ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TOPBOM] : The Novel

    ลำดับตอนที่ #4 : The Novel [4 /...]

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 56







    [Fic - TOPBOM] : The Novel [4/...]

    Paring : T.O.P - BIGBANG x Park Bom - 2NE1

    Genre : AU

    A/N : Fiction is fiction.
















                “บมอา...รับโทรศัพท์ทีเถอะ พี่รำคาญจะแย่อยู่แล้ว”

     

     

                ปาร์คโกอึนเอ่ยปากบอกน้องสาวเจ้าของโทรศัทพ์ที่มีสายเข้า ที่จริงเธอนั่งดูซีรี่ย์ทางช่องเคเบิ้ลอยู่ข้างๆ กัน แต่ปาร์คบมกลับทำเฉยและสนใจกับนางเอกชื่อโบนส์ (Bones) ในโทรทัศน์ สุดท้ายพี่สาวก็ทนไม่ไหวคว้าโทรศัพท์มารับเสียเอง ในขณะที่น้องสาวอย่างบมได้แต่นั่งทำหน้าอึ้งอยู่ข้างๆ

     

     

                “สวัสดีค่ะ”

     

                “......................”

     

                “เดี๋ยวนะคะ บมนั่งอยู่นี่” ปาร์คโกอึนยัดโทรศัพท์ใส่มือน้องสาวแล้วเอ่ยสั่ง “รับโทรศัพท์เลย คุณซึงฮยอนเขาจะคุยกับเธอเรื่องงาน”

     

                “พี่คะ”

     

     

                ปาร์คบมครางเสียงอ่อนและทำตาปริบๆ เหมือนไม่อยากรับโทรศัพท์ แต่เพราะโกอึนขึงตาดุใส่บมเลยต้องยอมตัดใจพูดสายอย่างเสียไม่ได้

     

     

                “ว่าไงคะ”

     

                “สวัสดีครับคุณปาร์คบม” ชเวซึงฮยอนทักทายอย่างสุภาพ “คุณได้อีเมลล์ภาพตัวอย่างปกหรือยังครับ”

     

                “ได้แล้วค่ะ”

     

     

                ปาร์คบมตอบเบาๆ แล้วแอบถอนหายใจ เธอเห็นภาพปกตัวอย่างที่อีกฝ่ายส่งมาให้เมื่อสองวันก่อน ฝ่ายศิลปกรรมของสำนักพิมพ์นาบิออกแบบมาให้เธอดูก่อนประมาณ 3 ปก และในอีเมลล์นั้นซึงฮยอนก็แจ้งมาว่าจะขอนัดวันที่จะให้เธอเข้าไปประชุมกับกอง บก. ด้วย

     

     

                “เป็นไงครับ ชอบไหม อยากปรับตรงไหนหรือเปล่า”

     

                “ก็ดีค่ะ”

     

                “แล้วคุณจะสะดวกเข้ามาคุยกันวันไหนครับ”

     

                “ช่วงนี้ฉันยุ่งๆ เดี๋ยวโทรนัดอีกทีได้ไหมคะ”

     

     

                หญิงสาวตอบอย่างเสียไม่ได้ ที่จริงเธอใจหายนิดที่เห็นว่านิยายเรื่อง โมรัน ของเธอกำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง และอีกหน่อยมันก็จะถูกขายไปให้คนอื่น พอคิดแบบนั้นเธอก็เลยเตะถ่วงประวิงเวลาการเลือกปกออกไปก่อน

     

     

                “ได้ครับ” ปลายสายเงียบไปหน่อยหนึ่งจนบมคิดว่าบทสนทนาคงจะจบแล้วแต่ซึงฮยอนก็พูดกลับมาก่อน “บ่ายพรุ่งนี้ว่างไหมครับ”

     

                “ก็ฉันบอกไปเมื่อกี๊ไงคะว่าเรื่องปกน่ะ ไว้ฉันจะนัดวันอีกที”

     

     

               เสียงหวานเริ่มขึ้นสูงตามอารมณ์ของเจ้าตัว ปาร์คบมถอนหายใจอย่างหงุดหงิดโดยไม่สนใจจะปิดบังอีกฝ่าย คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างขัดใจ

