Mosquito Project.
ปกยังรอคนทำให้ไม้เสร็จ เอารูปนี้ไปก่อนนะครับ ไม่รู้ว่าของใครแต่ถ้าใครเป็นเจ้าของผมขออนุญาติยืมหน่อยนะครับ ส่วนเนื้อเรื่องถ้าใครที่อยากติชมบอกกันเข้ามาได้เต็มที่เลยนะครับผม ขอบคุณครับ^^
ผู้เข้าชมรวม
141
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Mosquito Project.
Project 1
‘ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ทางตอนเหนือของประเทศประเทศหนึ่ง มีการทดลองเชื่อไวรัสที่สกัดได้จากโรคประเภทหนึ่งที่เกิดจาก “ยุง” เหล่าผู้เกี่ยวข้องตั้งชื่อโปรเจ็กต์นี้ว่า “Mosquito Project” ไวรัสที่สกัดได้นั้นได้ถูกนำไปทดลองกับสัตว์ต่างๆ แต่ก็ไม่ประสบผลตามที่เหล่านักทดลองคาดการณ์ไว้ และแล้ว “สัตว์” ตัวสุดท้ายที่ได้รับการทดลองก็ได้มีปฎิกริยาที่เป็นไปตามที่เหล่านักทดลองต้องการ และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของโศกอนาตกรรมที่จะเกิดขึ้นกับโลกในอีก 10 ปีต่อมา’
“ภสันต์ ภสันต์ลูกตื่นได้แล้ว”
“หื้ออ”
“นี่อย่ามัวมานอนอยู่สิ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก”
“เหวออ ป่านนี้แล้วหรอเนี่ย ทำไมไม่ปลุกผมให้ไวกว่านี้ล่ะแม่!!!”
“ฮ่ะๆ โตป่านนี้แล้วยังต้องให้แม่ปลุกอีกหรอ รีบไปอาบน้ำได้แล้วไป”
“คร้าบๆ”
ให้ตายซิ ไม่อยากจะสายในวันแรกเลยนะเนี่ย อ่า แต่ฝันนั้นอีกแล้วเหรอ จำไม่เห็นได้เลยว่าไปได้ยินจากที่ไหนมา แต่ช่างเห๊อะ ยังไงมันก็แค่ฝันนี่นะ
โรงเรียนเซนต์มาดอนนา โรงเรียนของเหล่าเด็กหัวดีและมีความสามารถเท่านั้นที่จะได้เข้าไปเรียน แต่ทำไมไอ้เราที่ไม่มีอะไรโดดเด่นสักอย่างถึงได้เข้าไปกันนะ ช่างเถอะ ไหนๆก็ได้เข้าไปแล้วนี่นะ
ผมชื่อ ภสันต์ โทโนะกาอิ ใช่แล้วครับผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น มีแม่เป็นคนไทย ส่วนพ่อเป็นคนญี่ปุ่น ก็ไม่ค่อยจะได้เจอหน้าหรอกนะ เพราะเขาต้องไปทำงานทั่วโลก ไม่ค่อยจะได้กลับบ้าน ผมก็เลยอยู่กับแม่แค่ 2 คน
อื้มม ถึงจะอย่างนั้นก็ยังส่งเงินมาทุกเดือนไม่เคยขาด และไอ้การที่ผมได้เข้าโรงเรียนเซนต์มาดอนนาเนี่ย ก็คงเพราะเส้นสายของเจ้าพ่อคนนั้นแหละ
ปึ่ก! ใครมาชนว่ะ
“อ้ะ โทษทีจ้ะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“อะ เอ่ออ ไม่เป็นไร แล้วเธอล่ะ”
“อื้อๆ ไม่เป็นไรจ้ะ งั้นเราไปก่อนนะ จะสายแล้ว”
ผมหันไปหาเจ้าของเสียงทันทีเมื่อได้ยิน ไอ้ผมน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าคนที่ชนน่ะเป็นอะไรรึป่าว ชนแรงตั้งขนาดนั้น!
พอหันหลังไปมองเจ้าของเสียง ก็ต้องตกใจกับร่างของเด็กผู้หญิงที่เล็ก บอบบาง แถมยังน่ารักสุดๆอีกด้วย นี่คงต้องเรียกว่าโชคดีล่ะมั้ง ฮ่ะๆ แต่ว่าพอคุยกันได้แป๊บนึงเธอก็รีบวิ่งไป แต่ว่าเครื่องแบบนั่น ของโรงเรานี่หว่า ยังไงคงได้เจอกันอีกแน่!!!
