจเข้าไปในห้อง เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดก็แทบจะไม่เหลืออยู่เลย ร่างเล็กของแจจุงกำลังนอนขดตัวอยู่ที่พื้นกระจกเย็นยะเยือกบนโต๊ะรับแขกกลางห้องนั่งเล่น.....เขารีบวิ่งเข้าไปแล้วช้อนเจ้าตัวเล็กมาไว้ในฝ่ามือใหญ่เพื่อให้ความอบอุ่น
“อือ...อืมมมม”
“แจ....แจจุง นายเป็นยังงัยบ้าง”
“อือออ.....อ้าวหมีอ้วนกลับมาแล้วเหรอฮะ” แจจุงสะลึมสะลือถามร่างสูง แล้วเอามือเล็กๆขยี้ตากลมโตของตัวเองไปมา
“อืม นายหิวมั๊ย จะกินอะไรป่ะ” ยุนโฮนึกโล่งอกอยู่ในใจที่เจ้าตัวเล็กในฝ่ามือของเขาไม่เป็นไข้หวัดขึ้นมาซะก่อน แล้วร่างสูงก็พาแจจุงเข้ามาในห้องครัว
“ถามมาได้ แจจุงหิวจะแย่อยู่ละ...ทำไมหมีอ้วนกลับมาช้านักล่ะ มีงานด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ” แจจุงถามพลางรับนมอุ่นๆในถ้วยแก้วขนาดเล็กที่เคยใช้ใส่ยามาจากร่างสูงที่ยื่นมาให้เขา
“พอดีวันนี้ไอเดียบรรเจิดน่ะ ฉันเลยวาดภาพเพลินไปหน่อย” ร่างสูงวางเจ้าตัวเล็กลงบนโต๊ะทานข้าวฝั่งตรงข้ามกับที่เขานั่งอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน นมอุ่นที่อยู่ในแก้วของทั้งสองก็หมดเกลี้ยงในเวลาไล่เลี่ยกัน อาหารมื้อที่สองของวันผ่านไปพร้อมกับยุนโฮที่นั่งเล่าเรื่องการเขียนภาพในวันนี้ให้เจ้าตัวเล็กฟังอย่างเอาเป็นเอาตาย...แจจุงที่ไม่รู้ว่าจะพูดขึ้นในจังหวะไหนดีและเขาก็ไม่อยากทำลายช่วงเวลาแห่งความสุขของร่างสูง จึงทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย นั่งกระพริบตาปริบๆ เก็บรายละเอียดท่าทางต่างๆของคนตรงหน้าไม่ว่าจะยามยิ้ม หัวเราะ หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาที่ร่างสูงพักหายใจ
“อ่า นี่ก็ดึกมากแล้ว นายไปนอนเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเหมือนกัน เดี๋ยวจานพวกนี้ฉันค่อยล้างพรุ่งนี้เช้า...ฝันดีล่ะ” เมื่อร่างสูงเล่าเรื่องภาพเขียนจบ เขาก็บอกราตรีสวัสดิ์แล้วเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป ทิ้งเจ้าตัวน้อยที่กำลังเคลิ้มหลับถึงกับหันซ้ายหันขวา
“เช่นกันฮะ” แจจุงกล่าวเสียงเบา...ตอนที่นั่งฟังร่างสูงเล่าเรื่องนี้เขาก็จะหลับแหล่มิหลับแหล่อยู่แล้ว...ให้ตายเถอะ ระยะทางจากโต๊ะกินข้าวไปถึงตะกร้าสานมันช่างยาวไกลในความคิดของแจจุงเสียเหลือเกิน เขากัดฟันบินไปให้ถึงจุดหมายแล้วค่อยๆปีนเข้าไปในตะกร้านั้น ร่างเล็กพยายามแทรกตัวเข้าไปในผ้าขนสัตว์ผืนหนาเก่าๆที่ติดมากับตะกร้าใบนี้ตั้งแต่เมื่อวาน ก่อนที่เปลือกตาบางจะหลับลงไปอีกครั้ง
----- หมดไปแล้ว 1 วันของแจจุงน้อย...การใช้ชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์มันช่างเหนื่อยอะไรอย่างนี้นะ -----
“ยูชอน...ตื่นได้แล้วฮะ” ร่างบางกระซิบปลุกร่างโปร่งที่ข้างใบหูนิ่มพร้อมกับเขย่าตัวคนรักเบาๆ
“.....................” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
“ยูชอนฮะ นี่มันสายแล้วนะ” ร่างบางพยายามปลุกคนที่ขดตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม
“อือ” บัดนั้นแววตาของคนปลุกเริ่มมีประกายแห่งความหวัง...ขยับแล้ว...ขยับ...ขยับหันหลังให้เขาต่างหาก
=_=’
“ยูชอน...ปาร์ค ยูชอน!!!!” ความดังของเสียงที่แถวบ้านเรียกว่าตะโกนถูกส่งผ่านเข้าสู่ใบหูไปยังกระดูกค้อน ทั่ง โกลน...วัดระดับความสั่นสะเทือนได้ 10 ริกเตอร์ ซึ่ง ณ ระดับนี้ขี้หูสามารถลุกขึ้นมาเต้นฮิพ ฮอพได้แล้ว ทางการแพทย์วินิจฉัยว่าด้วยความดังเท่านี้มันเป็นอันตรายมากต่อโสตประสาทการได้ยิน....ตะ.....แต่.....คุณชายไก่มีปฏิกิริยารีแอคชั่นเพียงเอื้อมมือไปหยิบหมอนของร่างบางที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาปิดหูเท่านั้น.....