     

     

                “ใจเย็นๆ ซิครับ ผมไม่ได้จะชวนคุยเรื่องงาน ผมแค่อยากชวนคุณไปกันกินเค้กกัน”

     

                “หือ..อะไรนะคะ”

     

     

                นักเขียนสาวงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องเสียเฉยๆ บมได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ มาตามสาย จนนึกได้ว่าใบหน้าของ บก. หนุ่มรุ่นน้องคนนั้นจะเป็นอย่างไรตอนที่หัวเราะอยู่ ตาคมนั่นคงจะหรี่หลงน้อยๆ และริมฝีปากที่บางเหมือนผู้หญิงนั่นคงคลี่ยิ้มละมุนละไม

     

     

                “ผมจะขวนคุณหาขนมทานกัน สะดวกไหมครับไหมครับ”

     

                “คือ...”

     

     

                หญิงสาวกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจเมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่ซึงฮยอนจะชวนเธอออกไปข้างนอก เพราะเธอไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรถึงได้มาชวนเธอแบบนี้

     

     

                “ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”

     

                “ร้านอยู่ตรงไหนคะ”

     

                “หา..”

     

                “ฉันถามว่าร้านอยู่ตรงไหนคะ”

     

     

                บมถอนหายใจอย่างปลงๆ แค่ออกไปเจอกัน ดื่มกาแฟสักแก้วแล้วค่อยกลับคงไม่ได้มีอะไรมากมาย อีกอย่างชเวซึงฮยอนก็ดูไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง

     

     

                “งั้นเดี๋ยวผมส่งแผนที่ไปให้ในเมลล์นะครับ”

     

     

                น้ำเสียงของคนเอ่ยปากชวนดูตื่นเต้นจนปาร์คบมอดขำไม่ได้ หญิงสาวตัดบทและบอกลาก่อนจะนัดแนะกับอีกผ่านให้ส่งแผนที่ร้านมาให้ พอวางสายเรียบร้อยปาร์คโกอึนที่นั่งฟังอยู่ตลอดก็จ้องหน้าน้องสาวด้วยรอยยิ้มเหมือนจะล้อๆ บมเลยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และเอ่ยปากถามตาใส

     

     

                “ยิ้มอะไรคะพี่”

     

                “ซีรี่ย์เรื่องโบนส์ตลกไงเลยยิ้ม”

     

     

                ตากลมโตของปาร์คบมหรี่ลงเหมือนไม่เชื่อถือนัก แต่โกอึนก็ทำหน้าเฉยนั่งดูซีรี่ย์ต่ออย่างสบายใจปล่อยให้คนเป็นน้องสาวทำหน้างอนๆ แล้วเดินขึ้นไปบนห้อง พี่สาวของปาร์คบมมองตามและนึกสงสัยในใจว่าบางทีน้องสาวของเธออาจจะไม่ต้องเป็นโสดอีกต่อไปแล้วก็ได้

     

     

     

                ซึงฮยอนยืนเอามือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวยาวของตัวเองเพื่อหลบอากาศที่เริ่มจะเย็นลงของช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงตอนแรกที่คุยกันในอีเมลล์เขาเข้าใจว่าบมจะขับรถมาเอง แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าจะนั่งรถไฟใต้ดินมา ซึงฮยอนเลยนัดหญิงสาวว่าให้มาเจอกันที่สถานี ซังซู (Sungsu Station) ย่านฮงแด ชายหนุ่มพยายามมองหาหญิงสาวในหมู่ผู้คนที่เดินขึ้นมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน เขาก้มหน้าหลบตาเด็กสาวมหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่งที่มองมา คนหนึ่งในบรรดาสาวๆ ส่งยิ้มให้เขาอย่างไม่ปิดบัง แต่ซึงฮยอนไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาและปล่อยให้พวกเธอเดินผ่านไปเฉยๆ

     

     

                เขากำลังมองหาผู้หญิงตากลมๆ ที่นัดเอาไว้คนนั้นแค่คนเดียว

     

     

                “ขอโทษทีค่ะที่ฉันมาช้า”