ผมเดินไปโรงเรียนเพราะว่ามันไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ประหยัดค่ารถไปได้เยอะเลยล่ะ อื้มม แต่ว่าวันนี้มันก็เกือบจะสายแล้วล่ะนะ ฮ่ะๆ
“เอาล่ะนักเรียนม.4ที่เข้าใหม่ทุกคนนะค่ะ ให้มารวมตัวกันที่ตึกด้านหลังเสาธงนะค่ะ”
เสียงตามสายของโรงเรียนบอกให้เด็กใหม่ไปรวมตัวกันที่ตึกหลังเสาธง มีอะไรกันนะ ทำไมไม่ไปเข้าแถวหว่า ช่างเหอะ ยังไงก็ไปๆก่อนล่ะกัน
“อ้ะ เธอ คนที่ชนเราเมื่อกี้ใช่รึป่าว?”
“เอ๋ อ๋อ ใช่จ้ะ นี่เจ็บตรงไหนรึป่าว เราขอโทษนะ”
“ช่างเถอะๆ เราไม่เป็นไร นี่เธอก็เป็นเด็กใหม่เหมือนกันหรอ?”
“ใช่จ้ะ เกือบจะไม่ได้เข้าแล้วล่ะ ฮ่ะๆ”
“ฮ่ะๆ งั้นหรอ ว่าแต่พอจะรู้มั้ยว่าทำไมพวกเราจะต้องมาที่ตึกนี้น่ะ”
“อื้ม ไม่แน่ใจนะ แต่เราว่าเขาน่าจะบอกกฎระเบียบอะไรรึป่าว”
“คงอย่างงั้นล่ะนะ”
“เอาล่ะนักเรียนทุกคนเงียบกันหน่อย ต่อไปนี้ครูจะอธิบายถึงเรื่องของกฎระเบียบต่างๆนะ”
“นั่นไงๆ เห็นมันล่ะ ฮึๆ”
“ฮ่ะๆ เดาเก่งจริงนะ”
พวกครูก็สลับกันมาให้ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับโรงเรียน แต่ว่าผมก็ไม่ค่อยได้ฟังเท่าไหร่หรอก เพราะว่ามันค่อนข้างจะอึดอัดกับโถงที่เล็กๆ กับเหล่านักเรียนที่มากมายนี้
การอธิบายก็จบลงภายในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ดูเหมือนว่าจะมีการแบ่งแยกห้องต่างๆให้นักเรียนด้วย
“นี่ๆ เธออยู่ห้องไหนหรอ เราอยู่ห้อง 3 จ้ะ”
“เอ๋ เราก็อยู่ห้อง 3 เหมือนกัน โชคดีจังเนอะ”
“โชคดี?”
“อะ เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก แฮะๆ” นี่เราพูดอะไรออกไปว่ะเนี่ย!
“งั้นเราไปเรียนคาบแรกกันเลยเถอะ”
“อ่า ไปกันเถอะ ว่าแต่มันเรียนที่ไหนหรอ”
“เรื่องนั้นเราก็ไม่รู้หรอก ฮ่ะๆ เอาเป็นว่าเราไปถามอาจารย์กันเถอะ”
“อื้อ ไปสิๆ”
เรา 2 คนเดินไปถามอาจารย์ ดูเหมือนว่าคาบแรกของวันนี้พวกผมจะต้องไปเรียนพละบนโรงยิม แต่ว่าผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน เธอคนนั้นก็เลยไปโรงยิมก่อน
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าห้องน้ำนี่มันอยู่ที่ไหน แต่ว่าก็มีป้ายบอกทางอยู่ด้วย เหมือนกับบนห้างเลยล่ะ สมแล้วที่เป็นโรงเรียนดังที่มีชื่อเสียงล่ะนะ
เจอล่ะห้องน้ำๆ แต่ว่าถ้ามันจะใหญ่ขนาดนี้เรียกว่าเป็นบ้านหลังย่อมๆได้เลยล่ะมั้งเนี่ย
“เห้ย มึงยำดีๆดิว่ะ ทำเหี้ยอะไรเนี่ย หกหมดล่ะแม่ง”
“เออน่า แค่นิดเดียงเอง แค่นี้ก็ดูดจนเมาตายล่ะมั้ง ฮ่ะๆ”
แอ๊ด!
