ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TOPBOM] : The Novel

    ลำดับตอนที่ #6 : The Novel [ 6 /... ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 85
      0
      11 เม.ย. 58










    [Fic] : The Novel [ 6 /... ]

     

    Paring : T.O.P - BIGBANG x Park Bom - 2NE1

     

    Genre : AU

     

    A/N : Fiction is fiction.

     

     

     

     

     

     

     

                “บมมี่ มาได้ยังไง แล้วทำไมโทรศัทพ์เธอติดต่อไม่ได้เนี่ย ฉันโทรหาตั้งหลายหน”

     

     

                ซานดาร่าถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเดินเข้ามาในร้านเสื้อผ้าที่ตอนนี้เป็นหุ้นส่วนร่วมกัน ปาร์คบมแต่งตัวสบายๆ อย่างที่ชอบใส่ทุกครั้ง แต่แค่เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายแขนสั้นสีน้ำเงินกับกางเกงขาสั้นสีดำและรองเท้าส้นสูงสีเดียวกับเสื้อ ทั้งหมดนี้กลับทำให้เพื่อนของซานดาร่าดูโดดเด่นจนหนุ่มๆ หลายคนแอบมองเหลียวหลัง

     

     

                “เบื่อ ไม่อยากรับโทรศัพท์ใครเลยปิดเครื่อง ตอนนี้เปิดแล้วนะ ห้ามบ่น” บมว่าพลางทำหน้างอ แต่ก็ยังมีแก่ใจวางแก้วกาแฟกับมัฟฟินให้ซานดาร่า “ช่วงนี้ขายดีไหม”

     

                “ขอบใจนะ อุตส่าห์หอบของกินมาด้วย ส่วนช่วงนี้ก็ขายดีนะ ในเน็ตก็ขายดี”

     

                “ดีจัง”

     

                “อื้อ แต่ว่าทำไมสีหน้าเธอไม่ค่อยดีเลยล่ะ เป็นอะไรไปหรือเปล่า ไหนเล่าให้ฟังหน่อย”

     

                “เปล๊า ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

     

     

                ปาร์คบมตอบด้วยเสียงแหลมสูงจนซานดาร่ามั่นใจว่าต้องมีเรื่องที่ทำให้เพื่อนสาวของเธอไม่สบายใจแน่ๆ แต่อาจจะไม่ใช่เวลาชวนคุยถึงเรื่องนั้น เพราะเกิดชวนคุยแล้วบมเกิดอารมณ์เสียหนักกว่าเดิม หรือเกิดร้องห่มร้องไห้ขึ้นมา เธอคงต้องใช้เวลาทั้งวันนั่งปลอบใจนักเขียนสาวสุดอ่อนไหวคนนี้แน่ๆ

     

     

                ซานดาร่าชวนปาร์คบมคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายดูสบายใจขึ้นกว่าเก่า จึงตัดสินลองถามเพื่อนสนิทถึงเรื่องที่ทำให้กังวลใจ นักเขียนสาวทำหน้าเหมือนไม่อยากเล่า แต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกมา

     

     

                “คือว่า ... จู่ๆ ฉันก็จิตตก”

     

                “จิตตกเรื่องอะไรเหรอ”

     

                “เรื่องหนังสือที่จะพิมพ์นี่แหละ ดาร่า เธอคิดดูสิ ฉันเขียนเรื่อง โมรัน มาตั้ง 8 ปีเต็มๆ แต่ไม่เคยเอาไปเสนอสำนักพิมพ์ไหนเลย เพราะว่าฉันกลัวนี่นา”

     

                “กลัวอะไรเหรอ ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลยนะ” ซานดาร่าพูดอย่างอ่อนโยนเพื่อให้กำลังให้คนฟัง “ฉันลองอ่านแล้วด้วย เธอเขียนสนุกออก ฉันลุ้นมาทั้งเรื่องเลยนะ”

     

                “มันก็ใช่ แต่ว่า ...”

