คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เพราะเข้า เวปม่านไม่ได้บางที เอามาลงละ
เราใช้ นามปากกาใหม่อีกแหละ ยุ่งมะ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆๆๆ เราคือ Vivace
heydon = vivace = t-rex จำได้ปะ ไงๆหลงมาเจอเราแล้ว ก็จำๆๆกันไปนะตัวเอง
ขอบคุณมากที่อ่านนิยายเรา ดีใจมาก ตั้งแต่เขียนมาพอมีคนเข้ามาอ่าน และเข้ามาคุย ดีใจที่สุดเลย ที่นี่นะ ที่อยู่อีกที่ของเรา โชคดีตัวอ้วน แบ่งภาคได้
“ยายคะ” หญิงสาวเดินเข้าไปหาสตรีผมสีดอกเลาทั้งศีรษะอย่างประจบ “เย็นนี้ลูกชิดขอไปทานข้าวข้างนอกนะคะ” นฌิชร์หรือลูกชิดอาศัยอยู่กับผู้เป็นตาและยายที่กรุงเทพฯ เพื่อเรียนหนังสือ ตอนนี้หล่อนจบแล้ว แต่ยังไม่กลับบ้านที่ตราดเพราะยังฉลองกับเพื่อนๆอยู่
“ไปไหน” คุณอ่อนถามหลานสาว แล้วยกนิ้วจิ้มไปที่จมูกโด่งเล็กๆที่ทำให้ ใบหน้าค่อนข้างกลมคางแหลมได้รูป น่ารักน่ามองขึ้นไปอีก “เมื่อวานก็งานอำลา ทีนี้อะไร”
“ทานข้าวเฉยๆค่ะ พี่ฟางไปด้วยนะ” พี่ฟางที่นฌิชร์กล่าวถึง เป็นบุตรสาวผู้ช่วยของบิดา เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ จึงสนิทกันดีและเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ อายุห่างกันแค่ปีกว่าๆ ระยะหลังพี่ฟางทำงานจึงห่างกันไป “กลับไม่ดึกหรอกค่ะ”
นัยน์ตาฝ้าฟางมองสบตากับนัยน์ตาโตสวยใสแจ๋วของหลานสาว “ไม่ดึกมากนะ ไม่งั้นจะบอกให้พ่อรีบเอาตัวไปทำงานที่โรงแรม”
‘แหงะ ยายขู่แหะ’ หล่อนไม่อยากทำงานในโรงแรมที่บิดาเป็นเจ้าของเพราะรู้สึกว่าพนักงานเกรงใจจนเกินเหตุ จึงพยายามจะหางานทำที่อื่น “ครับผม” ลุกขึ้นทำท่าตะเบ๊ะให้แล้วยิ้มร่าเริงเดินกลับไปห้องของตัวเอง ตกเย็นจึงแต่งตัวด้วยชุดเสื้อสตรีสีฟ้าใสแขนกุดกับกางเกงผ้าสีเข้มออกมา แล้วขับรถไปยังที่นัด
“ยัยชิด” โบกมือเรียกเมื่อเห็นร่างสมส่วนผมบ๊อบสั้นซอยสไลด์แค่บ่า ของเพื่อนมายืนมองหา
“พี่ฟางยังไม่มาเหรอ” นฌิชร์ถามสลิสา เพื่อนรักที่มานั่งรออยู่ก่อน
“ถ้าไม่เห็นก็ยัง” ตอบกวนๆ
“หนอย ๆ...“ กำลังจะต่อว่าเพื่อน พอดีสายตามองเห็นคนที่นัดไว้อีกคน ”พี่ฟาง”
หญิงสาวในชุดสาวทำงานที่ดูเรียบร้อยอ่อนหวานเดินตรงมายังสองสาวที่นั่งรออยู่ก่อน “โทษที พอดีงานเยอะนิดหน่อย มากันนานรึยัง”
“ลูกชิดเพิ่งมาค่ะ” นฌิชร์ตอบผู้ที่รักเหมือนพี่สาว ก่อนจะสั่งอาหารและนั่งคุยกันสนุกสนาน นานพอสมควรอยู่ๆใบหน้าอ่อนโยนของผู้ที่แก่กว่าชะงักมองอะไรบางอย่าง นัยน์ตาโตคู่สวยจึงหันไปมองตาม เห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาใหม่ แล้วหันกลับไปมองคนที่ใบหน้าสลดลง “พี่ฟางเป็นอะไร” หล่อนถามเสียงเบา
“เปล่าจ้ะ” พร้อมยิ้มให้หญิงสาวตรง แล้วสั่นหน้า “นึกว่าคนรู้จัก”
