The Vampire...My one love - นิยาย The Vampire...My one love : Dek-D.com - Writer
×

    The Vampire...My one love

    การเปิดศึกชิงนาง ที่ต้องเดิมพันมาด้วยชีวิต แวมไพร์สองตระกูลต้องมาแย่งชิงผู้หญิงมนุษย์ธรรมดาแค่คนเดียวหร่อ? ความรัก คือ การแย่งชิง รึไม่ ?

    ผู้เข้าชมรวม

    82

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    82

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  24 ส.ค. 56 / 15:49 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

        บทนำตระกูล Vampire

    ลุค และ มีดริส เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดของตระกูล แวมไพร์ร่า ลุค และ มีดริส เป็นพี่น้องที่รักกันมาก ทั้ง 2 คน รักกันจนแทบจะตายแทนกันได้ แต่ในวันหนึ่ง ลุค ไม่อยากกินเลือดมนุษย์ เพราะ ลุค คิดว่าการกินเลือดของมนุษย์จะทำให้มนุษย์โลกตายไปที่ละคนเป็นการล้างโลกอีกอย่างหนึ่งเลย ลุค ออกล่าหากินเลือดสัตว์ในป่า แทนการกินเลือดมนุษย์ พอมีดริสรู้เรื่องนี้ถึงกับโกรธมากที่ ลุค กำลังฝืนธรรมชาติของแวมไพร์ ลุคและมีดริส ทะเลาะกันอย่างรุนแรง แต่ทั้งสองคนทำร้ายกันและกันไม่ได้ เพราะทั้งสองได้เคยกินเลือดร่วมสาบานกันไว้ ลุคประกาศให้แวมไพร์ในเมืองทุกคนรู้ว่า เขาจะไม่ขออยู่ในตระกูล แวมไพร์ร่า อีกต่อไป ลุค เดินทางออกจากบ้านเมืองของตัวเองมุ่งหน้าไปที่ รัฐวอชิงตัน ในประเทศสหรัฐอเมริกา และเปลี่ยนนามสกุลเป็น ซินแคล ลุคได้พบ โอลิเวีย หญิงสาวชาวเมือง ที่มีหน้าตาที่สวยงาม มีดวงตาสีฟ้าทะเล มีผมสีทองเปล่งประกาย แน่นอนว่าเธอต้องเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆเกือบทั้งเมือง แต่โอลิเวียกับตกหลุมรักลุคอย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับลุคที่ตกหลุมรักโอลิเวีย ลุคคบหาดูใจกับโอลิเวียได้สักพัก ลุคได้ไปสมัครเป็นทหารออกรบ และลุคได้ไปออกรบประมาณ 1-2 เดือน และทิ้งโอลิเวีย อยู่บ้านตามลำพัง ผ่านมา 2 เดือน มีนายทหารคน 1 มาบอกโอลิเวียว่า ลุค ตายเพราะโดนยิง โอลิเวียร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เวลาผ่านมา 3 วัน ลุคได้เดินทางกลับบ้านเพียงคนเดียว โอลิเวียตกใจที่ลุคกลับบ้านมาหาเธอ โอลิเวียถามลุคทุกอย่างว่าลุคโดนยิงแล้วทำไม ไม่ตาย ลุคเงียบไปครู่หนึ่งและบอกทุกอย่างว่าลุคเป็นใคร เป็นอะไร ทำไมไม่ตายตอนโดนยิง โอลิเวียตกใจนิดหนึ่งที่คนที่เธอรักไม่ได้เป็นมนุษย์เหมือนเธอ โอลิเวียบอกให้ลุคเป็นเปลี่ยนเธอให้เป็นแวมไพร์เช่นลุค แต่ลุคบอกว่าลุคไม่เคยเปลี่ยนใครให้เป็นแวมไพร์เพราะเหยื่อทุกรายที่เขาดูดเลือดต้องตายทุกคน ลุคคิดหาวิธีเปลี่ยนโอลิเวีย ต่อให้หายังไงก็หาวิธีเปลียนไม่ได้ ลุค ตัดสินใจดูดเลือดโอลิเวีย โอลิเวียนอนหลับไป 3 วันในที่สุดโอลิเวียก็กลายเป็นแวมไพร์เช่นลุค ลุคดีใจที่เขาจะมีโอลิเวียตลอดไปและเขาทั้ง 2 จะไม่มีวันแยกจากกัน หลังจากที่ลุคเปลี่ยนให้โอลิเวียเป็นแวมไพร์ ได้ 2 สัปดาห์ ลุคได้กลับไปที่ค่ายทหารของเขาและเล่าให้หัวหน้านายทหารฟังว่า เขาโดนยิงเกือบตายแต่มีคนช่วยเหลือเขาไว้ทันเลยไม่ตาย หัวหน้าของลุคได้เลือนยศให้ลุคเป็นหัวหน้านายทหาร หลังจากที่ลุคได้รับยศ 2 วัน ลุคได้ประกาศการแต่งงานกับโอลิเวีย สาวๆในเมืองอิจฉาโอลิเวียที่ได้แต่งงานกับหัวหน้านายทหารรูปหล่อ หลังจากที่ลุคได้แต่งงานกับโอลิเวีย 3 เดือน โอลิเวียก็ตั้งครรภ์ลูกสาวคนแรก ลุคและโอลิเวีย ตั้งใจไว้ว่าพวกเขาจะมีลูกด้วยกัน 3 คน ในที่สุดพวกเขาก็ได้สมใจปราณา