     

     

                ปาร์คบมวิ่งเข้ามาหา วันนี้เธอสวมเสื้อคอเต่าแขนยาวสีนวลกับกางเกงยีนส์และบูธส้นสูงหนังหุ้มแข้ง หญิงสาวเอ่ยขอโทษพลางหอบน้อยๆ ผมยาวที่รวบมัดไว้เป็นหางม้าสูงแกว่งตามจังหวะที่บมโค้งขอโทษ ซึงฮยอนเผลอมองตากลมๆ คู่นั้นจนปาร์คบมแปลกใจ

     

     

                “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

     

                “ไม่ครับ ไม่มี”

     

     

                ซึงฮยอนรีบกลบเกลื่อนความคิดของตัวเอง เขารู้ว่าปาร์คบมน่ารัก แต่การที่จู่ๆ ก็เผลอมองอีกฝ่ายไม่วางตาแบบนั้นก็อาจจะทำให้เธออึดอัด ซึงฮยอนเลยเอ่ยปากชวนเรียบๆ

     

     

               “ไปกันเลยไหมครับ”

     

                “ค่ะ”

     

     

                ปาร์คบมเดินตามซึงฮยอนไปเรื่อยๆ แต่คนที่เป็นฝ่ายชวนมากลับเอาแต่เงียบจนเธอประหลาดใจ จากที่เคยพบกันมาครั้งก่อนๆ เธอเห็นว่าชายหนุ่มเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ซึงฮยอนก็ไม่เคยเงียบไปแบบนี้ ชายหนุ่มเดินลัดเลาะเข้าไปซอกซอยและมาหยุดที่หน้าร้านที่แขวนป้ายชื่อ อ๊ครุมง (Ok Roo Mong) บมขมวดคิ้วก่อนจะมองหน้าคนที่มาด้วยกัน ชเวซึงฮยอนเพียงแต่อมยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยกับหญิงสาวที่ทำหน้าสงสัยไม่เลิก

     

     

                “ร้านนี้แหละครับ”

     

     

                ชายหนุ่มพูดจบก็เดินนำลิ่วๆ เข้าไปในร้านทำให้ปาร์คบมต้องรีบเดินตามเข้าไปด้วย พอเดินเข้าไปด้านในบมก็รู้ในทันทีว่าร้านนี้ต้องขายอะไรบางอย่างที่เป็นถั่วแดง เพราะได้กลิ่นของธัญญพืชชนิดนั้นอยู่ในร้าน และเมื่อเห็นพนักงานเดินถือของหวานไปเสิร์ฟให้ลูกค้าปาร์คบมก็ทำตาโต

     

     

                น้ำแข็งไสถั่วแดง....นี่ ชเวซึงฮยอนชวนผู้หญิงออกมากินน้ำแข็งไสถั่วแดงเนี่ยนะ

     

     

                “นั่งซิครับ”

     

     

                ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ ตอนที่เห็นปาร์คบมทำหน้าอึ้งๆ เมื่อเห็นว่าเขาชวนมาทานอะไร เธอนั่งลงและมองหน้าคนที่ชวนมาอบ่างอึ้งๆ จนซึงฮยอนอดขำไม่ได้

     

     

                “ทำไมครับ ไม่อยากชิมเหรอ น้ำแข็งไสที่นี่อร่อยนะ”

     

                “เปล่าค่ะ แค่...”

     

     

                แค่ไม่นึกว่าจะมีผู้ชายที่ไหนชวนมากินน้ำแข็งไสตอนอายุจะสามสิบ ถ้าเป็นตอนสาวๆ เรียนมัธยมอยู่ก็ว่าไปอย่าง

     

     

                “แค่อะไรครับ”

     

     

                ซึงฮยอนจ้องหญิงสาวตรงหน้าที่ทำหน้ากระอักกระอ่วน ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่ามันแปลกๆ ที่อยู่ๆ จะชวนผู้หญิงที่ตัวเองสนใจเป็นพิเศษมาร้านธรรมดาๆ อย่างร้านน้ำแข็งไส แต่ซึงอยอนแค่อยากบอกให้ปาร์คบมรู้เรื่องราวของตัวเองทีละเล็กทีละน้อยผ่านสิ่งที่เขาชอบ