คนถามเบี่ยงสายตาไปสบตากับเพื่อนรักเมื่อรู้ว่าคนตอบโกหกเพราะพี่ฟางเป็นผู้หญิงที่สุภาพและเรียบร้อย รู้จักมานานจนดูออกว่าอีกฝ่ายพยายามปิดบังอะไรสักอย่าง แล้วอยู่ๆคนที่โกหกเมื่อครู่ก็มีน้ำตาหยดแหมะๆให้เห็น “พี่ฟาง”
คนที่นั่งน้ำตาตกเอ่ยเสียงสั่น “พี่ขอโทษนะ ทำให้หมดสนุกเลย”
“แฟนเก่าพี่เหรอ” นฌิชร์เอ่ยถามตรงๆ เมื่อเดาว่าใครสักคนที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นผู้ชายที่พี่ฟางเคยบอกว่าจะพามาให้รู้จักเมื่อ 4 เดือนก่อนแล้วเงียบหายไป
“ไม่ เขามีแฟนอยู่แล้ว ไม่ใช่พี่” ตอบไปแล้วพยายามกลืนก้อนสะอื้น ทั้งที่พยายามจะลืม ทำไมต้องมาให้เห็น ผู้ชายที่เข้ามาเอาใจสุภาพและเป็นสุภาพบุรุษ ไปๆมาๆมีผู้หญิงโทรมาต่อว่าหาว่าหล่อนแย่งแฟน เลยพยายามตัดรอนชายหนุ่มและปฏิเสธทุกอย่าง “ไม่เป็นไร ลูกชิด พี่ไม่เป็นไร” กระพริบไล่น้ำตาแล้วยิ้มให้หญิงสาว 2 คนที่มองด้วยความเป็นห่วง
“คนไหน พี่ฟางกลุ่มเมื่อกี้นี้ใช่ปะ” เสียงของสลิสาถามขึ้น
“เดี๋ยวลูกชิดไปต่อยให้” นฌิชร์บอกเสียงจริงจัง
คนฟังหัวเราะเพราะรู้จักน้องสาวคนนี้ดี นฌิชร์เติบโตมาท่ามกลางการปกป้องและความรักที่ค่อนข้างมากจากบรรดาญาติๆทั้งหลาย จึงไม่ค่อยจะกลัวใครแต่ไม่ใช่คนนิสัยเสีย “ไม่ต้อง ...เรานี่นะ”
เมื่อคนที่ร้องไห้ไม่ยอมตอบ นฌิชร์จึงเหล่มองไปทางกลุ่มเมื่อครู่ มีผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 2 เหมือนคนทำงานแล้วมานั่งทานข้าวกันธรรมดา ‘คนไหนที่มาหลอกพี่ฟาง’
“พี่ขอไปห้องน้ำหน่อยนะ” ไปดูหน้าตัวเองเสียหน่อย เมื่อครู่เผลอร้องไห้ออกมา
เมื่อร่างบอบบางของพี่ฟางเดินห่างไป สายตาที่มองตามของหญิงสาว 2 คนหันมาสบตากันแล้วเริ่มเรื่อง
“เราว่านะ ตัดตาตี๋อ้วนออกไป” เสียงสลิสาพูดขึ้น “เหลือ 2 ตัว“
“คนที่แกล้งเรียบร้อย หรือคนที่หัวเราะอยู่ดีวะ” นฌิชร์เอ่ยถามความเห็นเพื่อนมาดเท่ห์ ผมซอยสั้นรับกับหน้ารูปหัวใจ
“เลือกมา เดี๋ยวไปหิ้วเลยมะ” สลิสาตอบพลางถลกแขนเสื้อที่พับไว้เหนือข้อศอกขึ้นไปอีก
“บ้า” หันไปค้อนเพื่อน
พอพี่ฟางกลับมานั่งคุยกันสักพัก จึงเรียกเก็บเงิน จังหวะเดียวกับที่คนกลุ่มเดิมลุกขึ้นเหมือนกันและกำลังเดินมา นฌิชร์มองตามสายตาของคนที่เพิ่งอกหักว่ามองไปที่คนไหน แล้วถาม “พี่ฟางคนซ้ายใช่มะ”
คนโดนถามถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้ารับเมื่อคิดว่านฌิชร์คงสังเกตเห็นว่าหล่อนมอง ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านซ้ายของผู้ชายผิวขาวท้วม
