ใบไม้ที่เกือบ...ร่วงโรย - ใบไม้ที่เกือบ...ร่วงโรย นิยาย ใบไม้ที่เกือบ...ร่วงโรย : Dek-D.com - Writer

    ใบไม้ที่เกือบ...ร่วงโรย

    ชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่เปลี่ยนไปด้วยคำว่า เชื่อใจ...

    ผู้เข้าชมรวม

    332

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    332

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ม.ค. 50 / 23:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ใบไม้ที่เกือบ…..ร่วงโรย

                                   

                      สายลมพัดผ่าน กิ่งไม้นอกหน้าต่างสั่นไหวตามแรงลม โลกภายนอกดูสงบสุข ใบไม้ใบหนึ่งปลิวตกบนสมุดบันทึกที่เปิดอ้าไว้บนตักของฉันที่นั่งเหม่อมองเด็กชายตัวน้อยกับเด็กหญิงตัวเล็กส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เล่นกันอย่างสนุกสนานใต้ต้นไม้ใหญ่ติดกับประตูทางเข้าตึกผู้ป่วย  โลกของเด็กน้อยทั้งสองช่างดูสดใสบริสุทธิ์ ไร้ซึ่งสิ่งเลวร้ายใดๆจากสังคมที่ฟอนเฟะมาแผ่วพานให้มัวหมอง  แต่คงอีกไม่นานนักหรอก หาก     สิ่งแวดล้อมรอบข้างและสังคมยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่เป็นอยู่นี้ โลกที่เงินเป็นใหญ่   ผู้ชายข่มเหงผู้หญิงอย่างหน้าด้านๆ สถาบันครอบครัวที่ล้มเหลว และปัญหาอื่นๆอีกมากมาย

                      ฉันหันกลับมามองใบไม้ที่อยู่บนสมุดบันทึกปกแข็ง พลางพินิจดูใบไม้ยาวรี สีเขียวแก่สลับเหลือง ชีวิตคนเราก็เหมือนใบไม้นี่แหละ ฉันคิด พลางหมุนใบไม้ใบน้อยในมือเล่น ยามยังเยาว์ก็สดใส บริสุทธิ์ เปรียบดังใบไม้อ่อนเริ่มผลิใบที่คงความเขียวสดใส ชื่นตาชื่นใจ หากเมื่อเริ่มเจริญวัย ใบไม้ก็เปลี่ยนสีเข้มขึ้นๆ  เหมือนจะบอกว่าชีวิตที่ดำเนินอยู่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรค และรักษาความเข้มแข็งของจิตใจไว้ ยามเมื่อย่างเข้าสู่วัยชรา ก็อ่อนแรงพร้อมจะร่วงโรยได้ทุกเมื่อ เหมือนใบไม้ที่ปลิดปลิวตามแรงลม

       

                      พรายรุ้ง เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง ฉันเหลียวไปมอง แสงอาทิตย์ยามโพล้เพล้ไม่ช่วยให้ฉันมองหน้าผู้มาเยือนได้ถนัดนัก หากแต่โครงร่างสูงโปร่งที่เจนตาเจนใจมานาน ทำให้สามารถแยกออกได้ทันทีว่าผู้มาเยือนเป็นใคร

                      เย็นแล้วนะ มานอนพักผ่อนดีกว่า นั่งตากลมมากๆไม่ดีนะ ร่างกายเธอก็ยังไม่แข็งแรงดี

                      เสียงทุ้มปนความห่วงใยอย่างจริงใจ ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะทำตามความต้องการของเขา ทั้งที่ฉันยังอยากจะนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยพร้อมจดเรื่องราวความคิดต่างๆ ลงบนสมุดบันทึกเล่มน้อยของฉัน

                      คุณพ่อคุณแม่เธอ โทรมาบอกว่า ท่านกำลังกลับจากทางเหนือแล้ว ถึงกรุงเทพฯเมื่อไร ก็จะรีบมาเยี่ยมเธอเลย เห็นท่านบอกว่ามีอาหารเหนือที่เธอชอบ พวกไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม มาฝากด้วยนะ รุ้ง

