ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TOPBOM] : The Novel

    ลำดับตอนที่ #7 : The Novel [7 /... ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 83
      0
      13 เม.ย. 58








    [Fic] : The Novel [7 /... ]

     

    Paring : T.O.P - BIGBANG x Park Bom - 2NE1

     

    Genre : AU

     

    A/N : Fiction is fiction.

     

     

     

     

     

     

     

                วันนี้เป็นวันเสาร์ ...

     

               

              ปาร์คบมคิดตอนที่ลืมตา ลอดผ่านผ้าม่านลูกไม้สีขาวเข้ามาในห้องทำให้นักเขียนสาวตื่นขึ้น แต่เพราะว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ ตากลมๆ เลยปิดลงเพราะคิดว่าจะหลับต่อ ไหนๆ วันนี้ก็ไม่ต้องรีบออกไปไหน

     

     

                แต่วันนี้นัดชเวซึงฮยอนไปกินมื้อเที่ยงกันนี่นา

     

     

                ตากลมๆ ที่ยังไม่เปิดดีเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ มือบางปัดผ้าห่มให้พ้นตัวและรีบคว้านาฬิกาเรือนเล็กที่วางข้างเตียงมาดูด้วยความตกใจ เข็มนาฬิกาบอกข้อมูลอย่างแม่นยำว่าตอนนี้ 11 โมงกับอีก 12 นาที นักเขียนสาวส่งเสียงหวีดร้องเบาๆ อย่างหงุดหงิด

     

                “โอ้ย! ตื่นสายจนได้”

     

                กว่าจะพร้อมออกจากบ้าน บมก็เหลือเวลาก่อนถึงเวลานัดแค่ 10 นาที อย่างน้อยความโชคดีบนความโชคร้ายก็คือ ร้านที่นัดกับซึงฮยอนวันนี้เป็นร้านสเต็กใกล้บ้าน เดินไปไม่ไกลนักก็ถึงร้านที่นัดไว้ แต่นักเขียนสาวกลับรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะความที่รีบร้อนออกจากบ้านวันนี้ทำให้เธอได้แค่แต่งหน้าบางๆ และมัดผม เสื้อที่ใส่ก็เป็นแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดาๆ คู่กับกางเกงยีนส์เข้ารูปและรองเท้าผ้าใบ ที่เลือกใส่รองเท้าคู่นี้มา เพราะคิดว่าอาจจะต้องวิ่งมาที่ร้านด้วยซ้ำ

     

     

                แต่ก็เอาเถอะ คุณบรรณาธิการนั่นคงไม่ได้ใส่ใจอะไรล่ะมั้ง

     

     

                ปาร์คบมมองเข้าไปเห็นชเวซึงฮยอนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว จึงทักทายบริกรที่ยืนอยู่หน้าร้าน ฝ่ายนั้นเดินนำเข้าไปที่โต๊ะ บมแอบสังเกตว่าทุกครั้งที่เจอกัน ซึงฮยอนมักจะใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลค แต่วันนี้อีกฝ่ายกลับใส่เสื้อคอปกแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ ทำให้ดูแปลกตาไปกว่าทุกที

     

     

                “มาแล้วค่ะ” ปาร์คบมทักเสียงใสก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม “ฉันไม่ได้มาสายนะ มาตรงเวลาเที่ยงเป๊ะเลย”

     

                “ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรซักคำเลยนะครับ”

     

                “ไม่รู้ล่ะ ออกตัวไว้ก่อนไม่เสียหาย”

     

                “ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้วครับ เพราะว่าผมมาถึงก่อนเวลาเองแหละ กลัวหาร้านไม่เจอ”

     

     

                ชเวซึงฮยอนยิ้มน้อยๆ แล้วโบกมือเรียกบริกรเพื่อสั่งอาหาร เขาแอบมองคนที่ยิ้มสดใสกับบริกรที่เอาเมนูมาให้ ปาร์คบมไม่เปิดเมนูด้วยซ้ำ แต่สั่งอาหารอย่างรวดเร็ว

     

     

                “ขอซุปข้าวโพด สลัดซีฟู้ดซอสวาซาบิมายองเนส สเต็กหมูซอสพริกไทยดำค่ะ อ้อ! หอมทอดด้วยนะคะ” พูดจบก็ยิ้มหวานให้บริกรก่อนจะหันมามองคนที่มาด้วยกันตาใส “เอาอะไรดีคะ ร้านนี้ทำอาหารอร่อยนะ สั่งเลยๆ”

     

                “ซุปเห็ดกับสเต็กเนื้อครับ”

     

     

                บรรณาธิการหนุ่มสั่งอาหารเสร็จและพับเมนูส่งคืนให้บริกร ก่อนจะเอ่ยถามปาร์คบมที่นั่งขมวดคิ้วอยู่ฝั่งตรงกันข้ามด้วยความสงสัย

     

     

                “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

     

                “ทำไมคุณสั่งน้อยจัง ฉันสั่งไปตั้งเยอะ”

     