ภาพที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้า ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจ แต่ว่าพวกรุ่นพี่ที่อยู่ในห้องน้ำ กำลังจะเล่นยากันแน่ๆ และบทลงโทษของผู้ที่เสพยาเสพติดในโรงเรียนนี้ก็คือ ‘ผู้ที่มีพฤติกรรมเสพยาเสพติด จะถูกไล่ออกจากโรงเรียน และดำเนินคดีตามกฏหมาย’
“เชี่ยแว่น มึงไม่ได้ล็อคห้องน้ำไว้อ่อ!”
“อ้าว ไอ้เหี้ยกูก็นึกว่ามึงล็อคแล้ว”
“แม่งเอ้ย ไปล็อคแม่งไว้”
“เห้ย พี่อย่าทำผม ผมไม่บอกใครแน่ครับพี่ สัญญาปล่อยผมไปเหอะ”
“หึ ขื่นปล่อยไปกูก็โดนหนักดิว่ะ”
ปั้ก!!!
ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าพวกรุ่นพี่มันต่อยไปกี่มัด เตะไปก็ที รู้แค่อย่างเดียวคือมันเจ็บ ปวด พอได้แล้ว พอสักที พอที!!!
“เห้ย มึงอ่ะ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครล่ะก็ พวกกูไม่เอามึงไว้...”
ฉึกๆๆ
เข็มจำนวนมาก พุ่งออกมาจากที่ไหนไม่รู้ แต่ว่าที่รู้ๆมันถูกปักเข้าที่ลูกตา หัว หน้าอก ท้อง และส่วนอื่นๆอีก จากที่ผมเห็นมันถูกแทงเข้าจามร่างกายของพวกรุ่นพี่ทั้ง 2 คนจำนวนมาก สภาพที่เห็นเหมือนกับเม่นไม่มีผิด ผมตกใจมาก จึงรีบตั้งสติแล้วก็วิ่งออกมาจากห้องน้ำทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนมาพบพวกรุ่นพี่พวกนั้น ทั้งคู่เสียชีวิต สภาพศพน่ากลัวมาก แต่แปลกมากที่เลือดไม่มีสักหยดเดียว และก็น่าแปลกมากที่ในตัวของพวกเขาไม่มีเลือดเหลืออยู่เลย และก็น่าแปลกทั้งๆที่ตอนนั้นผมถูกซ้อมจนแทบไม่มีแรงเหลือ แต่ทำไมผมถึงได้วิ่งหนีออกมาได้กัน?
“เอ่อ เธอ นี่เธอ”
“เอ๊ะ ห้ะ ระ เรียกเราเหรอ”
“อื้อ ใช่จ้ะ นี่น่ากลัวจังเลยนะ อ้ะ แต่ว่าเธอไปเข้าห้องน้ำนิ ได้เห็น...อะไรรึป่าว?”
“เอ๋ มะ ไม่นะ คือเราปวดมากก็เลยเข้าห้องน้ำอาจารย์น่ะ ฮ่ะๆ”
“งั้นหรอ งั้นก็ระวังๆหน่อยล่ะกันนะ เกิดขึ้นที่ห้องน้ำชายอย่างนี้ เราเป็นห่วงเธอนะ”
“เอ๋? ขอบใจนะ”
“อ้ะ ฮ่าๆๆ เขินจังเลย”
“เอ่อ ว่าแต่เรายังไม่รู้ชื่อกันเลยนะ”
“นั่นสินะ เราชื่อม่อนจ้ะ แล้วเธอ...?”