     

                “แต่ว่าอะไรเหรอ บมมี่”

     

                “ก็ถ้าเกิดคนไม่ชอบล่ะ ฉันต้องเสียใจแน่ๆ เลย เธอก็รู้ว่าฉันเคยเจอมาแล้ว ตอนที่หนังสือเล่มแรกของฉันตีพิมพ์ ฉันไปยืนที่งานหนังสือด้วย แต่คนอ่านไม่รู้ว่าเป็นฉัน คนที่มาซื้อน่ะ พูดกันต่อหน้าฉันด้วยซ้ำว่าหนังสือฉันไม่สนุก”

     

                “โธ่! บมมี่ไม่คิดมากแบบนั้นสิ เรื่องแรกๆ ประสบการณ์ก็น้อย แต่หลังจากนั้นหนังสือเธอก็ขายดีทุกเล่มนี่นา”

     

                “แต่โมรันไม่เหมือนเล่มอื่นนี่” ปาร์คบมเถียงเสียงอ่อนแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ฉันรู้ว่าฉันคิดมากเกินไป แต่ว่าฉันรักเรื่องนี้มากจริงๆ”

     

                “ใจเย็นๆ น่า อะไรที่มันยังไม่เกิด ก็อย่าไปเอามาเป็นทุกข์นะ อีกอย่างเล่มนี้พี่ฮงจุนเป็น บก. ให้เองไม่ใช่เหรอ เธอไม่ต้องกังวลหรอก เชื่อมือพี่ฮงจุนได้เลย”

     

                “พี่ฮงจุนไม่ได้ทำหรอก”

     

     

                คำพูดสั้นๆ ของปาร์คบมทำให้ซานดาร่าขมวดคิ้วอย่างงุนงง เพราะว่าเธอเข้าใจมาตลอดว่าลูกพี่ลูกน้องของบมเป็นบรรณาธิการหนังสือเล่มนี้ บมถึงได้ยอมขายต้นฉบับให้

     

                “ไม่ใช่พี่ฮงจุนแล้วใครล่ะ”

     

                “ลูกน้องพี่ฮงจุน” แก้มเนียนๆ มีรอยเลือดฝาดจนดาร่าสังเกตุเห็น “ชื่อ ชเวซึงฮยอน”

     

                “เคยเจอเขาหรือเปล่า เป็นเพราะไม่ใช่พี่ฮงจุนเป็น บก. เธอเลยไม่ค่อยมั่นใจหรือเปล่า”

     

                “เคยเจอเขาตั้งหลายครั้งแล้ว เขาก็น่ารักดีนะ วันก่อนยังชวนฉันไปกินน้ำแข็งไสถั่วแดงอยู่เลย” ปาร์คบมพูดพลางหัวเราะ แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าคนฟังเห็นประกายบางอย่างในแววตาของเพื่อนสนิท “งานฉันเขาก็แก้มาโอเคเลยล่ะนะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉันแค่จิตตกไปเองเฉยๆ”

     

                “โอ๋เอ๋ๆ ไม่จิตตกน้า”

     

               

                ปาร์คบมหัวเราะคิกคักเมื่อซานดาร่าแกล้งล้อเล่นเหมือนเด็กๆ สีหน้าและอารมณ์ของนักเขียนสาวดูรื่นเริงจนถึงกับชวนลูกค้าที่แวะเข้ามาดูเสื้อผ้าพูดคุยแจ้วๆ ดาร่าปล่อยให้บมคุยกับลูกค้าไปขณะที่ตัวเองนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ จอมือถือเครื่องบางของปาร์คบมกระพริบว่ามีสายเรียกเข้าจากชเวซึงฮยอน เจ้าของร้านจึงโบกมือเรียกเพื่อนสาวและยกโทรศัพท์ให้ดู แต่ปาร์คบมส่ายหน้าบอกว่าไม่รับ

     

               

                คิ้วเรียวของซานดาร่าขมวดอย่างไม่เข้าใจ

     

     

                “แล้วแวะมาใหม่นะคะ”

     

     

                ปาร์คบมเอ่ยกับลูกค้าอย่างสดใส เพราะลูกค้าที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่ซื้อเสื้อไป 3 ตัว แต่รอยยิ้มร่าเริงของนักเขียนสาวค่อยๆ หายไป เมื่อเห็นซานดาร่าทำคิ้วขมวด

     

     

                “ดาร่า เป็นอะไรเหรอ”

     