                      พี่เดือน  กลับมาด้วยหรือเปล่า เอก

                      เปล่า เห็นว่ากำลังยุ่ง เรียนหนัก ต้องทำวิทยานิพนธ์ด้วยนี่นะ แต่เขาก็ฝากความคิดถึงมาให้เธอด้วยนะ พี่เขาเป็นห่วงเธอมากนะ เดี๋ยวเสร็จงานก็คงรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอแหละ พักผ่อนเถอะ อย่าคิดมากเลย วันนี้เธอแทบไม่ได้พักผ่อนเลยนะ

                      เอกอนันต์  ตอบพลางพยุงฉันให้นอนลงบนเตียง พร้อมห่มผ้าให้อย่างนุ่มนวล  แล้วก็หันไปวุ่นวายกับถุงอาหารคาวหวาน ขนมนมเนยสารพัดชนิดที่เขาหิ้วมาฝากทุกวัน ฉันเห็นเพียงแผ่นหลังของเขาเคลื่อนไหวไปมาในเงาสลัวๆของแสงอาทิตย์ยามโพล้เพล้ พลางความคิดของฉันก็ล่องลอยไปไกลถึงอดีตที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปไม่ถึงครึ่งปี  อดีตที่ยังคงกระจ่างชัดในความทรงจำของฉัน ทุกครั้งที่นึกถึง

       

                     

                      เมื่อครึ่งปีก่อน  ฉันยังเป็นนักศึกษาสาวชั้นปีที่หนึ่ง ที่ร่าเริง สดใสสมวัย ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ฉันกับเอกอนันต์ เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็ก  สามารถสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยแห่งเดียวกัน หากแต่ต่างคณะ ฉันสนใจด้านภาษาและวรรณคดี จึงเรียนที่คณะมนุษยศาสตร์ สำหรับเอกผู้ปราดเปรื่องสามารถสอบเข้าคณะแพทย์ได้สมความตั้งใจ เขาเคยบ่นให้ฟังมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าเขาอยากเป็นหมอ

                       หมอเพียงคนเดียว สามารถช่วยคนที่ทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บได้เป็นร้อยเป็นพันเลยนะ    พรายรุ้ง

                      ฉันยังจำได้ถึงเสียงทุ้มๆของเขาที่อธิบายถึงเหตุผลที่เขาเลือกเรียนด้านนี้  เสียงที่เต็มไปด้วยความ    ใฝ่ฝันของเขา ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกปลื้มไปกับเขาด้วยเลย เพราะสำหรับฉันเองแล้ว ความฝันไม่แตกต่างอะไรกับฟองสบู่ที่แตกได้โดยง่าย ฉันไม่เคยคิดวาดหวังถึงอนาคต ได้แต่มีชีวิตสนุกสนานไปวันๆ ตามความพอใจของตัวเอง เพราะยังไงพ่อแม่ก็มีเงินให้ฉันได้ใช้สอยไม่ขาดมืออยู่แล้ว จะขวนขวายไปทำไมให้เปลืองแรง  ในเมื่อพยายามเท่าไรก็สู้พี่สาวคนเดียวของตัวเองไม่ได้

                      พราวเดือน  พี่สาวของฉันเป็นผู้หญิงที่สวย อ่อนหวาน เต็มไปด้วยความสามารถ  เธอห่างจากฉันเพียงสองปี แต่เราสองคนก็มีชีวิตที่แตกต่างกันลิบลับ พี่เดือนเรียนดีจนได้ทุนเรียนต่อปริญญาโทในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงทางภาคเหนือ  พร้อมตำแหน่งอาจารย์สถาบันนั้นที่รออยู่หลังจบการศึกษา ในขณะที่ตัวฉันเองแค่สอบเอนทรานซ์ให้ผ่าน ก็แทบแย่ทีเดียว พ่อแม่ของฉันก็แสนจะปลื้มใจและชื่นชมลูกสาวคนโตจนออกนอกหน้า แทบจะไม่สนใจลูกสาวคนเล็กที่ดีแต่ดื้อรั้นอย่างฉันเลย คอยแต่จะเปรียบเทียบสิ่งที่ฉันทำ  ฉันคิด  กับพี่เดือนตลอดเวลา  

       

                      แหม! ทำไมทำยังงั้นนะ ยัยรุ้ง  นี่ถ้าเป็นแม่เดือนละก็……”