ได้ฟังคำตอบรับปุ๊ป นัยน์ตาคู่สวยเหล่มองไปทางผู้ชายจมูกโด่งเป็นสัน ที่ยืนคุยกับคนที่ดูเรียบร้อยเพราะหล่อนตัดตาตี๋อ้วนทิ้งไปแล้ว นั่งรอให้คนกลุ่มนั้นออกไปก่อนจึงลุก และแยกย้ายกันกลับ เดินไปถึงรถของตัวเองแล้วต้องตาโตมองร่างสูงที่กำลังเปิดประตูรถคันข้างๆ ไม่รู้ผีเร่ร่อนที่วนไปวนมาตัวไหนมาชี้ให้ผู้ชายที่หักอกเพื่อนรุ่นพี่มาจอดรถข้างหล่อน
ร่างสูงที่กำลังจะขึ้นรถ ทางหางตารู้สึกเหมือนมีคนมายืนมองจึงหันไปดู “มีอะไรครับ” เมื่อเห็นหญิงสาววัยรุ่น มายืนจ้องเหมือนเขาไปฆ่าใครมา ริมฝีปากเล็กบางได้รูปของหญิงสาวคลี่ยิ้ม ก่อนจะกรี๊ดเสียงดัง คนบริเวณรอบๆหันมามองเป็นตาเดียว เสียงใสๆดังก้อง “คนโรคจิต ทู่เรศ หน้าตาดีซะเปล่า ไม่คิดเลยว่าจะมายืนฉี่ข้างรถแบบนี้” คำกล่าวหาของผู้หญิงที่ไม่รู้จักทำให้ยืนงง รู้ตัวเมื่อมีเสียงวิจารณ์รอบๆแว่วมา แล้วแม่ตัวดีก็ผลุบหายเข้าไปในรถ ขับรถออกไปอย่างเร็ว
คิ้วเข้มตรงเฉียงขึ้นนิดๆอย่างน่ามอง ม้วนตัวทุกครั้งเมื่อเจ้าของคิดถึงเรื่องเมื่อคืนวาน หญิงสาวรูปร่างอวบนิดๆ ถึงจะจำหน้าไม่ได้แต่นัยน์ตาวาววับนั้นติดตาเขาทีเดียว แล้วมันเกิดอะไรขึ้น รายการทีวีล้อกันเล่นรึไง ถึงได้มาพูดเสียงดังกลางที่จอดรถว่าเขายืน...ฉี่ โตมาจนอายุ 28 ไม่เคยรู้สึกขายหน้าขนาดนี้ เรื่องอะไร!
“เป็นอะไรไปเจ้าศิลป์” เสียงแหบทุ้มของชายสูงอายุเอ่ยถาม เมื่อเห็นลูกชายนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด เปิดทีวีไว้ก็ไม่ดู
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พ่อ”
“วันอาทิตย์หน้าไปไซด์งานที่ตราดกับพ่อหน่อย ว่างรึเปล่า”
“ได้ครับ” อาทิตย์หน้า เขาไม่ได้มีนัดกับใครเป็นพิเศษ
ผู้เป็นบิดามองบุตรชายยิ้มๆ “ไม่ได้นัดหนูแก้วไว้รึ”
แก้วหรือไหมแก้ว หญิงสาวที่บิดาพูดถึงเป็นผู้หญิงที่มารดาถูกใจและพยายามให้เขาสนิทสนมด้วย “เปล่าครับ อยากให้ดูงานเสร็จเร็วๆมั้ยละครับ ผมจะได้ชวนไปด้วย“
ชายสูงวัยหัวเราะเพราะเข้าใจความนัยที่บุตรชายพูด ผู้หญิงอย่างไหมแก้วเดินกลางแดดไม่ได้ เดินนานก็บ่น แถมยังทำตัวเป็นคุณหนูในละคร จนเขาสงสารบุตรชายทุกครั้งที่ภรรยาไปไหนแล้วชวนหญิงสาวไปด้วยพร้อมกับบุตรชาย
“ที่ศิลป์ขอไปเปิดสาขานะ ได้ที่รึยัง” บริษัทรับออกแบบ ก่อสร้างของเขากำลังไปได้ดี บุตรชายเสนอว่าควรมีสาขาที่อื่นด้วย
“ต่างจังหวัดอย่าง ภูเก็ต หรือเชียงใหม่กำลังรุ่งแต่มีคู่แข่งเยอะ บริษัทเราก็อยู่ตัวแล้วผมว่าไปเปิดที่มีแนวโน้มในอนาคตว่าจะเจริญดีมั้ยครับ”
ผู้เป็นบิดาพยักหน้าเห็นด้วย บุตรชายทำงานเก่งไว้ใจได้ สอบผ่านได้ขั้นแล้ว แถมจบปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรม ทำให้เขาวางใจที่จะให้ดูแลบริษัทในอนาคต
โรงแรมและรีสอร์ทที่อยู่สุดปลายหาด มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตลอดทั้งปี เพราะน้ำทะเลที่ยังใสสะอาด ริมทางเดินข้างสระว่ายน้ำที่เชื่อมต่อระหว่างโรงแรมและรีสอร์ท มีหญิงวัยกลางคนเดินคู่มากับร่างสมส่วนที่ละม้ายคล้ายคลึงกันแต่แตกต่างกันตรงความสูง