    ลูกสาวคนแรกของลุคและโอลิเวีย มีชื่อว่า อินเดรส ซินแคล ( Andraste Sinclair )   อินเดรสมีอำนาจพิเศษในตัวตั้งแต่เกิด คือสามารถเปลี่ยนทุกอย่างให้ตรงข้ามกับสิ่งปัจจุบันได้

    ลูกชายคนที่ 2 ชื่อว่า ไมค์ ซินแคล (Mike Sinclair) ไมค์ สามารถรักษาความเจ็บปวดและบาดแผลให้หายภายในพริบตาได้ และสามารถส่งกระแสจิตบอกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นให้คนอื่นรู้ได้

    ลูกสาวคนสุดท้องชื่อว่า คามิล่า ซินแคล (Kamira Sinclair) คามิล่า สามารถมองเห็นอนาคตได้ด้วยตาเปล่า ( ซึ่งอำนาจของคามิล่าตายตัวและเกิดขึ้นจริง )

    ตราประจำตระกูล ซินแคล

    รูปค้างค้าว 2 ตัว เอาปีกประกบกัน แสดงถึงความอ่อนโยน

     

     

     

    ในขณะเดียวกัน

    มีดริส ได้แต่งงานกับ มอกาน่า แวมไพร์สาวสุดสวยของตระกูล ลินด์ซีย์ มีดริสได้ย้ายไปอยู่กับ มอกาน่าที่คฤหาสน์ ตระกูล ลินด์ซีย์ และมีดริสได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น มีดริส ลินด์ซีย์   มีดริสและมอกาน่ามีลูกด้วยกัน 3 คน

    ลูกสาวคนแรก ชื่อว่า อานัสตาซิล ลินด์ซีย์  (Anastasias Lindse) มีความสามารถพิเศษด้วยการมองทะลุทุกอย่างทีกั้นตาเธอไว้ได้ด้วยตาเปล่า

    ลูกชายคนที่ 2 ชื่อว่า เจมส์ ลินด์ซีย์ (James Lindse)

    ลูกชายคนสุดท้อง ชื่อว่า ลูซิเฟอร์ ลินด์ซีย์ (Lucifer Lindse)

    มีดริส รู้ว่า ลุค มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบตามกฎของ แวมไพร์ร่า มีดริสไม่อยากฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือดของตนเอง มีดริสจึงปล่อยให้ลุคมีความสุขกับของครอบครัวของเขา และลูกชายลูกสาวของมีดริสที่เติบโตมา มีดริสสอนให้ลูกของเขาทุกคนเกียจมนุษย์ ซึ่งตรงข้ามกับลุคที่สอนให้ลูกของเขาเป็นมิตรกับมนุษย์ กินเลือดสัตว์แทนเลือดมนุษย์ ลูกของลุคทุกคนจึงมีจิตใจที่อ่อนโยน รักสงบ เป็นมิตร แต่ลูกของมีดริสทุกคนกลับมีความ ดุร้าย โหดร้าย มากสำหรับมนุษย์และตระกูล ซินแคล

    ครอบครัวของ ลุค และ มีดริส มีอายุเป็นอมตะ

    ตราประจำตระกูล ลินด์ซีย์

    รูปค้างค้าว 1 ตัว กำลังดูดเลือดมนุษย์หญิงสาว แสดงให้เห็นถึงความโหดร้าย

     

     

    ในรัฐ วอชิงตัน ยังมีครอบครัวหนึ่งที่อยู่กันอย่างอบอุ่น และครอบครัวนี้สืบเนื่องมาจากราชวงศ์ กษัตริย์ ของสเปน คือครอบครัว บาททอริ้ สมาชิกในครอบครัวมีกันอยู่ 3 คน พ่อ แม่ และ ลูกสาว

    หัวหน้าครอบครัวคือ นาย ดิวฮันต์ บาททอริ้ ที่มีอาชีพเป็นนักการเมืองชื่อดัง

    แม่บ้านของครอบครัวคือ นาง แองเจิ้ล บาททอริ้ ที่มีอาชีพทนายสาวของ รัฐวอชิงตัน

    และลูกสาวสุดสวย มิคเคนล่า บาททอริ้ ชื่อของมิคเคนล่าเป็นภาษาสเปน เนื่องจากต้นตระกูล บาททอริ้มาจากสเปน

    และในทุกๆฤดูร้อน คุณย่าของ มิคเคนล่า จะมาเยี่ยมเป็นประจำในทุกๆปี

    ตระกูล บาททอริ้ เป็นตระกูลที่เก่าแก่ ที่สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ กษัตริย์ของสเปน แต่ครอบครัวของ ดิวฮันต์ได้ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจของสเปนตกต่ำลง