                      ทำไม รุ้ง ไม่ดูตัวอย่างพี่เดือนนะ เราน่ะดีแต่ดื้อ ไม่เคยฟังพ่อกับแม่เลย ไม่เหมือน เดือน ขานั้นเขาเรียบร้อย ไม่มีเถียงสักคำ อย่างเรานะเถียงคำไม่ตกฟาก

       

                      บางทีฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของครอบครัว ฉันไม่สามารถพูดคุยกับพ่อแม่ได้อย่างเปิดอก สนิทสนมเหมือนลูกๆบ้านอื่นเขา ยามมีปัญหาก็ไม่สามารถปรึกษา ขอความคิดเห็นได้ อย่าพูดถึงพี่สาวฉันเลย เรามีความคิดที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง  การพูดคุยกันจึงมักจะก่อให้เกิดปัญหาเท่านั้น ดังนั้น ฉันจึงพยายามหนีหนีจากสภาพความเป็นอยู่นี่ จากความรู้สึกเป็นส่วนเกินของครอบครัว ไม่มีใครรัก ไม่มีใครต้องการ

                      ความพยายามของฉันประสบความสำเร็จ ฉันเอนทรานซ์ติดมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในภาคอีสาน การได้ย้ายมาเรียนในสถานที่ที่ห่างไกลจากสังคมเดิม คือจุดหักเหครั้งสำคัญของชีวิตฉัน อิสรภาพที่ได้รับทำให้ฉันหลงระเริง สนุกกับชีวิตใหม่ที่มีเพียงเพื่อนล้อมรอบ คิดเอง ทำเอง โดยไม่ต้องมีใครมาคอยกำหนด กะเกณฑ์ใดๆ  ชีวิตของฉันกำลังเป็นไปได้ด้วยดี  หากไม่ได้พบกับผู้ชายคนนั้นจอมพล เพื่อนชายต่างคณะที่ได้รับการแนะนำให้รู้จักจากเพื่อนสนิทในกลุ่มของฉัน

                      จอมพล เป็นลูกเศรษฐีคนดังในจังหวัดนนทบุรี บ้านของเขาเป็นไร่สวนผลไม้ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ คุณพ่อของเขายังมีร้านขายยาแผนโบราณร้านใหญ่ในตัวเมืองอีกด้วย แต่จอมพลกลับสนใจด้านการก่อสร้างมากกว่า เขาจึงเข้าเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ เขาเป็นหนุ่มหล่อ หน้าตาผิวพรรณดี อาจเป็นเพราะเขามีเชื้อสายจีน ทำให้ผิวเขาออกจะขาวกว่าเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆ แต่ตาเขาไม่ตี๋อย่างหนุ่มจีนทั่วไป แต่กลับกลมโต ขนตาที่งอนยาวทำให้ใบหน้าดูอ่อนหวานเกินชาย  อุปนิสัยที่ร่าเริงแจ่มใส ประกอบกับความร่ำรวย มีรถคันโก้เป็นพาหนะส่วนตัว ทำให้สาวๆทั้งในและนอกคณะกรี๊ดกร๊าดเขาไม่เบาทีเดียว ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เฝ้ามองและคอยคิดเข้าข้างตัวเองเสมอ เมื่อเขาทักทายยามบังเอิญเจอกันในมหาวิทยาลัย เพียงแค่น้ำใจเล็กๆน้อยๆที่เขาหยิบยื่นให้ ก็ทำให้ฉันหลงใหลใฝ่ฝันเขามากมาย  ด้วยคิดว่าคนที่ไม่มีใครให้ความสำคัญอย่างฉันได้พบคนที่เห็นคุณค่าของฉันแล้ว ฉันคิดง่ายๆด้วยความที่อ่อนต่อโลก กว่าจะรู้ตัวว่าคนเรานั้นใช่แต่จะดูภายนอกเพียงผิวเผิน หากแต่ต้องดูที่เนื้อแท้ของคน ก็เกือบจะสายเกินไป

       

                      วันนั้น ฉันจำได้แม่นยำว่าเป็นวันที่อากาศค่อนข้างเย็นเนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว จอมพลนัดแนะเพื่อนฝูงในคณะให้ไปฉลองวันเกิดที่ห้องของเขาในคอนโด ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก แน่นอน ฉันเองก็ได้รับการชักชวนให้ไปสังสรรค์ด้วยในฐานะเพื่อนหญิงคนรู้ใจของเขา 

