รักวุ่นๆของคุณเจ้านาย
น้องหมาตัวน้อยอย่างผมต้องมาวุ่นวายปวดหัวกับความรักของเจ้านายสาวสุดโก๊ะ...ที่ดันไปปิ๊งเพื่อนเก่าเก็บเอาเสียได้ แล้วอย่างนี้มันจะสมหวังไหมเนี่ย...
ผู้เข้าชมรวม
402
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
โครม ! ! โอ๊ย เจ็บชะมัด
เสียงนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ล่ะครับว่าเจ้านายจอมซุ่มซ่ามของผมตกบันไดแน่นอน เจ้านายผมเป็นจอมโก๊ะประจำบ้านเลยแหละ
“ อ๊าย สายจนได้มีหวังโดนยัยมิ้มเฉ่งแน่งานนี้ ” หญิงสาวก้มมาสั่งเจ้าสุนัขแสนรู้ที่นอนเกลือกกลิ้งบนพื้นอย่างสบายใจ
หุ หุ งานแต่งงานเพื่อนทั้งทีขืนไปช้ามีหวังเจ้าสาวได้แปลงร่างเป็นนางยักษ์มาแหกอกเจ้านายแทนน่ะสิ
“ เจ้ามู่ทู่เฝ้าบ้านฉันดีๆล่ะ ถ้าฉันรู้ว่าแกแอบอู้ล่ะก็อดข้าวหนึ่งอาทิตย์ ” นอกจากจะซุ่มซ่ามแล้วเจ้านายผมยังขี้บ่น สั่งโน่น สั่งนี่ทั้งวันจนผมล่ะเบื่อแทน
หลังจากที่จัดการสั่งเสีย เอ้ย สั่งผมเรียบร้อยเจ้านายก็รีบขับรถบึ่งออกไปทันที ทิ้งให้บอดี้การ์ดสี่ขาผู้น่ารักอย่างผมต้องเดียวดายอยู่ในบ้าน ตอนที่เจ้านายซื้อผมมาใหม่ๆก็เอ็นดู เอาใจใส่ผมดีอยู่หรอกแต่พอนานเข้าก็เลิกสนใจผม ตั้งแต่เจ้านายเป็นแฟนกะนายคิ้วหนาหน้าตาชินจังนั่น(เขามีชื่อย่ะ)
ก็คิดดูสิครับตั้งแต่มีนายชินจังอะไรนี่ นอกจากเจ้านายจะสนใจผมน้อยลงแล้ว ยังมาตั้งชื่อผมใหม่ว่ามู่ทู่ เพราะเห็นว่าผมชอบทำหน้าย่น คิ้วขมวด เครียดได้ตลอดเวลา ( ก็หน้ามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดนี่นา) ตั้งแต่นั้นมาเจ้านายผมก็เรียกผมว่ามู่ทู่ตามที่นายชินจังนั่นเรียก ไม่ใช่แค่เจ้านายผมคนเดียวที่เรียกมู่ทู่ เพื่อนๆของเจ้านายก็เปลี่ยนมาเรียกผมว่ามู่ทู่กันหมด ทั้งๆที่ผมก็ออกจะหล่อ น่ารักขนาดนี้
เอาล่ะครับไหนๆวันนี้เจ้านายก็ไปงานแต่งงานเพื่อนแล้วก็นินทาเจ้านายกับก๊วนสาวโสดและไม่โสดของเจ้านายก็แล้วกัน อิอิ เจ้านายกับเพื่อนๆเจ้านายกว่าแต่ละคนจะลงจากคานกันได้ก็สาหัสเอาการเหมือนกันครับ เล่นเอาบอดี้การ์ดอย่างผมต้องลุ้นแทบแย่ว่าบรรดาสาวๆที่ออกจะเฟอะและเพี้ยนเอาการบางคน( เจ้านายผมเองแหละ) จะแฮปปี้ดีแทค เอ้ย จะแฮปปี้ในความรักกะเขาไหม
ก็แต่ละคู่ถ้าไม่แอบรักก็ทำท่าว่าจะเป็นคู่กัด หรือไม่ก็พรหมลิขิตให้มารักกันซะอย่างนั้น ส่วนคู่ไหนจะมารักกันได้ยังไงเอาไว้วันหลังผมจะเล่าให้ฟัง ส่วนวันนี้ผมของีบก่อนละกัน ฮ้าวววว ฟี้ ฟี้......
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา ทำให้การจราจรในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพที่ติดขัดอยู่แล้วติดหนักขึ้นไปอีก
“ เยี่ยม ให้มันได้อย่างนี้สิ ” นอกจากเธอจะมัวเสียเวลาแต่งตัวอยู่นานแล้ว ยังต้องมาเจอรถติดอีกไม่รู้ว่าจะไปทันงานเริ่มไหมเนี่ย เป็นเพราะนายปอนั่นแหละที่ไม่ยอมมารับ ผู้ชายอะไรใจดำชะมัดไม่รู้ว่าฉันหลวมตัวไปรักได้ยังไง
เสียงโมบายห้อยระย้าส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งบอกให้รู้ว่ามีคนเข้ามาในร้านโอ้ รักเอยแห่งนี้ จะว่าไปแล้วร้านนี้ไม่ได้ขายแค่ชา กาแฟ หรือฟรุ๊ตพั้นช์เย็นเจี๊ยบเท่านั้น แต่ยังอบอวลไปด้วยความอบอุ่นระหว่างมิตรภาพของเพื่อน คนรักหรือแม้แต่คนแปลกหน้าที่มีให้แก่กันแม้จะพบหน้าครั้งแรกก็ตามที
หญิงสาวร่างระหงในชุดแส็คสีฟ้าอ่อนกวาดตามองไปรอบๆร้านก่อนจะมาหยุดสายตาที่โต๊ะด้านในสุดของร้าน
“ ว่าไงเจ้าหญิงสายเสมอมาคนสุดท้ายอีกตามเคย ” แม้จะรู้จักนิสัยด้าหรือรินรดาดีแต่หญิงสาวก็ยังแอบกัดเล็กๆน้อยๆไม่ได้
“ บ่นอีกมาถึงได้ก็บุญแล้วเนี่ย ” แค่มาสายแค่ครึ่งชั่วโมงเอง ยัยอัญก็บ่นซะยืดยาว(โห ไม่มีสำนึกอีก)
“ ว่าแต่แกนัดพวกฉันมาทำไม ” มิ้มหรือ ปริตา สาวเปรี้ยวประจำกลุ่มหันมาถามอัญที่เป็นคนต้นคิดนัดเพื่อนๆออกมา
เหอ เหอ จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าที่นัดออกมาเนี่ย ก็เพื่อปรึกษาปัญหาหัวใจที่ดันไปแอบปิ๊งเพื่อนเก่าสมัยประถมเข้า แต่ติดตรงที่ว่าเขามีหวานใจเป็นตัวเป็นตนแล้วนี่สิ