    ตราสัญญาลักษณ์ประจำตระกูลคือ สิงโตตัวใหญ่ใช้เท้าหน้า จับจระเข้

    ลักษณะบ้านของตระกูล บาททอริ้ คือสร้างลักษณะปราสาทของสเปนผสมตุรกี

    ซึ่งเป็นคฤหาสน์ของ ครอบครัว บาททอริ้

    ซึ่งนับได้ว่าครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่รวยมาก และบ่งบอกได้ว่าตระกูลนี้สืบเนื่องมาจากราชวงศ์กษัตริย์

     

     

    รูปคฤหาสน์ของตระกูล ซินแคล

    ซินแคล 1.jpeg

     

     

     

    ลักษณะถ่ายจากหน้าบ้านวิวสวยๆจาก สวนหน้าบ้าน

     

     

    รูปคฤหาสน์ของตระกูล ซินแคล

     

    ซินแคล 2.jpg

     

     

    รูปถ่าย จากภายในตัวบ้าน

    ถ่ายจากห้องนั่งเล่นส่วนตัว

    รูปคฤหาสน์ของตระกูล ซินแคล

     

    ซินแคล 3.jpg

     

     

    ถ่ายจากวิวระเบียงบ้าน สวยๆ

     

     

    รูปคฤหาสน์ของตระกูล ลินด์ซีย์

    ลินด์ซีย์ 1.jpg

     

     

    ถ่ายจากวิวสระน้ำหลังบ้าน

     

     

     

     

    รูปคฤหาสน์ของตระกูล ลินด์ซีย์

    ลินด์ซีย์ 2.jpg

     

     

     

    ถ่ายจากวิวมุมสูง ถ่ายจากเครื่องบินส่วนตัว โดยเห็นชัดตามลักษณะบ้านโดยรวม

     

    รูปคฤหาสน์ของตระกูล ลินด์ซีย์

    ลินด์ซีย์ 3.jpg

     

    ถ่ายจากทางเดินขึ้น หลังบ้าน

    มีสัญลักษณ์หัวสิงโต ให้แสดงถึงความดุร้าย

     

    รูปคฤหาสน์ของตระกูล บาททอริ้

    บาททอริ้ 1.jpg

     

     

    ถ่ายจากมุมเฉียงของหลังบ้าน

     

     

    รูปคฤหาสน์ของตระกูล บาททอริ้

    บาททอริ้ 2.jpg

     

     

    ถ่ายจากมุมเฉียงของบ้าน ในเวลาใกล้ค่ำ

     

     

    รูปคฤหาสน์ของตระกูล บาททอริ้

    บาททอริ้ 3.jpg

     

     

    ถ่ายจากที่นั่งเล่นผักผ่อนของครอบครัว

    และสระน้ำของครอบครัว

     

     

    รูปคฤหาสน์ของตระกูล บาททอริ้

    บาททอริ้.jpg

     

     

    ถ่ายจากวิวเฉียงของบ้านในตอนเช้า

     

     

     

    1

     มันคือพรมลิขิต ( ไมค์ มิคเคนล่า ) Mike – Mixkenra

    วันนี้เป็นเช้าที่สดใสในวันสุดท้ายของการสิ้นสุดฤดูหนาว !! เป็นวันแรกของการเปิดเทอมของโรงเรียน แลคไซค์ โรงเรียนชื่อดังในรัฐ วอชิงตัน

    มิคเคนล่า เด็กสาวที่เกิดมาจากตระกูลที่ร่ำรวยของสเปนแต่ด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองทำให้พ่อและแม่ของเธอพาย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ และทำให้เธอต้องย้ายไปเรียนที่แลคไซค์ ดิวฮันต์ได้นำเธอไปฝากกับผู้อำนวยการโรงเรียน

    มิคเคนล้า พร้อมจะไปโรงเรียนรึยังลูก เสียงของแองเจิ้ลดังมาจากหลังประตูห้องของฉัน

    รอหนูจัดของใส่กระเป๋าสัก 5 นาทีได้ไหมค่ะ ฉันตอบรับเสียงของแม่และวิ่งไปจัดของใส่กระเป๋า

    ยังไงก๊อรีบจัดน่ะ แม่มีเวลาไม่มาก แม่พูดแล้วก็เดินไปนั่งรอฉันที่ห้องนั่งเล่น

    ฉันเกือบลืมแนะนำตัวไปเลยแน่ะ !! ฉันชื่อ มิคเคนล่า บาททอริ้ ลูกสาวคนเดียวของดิวฮันต์และแองเจิ้ล บาททอริ้ พ่อกับแม่ของฉันเป็นคนดังในรัฐวอชิงตัน พ่อของฉันทำงานเป็นนักการเมือง พ่อชอบมกมุ่นอยู่กับงานทั้งวัน !! บางครั้งฉันก็ไม่เคยเจอหน้าพ่อเลยในบางวัน

    ส่วนแม่ของฉันทำงานเป็นทนายสาว ยุ่งอยู่กับงานที่ศาลทุกวัน แต่แม่ก็มีเวลาว่างพอที่จะมานั่งเล่นพูดคุยกับฉันอยู่ตลอดเวลา

