ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์และฉีดฟิลเลอร์ - ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์และฉีดฟิลเลอร์ นิยาย ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์และฉีดฟิลเลอร์ : Dek-D.com - Writer

    ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์และฉีดฟิลเลอร์

    ผู้เข้าชมรวม

    531

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    531

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ก.ค. 56 / 15:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      หากเราจะพูดถึงศัลยกรรมยกกระชับผิวหน้า แน่นอนว่าคุณผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการฉีดโบท็อกซ์หรือฉีกฟิลเลอร์ เพราะสองวิธีนี้เรียกได้ว่ายอดนิยมมาก เพราะทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าหายไปและผิวหน้าตึงอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์เราจึงควรศึกษาว่าฉีดอย่างไรและผลข้างเคียงเป็นอย่างไร

      โบท็อกซ์คืออะไร
      โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้า ชื่อจริงๆของมันก็คือโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) บริษัทแรกที่มีสารตัวนี้ขายตั้งชื่อว่าโบท็อกซ์ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่หลายแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นของเกาหลี เยอรมัน ยุโรป จีน คุณสมบัติของโบท็อกซ์นั้นเป็นสารพิษที่สกัดมาจากแบคทีเรีย อันเดียวกับที่เป็นข่าวว่าคนกินหน่อไม้ปี๊บแล้วเป็นอัมพาตตาย ซึ่งเป็นสารพิษตัวเดียวกัน สารพิษที่ได้จากแบคทีเรียนี้ทำให้กล้ามเนื้อไม่ทำงานเป็นอัมพาต บางทีคนที่กินเข้าไปแล้วตายเพราะมันทำให้กล้ามเนื้อกระบังลมไม่ทำงาน ทำให้หายใจไม่ได้ ก็เลยมีคนคิดว่าถ้าเอาสารพิษตัวนี้ปริมาณเล็กน้อย มาทำให้กล้ามเนื้อเฉพาะส่วนไม่ทำงาน รอยย่นน่าจะดีขึ้น เพราะรอยย่นบางที่เช่นบริเวณหน้าผากมันเกิดจากการเลิกคิ้ว ถ้าเลิกคิ้วมากๆก็จะเห็นเป็นเส้นๆ หรือริ้วรอยบริเวณหางตาหรือที่เราเรียกว่ารอยตีนกาก็เกิดจากการยิ้มเยอะๆ เพราะฉะนั้นถ้าเราบล็อคหรือยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนนั้นได้ริ้วรอยก็น่าจะดีขึ้น

      โบท็อกซ์ในทางการแพทย์เอามาใช้ทำอะไรได้บ้าง
      จริงๆแล้วมันใช้ในการรักษาได้ อย่างเช่นบางคนมีเหงื่อออกเยอะที่ตามมือ ตามเท้า ตามรักแร้ จนกระทั่งเสียความมั่นใจ หรือเสียบุคลิกภาพ ก็ใช้โบท็อกซ์นั้นฉีดเข้าไปได้เพื่อลดเหงื่อ คนไข้บางคนที่มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณทวารหนักก็ฉีดโบท็อกซ์เข้าไปเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณนั้นได้ มันใช้ในการรักษาได้เยอะแยะ อันนี้เป็นการรักษาทางการแพทย์

      การฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ถูกต้อง





      เดี๋ยวนี้บ้านเรามีการวางขายกันตามอินเตอร์เน็ต ซึ่งหาซื้อได้ง่ายมาก บางคนก็นำมาฉีดเอง การฉีดนั้นมันไม่ยาก จิ้มเข็มแล้วก็เดินยา ใครก็ทำได้ แต่ตำแหน่งในการฉีดนั้นต้องเป็นหมอฉีดเท่านั้น เพราะกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเรานั้นละเอียดมาก ถ้าฉีดถูกตำแหน่งก็จะได้ผลตามที่ต้องการคือริ้วรอยหายไป แต่ถ้าฉีดผิดตำแหน่ง ใช้ยาเยอะเกินไป จิ้มเข็มลึกเกินไป วางหัวเข็มผิดตำแหน่ง ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ ต้องให้หมอที่ร่ำเรียนมาซึ่งจะรู้ว่ากล้ามเนื้อที่ควบคุมการแสดงสีหน้าแต่ละตำแหน่งนั้นอยู่ตรงไหน คือไม่ใช่ว่าเห็นรอยย่นอยู่ตรงไหนแล้วจิ้มเข็มไปตรงนั้น บางทีรอยย่นอยู่ตรงหน้าผากแต่ต้องจิ้มเข็มเหนือรอยย่นขึ้นไป

      ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์ไม่ถูกตำแหน่ง



      หนังตาตกหรือเห็นภาพซ้อน บางทีถ้าฉีดเข้าใกล้กระบอกตามากเกินไป ก็เห็นเป็นภาพซ้อนได้ การฉีดบริเวณหน้าผากแต่ตัวยาไหลลงไปที่เปลือกตาทำให้หนังตาตกได้ บางคนฉีดแล้วยิ้มทั้งสองข้างไม่เท่ากัน บางคนฉีดแล้วการออกเสียงไม่ชัดเจน หรือถ้าจิ้มเข็มไปโดนเส้นเลือดก็อาจจะมีเส้นเลือดเขียวช้ำ กรณีนี้ก็เลี่ยงยากเพราะเส้นเลือดมันอยู่ใต้ผิวหนังซึ่งเรามองไม่เห็น บางครั้งการฉีดบริเวณหน้าผาก ถ้าฉีดเยอะๆ คนไข้บางคนก็ปวดหัวได้ อันนี้เป็นผลข้างเคียงที่ไม่ซีเรียส

      ฉีดโบท็อกซ์แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน
      โบท็อกซ์จะอยู่ในร่างกายได้นาน 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่ใช้ ความลึก-ตื้นที่ฉีด ไม่ใช้ว่าถ้าต้องการให้อยู่ได้นานแล้วจะเน้นฉีดปริมาณเยอะ ทั้งนี้ในการฉีดโบท็อกซ์โดยแพทย์จะมีการกำหนดปริมาณที่ฉีดในแต่ละตำแหน่งอยู่แล้ว

      การฉีดฟิลเลอร์ต่างกับการฉีดโบท็อกซ์อย่างไร
      การเลือกใช้ฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ในการรักษารอยย่นนั้นต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นรอยย่นหน้าผาก ถ้าเราเลิกคิ้วแล้วมีรอยย่นแปลว่ารอยย่นนั้นเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ วิธีที่เหมาะสมคือการฉีดโบท็อกซ์ เพราะมันจะไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อ แต่ถ้าอยู่เฉยก็มีรอยย่น ถ้ายังไม่ได้แสดงสีหน้าก็เกิดรอยย่นขึ้นมาแล้ว รอยย่นแบบนี้ถ้าใช้โบท็อกซ์อาจจะเห็นผลไม่เต็มที่ แบบนี้ใช้ฟิลเลอร์ก็จะเหมาะสมกว่า

      ฟิลเลอร์มีกี่ชนิด
      ฟิลเลอร์ถ้าแบ่งตามหลักใหญ่ๆ จะแบ่งได้สองชนิดคือแบบถาวรกับไม่ถาวร ฟิลเลอร์ที่อยู่ถาวรก็อย่างเช่นซิลิโคนและพาราฟิน ซึ่งพาราฟินนั้นห้ามฉีดไปแล้วอย่างบางคนที่ไปฉีดกับหมอเถื่อนแล้วฉีดเข้าไปในอวัยวะเพศแล้วมันเน่า ส่วนซิลิโคนนั้นถ้าใช้ซิลิโคนคุณภาพไม่ดีก็ทำให้เกิดการไหลย้อยได้ ส่วนแบบไม่ถาวรก็แบ่งตามระยะเวลาที่อยู่ได้ในร่างกาย เช่น อยู่ได้ 4 เดือนก็จะเป็นพวกคอลลาเจน อยู่ได้สั้นที่สุดแต่ก็เป็นธรรมชาติมากที่สุด พวกที่อยู่ได้ 6 เดือนถึงปีครึ่งเช่นกรดไฮยาลูรอลิกแอซิด อีกประเภทคือพวกที่อยู่ได้ 5 ปี

      ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์



      ส่วนใหญ่จะเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์เยอะเกินไป ถ้าฉีดเยอะเกินมันจะไปเบียดเส้นเลือด เกิดเนื้อเน่าหรือเนื้อตายได้ ก็ต้องระวังและไม่ควรฉีดเองหรือให้หมอกระเป๋าฉีดให้ ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญฉีดเท่านั้น
      แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://megatopic.blogspot.com


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×