                      เอกอนันต์ เพื่อตั้งแต่เด็กของฉันไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร ที่ฉันจะไปเที่ยวที่คอนโดของชายหนุ่มโสด ในวันที่มีปาร์ตี้กินดื่ม ก๊วนน้ำเมาแบบนั้น

                      เอกว่า ไม่ค่อยดีมั้ง รุ้ง  รุ้งเองก็เพิ่งคบกับจอมพลได้ไม่นาน ไปนั่งเล่นที่คอนโดเขาอย่างนั้น แถมมีแต่เพื่อนผู้ชายดื่มเหล้าสังสรรค์กันยกก๊วน คนอื่นเขาจะมองไม่ดีน่า

                      โธ่! เอกละก็ บ่นเป็นคนแก่ไปได้ รุ้งไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวสักหน่อย เพื่อนพลก็พาแฟนไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่เห็นจะต้องห่วงเลย อีกอย่าง พล ก็ออกจะเป็นสุภาพบุรุษ เขาไม่ทำอะไร รุ้ง หรอกนะ คิดมากไปได้ เอกน่ะ!

                      อือ! เธอก็ดีแต่ไม่คิดน่ะสิ  เอกทอดถอนใจ ฉันยังจำได้ถึงแววตาที่แสดงความห่วงใยของเอกในเย็นวันนั้น แต่ฉันกลับคิดว่า จะมีผู้ชายที่ไหนกล้าทำร้ายคนที่เขารักได้ ไม่มีทางหรอก เอกก็แค่ห่วงมากเกินไปตามประสา หนุ่มน้อยคงแก่เรียน ที่ไม่ประสีประสากับการเข้าสังคม  แต่..เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ฉันได้รู้ว่า ฉันคิดผิด และอ่อนต่อโลกขนาดไหน

       

                      คืนนั้น จอมพล สนุกสนานกับเพื่อนเขาอย่างมาก ทั้งเหล้า ทั้งอาหารไม่มีขาด กินดื่มกันไม่อั้น หากแต่ที่แปลกไปคือ ทั้งงานมีฉันเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว จอมพล บอกว่าเพื่อนๆเขาอยากดื่มเหล้าอย่างเต็มที่ เลยไม่อยากพาแฟนมาด้วย ขี้เกียจฟังเสียงบ่นของพวกคุณเธอทั้งหลาย  ฉันหัวเราะไปกับน้ำเสียงที่ฟังดูเบื่อหน่ายในนิสัยแฟนสาวของเพื่อนๆจอมพลอย่างเห็นขัน และไม่ได้นึกสงสัยอะไรสักนิด ตอนที่ จอมพล คะยั้นคะยอให้ฉันดื่มเหล้าไปกับเขาด้วย ฉันฝืนดื่มลงไปทั้งๆที่ไม่เคยดื่มมาก่อน เพื่อที่จะเอาใจและไม่ต้องการขัดใจเขาที่ดูสนุกสนานอย่างมากแบบนั้น

                      จากนั้น...ฉันก็ไม่รับรู้อะไร รู้สึกเพียงความว่างเปล่า  จำได้เพียงรางๆว่า จอมพลเข้ามาคลอเคลีย กอดจูบ และสัมผัสฉัน ฉันพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหน แล้วจากนั้น....ก็เป็นสัมผัสแปลกๆจากชายหลายคนที่เวียนกันมาสัมผัสฉัน

       

                      เช้าวันต่อมา  ฉันต้องตื่นมารับรู้กับความเป็นจริงที่ปวดร้าวและแสบสันต์ทั้งน้ำตาว่า  ฉัน...ถูกข่มขืน โดยคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุด  แล้วไม่พอ เขายังใจร้ายไม่พอขนาดที่กะเกณฑ์ให้เพื่อนๆเขามาร่วมย่ำยีฉัน โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของฉันเลย เขาเห็นฉัน เห็นผู้หญิงเป็นเพียงวัตถุทางเพศที่ใช้ระบายความใคร่ของเขาเท่านั้น ทำไมนะ  ทำไมฉันถึงไม่เชื่อคำเตือนของเอก ทำไมฉันไม่เฉลียวใจว่ามีฉันเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในงานเมื่อคืน ทำไมนะ