                “เดี๋ยวผมค่อยแอบชิมไง” ซึงฮยอนพูดพลางหัวเราะเบาๆ คุณนักเขียนของเขาเป็นสาวขี้งอนจริงๆ “ของว่างที่คุณสั่งมาพวกสลัดกับหอมทอด เดี๋ยวผมขอชิมด้วยคนนะครับ”

     

                “ไม่ได้บอกว่าจะแบ่งให้ซักหน่อย” บมพูดพลางหัวเราะเบาๆ “แล้วหนังสือล่ะคะ เอามาด้วยหรือเปล่า”

     

                “อ้อ! เอามาครับ อยู่นี่”

     

     

                ชเวซึงฮยอนหยิบหนังสือนิยายเล่มหนาจากในกระเป๋าส่งให้อีกฝ่าย ปาร์คบมรับไปเปิดดูอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่เขาก็สังเกตุเห็นความกังวลปะปนอยู่ในความพึงพอใจที่นักเขียนสาวมีต่อหนังสือในมือ คิ้วเรียวสวยของบมขมวดเป็นบม แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรออกไป อาหารที่สั่งก็เริ่มทะยอยมาที่โต๊ะ

     

     

                ความกังวลใจของปาร์คบมเหมือนจะจางไปเมื่อเริ่มชิมซุปข้าวโพดของตัวเอง และอารมณ์ของเธอก็ดูร่าเริงขึ้นถึงขั้นแบ่งซอสของตัวเองให้เขาชิมรสชาติดู และแนะนำเมนูอื่นในร้านที่ไม่ได้สั่ง

     

     

                “ท่าทางร้านนี้จะเป็นร้านโปรดคุณนะครับ”

     

                “ค่ะ” บมตอบด้วยสีหน้าแช่มชื่น “ร้านนี้ใกล้บ้าน แถมอร่อยด้วย ไม่แพงมากอีกต่างหาก”

     

                “มาทานกับใครบ่อยๆ เหรอครับ”

     

                “กับที่บ้านค่ะ แล้วก็เพื่อนสนิทฉันที่ชื่อซานดาร่า เราทำร้านเสื้อผ้าด้วยกันค่ะ ร้านนี้ฉันมาแต่กับคนที่สนิทน่ะค่ะ”

     

     

                บมกำลังจะพูดต่อ แต่เห็นตาคมๆ ของอีกฝ่ายเป็นประกายวิบวับจนพลอยทำให้ใจของเธอเต้นแรงไปด้วย นักเขียนสาวจึงหยุดเล่าและยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อจะได้ไม่ต้องมองหน้าซึงฮยอนตรงๆ

     

     

                “ผมดีใจนะครับที่เราสนิทกันแล้ว”

     

                “ใครบอกคะ ไม่ใช่ซักหน่อย”

     

                “ก็คุณเพิ่งพูดเมื่อกี๊เองว่า คุณมาร้านนี้กับคนที่คุณสนิทด้วย”

     

                “ก็ใช่ค่ะ” ปาร์คบมยอมรับพร้อมรอยยิ้มหวาน “แต่วันนี้ฉันชวนคุณมา เพราะว่าขี้เกียจไปไกลๆ น่ะค่ะ วันนี้วันหยุด ฉันอยากพัก”

     

     

                ประกายวิบวับในตาของซึงฮยอนหม่นลงทันทีเมื่อบมพูดจบ แต่รอยยิ้มหวานเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวยังคงค้างอยู่บนริมฝีปากอิ่ม ปาร์คบมอดขำไม่ได้ที่บรรณาธิการหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่พวกชอบตื๊อแบบที่เธอเจอมา แต่ก็ยอมถอยไปอยู่ไม่ไกลจากตัวนัก

     

     

                มือเรียวยกขึ้นเรียกบริกรมาคิดเงิน และยืนยันว่าจะเป็นคนจ่ายเอง แม้ซึงฮยอนจะพยายามยืนยันว่าจะจ่าย จนสุดท้ายปาร์คบมก็ต้องยื่นคำขาดด้วยสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงเรียบๆ

     

     

                “มื้อนี้ฉันจ่ายเองค่ะ ห้ามเถียง”

     

     

                เพราะคำขาดของบมนี่เอง ซึงฮยอนจึงได้ยอมให้นักเขียนสาวเป็นเจ้ามือเลี้ยงมื้อเที่ยง พอเดินออกมาจากร้านด้วยกัน เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะพูดอะไรต่อ แต่รู้แค่ว่าอยากจะใช้เวลาบ่ายนี้ต่อกับนักเขียนสาวให้นานอีกหน่อย ซึงฮยอนไม่แน่ใจด้วยซ้ำตอนที่พูดออกไป

     

     

                “ไปกินไอศครีมกันไหมครับ”

     

     

                ตากลมสวยของปาร์คบมเป็นประกายและริมฝีปากอิ่มก็มีรอยยิ้มอย่างขบขัน ก่อนจะเอ่ยตกลงสั้นๆ แต่ทำให้ซึงฮยอนยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

     

                “ไปค่ะ”

     

     