“ ก็คิดถึงเพื่อนอ่ะ เลยนัดมาปาร์ตี้กัน ” โกหกตกนรกหรือเปล่าเนี่ย เอ แต่จะว่าไปแล้วเราก็ไม่ได้โกหกนะแค่ไม่พูดความจริงเอง
“ โห ความคิด แกอาทิตย์ก่อนก็เพิ่งเจอกัน ” ท่าทางเหมือนจะมีอะไรปิดบัง โดยเฉพาะอาการยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ หลอกคนอย่างมิ้มไม่ได้หรอกยัยอัญเอ๋ย
“ ไปแอบปิ๊งหนุ่มคนไหนเข้าล่ะสิแก ” งานนี้จะมีอะไรนอกจากอินเลิฟสิท่า แล้วหนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้นเป็นใคร
‘ มันรู้ได้ไงฟะหรือว่ามันมีญาณทิพย์ ’ อัญได้แต่ส่งเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอที่โดนเพื่อนๆรู้ทันจนได้
“ คบกันมาสิบกว่าปี ถ้าพวกฉันรู้ไม่ทันแกสิแปลก ” ทั้งมิ้มและด้าหันมามองหน้ากันก่อนจะขำกิ๊ก ที่ทั้งคู่พูดเหมือนกันเด๊ะเหมือนนัดกันมาล่วงหน้า
ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือความรู้สึกของฉันเองกันแน่ที่มันเล่นตลกกับชีวิตฉัน จากที่เคยลืมเลือนเพื่อนคนหนึ่งไปนานแสนนานแต่แล้วอยู่ๆ โชคชะตาก็เล่นตลกให้มาเจอกับเขาถึงสองครั้งสองครา ไม่ได้เจอแค่เขาคนเดียวเท่านั้นแต่ข้างกายเขายังมีหญิงสาวผิวสีคมเข้มหน้าตาสวยหวานอีกคนซึ่งก็คือเพื่อนเก่าของเธออีกเช่นกัน
.......... พระเจ้าสร้างโลกมาให้กลมจนเราหาใครสักคนหนึ่งเจอ แต่พระเจ้าไม่ได้สร้างให้ใครคนนั้นขึ้นมาเพื่อเรา........
“ เขามีแฟนแล้ว ” ฉันไม่รู้ว่าปัณณ์กะปอเป็นแฟนกันหรือเปล่า แต่ภาพที่ทั้งสองคนใกล้ชิดสนิทสนมกันคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
“ เฮ้ย...แกว่าไรนะพวกฉันสองคนไม่ทันได้ฟัง ” รินรดาที่กำลังเม้าท์กะมิ้มอย่างเมามันไม่ทันได้ฟังสิ่งที่อัญพูด
“ คนที่ฉันชอบเขามีแฟนแล้วทีนี้ชัดพอหรือยัง ” ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งตอกย้ำให้ตัวเองถอยออกมาก่อนจะเผลอใจรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น
“.....” เพื่อนฉันจะแอบปิ๊งหนุ่มทั้งทีดันปิ๊งหนุ่มที่แฟนแล้วซะนี่ แล้วทีนี้จะทำไงล่ะ มิ้มหันไปขอความเห็นจากรินรดา เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยจะมีประสบการณ์เรื่องความรักสักเท่าไร
“ ตัดใจ ” มันอาจจะยากแต่ก็ไม่รู้ว่ายัยอัญเผลอใจไปรักเขาแค่ไหนแล้ว
เฮ้อ ถ้ามันตัดใจกันได้ง่ายๆเหมือนตัดกระดาษ ตัดผมก็ดีสิ ฉันจะได้ไม่มานั่งวุ่นวายใจอยู่อย่างนี้
‘ พระเจ้าทำไมต้องสร้างโลกมาให้กลมด้วยนะ ’ หวังว่าฉันคงจะตาฝาดหรือแสงมันหลอกตานะที่เห็นนายปอกะปัณณ์เดินเข้ามาด้วยกัน ชิ สวีตกันเชียว
มิ้มโบกมือไปมาตรงหน้าอัญ ก่อนจะหันกลับไปมองตามสายตาอัญ “ แกอย่าบอกนะว่าคนที่แกชอบคือนายนั่นที่เดินมากับยัยดำดอทคอม ”
อัญได้แต่พยักหน้าหงึกๆ แต่เอ๊ะ...ทำไมมิ้มไปเรียกปัณณ์ว่ายัยดำดอทคอมล่ะ
“ แกรู้จักหรือวะไอ้มิ้ม ” รินรดายื่นหน้าเข้าไปถามอย่างอยากรู้
“ รู้จักดีเลยล่ะ สองคนนั่นทำงานที่เดียวกับฉัน ” ไม่รู้ว่าโลกจะกลมอะไรหนักหนา แค่ทำงานที่เดียวกะยัยดำดอทคอมก็เซ็งพอแล้วยังต้องมากินข้าวร้านเดียวกันอีก
“ แล้วปกติสองคนนี่เค้าไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยไหม ” เห็นแล้วหงุดหงิดเฟ้ยจะมาน้ำตาลหกเรี่ยราดไรแถวนี้
“ ไม่รู้ไม่ได้สนใจ อ้อ อีกอย่างสองคนนี่ไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างที่เข้าใจ ” ยัยอัญคิดไปได้ยังไงสองคนนี่เป็นแฟนกัน อย่างยัยดำดอทคอมก็คงคั่วอีตาปอเล่นๆสิไม่ว่า
ยังไม่ทันที่อัญได้สักถามอะไรมิ้มต่อ ดิฎฐชัยหรือปอก็เดินเข้ามาทักทายมิ้มและเพื่อนที่โต๊ะเสียก่อน
“ ไม่ยักกะรู้ว่ามิ้มกับเพื่อนก็ชอบมาทานร้านนี้ ” ปอแวะเข้ามาทักทายมิ้มและส่งยิ้มเผื่อแผ่ไปยังรินรดาและอัญ “ แล้วจะไม่แนะนำเพื่อนเธอให้เรารู้จักเลยเหรอมิ้ม ”