                “แค่สงสัยว่า ทำไมเธอถึงไม่รับโทรศัพท์คุณซึงฮยอนละ”

     

                “ก็ ... ก็ไม่มีอะไรจะคุย” ปาร์คบมรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างร้อนเห่อ และสายตาคาดคั้นของเพื่อนสนิททำให้ต้องยอมแพ้ “ดาร่า ทำยังไงดีละ ก็ ... ก็เขามาบอกว่าชอบฉันอ่ะ”

     

     

                ซานดาร่าอดยิ้มกว้างไม่ได้เมื่อเห็นแก้มเนียนๆ ของเพื่อนสาวแดงก่ำด้วยความขัดเขิน เธออดดีใจกับบมไม่ได้จริงๆ เพราะเพื่อนของเธอไม่ได้คบกับใครมานานแล้ว หลังจากนั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเจ้าตัว ซานดาร่าเลยตัดสินใจถามออกไปตรงๆ

     

     

                “เท่าที่ฟังดูเขาก็น่ารักดีนี่ แล้วมีเหตุผลอะไรเธอจะต้องเลี่ยงๆ ด้วยละ”

     

                “ก็ดีแหละ” นักเขียนคนสวยพูดเบาๆ แต่ทำหน้างอ “แต่เขาเด็กกว่าฉันตั้ง 5 ปีเลยนะ”

     

                “อืม เรื่องนี้มันก็พูดยาก”

     

     

                ปาร์คบมเริ่มใจไม่ค่อยดีเมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดของซานดาร่า ปกติแล้วเพื่อนสนิทมันจะยุส่งเธอให้ทำอะไรต่างๆ อยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ดาร่ากลับใช้ความคิดอยู่นาน ก่อนจะมองหน้าบมและพูดออกมาอย่างจริงจัง

     

     

                “โอ้ย อย่าไปคิดมากเลยน่า จะ 5 ปี หรือปีเดียวมันก็ไม่ต่างกันหรอก มันอยู่ที่ว่าเข้ากันได้หรือเปล่าต่างหาก เราก็ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว ลองคบดูไม่เสียหายซักหน่อย”

     

                “แต่ว่า ... ถ้าไปกันไม่รอดล่ะ เขาอาจจะชอบฉัน เพราะว่าช่วงนี้คุยกันเรื่องงานบ่อยๆ ก็ได้ ต่อไปไม่มีเรื่องคุยแล้ว เขาอาจจะเบื่อก็ได้นะ”

     

                “ปาร์คบมอา เลิกจิตตกเถอะ” ซานดาร่าอย่างอ่อนใจ “ถ้ามีโอกาสเข้ามาในชีวิตแล้วมัวแต่กลัวนั่น กลัวนี่ สุดท้ายก็จะพลาดไปหมดทุกอย่างเพราะไม่กล้าทำอะไรเลย มั่นใจในตัวเองเข้าไว้สิ”

     

     

                นักเขียนสาวยิ้มแหยๆ แต่ก็พยักหน้ารับคำของเพื่อนสนิทแต่โดยดี สุดท้ายซานดาร่าก็ชวนเปลี่ยนเรื่องให้มาเลือกชุดของที่ร้านไปใส่วันงานเปิดตัวหนังสือ พี่ฮงจุนบอกว่าจะจัดที่ร้านหนังสือย่านคังนัมและจะมีแจกลายเซ็นต์แฟนๆ ในวันนั้นด้วย ตอนที่เธอถามไปว่าใครจะไปงานนี้บ้าง พี่ชายก็ตอบกลับมาว่า คงจะมีพี่ฮงจุนไปเป็นเพื่อนเธอ เพราะถามคนอื่นแล้วก็ไม่มีใครบอกว่าจะไปด้วย

     

     

                ก็ไม่ได้อยากจะไปเจอกันนี่นา จะโทรมาทำไมก็ไม่รู้

     

     

     

                ชเวซึงฮยอนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปาร์คบมไม่รับโทรศัพท์ เขาจะโทรไปบอกว่าหนังสือพิมพ์ออกมาเสร็จเรียบร้อย พร้อมสำหรับงานเปิดตัวอาทิตย์หน้า ถ้าหากปาร์คบมอยากจะได้หนังสือไปก่อน เขาจะอาสาเอาหนังสือไปให้ แต่โทรศัพท์ของอีกฝ่ายมักจะติดต่อไม่ได้ หรือไม่ก็ไม่มีคนรับสายอยู่ตลอดเวลา