     

     

                “ไม่มีอะไรค่ะ” บมยิ้มกว้างจนตากลมๆ นั่นเหลือเป็นเส้นขีดๆ “มีเมนูไหนน่าสนใจไหมคะ”

     

     

                ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ทำท่าทางกระตือรือร้นตอนเลือกเมนูแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ซึงฮยอนเพิ่งรู้สึกว่าตั้งแต่เจอกับบมวันนี้เขายิ้มมากกว่าปกติ อาจจะเป็นเพราะบ่ายวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่อากาศกำลังสบายๆ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะหญิงสาวตรงหน้า

     

     

                “ขอน้ำแข็งไสราดชาเขียวกับถั่วแดงค่ะ”

     

     

                บมเงยหน้าขึ้นไปสั่งของหวานกับพนักงานในร้านพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ซึงฮยอนแอบมองใบหน้าและรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกว่านักเขียนสาวจอมงอแง แถมขี้วีนคนนี้น่ารักเหมือนตุ๊กตา น่ารักเสียจนเขาอยากจะให้บมยิ้มให้แบบนั้นทุกๆ วัน

     

     

                “นี่ คุณซึงฮยอน ไม่สั่งเหรอคะ”

     

                “อ่ะ..ครับ”

     

     
               เสียงหวานๆ ของบมทำให้ซึงฮยอนต้องหยุดความคิดตัวเองเอาไว้ก่อนจะสั่งของหวานแบบเดียวกันกับบมแล้วเอ่ยขอบคุณพนักงาน เมื่อหันกลับมามองคนที่มาด้วยกันก็พบว่าหญิงสาวทำปากบู่เหมือนเด็กๆ

     

     

               “เลียนแบบนี่นา ฉันนึกว่าคุณจะสั่งอย่างอื่น จะได้ขอชิมหน่อย”

     

               “อ้าว ก็คุณไม่บอกนี่ว่าห้ามสั่งเหมือนกัน”

     

     

               ซึงฮยอนหัวเราะร่วนเพราะปาร์คบมก็หัวเราะคิกๆ เหมือนกันหลังจากที่พูดจบ เขาไม่นึกเลยว่านักเขียนสาวจะไม่รักษามาดต่อหน้าคนที่ยังไม่สนิทกันนักขนาดนี้ พี่ฮงจุนเคยบอกเขาตั้งแต่ตอนแรกๆ แล้วว่าปาร์คบมมีนิสัยอย่างหนึ่งคือชอบอ้อนคนที่สนิท

     

     

               แล้วที่ทำท่าเหมือนจะอ้อนเมื่อกี๊นี่คือ...รู้สึกว่าสนิทกับเขาแล้วหรือเปล่า

     

     

               “นี่คุณนึกยังไงถึงชวนฉันออกมาข้างนอกคะ”

     

     

               บมเอ่ยถามเบาๆ เพราะดูเหมือน บก. หนุ่มที่ชวนเธอออกมาจะมองมาหาเธอด้วยสายตาแปลกๆ สายตาคมๆ ที่มองมาให้ความรู้สึกเหมือนน้ำผึ้งหวานๆ ที่ถูกอุ่นด้วยความร้อน และสายตาแบบนั้นเองที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนแก้มทั้งสองข้างจะร้อนผ่าว

     

     

               บ้าจริง...ทำไมต้องมองกันแบบนั้นด้วยนะ

     

     

               “ก็แค่อยากชวนออกมาครับ” ซึงฮยอนยิ้มน้อยๆ อย่างอ่อนโยน “แค่อยากรู้จักคุณ”

     

               “หือ เราก็รู้จักกันอยู่แล้วนี่คะ”

     

     

               ปาร์คบมทำตาโตอย่างสงสัย เพราะซึงฮยอนพูดอะไรแปลกๆ ชวนให้คิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะสื่ออะไร เธอไม่อยากคิดไปเองว่าสิ่งที่เธอเดาเอาไว้นั้นจะใช่สิ่งที่ซึงฮยอนรู้สึก