“ นี่ด้า ส่วนนี่ก็อัญ ” หญิงสาวจำต้องแนะนำเพื่อนตามมารยาท ทั้งๆที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ “ แล้วนี่ก็ปอเพื่อนร่วมงาน ”
เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้เขาต้องหยุดพิจารณาที่อัญ ใบหน้าที่ผุดผาดแม้จะได้รับการแต่งเติมเครื่องสำอางค์มา ดวงตาวิบวับคู่นั้นที่มองเขา
“ ไม่เคยเจอกันค่ะ ” พูดไปแล้วอยากจะกัดลิ้นตัวเองจริงๆ เขายังไม่ทันได้พูดไรก็ปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเริ่ม
รินรดาและมิ้มขำกิ๊กกับหน้าตาท่าทางเหวอๆของอัญที่เผลอหลุดอาการไปเต็มๆ ส่วนปอก็ได้แต่กลั้นยิ้มไว้จนแก้มปริกับท่าทางโก๊ะๆของผู้หญิงตรงไหน
“ ผมยังไม่ได้ถามอะไรคุณเลยนะครับ ” พูดเสร็จก็ต้องกลั้นยิ้มไว้แทบแย่กลัวหลุดขำออกมาผู้หญิงโก๊ะตรงหน้าจะพาลโกรธเขา
“ อ่า เอ่อ....ฉันรู้ก็แล้วกันว่าคุณจะถามอะไร ” ตอนนี้เธอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้จริงๆเลย
“ ไม่ยักรู้ว่าเพื่อนเราหยั่งรู้ใจคนได้ด้วยนะด้า ” มิ้มหันไปหาเสียงสนับสนุนที่ดูเหมือนว่าพร้อมจะเป็นกองหนุนได้ทุกเวลา
อัญทำอะไรไม่ได้มากนอกจากแจกค้อนให้แม่เพื่อนตัวดีทั้งสอง “ ฝากไว้ก่อนเถอะแกสองคนเจอฉันเช็คบิลแน่ ”
“ อ้าว มิ้มเราสามคนนี่ใจตรงกันเลยนะทำงานที่เดียวกันมาพอยังชอบอะไรเหมือนๆกันอีก ” ปัณณ์เดินตามาสมทบกับปอหลังจากแวะทักทายเจ้าของร้าน
“ ก็ว่ายังงั้นแหละ ความจริงอาหารร้านนี้อาหารก็ไม่ได้อร่อยถูกปากฉันหรอกแต่ยัยอัญเพื่อนฉันชอบ ” ความจริงร้านนี้ก็อร่อยอยู่หรอกถ้าไม่มียัยดำดอทคอมอย่างเธอมาขัดอารมณ์ มิ้มยังไม่วายแอบนินทาในใจ
“ อัญ นี่อัญใช่ไหมจำเราได้ไหม ปัณณ์ไงแล้วนี่ก็ปอเพื่อนสมัยอนุบาลไง ” ปัณณ์ทักทายเพื่อนเก่าอย่างคนมนุษย์สัมพันธ์ดี ( ความจำยังดีอีกด้วยไม่เหมือนบางคน)
จะตอบว่าจำได้โว้ย แต่ไม่อยากจำก็กระไรอยู่กลัวจะเสียภาพพจน์นางเอกแสนดีในสายตาของปอ งานนี้ต้องรักษาฟอร์มไว้ก่อนจะไม่ยอมหลุดเทคสองเป็นอันขาด
“ ขอโทษนะคะดิฉันจำไม่ได้จริงๆค่ะ ” น้ำเสียงเย็นชา กับใบหน้าที่ใสซื่อ อินโนเซนท์สุดๆของอัญ ทำเอาเพื่อนอีกสองคนสยองไปตามๆกัน
ถ้าไม่สนิทกันจริงๆคงไม่มีใครดูออกว่า ภายใต้สีหน้าท่าทางใสซื่อของอัญที่แสดงออกมานั้นแท้จริงแล้วข้างในเดือดปุดๆและพร้อมที่จะแผลงฤทธิ์นางร้ายได้ทุกเมื่อ
“ ถึงว่าสิปัณณ์ ผมก็คิดอยู่ว่าเคยเห็นหน้าที่ไหนปัณณ์นี่ความจำดีจริงๆเลย ” ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มให้คนข้างกาย เล่นเอาคนที่ถูกพูดถึงแอบเบ้ปาก
“ เรียนมาด้วยกันตั้งนานลืมเพื่อนเก่าได้ลงคอมันน่าน้อยใจจังนะปอ ” ปัณณ์ตัดพ้อกับชายหนุ่มอย่างไม่จริงจังนัก
“ จะรังเกียจไหมครับถ้าเราสองคนของร่วมโต๊ะด้วย ” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอัญจะจำเขากับปัณณ์ไม่ได้ก็ดวงตาวิบวับกับใบหน้ากวนๆก็ฟ้องอยู่แต่ทำฟอร์มไม่รู้
“ รังเกียจค่ะ ” มิ้มและอัญพูดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
รินรดาได้แต่ทำหน้าปูเลี่ยนๆที่สองสาวแสดงอาการไม่ชอบขี้หน้าปัณณ์อย่างโจ่งแจ้ง
“ เอ่อ คือเราสามคนไม่ได้รังเกียจหรอกนะคะ พอดีเราสามคนกำลังจะกลับค่ะ ”
“ เหรอครับ เสียดายจังโอกาสหน้าคงได้ทานข้าวกับพวกคุณสามคนนะครับ ” แม้ปากจะบอกว่าสามคนแต่ตากลับมองที่อัญ
“ คงไม่มี เพราะฉันไม่ชอบขี้หน้านายคิ้วหนาหน้าชินจัง ” อาการหมั่นไส้ทำให้เผลอหลุดเรียกฉายาสมัยเด็กของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัวทำให้อัญตะครุบปากตัวเองไว้กลัวจะหลุดอะไรมากกว่านี้
เจ้าของฉายายืนขำก๊ากกับความโก๊ะของอัญที่ยอมเผยไต๋ออกมา “ นี่ขนาดจำไม่ได้นะเนี่ย ยังรู้ฉายาสมัยเด็กผมขนาดนี้ ”
เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมหญิงสาวถึงไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่ที่แน่เขาชักชอบท่าทางเป๋อๆ หลุดๆของหญิงสาวเข้าซะแล้ว สงสัยงานนี้คงต้องทำความสนิทสนมกับมิ้มเพื่อนร่วมงานสาวของเขาซะแล้ว.....