     

     

                ไม่ได้รู้สึกเหมือนกัน ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องจะต้องขาดการติดต่อกันไปแบบนี้เลย

     

     

                บรรณาธิการหนุ่มหล่อคิดแล้วอดกลุ้มไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าตัวเองทำพลาดไปมากเรื่องปาร์คบม แทนที่จะเก็บความรู้สึกเอาไว้ให้งานเล่มนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยติดต่อเธอทีหลังก็ยังได้ แต่กลายเป็นว่าเขาบอกความในใจเธอไปแล้ว และดูเหมือนนักเขียนสาวจะไม่รับความรู้สึกดีๆ จากเขาไป

     

               

                ซึงฮยอนถอนหายใจและมองแก้วกาแฟที่เพิ่งซื้อมาอย่างเบื่อหน่าย หลายวันมานี้เขาพยายามติดต่อปาร์คบมมาตลอด ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าตัวเองไม่มีหวังแต่เพราะผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากมาย มันมากเสียจนซึงฮยอนคิดว่าแค่ได้เป็นเพื่อนกันก็ไม่เป็นไร

     

     

                “ถอนหายใจใส่กาแฟแบบนั้น เดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก”

     

               

                เสียงของรุ่นพี่ที่ออฟฟิศทำให้ซึงฮยอนสะดุ้ง วันนี้ทั้งชั้นเหลือแค่เขากับพี่เบคยอง ส่วนจียงออกไปโรงพิมพ์เพื่อดูหนังสือที่เพิ่งพิมพ์ออกมาใหม่ ส่วนพี่ฮงจุนไปพบนักเขียนที่จะซื้อต้นฉบับมาตีพิมพ์ พี่ชายตัวเล็กของซึงฮยอนลากเก้าอี้จากโต๊ะจียงมานั่งประจันกับซึงฮยอนก่อนถามเสียงเย็น

     

     

                “เป็นอะไรไป ไหนเล่า” พอเห็นสีหน้าของรุ่นน้อง เบคยองก็ดักคอทันควัน “ไม่ต้องมาบอกว่าไม่เป็นไร เพราะหน้าแกดูเป็นหนัก ถอนหายใจเฮือกๆ ทั้งวัน ทำไมวะ มีอะไรทุกข์ใจขนาดนั้น”

     

                “มันไม่เชิงว่าจะทุกข์ใจหรอกครับพี่ แค่ไม่ค่อยใจ”

     

                “เออ ไม่สบายใจ เรื่องอะไร”

     

                “คืองี้ครับ ....”

     

     

                ซึงฮยอนเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้รุ่นพี่ตัวเล็กฟัง แต่ไม่บอกว่าสาวที่หักอกเขาตั้งแต่เดทแรกเป็นใคร ซงเบคยองนั่งฟังเงียบๆ โดยไม่เอ่ยถามขัดคอจนกระทั่งซึงฮยอนเล่าจบ

     

     

                “สาวคนนั้นน่ะ ปาร์คบมใช่ไหม”

     

               

                หนุ่มรุ่นน้องทำตาโตอย่างคาดไม่ถึง ซงเบคยองทำหน้าอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่าและตบบ่ารุ่นน้องด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจ

     

     

                “แกต้องอดทนนะ บมน่ะ คงจะกำลังจิตตกอยู่ ฉันรู้จักเขาดี วันที่เปิดตัวหนังสือแกก็หอบดอกไม้ไปให้เขาสิ บมน่ะ ชอบกุหลาบขาว ซื้อไปช่อใหญ่ๆ เลย”

     

                “แต่เธอไม่ได้ชอบผมนะครับพี่ เอาไปให้เธอจะลำบากใจหรือเปล่า”

     

                “อะไรวะ ยังไม่ได้ลองเลย ถอดใจละ ป๊อดนี่หว่า” ซงเบคยองทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “เขาไม่รับแกก็โทรไปอีกรอบสิวะ แต่ก่อนอื่น ตรวจหนังสือเล่มนี้ด้วย เห็นฮงจุนมันบอกว่าจะพิมพ์ซ้ำ”

     

                “ก็พี่เพิ่งบอกให้ผมโทรหาคุณบมก่อน”

     

                “หมายความว่าให้โทรตอนเลิกงานเว่ย ตอนนี้ทำงานให้เสร็จก่อน อย่าอู้!