“เราชื่อภสันต์ ไม่มีชื่อเล่นนะ ฮ่าๆๆ”
“เอ๋ แปลกจังเลยนะเนี่ย”
เราคุยกันเสร็จก็ไปเรียนวิชาต่อไป น่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ติดกัน 2 คาบเลย ต่อจากนั้นก็พักกินข้าวกว่าวันกันสินะ
“เอาล่ะ นักเรียน เรื่องที่เกิดขึ้นหลายคนคงรู้เรื่องแล้วนะ ครูขอร้องว่าอย่าพูดออกไป ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม เพราะเรายังไม่ทราบที่ไปที่มา เพราะฉะนั้นอย่าพูดออกไปเด็ดขาด เอาล่ะนักเรียนวันนี้ถือเป็นวันแรกครูจะยังไม่สอนอะไรนะ แต่จะอธิบายเรื่องการเรียนการสอนนะ”
เมื่ออาจารย์พูดอย่างนั้นก็พวกคนที่ยังไม่รู้เรื่องในห้องก็พูดคุยกันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เอาเถอะนี่มันก็เป็นเรื่องปกติของไทยอยู่แล้วล่ะนะ
ในห้องวิทยาศาสตร์ พวกเราจะต้องนั่งกันเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะ 5 คนซึ่งผมกับม่อนก็ได้นั่งในกลุ่มเดียวกันรวมกับเพื่อนคนอื่นอีก 3 คน
“นี่ๆ พวกเธอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นรึป่าว” ผมกับม่อนมองหน้ากัน และก็พยักหน้าตอบเพื่อนคนที่ถามแบบไม่ได้นัดกัน
“เห็นว่าน่ากลัวมากเลยนะ สภาพศพนี่ดูไม่ได้เลยล่ะ ตัวซีด ร่างงี้เป็นรูเลย ยี้ สยองชะมัด เราว่ามันน่าจะเป็นการฆาตกรรมแน่ๆเลย”
“นี่ๆ อย่าพึ่งคิดไปเองซิแจ๋ม”
“ก็แหม ลองคิดดูดิก้อย มันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ เข็มตั้งเย็มขนาดนั้นมันจะมาจากไหน”
ผมสะดุดกึกตรงคำว่าฆาตกรรม ทั้งๆที่ผมอยู่ในเหตุการณ์แท้ๆ ถ้าฆาตกรรมจริงอย่างน้อยๆผมก็น่าจะต้องโดนลูกหลงบ้างแหละ
หลังจากหมดคาบวิทย์ผมก็ไปกินข้าวกลางวันกับม่อนที่โรงอาหาร สภาพของผมเหมือนคนไม่มีวิญญาณ เพราะว่าผมยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนว่าม่อนจะรู้อาการของผม ก็เลยมาชวนคุยด้วย
“นี่ เป็นอะไรรึป่าว เธอดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
“อ่า ก็ตกใจนิดหน่อยน่ะ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้น”
“เห็นหรอ? เธอเห็นอะไร”
“เอ๋ อ๋อเราหมายถึงว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้น่ะ”
“งั้นหรอ...” เกือบไปแล้วเรา...
ผมแยกกับม่อนไปซื้อข้าวกลางวัน ของโปรดเวลากลางวันของผมก็คือก๋วยเตี๋ยว ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวอะไรก็ชอบหมด วันนี้ผมเลือกกินก๋วยเตี๋ยวน้ำตก แต่ดูเหมือนร้านนี้จะไม่ค่อยมีคนกินสักเท่าไหร่
“ป้าครับ เอาเล็กน้ำพิเศษ ไม่ตับไม่ผักนะครับ”
“จ้า รอแป๊บนึงนะหนุ่ม”
รอแป๊บนึงก็ได้กินของโปรดแล้ว ผมปรุงก๋วยเตี๋ยวของโปรดเสร็จก็กลับไปหาม่อนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ ม่อนอาสาจองโต๊ะไว้ให้
“เรามาแล้ว ม่อนไปซื้อข้าวเถอะ”
“อื้อ งั้นเดี๋ยวเรามานะ”
ผมนั่งรอม่อนสักพัก ม่อนก็กลับมาที่โต๊ะ พร้อมกับซื้อน้ำมาให้ผมขวดนึง
“นี่จ้ะ เราเห็นเธอไม่ได้ซื้อน้ำมา”
“โอ้ ขอบใจนะ แต่ว่าคราวหน้าไม่ต้องลำบากก็ได้”
“น่าๆไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฮิๆ” เป็นรอยยิ้มที่สดใสจัง รู้สึกอบอุ่นจากรอยยิ้มนั้นมากๆเลยล่ะ
ก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ตรงหน้าผมส่งกลิ่มหอมมาก ผมไม่เคยอยากกินก๋วยเตี๋ยวน้ำตกมากขนาดนี้มาก่อน น้ำลายเต็มปากไปหมด ท้องส่งเสียงร้อง ผมไม่รอช้ารีบกินก๋วยเตี๋ยวนี้ทันที
ซู้ดๆๆ อึ้ก!