หลังจากกลับไปทานข้าวกับแก๊งสามสาวโสดที่ร้าน โอ้ รักเอยแล้วอัญชิกาก็ตรงดิ่งกลับบ้านทันที
“ กรี๊ด มู่ทู่จ๋าฉันรักแกจัง ” หญิงสาวอุ้มเจ้าสุนัขตัวอ้วนกลมหน้าย่นยู่อยู่ตลอดเวลาขึ้นมากอด
โอ้ อ๊อก อ๊อก เจ้าน๊ายยย ผมหายใจไม่ออกเหมือนลมหายใจเฮือกสุดท้ายใกล้จะหมด
( เว่อร์ไป ) ไม่รู้วันนี้เจ้านานเกิดเสียสติอะไรขึ้นมาอยู่ๆก็วิ่งมากอดผมซะแน่น สงสัยไปตกหลุมรักหนุ่มที่ไหนมาแหงมๆ น่าสงสัยชายหนุ่มคนนั้นซะจริง ( เดี๋ยวปั๊ดจับชุบแป้งทอดกรอบซะเลย )
“ มู่ทู่แกรู้ไหมวันนี้ฉันไปเจอใครมา ” ด้วยความที่อยู่กันหนึ่งคนและหนึ่งตัวเมื่อไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังก็เล่าให้เจ้าบอดี้การ์ดสีขาซะเลยแต่เธอคงลืมไปว่ามันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง อ๊ะหรือว่ารู้แต่ไม่แสดงออก (ว่าไปนั่น)
แล้วผมจะรู้กับเจ้าไหมเนี่ย นับวันความเป๋อของเจ้านายผมชักจะหนักเอาการ ขนาดตัวเองไปเจอใครมาตัวเองยังไม่รู้แล้วสุนัขสุดหล่ออย่างผมจะหยั่งรู้ได้ไหมล่ะครับ
“ วันนี้ฉันไปเจอนายชินจัง เอ้ย ไม่ใช่นายปอน่ะมาด้วยแหละ ” ยิ่งคิดถึงตอนที่เขามองเธอด้วยยิ่งมีความสุขแต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มียัยปัณณ์อยู่ด้วย
เอ... ชินจัง ปอไหนหว่ายิ่งคิดยิ่งคุ้นเหมือนมันติดอยู่ปลายจมูก อ่ะ หวังว่าคงไม่ใช่นายเพื่อนเก่าสมัยประถมที่เจ้านายเฝ้าพร่ำเพ้ออยู่เรื่อยนะ เพราะถ้าเป็นรายนั้นเจ้านายคงตาถั่วสุดๆ ก็นายชินจังไรนั่นขนาดในรูปสมัยเด็กยังขี้เหร่ขนาดนั้น โตมาคงขี้เหร่สุดขั้วแน่ๆ สู้ผมก็ไม่ได้สุดหล่อน่ารักประจำบ้าน ถ้ามีประกวดสุดยอดนายแบบคุณตูบผมลงประกวดไปแล้วเนี่ย ( ขี้โม้ชะมัด)
เฮ้อ...มนุษย์นี่ก็แปลกนะครับเวลามีความรักทีไรเป็นต้องนั่งตาลอยฝันหวานหรือไม่ก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวยกตัวอย่างเจ้านายผมเป็นต้น ตอนนี้เจ้านายผมนอกจากจะตาลอยๆ ฝันหวานแล้วยังนึกสนุกจับผมมาเต้นรำ เหวี่ยงผมไปทางโน้นที ทางนี้ที ผมเวียนหัวแล้วเจ้านาย....
แฮ้ก แฮก โอ้ว เสียงระฆังช่วยชีวิตครับ ผมอยากจะขอบคุณคนที่โทรมาหาเจ้านายตอนนี้จริงๆเลยเพราะอย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเหนื่อยเต้นกับเจ้านายต่อ
‘ เบอร์ไม่คุ้นเลย ใครล่ะเนี่ย ’ ใครกันนะช่างโทรมาขัดจังหวะความสุขของเธอคอยดูนะเดี๋ยวจะป่วนให้ดู
“ ติ๊ด ขณะนี้ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ ” หุหุ อยากขัดความสุขฉันดีนัก
“ ตู๊ด ตู๊ด ” ดูเหมือนมุขหากินของหญิงสาวจะได้ผลเกินคาดเพราะปลายสายไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรเลยวางสายไป
ไม่รู้เพราะความเพี้ยนผสมบ้าของเธอกันแน่ แต่ที่แน่ๆปลายสายน่ะเชื่อสนิทคนอะไรหลอกง่ายชะมัด อ่ะ แล้วเธอจะรู้ไหมเนี่ยว่าใครโทรมาหา
มุขนี้เจ้านายใช้เวลาคิดนานไหมเนี่ย ติ๊งต๊องสุดๆ ชักจะสงสารปลายสายซะแล้วสิที่ต้องมาเจอความบ้า บอของเจ้านาย อ่า แล้วผมอยู่กับเจ้านายไปนานๆจะเสียสติไหมครับนี่
วันนี้ผมได้มีโอกาสพบกับเพื่อนเก่าคนหนึ่ง นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกับเธอหลังจากที่จบชั้นประถมแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียนคนละที่ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีโอกาสได้พบเธออีกเลย จะมีก็แต่ปัณณ์และเพื่อนฝูงบางคนที่เขายังติดต่ออยู่
มันอาจจะฟังดูแปลกที่อยู่ๆเราลืมเลือนใครสักคนหนึ่งไปพร้อมๆกับการลาจากและเวลา แต่อยู่ๆเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้เขากลับมาคิดถึงเธอคนนั้นอีกครั้ง
และดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเป็นใจให้เขาเสียด้วยให้เขาได้พบเธอและรู้ว่าแท้ที่จริงๆเธออยู่ใกล้ๆตัวนี่แหละแต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราหากันไม่เจอกัน ทั้งๆที่เพื่อนของเธอทำงานที่เดียวกับเขาแท้ๆ
ไหนๆโชคชะตาก็เป็นใจขนาดนี้แล้วเขาก็ขอคว้าโอกาสนี้ไว้แล้วกัน “ ฮัลโหล มิ้มนี่เราปอนะ ”
“ อืม มีไรล่ะ ” นี่ถ้าไม่ติดว่ายัยอัญกรี๊ดหมอนี่อยู่ล่ะก็เธอคงไม่รับสายให้เมื่อยหรอก ก็เธอไม่ค่อยชอบขี้หน้ายัยปัญญ์เท่าไรเลยพาลไม่ชอบหมอนี่ไปด้วย
“ คือเราอยากรู้จักอัญให้มากกว่านี้น่ะ ” ใช่เขาอยากรู้จักหญิงสาวให้มากกว่านี้ อยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตเธอ
“ แล้วไง ” สงสัยงานนี้เพื่อนเธอขายออกเป็นคนแรกซะแล้ว ไม่ได้ๆต้องแกล้งให้ทรมานซะหน่อย
“ เราคิดว่าเราสนใจเพื่อนเธอเข้าแล้วเลยอยากจะทำความรู้จักไว้ ” สนใจมากโดยเฉพาะดวงตาวิบวับคู่นั้นกับใบหน้าใสซื่อที่เห็นแล้วกวนอารมณ์แต่ดึงดูดใจเขาอย่างจัง
“ อืม แล้วไง ” วุ้ยตานี่ก็ฟอร์มไม่เบาทีเดียว ทำบอกว่าสนใจจริงๆน่ะชอบเพื่อนฉันเข้าแล้วล่ะไม่ว่า
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมิ้มกับอัญถึงเป็นเพื่อนกันได้ ชอบกันนักไอ้เรื่อง กวนๆ รวนชาวบ้าน เขาอไม่อยากจะคิดเลยว่าเพื่อนอีกคนในกลุ่มของสามสาวนี่จะกวนขนาดไหน เอาวะ พูดมันไปตรงๆนี่แหละดูซิว่าจะกวนได้อีกแค่ไหนกันเชียว
“ ฉันชอบเพื่อนเธอมิ้ม ที่โทรมาจะโทรมาขอเบอร์บ้าน มือถือของอัญ อ้อ ไอ้แล้วไงของเธอช่วยเก็บเอาไปทิ้งด้วยก็ดี ”
“ ด้ายยย จัดให้นี่ดีนะที่ไม่ขอที่อยู่และประวัติแบบละเอียดยิบของมัน ” นึกว่าจะฟอร์มจัดได้นานสักแค่ไหนนี่ถ้าพูดมาตรงๆแต่แรกก็บอกแล้ว
“ ไม่ต้องฉันอยากจะเรียนรู้อัญด้วยตัวเขาเองไม่ใช่จากคนอื่น” การได้รู้จักตัวตนจริงๆของใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องยากและเกินความสามารถของเขาเลย
หลังจากใช้เวลาพูดคุยไม่นานเขาก็ได้เบอร์โทรศัพท์ของอัญมาเรียบร้อยและจัดการโทรไปหาเธอทันที
“ สวัสดีครับ ขอสาย... ” ยังไม่ทันจะพูดจบเสียงสัญญาณรับฝากข้อความก็ดันขัดขึ้นมาเสียนี่ แต่ เอ๊ะ ทำไมเสียงมันคุ้นๆแฮะ แถมยังมีเสียงสัตว์ประหลาดดังมาอีก ( สุนัขเฟ้ยตาชินจังบ้าเดี๋ยวจะแช่งให้เจ้านายไม่รักซะเลย )
เอ หรือว่า มิ้มจะแกล้งให้เบอร์ใครก็ไม่รู้มาให้เรานะ ไม่ได้ต้องโทรไปถามให้รู้เรื่อง
“ มิ้ม นี่ปอเอง มิ้มแน่ใจนะว่าเบอร์ที่ให้เป็นเบอร์อัญจริงๆ ”
“ ก็ใช่น่ะสิ มีปัญหาอะไรเหรอ ” อะไรของตานี่นะมาหาว่าเธอหลอก เดี๋ยวก็ไม่ช่วยเป็นแม่สื่อให้ซะเลยดีไหม
“ ก็เมื่อกี้เราโทรไปเบอร์ที่มิ้มให้แต่มันเป็นระบบฝากข้อความ ” นี่เขาระแวงมากเกินไปหรือเปล่า บางทีอัญอาจจะกำลังยุ่งอยู่หรือแบตโทรศัพท์อาจจะหมด
มิ้มขำก๊ากออกมาทันทีเมื่อชายหนุ่มเล่าให้ฟัง ก็จะไม่ให้เธอขำได้ยังไงล่ะตานี่ดันซื่อบื้อ กว่าที่เธอคิดซะอีกขนาดโดนหลอกยังไม่รู้ตัวอีก “ แกโดนยัยอัญต้มซะเปื่อยแล้วยังไม่รู้ตัวอีก จะบอกให้นะยัยอัญมันชอบเล่นมุขติ๊งต๊องแบบนี้แหละ ”
มิน่าล่ะ ทำไมเสียงโอเปอเรเตอร์สาวถึงได้คุ้นหูเขาเหลือเกิน “ ขอบคุณที่บอก เพื่อนเธอนี่ต๊องไม่ใช่เล่นนะ”
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงเห็นนิ่งๆเงียบๆ แบบนั้นนึกว่าจะเป็นสาวหวานเรียบร้อย ที่ไหนได้กลายเป็นสาวแอบบ๊อง ต๊อง กวนซะนี่ หวังว่าคงไม่บ๊อง ต๊อง กวนเกินพิกัดนะถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงรับมือไม่ไหว
โทรศัพท์เจ้าปัญหาของเจ้านายเกือบๆสวยกรีดเสียงขึ้นอีกครั้ง เจ้านายคร้าบรับโทรศัพท์ด้วยๆๆๆๆๆ
หญิงสาวหยิบขึ้นมาดูเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอก่อนจะกดรับ “ ค่ะ สวัสดีค่ะ ”
“ มุขฝากข้อความไม่ทำงานแล้วเหรอครับคราวนี้ ” แหย่เล่นนิดๆหน่อยๆหวังว่าหญิงสาวจะไม่วางหูใส่เขาซะก่อนนะ
“ อ่า ใครอ่ะ ” ใครกันนะที่บังอาจโทรมาขัดจังหวะความสุขของเธอ แถมยังรู้มุขสุดแป๊กของเธออีก
โว้ เจ้านายนี่ก็แปลกถามมาได้ว่าใครโทรมา มันก็ต้องคนอยู่แล้วสิครับเจ้านาย หรือเจ้านายจะให้แมวให้สุนัขผู้น่ารักอย่างพวกผมโทรมาล่ะครับ ถ้าโทรได้ผมคงโทรหาสาวๆของผมไปแล้ว
“ ผมปอคร้าบบ เพื่อนสมัยประถมที่คุณแกล้งลืมไง ” อยากเห็นหน้าของหญิงสาวตอนนี้จริงๆว่าจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าเขาโทรหา
“ อ่า ไม่ได้ลืมแค่ไม่อยากจำหน้าขี้เหร่ๆของนายต่างหาก ” พูดไปแล้วเธออยากจะกัดลิ้นตัวเองจริงๆ โทษฐานที่ไม่ยอมรักษาภาพพจน์นางเอกผู้น่ารัก
นั่นปะไร ไม่ทันไรต่อมกวนก็ออกฤทธิ์ซะแล้วแต่มีหรือที่เขาจะยอม “ เหรอครับ เอ แล้วทำไมใครๆก็บอกว่าผมหล่อระดับพระเอกฮอลลี่วูดเลยล่ะครับ ”
“ อี๊ หลงตัวเองถ้าหน้าเหมือนตัวการ์ตูนชินจังว่าไปอย่าง ” ตอนเด็กๆเห็นมาดนิ่งๆ ขรึมๆ ไหงตอนโตมากลายเป็นคนหลงตัวเองไปซะได้
“ โอเค ชินจังก็ชินจังครับแล้วถ้าชินจังอยากจะมีคนรู้ใจกับเขาบ้างจะมีใครแถวนี้สนใจหรือเปล่าน๊า ”