     

     

               “ก็..แค่อยากรู้จักคุณให้มากกว่าเดิม”

     

     

               บมรู้สึกเหมือนแก้มทั้งสองข้างร้อนจัด ตอนนี้หน้าเธอต้องแดงมากแน่ๆ เพราะก้อนเนื้อในอกเต้นโครมครามเสียจนเธอกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียง หญิงสาวเสหลบไปมองรูปภาพที่ตกแต่งอยู่ที่ผนังร้านเพราะไม่อยากสบตากับคนตรงหน้า แววตาของชเวซึงฮยอนที่มองมามันชัดเจนเกินไป

     

     

               “คุณบมครับ ผม..”

     

               “ของหวานที่สั่งมาแล้วค่ะ”

     

     

               ซึงฮยอนไม่ทันจะพูดได้จบประโยค คุณน้าพนักงานที่หน้าตาไร้อารมณ์ก็เดินเข้ามาขัดจังหวะและวางของหวานสองถ้วยลงตรงหน้าลูกค้า บมพึมพำขอบคุณก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักน้ำแข็งไสหวานฉ่ำเข้าปากโดยไม่ยอมพูดอะไรเลย

     

     

               ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรบางอย่างพลาดไป เพราะปาร์คบมดูเหมือนจะลำบากใจที่ได้ยินคำสารภาพกลายๆ ว่าเขาสนใจเธออยู่ แต่แก้มเนียนที่แดงซ่านนั่นเพราะเขินใช่ไหม

     

     

               ชเวซึงฮยอนคิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้ได้หรือเปล่า

     

     

               “ไม่ทานเหรอคะ”

     

     

               บมถามเสียงเบาเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าคนที่ชวนมาไม่ได้แตะของหวานของตัวเองแม้แต่น้อย ทั้งที่ยังรู้สึกเขินๆ ที่ต้องสบตากับคนตรงหน้าแต่บมก็ไม่อยากทำให้ซึงฮยอนรู้สึกอึดอัด

     

     

               “ทานครับ แต่...ผมไม่ได้ทำอะไรให้คุณลำบากใจใช่ไหม”

     

     

               หญิงสาวสบตากับชายหนุ่มตรงหน้าแล้วก้มหน้าลงสนใจของหวานของตัวเองต่อ ซึงฮยอนเกือบจะใจแป้วแล้วแต่เมื่อเห็นว่าปาร์คบมส่ายหน้าน้อยๆ ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส

     

     

               ถ้าไม่ลำบากใจ...ก็แสดงว่าเข้าข้างตัวเองได้สิ

     

     

               ซึงฮยอนไม่ได้ถามอะไรต่อนอกจากก้มหน้าก้มตาจัดการของหวานของตัวเองไปเงียบๆ ปาร์คบมรอจนกระทั่งอีกฝ่ายจัดการน้ำแข็งไสหวานฉ่ำไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วจึงเอ่ยปาก

     

     

               “เรื่องหนังสือน่ะค่ะ คุณแก้อะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าคะ”

     

               “ก็มีนิดหน่อยครับ แต่ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อหานะ”

     

     

               ชายหนุ่มรีบตอบเพราะไม่รู้ว่าปาร์คบมคิดอะไรอยู่ในใจ เขาเพิ่งจะได้รับโอกาสดีๆ ที่จะได้รู้จักกับหญิงสาวมากขึ้นกว่าเดิม ซึงฮยอนเลยไม่อยากจะเสียโอกาสไปเพราะเรื่องงานที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ปาร์คบมถอนใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากเหมือนสารภาพความในใจ

     

     

               “ฉันโวยวายเพราะรักต้นฉบับเรื่องนี้มากน่ะค่ะ จริงๆ แล้วนักเขียนทุกคนมีงานที่ตัวเองรักมากที่สุดกันทั้งนั้น ฉันรักเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องแรกที่ฉันลงมือเขียนแล้วก็ใช้เวลากับมันนานมากๆ ฉันแค่กลัวว่าถ้ามันถูกตีพิมพ์ออกไปแล้วผลตอบรับไม่ดี ฉันคงเสียใจมากจริงๆ”