อะไรกัน? ทำไมเรากินมูมมามอย่างนี้ล่ะ แล้วน้ำซุปนี่มันอะไรกันทำไมมันหวามหอมแบบนี้ ทำมาจากอะไรกันเนี่ย จริงสิพูดถึงน้ำตกก็ต้อง “เลือด” เลือดหรอ ทั้งที่มันน่าจะคาวแต่ทำไมถึงหวานอย่านี้ล่ะ
“ฮ่าๆ เธอเนี่ย ท่าทางจะหิวนะเนี่ย รีบกินใหญ่เชียว”
“อ๋อ อ่าก็ประมาณนั้นแหละนะ”
“ยังไงก็ระวังติดคอด้วยล่ะ”
“อื้อ ขอบใจนะ”
ม่อนเตือนผมที่กำลังกินอาหารอย่างมูมมาม ปกติผมไม่ใช่คนอย่างนี้แท้ๆ แต่ทำไมกันนะไอ้ก๋วยเตี๋ยวนี่มันถึงอร่อยสุดๆแบบนี้
ผมกับม่อนกินอาหารกลางวันเสร็จ ก็ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย เราก็เลยคุยกันว่าจะไปหาอะไรอ่านที่ห้องสมุดสักหน่อย
ทางไปห้องสมุดที่ใกล้ที่สุดก็คือต้องผ่านห้องน้ำชายที่ผมไปเจออะไรแบบนั้นมา พอนึกถึงตัวก็สั่น แต่ทำไมถึงไม่กลัวก็ไม่รู้ เมื่อเราเดินผ่าน ก็เจอกับตำรวจที่มาเก็บ “ศพ”กับหลักฐาน งั้นถ้าเขาเจอลายนิ้วมือเราล่ะ เราจะ…
แปะ
มือเล็กๆแต่อบอุ่นของม่อนเข้ามาแตะที่ไหล่ของผม ผมนี่สะดุ้งเลยล่ะ
“มีอะไรจริงๆสินะ บอกเราได้ทุกเรื่องเลยนะ เราไม่บอกใครหรอก”
“เอ่อ คือไม่...”
“งั้นเราก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันหรอก เพราะว่าเพื่อนสำหรับเราน่ะ คือคนที่สามารถปรึกษาช่วยเหลือกันได้ทุกเรื่อง!”
ผมอึ้งมากกับคำพูดนั้นของม่อน ทั้งๆที่เราพึ่งรู้จักกันวันนี้เองแท้ๆ แต่กลับเป็นห่วงผมขนาดนี้เลยหรอ
ผมยืนตัดสินใจอยู่ว่าจะบอกม่อนดีมั้ย แต่เหมือนม่อนจะไม่อยากรออีกต่อไป ม่อนหันหลังกลับแล้วเดินหนีผมทันที ผมรีบคว้ามือม่อนไว้ แล้วก็บอกว่า
“เราจะบอก...เรื่องทั้งหมดเอง”
ผมกับม่อนตัดสินใจโดดเรียนคาบบ่ายคาบแรก ซึ่งไม่ควรจะทำเลยแท้ๆ ทั้งๆที่นี่เป็นวันแรกที่เปิดโรงเรียน
ผมบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้น ม่อนตกใจแถมยังทำหน้าอึ้งสุดๆ เหมือนไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่ผมเล่า ผมกับม่อนคุยกันต่อ ม่อนสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร แล้วก็บอกผมว่าอย่าไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังทั้งนั้น ผมรับปากเพราะผมเองก็ไม่อยากจะให้ใครรู้เรื่องนี้
หลังจากคุยกันเสร็จ เราก็กลับไปเรียนคาบที่เหลือต่อ หลังเลิกเรียนผมกับม่อนก็แยกย้ายกันกลับ ผมกลับมานั่งคิดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เข็มมาจากไหน ใครเป็นคนทำ ซึ่งห้องที่มีแค่ประตูทางเข้าไม่มีหน้าต่าง มีแค่พัดลมระบายอากาศตัวเดียว ไม่มีใครที่น่าจะทำอะไรแบบนั้นได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ผมก็เลยลงไปกินข้าว แต่ว่ากินยังไงมันก็ไม่อิ่ม ผมกินข้าวไป 2 จาน ขนมแถมยังมีผลไม้อีก มันก็ไม่อิ่ม ซึ่งปกติผมไม่ค่อยกินอะไร แต่ทำไมวันนี้ถึงกินไปเยอะแบบนี้
ผลงานอื่นๆ ของ anty ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ anty
ความคิดเห็น