    พ่อเคยเล่าให้ฉันฟังว่า ต้นตระกูลของฉันมาจากราชวงศ์ของสเปน ดังนั้นครอบครัวของฉันจึงเป็นที่รู้จักมากในเหล่าประชากรของสเปน และคุณย่าของฉันเป็นแม่ของกษัตริย์แห่งราชวงศ์สเปน ซึ่งก็แปลว่าพ่อของฉันเป็นพี่ชายของกษัตริย์สเปน แต่ด้วยเหตุที่ว่าพ่อไม่ต้องการครองราชย์สมบัติทั้งหมด พ่อของฉันจึงสละราชสมบัติเกือบทั้งหมดที่มีในตระกูลให้น้องชายของพ่อ

    แต่พ่อฉันก็ยังมียศเป็นเจ้าชายแห่งสเปน หลังจากที่พ่อแต่งงานกับลูกของทนายชื่อดัง (ตาของฉันเอง) แต่พ่อของฉันก็ไม่เคยใส่ใจในยศถาบรรดาศักดิ์เลย พ่อฉันบอกว่ายศมันไม่สำคัญแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อคือ ฉัน กับ แม่

    อ้าว !! เข้าเรื่องได้ และ >”< 

    ฉันใช้เวลาจัดกระเป๋าหมดไปเกือบ 6 นาที จัดกระเป๋าเสร็จฉันก๊อรีบวิ่งลงไปหาแม่ที่นั่งรอฉันอยู่ข้างล่าง

    แม่คิดว่าลูกคงจะตรงเวลามากกกว่านี้ นะ แม่พูดพลางเอามือจับนาฬิกาข้อมือแล้วมองหน้าฉันขอโทดค่ะ ทีหลังหนูจะตื่นให้เช้ากว่านี้ ฉันพูดเสร็จ แล้วก็รีบเดินไปทีรถของแม่วันนี้เป็นเช้าวันแรกในโรงเรียนใหม่ของฉันสินะ ฉันหวังว่าฉันคงเข้ากับเพื่อนได้ดีฉันพึ่มพ่ำอยู่ครู่ใหญ่ๆ

    ณ  โรงเรียนแลคไซค์ ^^

    แลคไซค์เป็นโรงเรียนชื่อดังในรัฐวอชิงตัน และเป็นโรงเรียนที่ใหญ่มากในสายตาของประชาชนธรรมดา แต่สำหรับฉันแลคไซค์ยังดูเล็กๆและอึดอัด เพราะตั้งแต่เด็กฉันเรียนที่โรงเรียนเจ้าหญิง โรงเรียนที่กุลสตรีทุกคนใฝ่ฝัน ที่ฉันได้ไปเรียนที่นั้นไม่ใช่เพราะพ่อฉันหรอกเป็นเพราะคุณย่าฉันอยากให้เข้าไปเรียนที่นั่นมากกว่า เพราะคุณพ่อไม่อยากให้ฉันมีชีวิตที่หรูหรามากเท่าไหร่เพราะมันจะดูคุณหนูเกินไป แต่ฉันก็ถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูนั้นแหละ!!

    ฉันก้าวเท้าเดินลงจากรถได้ 2 ก้าวนักเรียนที่เดินผ่านไปผ่านมา มองหน้าฉันเหมือนกับจะกินฉันไปทั้งตัวได้เลย ฉันเห็นผู้ชายใส่สูทเดินออกมาต้อนรับฉันและแม่ อย่างเป็นที่เคารพผู้ชายคนนั้นเขาชื่อ จอน คาร์เปิ้ล (Jon Carpel) ผู้อำนวยการโรงเรียนแลคไซค์

    แม่เดินเข้าไปคุยกับผู้อำนวยการในห้องแผนงานและปล่อยให้ฉันนั่งอยู่หน้าห้องคนเดียว (แม่นะ แม่ช่างทำกับหนูได้) ฉันนั่งอยู่คนเดียวสักพักหน้าฉันตอนนี้มันเอ๋อมากอยากจะบอก ผ่านไปอีก 10 นาที แม่ก็ยังไม่ออกมา