ให้ตายสิ เขาชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ เป็นอย่างงี๊ทุกเช้าเลยสิน่า
........จะเล่นแบบนี้ใช่มั๊ย ได้!!! เดี๋ยวจัดให้........
................................................
..............................
ร่างบางเดินถอยหลังออกจากเตียงนอนเหมือนจะถอดใจ ก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆจะผุดพรายขึ้นที่มุมปากบาง
“ย๊ากกกกกกกกกกกกก~” เขากระโดดลงบนตัวคนรักขี้เซาเต็มสตรีม
----- พลั่ก -----
“อ่อก...โอ๊ย จะฆ่ากันให้ตายเลยใช่มั๊ยที่รัก” ปาร์คยูชอนเอามือทั้งสองข้างกุมที่หน้าท้องของตัวเอง ดวงหน้าหล่อเหลาที่ใช้สะกดใจสาวๆบัดนี้ได้เปลี่ยนจากสีแดงเลือดฝาดตามแบบฉบับของคนมีอันจะกินกลายเป็นสีเขียวอมม่วงที่ดูยังไงก็น่ารันทดใจยิ่งนัก ความง่วงงุนที่ควรจะหลงเหลืออยู่ได้มลายหายไปสิ้น...ร่างบางที่นั่งมองเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่บนตัวคนรักแสดงสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจในผลงานของตัวเองอย่างปิดไม่มิด
“ทำไมถึงใจร้ายกับผมแบบนี้ทุกเช้าเลยครับ” ยูชอนได้ทีรีบพลิกตัวร่างบางแล้วสวมกอดจากข้างหลังไม่ปล่อยโอกาสให้คนรักหนีลงจากตัวเขา พร้อมกับออกแรงอีกนิดให้คนในอ้อมกอดขึ้นมานั่งอยู่บนตักกว้าง
“กะ...ก็ ยูชอนขี้เซานี่นา ปลุกยากปลุกเย็นเป็นที่สุด แถมนี่ก็เป็นวิธีเดียวที่ได้ผลซะด้วย” ร่างบางตอบพลางพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของตัวเอง...ใช่!!! วิธีนี้แหละ เวิร์คสุดๆ
“ทำแบบนี้ถ้าเกิดวันนึงผมช้ำในตายจะทำยังงัยล่ะ” ยูชอนถามไปหอมแก้มคนในอ้อมกอดไป
“ไม่มีทางหรอก...ยูชอนน่ะถึกจะตาย”
o_0!!!!!!
“ทำไมที่รักให้คำจำกัดความผมอย่างงั๊นล่ะ...จริงๆต้องบอกว่ายูชอนหล่อถึงจะถูก” ร่างสูงรีบแก้คำผิดให้คนในอ้อมกอดเข้าใจเสียใหม่
“ถึกแล้วยังหลงตัวเองอีก” ร่างบางในอ้อมกอดแกร่งเชิดหน้าขึ้นไปอีกทาง...ซึ่งการทำอย่างนี้มันเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพราะมันหมายถึงการเปิดโอกาสให้คุณชายหื่นได้ก้มลงสูดความหอมจากซอกคอหน่ะสิ!!!!!~
“ที่รักรู้มั๊ยครับว่าจริงๆแล้วมันมีวิธีปลุกอีกวิธีนึงที่ได้ผลชะงักเหมือนกัน แถมไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้ด้วย”
^0^
“ยูชอนพูดจริงๆเหรอ...วิธีไหนอ่ะ” ร่างบางมัวแต่ตื่นเต้นกับคำบอกกล่าวของคุณชายไก่โดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของร่างโปร่งเลยแม้แต่น้อย
“มามะ...เดี๋ยวผมสอนให้” ^^
“อะ...อ๊ะ.....ไม่.....อะ........เอา แบบ........นี้~” เสียงของคนน่ารักที่ตั้งใจจะดุคนฉวยโอกาสกลายเป็นเสียงแผ่วอ่อนแรงเมื่อร่างโปร่งเริ่มเข้าคอร์สติวเข้มว่าด้วยวิชาการปลุกคนรักในยามเช้าตามแบบฉบับของปาร์ค ยูชอน
“พะ........พอแล้ว วันนี้ยูชอนจะไม่ไปทำงานรึไง” ร่างบางถามไป มือก็พยายามดันอกของร่างโปร่งไป.....เฮ่อ......มันจะต่างอะไรกับที่เค้าปล่อยให้ร่างโปร่งนอนหลับต่อ แถมทำอย่างนั้นเขาก็จะไม่เปลืองตัวแบบนี้ด้วย......รู้งี๊ไม่ปลุกซะตั้งแต่แรกดีกว่า
“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ครับ...ขอยูชอนคนนี้กินของหวานมื้อเช้าก่อนน๊า”
----- สายไปซะแล้วล่ะ ขัดขืนยังงัยก็ไม่ทัน...หลงกลคุณชายไก่อีกจนได้ -----
TBC...PART 2 ^^
ความคิดเห็น