ลักษณะของ "ทฤษฎีสมคบคิด" โดยทั่วไป มีข้อเท็จจริงประกอบ อยู่เพียงเล็กน้อย หรือเพียงส่วนหนึ่ง เพียงเพื่อเสริมให้เกิดความน่าเชื่อถือ ว่ามีหลักฐานสนับสนุนที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกัน เท่านั้น ซึ่งอาจมีเหตุผลสนับสนุน จากความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อเกี่ยวกับทางศาสนา การเมือง หรือวัฒนธรรมที่แตกต่างไป
ทฤษฎีนี้ : จะเริ่มต้นด้วย การตั้งคำถามว่า ใครทำอะไร? เกี่ยวข้องกับใคร? องค์กรใดสนับสนุนหรืออยู่เบื้องหลัง? จากนั้น ก็ค้นหาชื่อที่อยู่ในลิสต์ แล้วนำมาผูกเป็นเรื่องเดียวกัน ยิ่งมี วัน เดือน ปี ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน ก็ถือว่าเรื่องนั้นๆใช้ได้แล้ว
ตามหลักการ การอนุมาน ในทางตรรกะวิทยานั้น วิธีที่ถูกต้องคือ อนุมาน(อ้างอิง) จาก "เหตุ"ไปหา"ผล"
ตัวอย่างเช่น ความจริงคือ ฝนตกแล้วถนนเปียก
ถ้าเรา อนุมานจาก "เหตุ" ไปหา "ผล" คือ ถ้า "ฝนตก" เราเชื่อได้อย่างแน่นอนว่า "ถนนเปียก"
แต่ถ้าเราอนุมานในหลักการที่ผิด คือ จาก "ผล" ไปหา "เหตุ" เราจะได้ประโยคที่ว่า
เราเห็น "ถนนเปียก" แสดงว่า "ฝน" เพิ่งจะตกไป ซึ่งผิดหลักการอย่างมากมาย
เพราะ "ถนนเปียก" ที่เราเห็นนั้น อาจจะไม่ได้เกิดจาก "ฝนตก" ก็ได้
ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory)
นั้น เป็นการอนุมาน จาก "ผล" ไปหา "เหตุ" ซึ่งในทางหลักการมันผิด
(แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องมันไม่ใช่เรื่องจริง)
คือการกำหนด "คำตอบ" ไว้แล้ว ค่อยหา "เหตุผล" มารองรับ
และเรื่องราวส่วนใหญ่ที่ใช้ "ทฤษฎี" นี้ในการวิเคราะห์มักจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น น่าคิด น่าสนใจ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น