    5 นาที ต่อมา

    แม่เดินออกมาพร้อมผู้อำนวยการโรงเรียนอีก ลูกจะเลือกเรียนวิชาไหนแม่ถามฉันและมองหน้าผู้อำนวยการแบบยิ้มๆประวัติศาสตร์ สังคม ค่ะ ฉันตอบแบบมั่นใจโดยไม่ทันคิด แต่ฉันก็ตั้งใจว่าจะเรียนสายนี้แหละ เพราะฉันชอบเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ พอฉันพูดเสร็จผู้อำนวยการก็เรียกชื่อใครสักคน แต่ฉันไม่รู้จักหร่อก และเด็กผู้หญิงอายุราวๆพอๆกับฉันเดินมาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ซึ่งแตกต่างกับฉันที่หน้าตาไม่ประสบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่ฉันก็ยังยิ้มได้ ผู้อำนวยการแนะนำให้ฉันรู้จักกับหลานสาวของเขา หลานสาวของเขาชื่อ ซาร่า คาร์เปิ้ล ( Sara Carpel )  ฉันกับซาร่าบังเอิญเลือกเรียนวิชาสาขาเดียวกัน ผู้อำนวยการเรียนแนะนำซาร่าให้ฉันรู้จัก ซาร่าเป็นคนเฟรนลี่ เธอเข้าได้กับทุกคน ซาร่านับว่าเป็นเพื่อนคนแรกของฉันในโรงเรียนใหม่แห่งนี้ หลังจากที่แม่ให้ฉันกรอกใบสมัครเสร็จแม่ก็หอมแก้มฉันและลาผู้อำนวยการไปทำงานที่ศาลต่อ และซาร่าได้พาฉันเดินไปที่ห้องเรียนระหว่างทางซาร่าถามฉันทุกอย่างว่าฉันเป็นใครมาจากไหน เพราะอะไรถึงย้ายมา ฉันก็บอกทุกอย่างให้ซาร่าฟังและซาร่าก็ยิ้มยินดีพร้อมเรียกฉันว่าเจ้าหญิงมิคเคนล่า ฉันบอกกับซาร่าว่าฉันไม่ใช่เจ้าหญิง ฉันเป็นประชาชนธรรมดาเหมือนซาร่าแต่เพียงแต่ว่าฉันมีสายเลือดของกษัตริย์อยู่ก็เท่านั่นเอง ซาร่ามองหน้าฉันแล้วก็พาฉันเดินไปที่ล๊อกเกทเก็บของ วิชาแรก คณิตศาสตร์ ซาร่าพาฉันเดินขึ้นไปฉัน 4 และเดินเข้าไปที่ห้องเก็บของส่วนตัวของเธอหยิบอุปกรณ์คณิตศาสตร์จนเต็มมือ เธอทำให้ฉันอดนึกถึงตอนที่ฉันอยู่สเปนไม่ได้จริงๆ ซาร่าพาฉันเดินขึ้นเดินลงหลายต่อหลายรอบ จนฉันเหนื่อยและอดถามไม่ได้ว่าไอ้ห้องคณิตศาสตร์มันอยู่ห้องไหน หรือว่าอยู่ชั้นอะไร

    ซาร่า !! ห้องคณิตศาสตร์ที่เธอว่านะ มันอยู่ชั้นไหนหร่อ ??” ฉันถามซาร่าด้วยอาการเหนื่อยหอบแทบกิน “ฉันก็ไม่รุ้เหมือนกัน แต่ฉันจะพยายามถามนักเรียนกลุ่มนั้นก่อนนะ” ซาร่าตอบแบบหน้าเสียๆ สักหน่อยเพราะเธอคงสำนึกผิดที่พาฉันตกละกำลำบากเหนื่อยแบบนี้

    ฉันยืนมองซาร่าเดินไปถามนักเรียนอีกกลุ่มหนึ่ง พวกเขาชี้ให้ให้ซ่าราเดินตรงไปที่ห้องที่มีเลขที่ห้อง 1459 ( ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นห้องเรียนคณิตนั่นแร่ะ )

    ซาร่าเดินกลับมาด้วยท่าทางกะตื้อรื้อร้น “ห้อง 1459 จ๊ะ มิคเคนล่า” ซาร่าบอกฉันและจูงมือฉันเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว

    ฉันต้องตกใจอีกครั้งเพราะนักเรียนที่นั่งเรียนอยู่ในห้องกำลังนั่งเรียนกันอยู่ ( สรุปว่าฉันกับซาร่าเข้าเรียนสายนะสิ ) ครูผู้ชายมองหน้าฉันกับซาร่า “พวกเธอเป็นนักเรียนที่เพิ่งย้ายมาใหม่ใช่ไหม ??” เสียงครูผู้ชายแก่ๆหน้าตาดุๆถามฉันและซ่ารา “คะ ค่ะ” ฉันและซาร่าตอบแบบตะกุ๋กตะกั๊กพร้อมกัน “งั้นก็ไปนั่งได้แล้ว ฉันจะอนุโลมให้” ครูแก่ๆมองหน้าฉันแบบจะกินฉันและชี้ให้ฉันไปนั่งโต๊ะว่างๆ ที่คู่กับผู้ชายหน้าขาวๆคนหนึ่ง

    ฉันกับซาร่าได้แยกโต๊ะกันนั่งเพราะมันมีที่ว่างอยู่ 2 โต๊ะแต่เรา 2 คนไม่ได้นั่งใกล้กัน ฉันเดินก้มหน้ามานั่งที่โต๊ะว่างๆ และมีนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งเอาขามาสกัดฉันจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น “ตกลงเธอจะนั่งข้างล่างนั้นใช่ไหม” ครูผู้ชายแก่ๆคนนั่นหันมาพูดกับฉันอีกรอบ ( โอ้ย !! ฉันโดนสกัดขาจนล้มตาบอดรึไง ว่ะ ) ฉันพึมพำก่อนที่จะมองหน้านักเรียนหญิงกลุ่มนั้นและเดินไปนั่งที่นั่งของฉัน “อย่าไปสนใจ ครูแก่ๆโรคจิตอย่างเขาเลย” เสียงของนักเรียนชายที่นั่งข้างๆฉันบอก ทั้งๆที่เขาตั้งใจจดงานบนกระดานแต่เขาไม่ได้มองหน้าฉันเลยแม้สักนิดเดียว

