ผมเข็ดจริง ๆ - ผมเข็ดจริง ๆ นิยาย ผมเข็ดจริง ๆ : Dek-D.com - Writer

    ผมเข็ดจริง ๆ

    คนเรา ถ้าผิดพลาดครั้งแรกเรียกว่าบทเรียน ครั้งที่สองเรียกว่า โง่ แล้วถ้าผมยอมให้มีครั้งที่สาม ผมมิกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณวัวรึ?

    ผู้เข้าชมรวม

    465

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    465

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ก.พ. 47 / 23:00 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      วันนี้แดดออกจัดเฉกเช่นเคย อากาศเดือนกุมภาพันธ์ไม่เหลือเค้าความเย็นให้สัมผัสผิวหนัง  ผมเดินไปตามถนนจอแจสายหนึ่งในกรุงเทพ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยในระหว่างที่ขาทั้งสองข้างพาผมมาหยุดอยู่ที่ร้านกาแฟริมถนนร้านหนึ่ง

      .....ร้านนี้ผมเคยมาดื่มกาแฟกับน้ำค้าง.....

      ตอนนี้คุณคงเดาว่าน้ำค้างเป็นแฟนผม
      เปล่าเลย... น้ำค้างเป็นรุ่นน้องผม  เป็นน้องรหัสเสียด้วย

      ผมรู้จักเธอตั้งแต่เธอมางานรับน้องใหม่ตอนปีหนึ่ง เธอเป็นเด็กผิวขาว ใบหน้านวลรูปไข่ จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางเฉียบ ตากลมโตคู่นั้นจ้องมองผมตรง ๆ  ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งล่ะ
      “ชื่อน้ำค้างค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ”
      ตอนแรกผมก็แนะนำตัวธรรมดา แล้วเราก็คุยกัน เธอเป็นเด็กช่างคุย ช่างซัก ทำให้เราสนิทกันได้เร็ว
      พอตอนประกาศสายรหัส ผมก็ได้เห็นชื่อเธอเป็นน้องรหัส
      ตอนนั้นผมยอมรับว่าดีใจ เพราะอยากได้เธอเป็นน้องรหัสอยู่พอดี
      พอเริ่มเรียน เพราะความที่เธอชอบเข้ามาพูดคุยอยู่บ่อย ๆ ผมก็เลยสนิทกับกลุ่มของเธอไปโดยปริยาย

      แต่คุณอย่าคิดว่าผมชอบเธอเกินคำว่าน้องนะ
      จะให้ผมชอบยัยม้าดีดกะโหลกนั่นน่ะหรือ? ไม่มีทาง! ผมชอบคนเรียบร้อยมากกว่า

      สุดท้ายผมเลยคิดจะจีบรุ่นน้องคนหนึ่ง  เธอเป็นถึงดาวของคณะ เป็นเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของน้ำค้าง ตอนนั้นเรียกว่า ผมคงอยากลองทำตัวเป็นหมาเห่าเครื่องบินดูล่ะมั๊ง แต่คิดว่าตัวเองมีภาษีดีหน่อยที่อย่างน้อยก็มีน้ำค้างอาสาเป็นสะพานท่าเทียบเครื่องบินให้
      แต่แล้วเครื่องบินลำนั้นก็มีสุนัขตัวอื่น (จริง ๆ ก็เพื่อนรุ่นเดียวกับผมนี่แหละ) ขึ้นเครื่องไปแทน
      ส่วนผมได้แค่ตั๋วเดินทางแบบเที่ยวเดียว ที่มีแต่หัวใจผมไป แต่ไม่มีหัวใจเธอกลับ (one-way trip ขนานแท้)
      บวกของกำนัลปลอบใจเป็นคำสั้น ๆ ว่า “พี่ชาย”

      พี่ชาย..... ผมเบื่อคำนี้เป็นบ้า!
      ตอนอยู่มัธยม 6 ผมเคยจีบเด็กสาวชั้นมัธยม 5 อยู่คนหนึ่ง
      สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า
      “คิดกับพี่เป็นพี่ชายค่ะ”

      ทำไมใคร ๆ ถึงอยากเป็นน้องสาวผมกันนักนะ! (หรือหน้าผมมันส่อความเป็นพี่ชายที่แสนดีเกินไปหรือเปล่า?)