ความฝันใช่ฉันกำลังฝันไปแน่ๆ ฝันดีซะด้วยฝันว่าเขากำลังจีบฉัน เฮ้อ ถ้ามันเป็นความจริงก็คงดี เอ๊ะ หรือว่าไม่ใช่ความฝัน หญิงสาวลองหยิกแขนตัวเองดู ‘ โอ๊ย! ’
“ อัญ อัญครับคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ” ชายหนุ่มรู้สึกตกใจที่อยู่ๆหญิงสาวเงียบไปแล้วจู่ๆก็ร้องขึ้นมาเล่นเอาเขาตกใจหมด
“ อ่า เปล่าๆ ” ขืนบอกไปมีหวังเขาได้หัวเราะเยาะเธอให้น่ะสิ
“ แล้วคำตอบของผมจะว่ายังไงล่ะครับ ตกลงว่าสนใจจะมาสมัครเป็นคนรู้ใจชินจังคนนี้ไหมครับ ” บางทีเรื่องของหัวใจมันก็พูดยาก แทนที่เราจะเริ่มความสัมพันธ์จากคำว่าเพื่อนแล้วค่อยพัฒนาเป็นคนรัก มันคงไม่เร็วไปใช่ไหมที่เขาเลือกก้าวข้ามขั้นความสัมพันธ์กับเธอ
ใจจริงของเธออยากจะตอบรับเขาใจจะขาดแต่ต้องรักษาภาพพจน์นางเอกผู้ใสซื่อเอาไว้จะตอบรับง่ายๆไม่ได้เด็ดขาด “ มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือคะอีกอย่างเราสองคนก็ยังไม่รู้จักกันดีพอ ”
“ จะเร็วหรือช้าไม่สำคัญหรอกครับสำคัญที่ว่าเราสองคนมีใจตรงกันก็พอ ” สำหรับเขาเวลาไม่ใช่ตัวแปร เสียงหัวใจต่างหากที่เป็นตัวแปรสำคัญ
“ ขี้ตู่ชะมัด ใครมีใจตรงกับนายไม่ทราบ ” ไม่ยักรู้ว่านายปอนี่พูดอะไรเลี่ยนๆก็เป็นกับเขา
“ เฮ้อ...แย่จังเลยนี่ผมเข้าข้างตัวเองไปเหรอเนี่ยที่แอบคิดว่าคุณมีใจให้ผม ” ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าหญิงสาวคิดยังไงกับเขาก็เมื่อตอนกลางวันสายตามันฟ้องซะขนาดนั้น แล้วไหนจะมิ้มเพื่อนเขาที่นั่งยันนอนยันว่าอัญแอบหลงรักผมมานานแล้ว “ ต่อไปนี้ผมคงไม่มารบกวนคุณแล้วล่ะครับ ” เขาแกล้งหย่อนระเบิดทิ้งไว้
“ อ๊าย อย่านะถ้านายวางหูฉันจะโกรธนาย ไม่รักนายไม่ยอมเป็นแฟนกับนาย ฉัน ฉัน....” ระเบิดที่เขาวางไว้ได้ผลเกินคาดเพราะหญิงสาวเล่นหลุดปากบอกความในใจออกมาเป็นชุด
โห เจ้านายผมไม่รักษาฟอร์มกุลสตรีไว้เอาเสียเลย อ้อ ลืมไปว่าเจ้านายคงไม่ค่อยมีความเป็นกุลสตรี เล่นหลุดสารภาพรักเขาไปแบบนี้นายชินจังไรนี่ก็ดีใจแย่สิ เจ้านายนะเจ้านายกลัวไม่ได้ลงจากคานหรือไงถึงได้ใจร้อนซะ
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณนี่ผมแกล้งแหย่หน่อยเดียวเองไม่คิดว่าจะหลุดออกมาขนาดนี้ ” ชายหนุ่มยังขำไม่หยุด
“ ไม่ต้องมาหัวเราะเลย สนุกใช่ไหมที่ได้แกล้งคนอื่น ” ชิ ตาบ้านี่บังอาจมาแกล้งเธอได้
“ โอ๋ๆ อย่าเพิ่งงอนสิครับ งั้นตกลงว่าเราเป็นแฟนกันแล้วนะ ” ชายหนุ่มพูดเองเออเองเสร็จศัพท์ก่อนจะรีบวางสายหนีไปโดยไม่รอฟังคำตอบ
‘ เฮ้ย ไรเนี่ย ยังไม่ทันได้ตอบตกลงไรเลยเข้าตำราที่ว่าเราคงต้องเป็นแฟนกัน ’ ฉันคงเป็นผู้โชคดีหนึ่งในล้านที่แอบรักเพื่อนเก่ามานานแสนนานแล้วฟ้าก็เป็นใจให้เขาและฉันได้มาพบกัน มีหัวใจสองดวงตรงกัน
เจ้านาย เจ้านาย ตอนนี้เจ้านายผมคาดว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จก็นั่งยิ้มราวกับตัวเองเป็นนางงามอยู่นาน ขนาดผมใช้ขาหน้าอันเรียวงามสะกิดยังไงก็ไม่รู้สึก ท่าทางงานนี้จะต้องใช้ฟรีคิกสะกิดเจ้านายแทนซะแล้ว
‘ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ฉันมีความสุขที่สุดในโลกเลย ฉันรักชินจังที่สุดในโลกเลย ’
โธ่ เจ้านายไม่น่าเลยเห็นกันอยู่หลัดๆ ( ฉันยังไม่ตายย่ะ ) เจ้านายผมเสียสติคนเดียวยังไม่พอจะทำเอาผมประสาทไปด้วยอีกคน ตอนนี้ผมชักจะเกลียดขี้หน้านายชินจังอะไรนั่นซะแล้วโทษฐานที่ป่วนหัวใจเจ้านายยังไม่พอยังมาทำให้ชีวิตผมปั่นป่วนไปด้วย คอยดูนะเจอเมื่อไหร่จะแง่มให้ดู
‘ โดดเดี่ยวเหลือเกิน เดียวดายด้วยใจเหงาๆ อยากมีใครสักคนมาเคียงข้างกาย ’ แง่มๆ ได้แต่รำพึงรำพันด้วยใจเหงาๆ อยากมีหวานใจเหมือนเจ้านายบ้างจังเลย เฮ้อ เจ้านายใจร้ายที่สุดทิ้งสุนัขตัวน้อยๆผู้เดียวดายไว้เพียงลำพังท่ามกลางบ้านอันเงียบเหงา ก็เจ้านายแอบชิ่งไปงานแต่งงานเจ๊มิ้มจอมโวยวายน่ะสิครับ ไปแบบฉายเดี่ยวซะด้วยไม่มีนายชินจังนั่นมารับ อิอิ สมน้ำหน้าเจ้านาย ( ฉันจะไม่หาแฟนให้แก คอยดู ) อ่า เดี๋ยวนายชินจังคงไปรอรับเจ้านายที่หน้างานแหละคร๊าบ เจ้านายคนสวย ( ประจบสุดๆ )
ไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้านายจะถึงงานแต่งงานเจ๊มิ้มจอมโวย ขาวีนหรือยังน๊า อยากจะรู้ว่าเจ้านายกับนายชินจังจะสวีตหวานเกินหน้า เกินตาเจ้าบ่าว เจ้าสาวไหม อยากรู้จัง........