    นายพูดกับฉันหร่อ ??” ฉันหันหน้าไปมองผู้ชายหน้าตาหล่อๆที่กำลังตั้งใจจดงานบนกระดานอยู่  “ก็....ใช่นะสิ้ หรือเธอจะให้ฉันคุยคนเดียว” ผู้ชายคนนั้นหันหน้ามาคุยกับฉันและว่างปากกาที่เขาถืออยู่ลงใส่สมุด ( อยากจะบอกอะไรให้นะ ฉันจะพึ่งเคยเห็นผู้ชายหล่อๆก็วันนี้แร่ะ ) “อะ...อะ...อ่อ” ฉันพูดแบบตะกุ๊กตะกั๊กอีกรอบ และรีบหันหน้าหนี และฉันก็รีบจับปากกามาเขียนงานบนกระดานอย่างรวดเร็ว ฉันไม่น่าเชื่อว่าในโลกนี้จะมีผู้ชายที่หล่อๆแบบนี้อยู่อีกเหรอ !! หลังจากหมดชั่วโมงเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ก็ต้องออกไปเรียนวิชาเคมีกราฟิกที่ห้องปฏิบัติการข้างล่าง ฉันเดินลงไปกับซาร่าและมองหาผู้ชายที่คุยกับฉันในห้องคณิตศาสตร์แต่เขาหายตัวไปเร็วมาก จนฉันมาเจอเขาอีกทีก็ตอนเรียนเคมี ( เนี้ยแหละ )

    สวัดดีจ๊ะ นักเรียน ” เสียงครูสาวอายุราวๆ 36 พูดขึ้นอย่างร่าเริง “สวัดดีครับ/ค่ะ” เสียงนักเรียนในห้องพูดพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง “วันนี้เราจะมาจับคู่ ดูการเจริญเติบโตและตอบคำถามของไฮรดานะจ๊ะ” ครูผู้หญิงพูดพลางแจกสมุดจดบันทึกให้นักเรียนทุกคน การจับคู่กำลังวุ่นวายขึ้นอีกครั้งในห้องเรียน “นักเรียนค่ะ ไม่ต้องเดินค่ะ กรุณาจับคู่คนที่นั่งข้างๆ” ครูพูดแล้วทำหน้าตาดุๆจนนั่งเรียนนั่งโต๊ะกันหมด มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญมากที่ฉันได้นั่งคู่กับผู้ชายคนที่คุยกับฉันในห้องคณิตอีกครั้ง “อ่า ...วัดดี” เสียงผู้ชายคนที่นั่งข้างๆฉันพูดขึ้น ฉันรีบหันหน้าไปมองหน้าเขาอย่างรวดเร็ว “อืม...วัดดี” ฉันพูดพลางก้มหน้าลงและส่งสายตายิ้มๆให้เขา “ฉันชื่อ ไมค์ ซินแคล นะแล้วเธอล่ะชื่ออะไร” เขาพูดพลางหยิบสมุดจดบันทึกการเจริญเติบโตที่ครูแจกให้มาเปิดอ่าน “ฉะ...ฉันชื่อ มิคเคนล่า บาททอริ้” ฉันตอบสั้นๆและหันหน้ามาสนใจสมุดบันทึกที่ครูแจกให้ “ชื่อของเธอเป็นภาษาสเปนนิ” ไมค์ทำหน้างงๆและหันมามองหน้าฉันอีกรอบ 2 อืม..ใช่แล้วชื่อของฉันมาจากภาษาสเปน” ฉันตอบและมองหน้าไมค์ “แล้วทำไมเธอถึงใช้ภาษาสเปนในการตั้งชื่อล่ะ” ไมค์ถามฉันด้วยอาการงงๆ “ครอบครัวฉันย้ายมาจากสเปนน้ะ” ฉันตอบและหันหน้ามาสนใจไมค์อีกรอบ ( หน้าตาไมค์ตอนอาการงงๆนี้ก็หล่อไม่เบานะเนี้ย ) “อ่อๆแสดงว่าเธอเพิ่งย้ายมานะสิ้” ไมค์พูดแล้วก็หันหน้าหนีมองดูปรอทที่เลี้ยงไฮรดาไว้ข้างในแล้วจดบันทึก “ใช่ๆ” ฉันตอบแล้วมองดูไฮรดาที่อยู่ในปรอทแล้วก็จดบันทึก “อ้าว !! นักเรียนค่ะ เป็นไงเสร็จกันรึยังในการดูและจดบันทึกการเจริญเติบโตของไฮรดา” ครูพูดและกวาดสายตาดูนักเรียนทุกคนในห้อง  ฉันกับไมค์นั่งจดบันทึกการเจริญเติบโตของไฮรดาอย่างใจจดใจจ่อ ฉันแอบมองไมค์แบบพลางๆ ( หรือว่าฉันจะตกหลุมรักไมค์ไปซะแล้ว !! เป็นไปไม่ได้ ) ฉันนั่งคิดแบบเหม่อลอยไปชั่วขณะ “เธอนี่ !! มาใหม่ใช่ไหม ??” เสียงครูถามใครฉัน “ อ่อ !! ใช่ค่ะ ” ฉันตอบแบบไม่ทันได้มองหน้าคุณครู “ อ่อๆ จ้ะๆ แค่ครูยังไม่เคยเห็นหน้าเฉยๆนะ ” ครูพูดพร้อมจ้องหน้าอย่างกับจะกินฉัน แล้วครูก็เดินไปข้างหน้าห้องพร้อมกันหันหน้ามาทางฉันอีกรอบ