     

     

               รอยยิ้มอ่อนเศร้าแตะแต้มอยู่บนริมฝีปากของบมแค่ชั่วครู่ก่อนที่หญิงสาวจะถอนใจและยิ้มอย่างสดใส ซึงฮยอนมองหญิงที่อยู่ตรงหน้าแล้วจะยื่นมือไปแตะมือบางที่วางอยู่ที่โต๊ะเพื่อปลอบใจ แต่มือแข็งแรงก็ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นว่าที่มือซ้ายของบมยังคงสวมแหวนเพชรเม็ดงามที่เขาเคยเห็นตอนที่บมยังหลอกเขาว่าชื่อ ปาร์คโกอึน

     

     

               “ผมเข้าใจนะครับ แต่เชื่อผมเถอะครับว่าโมรันของคุณน่ะจะต้องมีคนอ่านชอบมากแน่ๆ”

     

               “ขอบคุณนะคะ”

     

     

               ปาร์คบมยิ้มสดใสให้ชายหนุ่มแต่สังเกตได้ว่าซึงฮยอนมีสีหน้าเปลี่ยนไป ตาคมแอบเหลือบมองมือของเธออยู่ตลอดเวลา หญิงสาวหัวเราะเสียงใสก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นมาอวดแหวนเพชรเม็ดงามให้ซึงฮยอนเห็นชัดๆ

     

               “สวยไหมคะ แหวนนี่คุณแม่ฉันทำให้ฉันกับพี่สาวคนละวง แต่คุณแม่วัดไซส์นิ้วลูกสาวผิด แทนที่จะได้ใส่นิ้วกลางกลายเป็นใส่นิ้วนางแทน”

     

               “สวยครับ แต่ไม่นึกว่าจะใส่แขวนคุณแม่ที่มือซ้าย”

     

     

               ร่างสูงจ้องใบหน้านวลที่ยังมีรอยยิ้มสดใส ปาร์คบมหัวเราะเบาๆ อย่างรู้ทันว่าหนุ่ม บก. รุ่นน้องคนนี้คงคิดไปแล้วว่าเธอสวมแหวนของคนรัก หญิงสาวเลยอธิบายให้อีกฝ่ายแก้ความเข้าใจเสียใหม่

     

     

               “ฉันไม่ชอบใส่แหวนมือขวาค่ะ เพราะใส่แล้วรู้สึกทำอะไรไม่ค่อยถนัด”

     

               “งั้นเหรอครับ ดีจัง”

     

     

               ปาร์คบมรู้สึกอยากหยิกคนนั่งฝั่งตรงข้ามที่ทำตาแพรวพราวจนหน้าหมั่นไส้ ตอนที่พูดออกมาซึงอยอนคงจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหน น่าหมั่นไส้จะตายอยู่แล้ว

     

     

               “นี่ ฉันถามจริงๆ นะคะ” หญิงสาวเอียงคอถามพร้อมรอยยิ้มเหมือนจะแกล้งคนตรงหน้า “วันนี้นึกยังไงถึงชวนฉันออกมาข้างนอกคะ”

     

     

               ชเวซึงฮยอนมองนักเขียนสาวที่ทำหน้าตาเหมือนแมวกำลังสงสัย ปาร์คบมน่ารักเสียจนเขาอยากจะบีบจมูกเล็กๆ นั่นให้หายมันเขี้ยว ชายหนุ่มเอนตัวเข้าไปใกล้บมเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากด้วยประโยคที่ทำให้แก้มเนียนของบมแดงซ่าน

     

     

               “ผมชอบคุณ”

     

     

     

     

     

     

     

    - TBC -          

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk....มาแล้วค่ะ แต่มาช้าเชียว ช่วงนี้ยุ่งๆ นิดหน่อย

    หวังว่าคงจะมีความสุขกับฟิคกันนะคะ ถ้าจะติดต่อพลอยทางทวิตเตอร์ก็จิ้ม @PIoyniez เลยนะคะ

    ขอบคุณทุกๆ เม้นที่เป็นกำลังใจให้ด้วยค่า ^_^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×