“แม่คะ ลูกชิดไปสมัครทำงานที่กรุงเทพฯนะ”
ผู้เป็นมารดาเหล่ตามองบุตรสาวซึ่งสูงกว่าตัวเองเล็กน้อย นฌิชร์เป็นบุตรสาวคนโตที่เพิ่งจบบัญชีภาควิชาภาษาอังกฤษหรือ DBA มาจากมหาวิทยาลัยปิดที่กรุงเทพฯ บุตรสาวไม่สนใจที่จะไปเรียนเมืองนอกอ้างว่าจะอยู่กับปู่และย่า แล้วนี่มาขอไปทำงานที่กรุงเทพฯ ทั้งที่คิดว่าจะให้มาช่วยงานที่โรงแรม “ทำไมไม่ทำที่นี่ หรือที่รีสอร์ทก็ได้”
“ก็ลูกชิดยังไม่มีประสบการณ์เลย ทำไรไปก็ไม่มีใครกล้าว่ากล้าสอน ไปทำงานที่อื่นให้เก๋าก่อนแล้วกลับมาทำที่นี่ก็ได้ นะแม่นะ”
ผู้เป็นมารดาถอนหายใจ “ไปขอพ่อเอง” ตอบกลับไปเรียบๆ เมื่อเดินถึงบ้าน บุตรสาวเดินแกมวิ่งไปหาคนที่นั่งเอนหลังอยู่ที่เก้าอี้ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เสียงใสๆอ้อนขึ้นทันที
“คุณพ่อขา ลูกชิดขอไปทำงานที่อื่นก่อนนะคะ แล้วสักปีนึง ลูกชิดจะกลับมารับใช้ค่ะ”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มองใบหน้าบุตรสาว “จะไปทำที่ไหน”
นัยน์ตาโตสวยเป็นประกายมองบิดาที่มีผมสีขาวแซมประปรายทั่วศีรษะ “ยังไม่ทราบ” แล้วยิ้ม “ไปสมัครดูก่อนค่ะ นะคะ ลูกชิดอยากมีประสบการณ์ จะได้มาทำงานที่นี่อย่างภาคภูมิ” พลางยืดตัวเชิดหน้า
นัยน์ตาคมหวานของผู้เป็นบิดามองบุตรสาวยิ้มๆ แล้วหันไปถามอภิษฎาหรือเนย ภรรยาที่นั่งอยู่ด้วย “เนยว่าไง”
“ปีนึงก็ไม่เป็นไรมั๊งคะ” แล้วหันไปหาคนที่ทรุดตัวนั่งอยู่กับพื้น “ปีเดียวนะลูกชิด”
“ค่ะ” หล่อนรับเสียงหนักแน่น
“ไปบอกย่าศิรึยัง ไหนจะย่าเกดกับปู่ดิศอีก” เสียงบิดาเอ่ยเตือน ย่าศิเป็นมารดาของเขาส่วนย่าเกดและปู่ดิศไม่ได้เป็นญาติแต่เป็นผู้ที่เคารพเช่นเดียวกัน ทุกคนล้วนแต่รักและเอ็นดูบุตรสาวคนนี้มาก
คนโดนเตือนนิ่งคิด ‘ญาติเยอะจริงตู’ ตั้งแต่จำความได้ หล่อนโดนให้ไปนอนค้างกับย่าเกดและปู่ดิศที่เกาะทีละหลายวัน บางครั้งก็ไปนอนกับย่าศิซึ่งเป็นย่าแท้ๆ แต่ละคนก็ใจดี หาของเล่นของกินมาให้ตลอด ดีที่มีน้องชายที่เตะหล่อนออกมาก่อนแล้วเกิดตามมาทีหลัง ช่วยแบ่งเบาภาระการออดอ้อนไปได้บ้าง แต่เจ้าน้องชายดันไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว นานๆถึงจะกลับมาสักที “ค่ะพ่อ ลูกชิดจะไปบอกย่าศิก่อน ส่วนย่าเกดกับปู่ดิศวันเสาร์หน้า ลูกชิดไปค้างบนเกาะค่อยบอก” ย่าเกดและปู่ดิศมีรีสอร์ทอยู่ที่เกาะช้าง และมีบ้านอยู่ที่เกาะเล็กๆอีกเกาะไม่ไกลจากกันนัก หล่อนชอบไปอยู่ที่บ้านบนเกาะของปู่ดิศเพราะอากาศดี สงบมากกว่าบนฝั่ง คนแถวนั้นก็คุ้นเคยกับหล่อนด้วย คิดแล้วก็อยากไปเร็วๆเพราะไม่ได้ไปตั้งแต่ปิดเทอมครั้งที่แล้ว
ความคิดเห็น