บริเวณงานถูกประดับตกแต่งด้วยซุ้มดอกกุหลาบสีขาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนเคียงข้างกันใกล้ๆกับซุ้มเพื่อรอต้อนรับแขกที่มาร่วมเป็นสักขีพยานความรักของทั้งคู่
ขณะที่มิ้มยืนต้อนรับแขกเคียงข้างศตายุสายตาก็เหลือบไปเห็นนายปอเพื่อนตัวดีที่ชิ่งมางานก่อนแทนที่จะไปรับแฟนตัวเอง หญิงสาวเดินไปเลียบๆเคียงๆถามชายหนุ่ม
“ ไงล่ะแก รอยัยอัญอยู่สิท่า ” หญิงสาวถามโดยไม่หันไปมองชายหนุ่ม
“ อืม นั่นไงมาแล้ว ” หลังจากชะเง้อคอรออยู่ไม่นานแม่คนขี้งอนของเขาก็มาถึง
“ คนใจดำ ยินดีด้วยนะมิ้มที่ลงจากคานได้ซะทีแล้วก็นี่ของขวัญจากฉันคนเดียวคนอื่นไม่เกี่ยว ” มาถึงหญิงสาวก็หันไปแว้ดชายหนุ่มทันทีก่อนจะหันไปแสดงความยินดีกับเพื่อน
“ วันนี้คุณสวยจัง ” ชายหนุ่มก้มมากระซิบข้างๆหูหญิงสาวเล่นเอาคนถูกกระซิบหน้าแดงพอๆกับลูกตำลึงสุก
“ ฮ่า ฮ่า แค่นี้ก็หน้าแดงซะแล้วยัยอัญเอ๋ย ฉันว่าฉันไปรับแขกต่อดีกว่าทิ้งเจ้าบ่าวไว้คนเดียวนานไม่ดี อ้อ ขอบใจสำหรับของขวัญ ” แอบแซวพอหอมปากหอมคอแล้วหญิงสาวกลับไปหน้าที่เจ้าสาวยืนเคียงข้างเจ้าบ่าวต่อ
“งอนมากๆเดี๋ยวไม่สวยไม่รู้ด้วยนะ เอาเป็นว่าผมขอโทษคุณนะคนดี ” ชายหนุ่มต้องหาสารพัดมุขมาง้ออยู่นานกว่าหญิงสาวจะหายงอนป่องได้
“ ก็ได้ ว่าแต่ทำไมไม่ยอมรับอัญล่ะ ” ไม่ใช่ว่าเธอกลัวไม่สวยหรอกนะเลยหายงอนแต่ขี้เกียจจะเล่นตัวมากเกิดอีตานี่เลิกง้อหล่อนก็ซวยน่ะสิ
“ เอ่อคือผมติดธุระสำคัญนิดหน่อยเลยไม่ได้ไปรับคุณ ” ธุระสำคัญจริงๆ สำคัญสำหรับเราสองคนเลยไว้งานเลิกเมื่อไรผมบอกคุณแน่ๆอัญ
“ โอเคสำคัญก็สำคัญ อัญว่าเราเข้าไปในงานกันเถอะค่ะ ” สำหรับเขาถ้าบอกว่าสำคัญมันคงสำคัญสำหรับเขาจริงๆเธอต้องเชื่อใจเขาสิ
ไม่ว่าจะมองไปทางไหนมันช่างโรแมนติกจริงๆเลย เหมือนหลุดเข้ามาในโลกนิยายยังไงยังงั้น เพลงรักหวานที่ขับกล่อม ดอกกุหลาบสีขาวที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม หรือจะเป็นเค้กก้อนโตที่เรียงซ้อนกันถึงสามชั้นเจ้าบ่าวที่ยืนเคียงข้างเจ้าสาวเหมือนกับเจ้าชายที่ยืนเคียงคู่กับเจ้าหญิงเห็นแล้วมันน่าอิจฉาชะมัดเลย
“ แอบอิจฉามิ้มหรืออยู่หรือไง ” ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้างๆหูหญิงสาว
“ เปล่าอิจฉานะ ” ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นไงอีตาปอชอบกระซิบข้างหูเธอจัง ไม่ใช่ไม่ชอบหรอกนะแต่มันอดเขินไม่ได้
“ ครับผมเชื่อ ผมว่าตอนนี้เราเข้าไปทักทายรินรดากับติณณ์ดีกว่าไหม ” ชายหนุ่มพาหญิงสาวไปนั่งที่โต๊ะที่รินรดาและติณณ์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ ว่าไงคู่หวานแห่งยุคเมื่อไรจะมีข่าวดีมั่งล่ะ ” คู่หวานแห่งยุคที่หญิงสาวพูดถึงใช่ใครอื่นนอกจาก รินรดาและติณณ์
“ ถามแต่คนอื่นแล้วคู่ของเธอล่ะจะมีข่าวดีเมื่อไรน๊า ” รินรดาหันไปถามเพื่อนสาวตัวดีที่ตอนนี้อายหน้าแดงไม่ยอมสบตาใคร
เฮ้อ....แค่คำว่ารักยังไม่เคยได้ยินจากปากเขาสักครั้งนับภาษาอะไรกับขอแต่งงาน เธอก็เข้าใจนะว่าคำพูดมันไม่สำคัญเท่าการกระทำ เท่าจิตใจที่เขาแสดงออกมาตลอดเวลาว่ารักเธอแค่ไหน แต่เธอก็อยากฟังจากปากเขาให้ชัดๆ ไม่รู้ว่าเขาจะปล่อยให้เธอรอเขาอีกนานแค่ไหน
หลังจากอยู่ร่วมงานแต่งงานเพื่อนรักจนเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้ว เธอกับด้ากะอยู่ขัดคอความหวานของเจ้าสาวหมาดๆไปจนถึงเช้า แต่ก็ถูกหวานใจของแต่ละคนลากกลับบ้านจนได้