      เพราะฉะนั้นผมก็เลยเข็ด  ตั้งปณิธานไว้ว่า ชาตินี้จะไม่ขอจีบรุ่นน้องอีก

      วันที่ผมอกหักจากดาวคณะ น้ำค้างไปนั่งกินกาแฟเป็นเพื่อนปลอบใจ (บวกกับรับผิดที่ทำหน้าที่แม่สื่อล้มเหลว)
      ผมระบายความอัดอั้นในใจ และประกาศความตั้งใจให้เธอฟัง
      “พี่อย่าเพิ่งตัดสินอย่างนั้นสิคะ ถ้าคน ๆ นั้นของพี่ปรากฏตัวขึ้นมา มันก็ไม่สำคัญว่าเธอจะเป็นใครไม่ใช่หรือ”
      ผมไม่แน่ใจว่าเสียงที่ตอบมานั้นสั่นเครือหรือเพราะผมรู้สึกไปเอง  ผมเงยหน้าจากแก้วกาแฟตรงหน้าเพื่อมองเธอ เป็นครั้งแรกที่น้ำค้างหลบตาผม นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นทำทีเป็นมองคนเดินผ่านไปมาข้างนอกแทนที่จะสบตาผมตรง ๆ เหมือนทุกครั้ง (และไม่รู้ว่าผมอุปทานไปหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าแก้มนวลนั้นแดงเรื่อกว่าปกติ)

      แต่ผมเข็ดแล้วจริง ๆ !
      ฉะนั้น ผมจะไม่ยอมคิดเข้าข้างตัวเองเด็ดขาด
      ถึงผมกับน้ำค้างจะคุยกันถูกคอก็เถอะ รสนิยมคล้ายกันหลายอย่างก็เถอะ
      ยังไงก็เป็นแค่พี่น้องที่ดีต่อกันเท่านั้นเอง

      หลังจากนั้น เพื่อนผู้หวังดีของผมซึ่งบังเอิญมาเห็นเหตุการณ์วันนั้น ก็เริ่มจุดประเด็นน้ำค้างขึ้นมา
      ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเธอผู้นี้จะสามารถเข้าเฝือกหัวใจของผมได้
      ใคร ๆ ก็พากันล้อเรากันใหญ่

      แต่ผมยังคงรักษาปณิธาน “น้องไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน” ของผมอย่างเหนียวแน่น

      ก็ผมเข็ดจริง ๆ นี่! (ช่วยเชื่อกันหน่อยเถอะ)

      วันนี้ผมไปมหาวิทยาลัย ก็เจอมันถามแบบเดิม ๆ ผมก็เลยชักจะเซ็ง เดินออกจากกลุ่มเสียดื้อ ๆ
      นึกในใจว่า ไม่ลงไม่เรียนมันแล้ว!
      ทำไมทุกคนต้องล้อผมกับน้ำค้างอยู่เรื่อย

      เคยอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง เขาว่า....
      คนเรา ถ้าผิดพลาดครั้งแรกเรียกว่าบทเรียน
      ครั้งที่สองเรียกว่า โง่
      แล้วถ้าผมยอมให้มีครั้งที่สาม ผมมิกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณวัวรึ?

      ไม่เอาล่ะ!  ผมเข็ดจริง ๆ

      ผมส่ายศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป แล้วละสายตาจากร้านกาแฟมองไปอีกฝากของถนน ร้านขายดอกไม้ดูจะจอแจผิดปกติ วันนี้ลูกค้าทั้งหญิงและชายสมัครใจออกันอยู่ภายในร้านเล็ก ๆ ผมหยุดเดินและจ้องมองอย่างแปลกใจ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้  
      อ้อ.... พรุ่งนี้วันวาเลนไทน์นี่นะ
      เทศกาลของคนมีความรัก คนไม่มีแฟนแบบผมก็สบายไปอีกแบบ ผมหัวเราะหึ ๆ ประชดชะตาชีวิตตัวเอง


      แต่แล้วสายตาของผมก็สะดุดเข้ากับช่อดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่ที่วางอยู่ในแจกันทรงสูงหน้าร้าน  ราวกับมีเสน่ห์บางอย่างจูงผมให้ข้ามถนนไปเพ่งพินิจมันใกล้ ๆ กลีบดอกสีขาวเนียนมีละอองน้ำเกาะอยู่ ละอองเหล่านั้นสะท้อนกับแสงสีเหลืองจางของพระอาทิตย์ทำให้เกิดเป็นประกายวาวระยับ เหมือนกับกุหลาบยามเช้าในหน้าหนาวไม่มีผิด
      ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวสมอง

      เอ..... ดอกไม้นี่คงเหมาะกับน้ำค้างนะ...
      (เฮ้ย!  เราคิดอะไรอยู่วะเนี่ย?)

      “เฮ้อ......................”
      ผมถอนใจยาว ก่อนจะเอ่ยปากถามพนักงานในร้านว่า

      “ช่อนี้เท่าไหร่ครับ?”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×