     

               

                รุ่นพี่ของซึงฮยอนวางต้นฉบับหนังสือปึกใหญ่ไว้บนโต๊ะของรุ่นน้องก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง บรรณาธิการหนุ่มกวาดตามองต้นฉบับแล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือมากดส่งข้อความหาปาร์คบมว่าตอน 2 ทุ่มจะโทรหาอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายจะได้อ่านข้อความหรือเปล่า

     

     

                ปาร์คบมเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอน ตากลมโตจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่ยังนิ่งสนิทสลับกับนาฬิกาบนผนังเป็นระยะๆ อีก 3 นาทีจะเป็นเวลา 2 ทุ่มตรง ยิ่งนาฬิกาเดินไปข้างหน้ามากเท่าไหร่ บมก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น พอเข็มยาวเคลื่อนไปจนถึงเลข 12 บมก็รู้สึกเหมือนตัวเองหายใจสะดุด แต่พอเห็นหน้าจอโทรศัพท์ยังนิ่งสนิท นักเขียนสาวก็ทำหน้างอโดยที่ไม่รู้ตัว

     

     

                ไหนบอกว่าจะโทรมาไง ทำไมต้องโกหกด้วยล่ะ นิสัยไม่ดี

     

     

                บมกำลังจะเปิดประตูออกจากห้องตอนที่โทรศัพท์สั่นเตือนว่ามีสายเข้า ก่อนจะเดินเร็วไปหยิบโทรศัพท์มาถือไว้ และพยายามตั้งสติไม่ให้เสียงสั่นก่อนกดรับ

     

     

                “สวัสดีค่ะ”

     

                “คุณบม” เสียงของอีกฝ่ายดูรีบร้อน “ขอโทษทีครับที่โทรมาช้า ผมเพิ่งถึงบ้าน”

     

                “อา ไม่เป็นไรนี่คะ แล้วแต่คุณสะดวกเลยค่ะ”

     

                “ครับ เอ่อ .... ผมจะโทรมาบอกว่าหนังสือเสร็จแล้วนะครับ คุณบมจะให้ผมเอาไปให้ไหมครับ”

     

                “ไม่เป็นไรคะ รบกวนคุณเปล่าๆ”

     

                “ไม่รบกวนเลยนะครับ ถ้าคุณสะดวกที่ไหน นัดผมเลยก็ได้ครับ หรือว่าจะไปดูหนังสือที่งานเปิดตัวทีเดียวเลยครับ”

     

                “ก็ที่จริงได้เห็นก่อนก็ดีนะคะ” น้ำเสียงกระตือรือร้นของอีกฝ่ายทำให้ปาร์คบมอารมณ์ดี “งั้นไว้พรุ่งนี้เจอกันที่ร้านแถวๆ บ้านฉันก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันส่งแผนที่ไปให้”

     

                “ได้ครับ ส่งมาเลยนะครับ ผมจะรอ”

     

                “ค่ะ”

     

     

                ปาร์คบมพยายามกลั้นยิ้มเมื่ออีกฝ่ายชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ แต่เธอกลั้นยิ้มไม่อยู่เลยเมื่อชเวซึงฮยอนเล่าเรื่องตลกๆ ให้ฟัง กว่าจะวางสายกับบรรณาธิการหนุ่มได้ เธอก็คุยกับอีกฝ่ายอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง นักเขียนสาวมองหน้าตัวเองในกระจกหลังจากวางสายก่อนจะนึกโมโหตัวเองอยู่ในใจ

     

     

                บ้าจริง คุยโทรศัพท์แค่นี้หน้าแดงไปหมดได้ยังไง

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk …. มาแล้วตามคำสัญญา ^^ ยังไงจะรีบเอาตอนต่อไปมาลงนะคะ หวังว่าจะติดตามกันต่อนะคะ ฝากเพจ Ployniez’s fiction ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×