    ในที่สุดชั่วโมงเรียนเคมีกราฟิกก็หมดเวลาพอดี J นักเรียนทุกคนเดินออกจากห้องเป็นกลุ่มใหญ่ๆเพื่อจะไปรับประทานอาหารที่โรงอาหารฉันกับซาร่าเดินออกไปด้วยกัน 2 คนและเจอนักเรียนหญิงกลุ่มที่สกัดขาฉันรออยู่หน้าห้องเรียน “ เพิ่งมาวันแรก ก็รู้จักอ่อยผู้ชายแล้วสิ้ ” เสียงผู้หญิงเสื้อสีดำพูดและมองหน้าฉันแบบโหดๆ “ ถ้าพวกฉันอ่อย แล้วมันไปเกี่ยวกับส่วนไหนของพวกเธอไม่ทราบ ” ซาร่าพูดและมองหน้าแบบเอาจริงเอาจัง จนพวกผู้หญิงกลุ่มนั้นเดินหนีไปแบบไม่ทันตั้งตัว “ ฝากไว้ก่อนนะ พวกแก เป็นแค่เด็กใหม่จะมาเก่งแค่ไหนกันเชี้ยว ” เสียงยายผู้หญิงเสื้อดำคนนั้นพูดขึ้นมาอีกทีก่อนที่พวกเธอจะรีบเดินหนี กำปั้นของซาร่า ซาร่าเกือบต่อยหน้าพวกนักเรียนหญิงกลุ่มนั้น ( ดีนะ !! ที่ฉันห้ามปรามเอาไว้ทัน ) “ อีพวกแบบนี้ เธออย่าไปยอมพวกมันนะ มิคเคนล่า ” ซาร่ามองหน้าฉันและช่วยฉันเอาของไปเก็บและเดินไปกินข้าวด้วยกัน ก่อนที่จะนั่งโต๊ะฉันเห็นไมค์นั่งกินข้าวกับเพื่อนๆกลุ่ม 1 ของเขา แต่น่าแปลกใจที่พวกเพื่อนๆของเขาผิวขาวซีดเหมือนเขาทุกคน ฉันกำลังนั่งกินข้าวได้สักพักก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าสักหน่อยฉันจึงบอกซาร่าว่าฉันจะไปเข้าห้องน้ำ ซาร่าก็พยักหน้าบอกฉันและก้มหน้ากินข้าวที่มีอยู่ในจานต่อ ฉันเดินไปอย่างช้าๆแบบไม่สนใจคนรอบข้างที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยอาการง่วงนิดๆฉันเดินไปเกือบถึงห้องน้ำฉันก็โชคร้ายที่เดินชนตู้จนของข้างบนตกลงมาใส่ฉันจนทำให้ฉันเสียหลักล้มลงนั่ง “ ว้าย !! ” ฉันกรี๊ดขึ้นมาเมื่อเห็นกระจกข้างบนกำลังจะตกลงมาใส่ฉัน แต่ฉันรู้สึกแปลกๆตัวฉันเหมือนถูกกอดไว้อย่างแน่นหนาไม่รุ้สึกถึงกระจกที่ตกมาเสียงดัง ฉันลืมตาขึ้นมาเห็นไมค์กอดฉันอย่างแน่นและตัวของเขามีแต่บาดแผลของเศษกระจกที่ตกลงมาแตก พอฉันลืมตามาอีกทีฉันแทบกรี๊ดอีกเป็นรอบที่ 2 เมื่อบาดแผลที่ฉันเห็นเมื่อกี้มันหายไปในพริบตาเดียวฉันอึ้งมากและพลักไมค์ออกจากตัวฉัน โดยความที่ฉันกรี๊ดเสียงดังนักเรียนในโรงอาหารจึงวิ่งมาดูฉันรวมถึงซาร่าด้วยที่วิ่งมาพร้อมโทรศัพท์มือถือ “ มิคเคนล่า เธอเป็นอะไรมากไหม ?? ” ซาร่าถามและมองหน้าฉันแบบห่วงใย ฉันไม่ได้ตอบคำถามของซาร่าที่ถามมา “ ไมค์ !! แล้วแผลที่ฉันเห็นเมื้อกี้นี้ล่ะ หายไปไหนแล้ว ” ฉันพูดขึ้นพร้อมกวาดสายตามองหาแผลที่อยู่บนตัวเขา “แผลที่ไหน เธอคงตกใจจนตาฝาดแล้ว แหละ” ไมค์ปฎิเสธและทำหน้าตางงๆกับคำพูดของฉัน แต่มันยังมีหลักฐานสำคันอีกอย่างหนึ่งคือเศษกระจกที่มันตกลงมาบาดฉันที่แขนทั้ง 2 ข้าง จนเลือดไหล แต่ทำไม ไมค์เป็นคนโดนกระจกเต็มๆถึงจะไม่ป็นอะไร  “มิคเคนล่า เธอคงง่วงมากสิ้น่ะ ฉันว่าเธอไปล้างหน้าเถอะ” ซาร่าบอกฉันและหันไปมองหน้าไมค์แบบแปลกๆ “อ่อ...อืม ฉันว่าฉันไปล้างหน้าก่อนดีกว่า” ฉันพูดแล้ว ก็เดินไปห้องน้ำ พร้อมมีซ่าราประคองฉันเดิน เรา 2 คนเดินไปถึงห้องน้ำแล้วฉันก็ล้างหน้าล้างตาให้หายง่วง “หมอนั้น เดินตามเธอไปเมื่อไหร่หร่อ มิคเคนล่า” ซาร่าถามฉันด้วยอาการงงๆ และสีหน้าแปลกๆ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ฉันบอกซาร่าแล้วก็เดินออกจากห้องน้ำ “แต่ตอนที่เธอเดินไปแล้วเธอก็กรี๊ดขึ้นมา ฉันยังเห็นหมอนั้นนั่งกินข้าวอยู่เลย นะ” ซาร่าวิ่งตามฉันออกมาจากห้องน้ำแล้วกระซิบที่ข้างหูของฉัน ( ไมค์เป็นใครกันแน่ ในหัวสมองของฉันและซาร่าเริ่มนึกคิด แต่เราทั้ง 2 ไม่ได้ใส่ใจอะไรสักเท่าไหร่ เรา 2 คนเตรียมตัวจะไปเรียน ) วิชาต่อไปในคาบเรียนที่ 5 ของวันนี้