เจ้าน้ายยยยย เจ้านายผมกลับมาแล้วจะมีอาหารเหลา ขนมนมเนยมาฝากผมหรือเปล่านะ อ่ะ เจ้านายไม่ได้มาคนเดียวนี่มีหนุ่มที่ไหนตามมาส่งด้วย หน้าตาคุ้นๆ คุ้นมาก อ้อ รู้แล้วต้องเป็นนายชินจังหวานใจเจ้านายแน่ๆ หน้าตาก็งั้นๆแหละสู้ผมก็ไม่ได้หล่อ เท่ สมาร์ท ซื่อสัตย์แถมเฝ้าบ้านได้ด้วย
“ เข้ามาข้างในก่อนสิคะ ” หญิงสาวเชื้อเชิญชายหนุ่มเข้ามานั่งเล่นในบ้าน
ชิ เจ้านายเป็นผู้หญิงยิงเรือมาชวนผู้ชายหน้าแปลกเข้าบ้านกลางค่ำกลางคืนได้ไง ถึงจะเป็นแฟนเจ้านายก็เถอะ ( ยุ่งจริง)
“ หวัดดีมู่ทู่ หน้ายังยับย่นเหมือนเดิมนะแก” ชายหนุ่มเอื้อมมือมาเกาคางให้สุนัข
แว๊ก เอามือสกปรกออกไปนะนายชิน เดี๋ยวจะมาทำให้หน้าหล่อๆของสุนัขตัวน้อยๆ น่ารักอย่างผมหมองมัวหมด เจ้านายใจร้ายทำไมปล่อยให้นายชินจังมาแต๊ะอั๋งผม กระซิก กระซิก เจ้านายใจร้ายที่สุดเลย รักแฟนมากกว่ารักผม ‘ จะมีใครๆรักหมาหน้าตาอย่างผมที่มันย่นชราไม่เข้าตาเหมือนใครๆ ’
“ อ่ะนี่ฉันมีของโปรดแกมาฝากด้วยนะ ” ชายหนุ่มหยิบขนมให้เจ้ามู่ทู่ถุงใหญ่
อร่อยที่ซู๊ดดด ทีนี้นายชินจังสุดหล่อ แต่หล่อน้อยกว่าผมนิดนึงอยากเรียกผมว่ายังไงก็ไปเถอะ จะหาว่าผมเห็นแก่กินก็ยอมคร๊าบบ อ่ะ เจ้านายส่งสายตาพิฆาตมามองผม ผมไม่ได้แย่งนะชินจังให้ผมเอง ฟิต ๆๆ จมูกเริ่มได้กลิ่นรังสีริษยาของเจ้านาย เหมือนๆเจ้านายจะส่งสัญญาณให้ผมไสหัวไปไหนก็ไป เอ้ย ให้หลบไปไกลๆหน่อยก็ฉากรักหวานแหววกำลังจะเริ่มนี่ครับ
“ อัญครับวันนี้ที่ผมไม่ยอมมารับคุณ เพราะมัวแต่เตรียมของสำคัญบางอย่างให้คุณ ” ชายหนุ่มหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขึ้นมาเปิด แหวนเพชรเม็ดเล็กส่องประกายระยับล้อแสงไฟ “ แต่งงานกับผมนะครับ ”
“ คุณจะขอฉันแต่งงานโดยไม่บอกรักสักคำเลยเหรอคะ ” แม้สิ่งของตรงหน้าจะยืนยันความรักของเขาที่มีต่อเธอได้เป็นอย่างดี แต่เธอก็อยากได้ยินคำนั้นจากปากเขา
ชายหนุ่มใช้มือข้างที่ว่างอยู่รวบหญิงสาวมากอดไว้ในอ้อมแขน “ ต้องบอกด้วยเหรอครับ คุณก็รู้ใจผมแล้วนี่ ”
“ ปล่อยนะคนเจ้าเล่ห์ ไม่รู้ล่ะถ้าคุณไม่บอกฉันก็จะไม่แต่งงาน ” หญิงสาวได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอด
“ ผมรักคุณ รักตั้งแต่วันแรกที่ผมได้พบคุณ ” เสียงกระซิบแผ่วเบาฟังแล้วชวนให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจคนฟัง “ เอาล่ะ ทีนี้ตาคุณบอกผมบ้าง ”
แหวะ เลี่ยน น้ำเน่า ต้องขอประทานอภัยนะครับที่ต้องขัดฉากสวีตหวานของเจ้านาย แต่ผมทนดู ทนฟังไม่ได้ ต้องเข้าใจนะครับว่าผมยังไม่มีความรัก ไม่มีสุนัขนางฟ้าผู้น่ารักมาให้ชายตามอง ( อย่ามาขัดความสุขตอนนี้ได้ไหม )
“ ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ดวงตาของฉันบอกความรู้สึกของฉันไปหมดแล้วค่ะ ” หญิงสาวทำตาโตๆหันมามองหน้าชายหนุ่ม
“ ฮึ่ม เจ้าเล่ห์จริงนะอย่างนี้ต้องลงโทษ ” ร้ายนักมีอย่างที่ไหนหลอกให้เขาพูดแต่ทีตัวเองกลับไม่ยอมพูด
ชายหนุ่มจรดริมฝีปากที่แก้มเนียนใสของหญิงสาว ก่อนจะเลื่อนมาประทับที่ริมฝีปากคู่งามเนิ่นนาน จากนี้ไปเสียงหัวใจของเขาและเธอที่เคยเต้นเป็นสองเสียงจะหลอมรวมเป็นเสียงเดียวกัน เสียงแห่งความรัก................
โอ๊ว ฉากนี้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดไม่ควรเลียนแบบนะครับ ฉากรักหวานไหวมีไว้สำหรับคนชรา ( ใครชราย่ะ) มีไว้สำหรับความรักของผู้ใหญ่เท่านั้นคร๊าบบบบ
ผลงานอื่นๆ ของ อัญญตา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อัญญตา
ความคิดเห็น