                แถวบ้านของปาร์คบมเป็นย่านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ค่อนข้างหนาแน่น ริมถนนสายหลักจึงมีทั้งร้านค้าและร้านอาหารหลายร้าน ไม่ไกลกันนักก็มีห้างสรรพสินค้าขนากลางให้ผู้คนในย่านนั้นไปจับจ่าย และเนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ ซึงฮยอนกับนักเขียนสาวจึงต้องคอยเดินหลบผู้คนที่ออกมาซื้อของเป็นระยะ

     

     

                “ตรงมุมถนนข้างหน้ามีร้านไอศครีมค่ะ”

     

     

                ปาร์คบมกระซิบบอก แต่เพราะคนที่เดินสวนมากลุ่มใหญ่ขวางให้เธอกับซึงฮยอนเดินแยกจากกัน นักเขียนสาวเลยรีบวิ่งไปเตาะข้อศอกของอีกฝ่าย ก่อนจะรีบดึงมือกลับเพราะรอยยิ้มอ่อนๆ ของคนที่หันกลับมามอง

     

     

                “แตะไว้ก็ได้นะครับ คนเยอะออก”

     

                “ไม่ดีกว่าค่ะ ฉัน ...”

     

     

                คำปฏิเสธทั้งหมดของบมหายไปมือปลายมือบางถูกกุมเอาไว้ สัมผัสอุ่นๆ จากมือแข็งแรงและรอยยิ้มอ่อนโยนของอีกฝ่ายทำให้บมตัดสินไม่ดึงมือออกมา บางทีเธอควรคิดอย่างที่ซานดาร่าบอก เธอก็ไม่ใช่เด็กสาวๆ ที่จะต้องมานั่งกังวลเรื่องเดทกับใครแล้ว

     

     

                ถ้าไม่ยอมให้โอกาสตัวเอง จะรู้ได้ยังไงว่าเข้ากับอีกฝ่ายได้หรือเปล่า

     

     

                ซึงฮยอนปล่อยให้ปาร์คบมยืนรออยู่ที่หน้าร้านและอาสาเข้ามาสั่งไอศครีมให้ ตอนนี้เขาบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกดีแค่ไหนที่บมไม่ปฏิเสธเมื่อเขากุมมือไว้ หลังจากได้ไอศครีมรสชอคโกแลตกับวนิลลามาอย่างละหนึ่ง เขายื่นให้นักเขียนสาวที่ยืนรออยู่ก่อน

     

     

                “เลือกเลยครับ”

     

                “วนิลลาแล้วกันค่ะ” มือบางรับของหวานของซึงฮยอน “ขอบคุณนะคะ”

     

                “ชอบเหรอครับ”

     

                “ค่ะ อร่อยดี”

     

                “ผมดีใจนะครับ ที่คุณชอบของที่ผมเลือก”

     

     

    ตาคมเป็นประกายจนปาร์คบมแก้มร้อน แต่นักเขียนสาวไม่ตอบอะไร และนั่งก้มหน้าก้มตากินไอศครีมไปเงียบๆ จนกระทั่งหมด นักเขียนสาวเลยนึกถึงเรื่องที่ตั้งใจว่าจะพูดขึ้นมาได้

     

     

    “วันที่เปิดตัวหนังสือ จะไปหรือเปล่าคะ”

     

    “ยังไม่แน่ใจเลยครับ เพราะว่าอาจจะต้องไปอบรมน่ะครับ”

     

    “เหรอคะ เสียดายจัง”

     

                “แล้วชอบหนังสือไหมครับ มีตรงไหนที่คุณไม่ชอบหรือเปล่า ผมเห็นคุณดูเครียดๆ ตอนดูหนังสือในร้าน”

     

                “ไม่ค่ะ ชอบมากเลย แต่ว่า ... ฉันกังวลน่ะค่ะ เพราะว่ากลัวขายไม่ดี”

     

     

                ปาร์คบมพูดพลางยิ้มแหยๆ อย่างไม่มั่นใจ แต่ชเวซึงฮยอนกลับยิ้มให้พลางดึงมือบางมากุมไว้ ก่อนจะบีบเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง

     

     

                “เชื่อผมสิครับ ผมอ่านหนังสือเล่มนี้มาเป็นสิบๆ ครั้ง แต่ไม่เคยเบื่อเลย คนอ่านต้องชอบแน่ๆ ครับ”

     

                “ค่ะ” แก้มทั้งสองข้างของเธอร้อนผ่าวเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือ “ปล่อยมือฉันได้แล้วมั้งคะ”

     

                “ปล่อยก็ได้ครับ แต่ว่า ... คุณลองคิดอีกที เรื่องของเราได้ไหมครับ”

     

     

                เพราะคำนี้ของซึงฮยอน ทำให้ปาร์คบมรู้สึกแก้มร้อนจนทำตัวไม่ถูกจริงๆ

     

     

                 

     

               

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk …. สวัสดีค่ะ วันนี้มาอัพเรื่องนี้เพิ่มอีกตอนนะคะ ยังไงก็ฝากเพจ Ployniez’s fiction ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×