    หลังเลิกเรียน

    เวลาเลิกเรียนมันช่าง ผ่านไปช้าเหลือเกิน วันนี้ฉันต้องการผักผ่อนสักหน่อยฉันเดินขึ้นมาบนห้องพร้อมกับถือกระเป๋านักเรียนขึ้นมาด้วย พอถึงห้องนอนของฉัน ฉันก็โยนกระเป๋านักเรียนกองไว้ที่พื้น และเอาตัวฉันทิ้งลงบนที่นอนนุ่มๆของฉันและเพลอหลับไป zzZ

    หลับได้สัก 15 นาที

    ฉันสะดุงตื่นขึ้นมา !! เมื่อได้ยินเสียงแม่กรี๊ด คนรับใช้วิ่งลงไปดูแม่ที่ลานจอดรถและรวมถึงตัวฉันด้วยที่วิ่งลงไปดูแม่ “มีอะไร หร่อ ค่ะ คุณแม่” ฉันถามและวิ่งเข้าไปจับมือแม่อย่างแน่นหนาเพื่อปลอบใจแม่ “ค้างคาว จ๊ะลูก ตัวมันใหญ่มาก ตามันมีสีแดงเหมือนปีศาจ” แม่พูดพร้อมกอดฉันไว้อย่างแน่นมาก ซึ่งตอนนั้นฉันมาดูตรงที่มือตัวเองอีกทีก็มีแผลเล็กๆเหมือนฝันคางค้าวอยู่ที่ผ่ามือตรงนิ้วโป้งเหมือนรอยกัดเล็กๆ ซึ่งฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร “มันอาจจะไม่ใช้ค้างคาวธรรมดาก็ได้ครับคุณผู้หญิง” เสียงของลุงคนจัดสวนประจำบ้านของฉัน “หมายความว่ายังไง หร่อค่ะ” ฉันถามลุงคนนั้นและด้วยอาการงงๆ “ถ้ามันมาที่นี้อีก เดี๋ยวผมจะบอกอีกทีนะครับคุณหนู” คุณลุงคนจัดสวนพูดแล้วเดินไปทำงานของเขาต่อ “มิคเคนล่า ลูกห้ามมาเดินเล่นแถวนี้นะลูก เดี๋ยวโดนมันกัดเอา” แม่พูดพลางเอามือลูบหัวฉันเบาๆ ฉันมองหน้าแม่และอดนึกไม่ได้ว่าสิ่งที่คุณลุงคนนั้นพูดมันเป็นเรื่องอะไร o_O ??

    แม่ว่า แม่ไปอาบน้ำดีกว่า แม่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” แม่พูดแล้วก็ลากฉันออกมาจากโรงเก็บรถ “มะ....แม่ ค่ะ หนูขอเดินเล่นที่สวนหลังบ้านก่อนได้ไหม ค่ะ ?” ฉันพูดขึ้นและพยายามแกะมือแม่ที่จับฉันออก “มิคเคนล่า แม่ว่าลูกขึ้นไปอยู่ข้างบนดีกว่านะ ถ้าไอ้ค้างคาวตัวนั้นมันกลับมาอีกลูกจะทำยังไง ” แม่พูดแล้วก็ลากฉันเข้าไปในบ้าน 

    คำพูดของคุณลุงคนจัดสวนคนนั้นเขาพูดแปลกๆไปนะ ตอนนี้ในหัวสมองของฉันก็คิดแต่เรื่องค้างคาวตาแดงตัวนั้น ฉันเดินขึ้นมาบนห้องและล้มตัวนอนบนที่นอนอีกครั้ง “มันคือ ตัวอะไรกันแน่ ?” ฉันพูดพลางหลับตานอนลงไปอย่างเงียบๆ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น