                      ฉันรีบหนีกลับหอทันทีโดยไม่รอให้พวกคนใจทรามตื่นขึ้นมาพบ แล้วก็ได้แต่นอนซมเป็นอาทิตย์ไม่กล้าบอกเล่าถึงสิ่งที่ประสบมากับใคร แม้กับเพื่อนที่สนิทที่สุด ถึงแม้ว่าเอกอนันต์จะมาเยี่ยมแทบทุกวัน แต่ฉันก็ไม่กล้าเล่าให้เข้าฟังด้วยอับอายเหลือเกิน

                      จอมพล ไม่โผล่หน้ามาหาฉันอีกเลยนับแต่วันนั้น แต่ก็มีข่าวมาถึงหูฉันว่า เขาขับรถชนคนตายและถูกตำรวจจับ อีกทั้งยังตรวจพบฉี่เป็นสีม่วงด้วย แสดงว่าเขาเสพสารเสพย์ติดอย่างแน่นอน ข่าวนี้ ทำให้ฉันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ คืนนั้น พวกเขาคงจัดปาร์ตี้ยากัน และเลือกฉันไปเป็นเหยื่อสนองตัณหาของพวกมัน จอมพลคงให้ฉันดื่มเหล้าผสมยา เพื่อให้ฉันขาดสติ เพื่อที่จะได้ร่วมกับเพื่อนเขาข่มขืนฉันได้อย่างสะดวก  ฉันได้แต่ทำบุญกรวดน้ำ อโหสิกรรมให้เขาไป ขออย่าได้เจอกันอีกเลย ไม่ว่าชาตินี้ ชาติไหน

                      แต่เคราะห์กรรมของฉันก็ยังไม่จบสิ้น หลังจากนั้นประมาณ 3 อาทิตย์ ฉันรู้สึกผิดปกติ ไม่สบาย จึงไปพบหมอ ซึ่งทำให้ฉันได้รู้ว่า  ฉัน...กำลังตั้งครรภ์ ความรู้สึกตอนนั้น มันเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น ฉันไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง หัวสมองมีแต่ความว่างเปล่า จะบอกพ่อบอกแม่รึ ท่านทั้งสองก็คงจะด่าซ้ำ พี่สาวเองก็คงจะสมเพชเวทนาในตัวฉัน แม้แต่ เอกอนันต์ เอง ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรังเกียจคนอย่างฉันไหม ถ้าได้รู้เรื่องนั้น ทางออกเดียวที่ฉันคิดได้ในยามนั้นคือ...ฆ่าตัวตาย

                                                      .....................................................................................................................

       

                      คิดอะไร เหม่อเชียว รุ้ง  เสียงทุ้มลอยเข้าหูปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์

                      เอก...เสียงฉันเครือ พร้อมหยาดน้ำใสที่เริ่มคลอคลองหน่วยตา ถ้าวันนั้น ไม่ได้เธอ ฉันคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้แน่ 

                      น้ำใสๆเริ่มรินหลั่งมาจากสองตา เมื่อคิดถึงประสบการณ์อันเลวร้ายที่ผ่านมา เอก จับมือฉันไว้ พร้อมบีบเบาๆถ่ายทอดความรู้สึกเข้าใจและเห็นใจจากมือเขาสู่มือฉัน

                      ก็ รุ้ง เล่นกินยานอนหลับไปทั้งขวด ดีที่ฉันไปพบเร็ว เลยช่วยชีวิตเธอไว้ได้ ไม่งั้น....เอกเงียบไปนิด ก่อนพูดต่อเบาๆว่า คงไปทั้งแม่ทั้งลูก

                     

      ภาพเหตุการณ์ในโรงพยาบาล หลังฉันฟื้นจากการผ่าตัดล้างท้องยังปรากฏชัดในความทรงจำ ภาพแรกที่ฉันได้เห็น เป็นภาพของคุณแม่ที่ฉันเคยคิดว่าท่านไม่เคยรักฉัน กำลังร้องไห้โฮ กุมมือฉันไว้ พร้อมถลาเข้ากอดเมื่อเห็นฉันลืมตาขึ้นมา โดยมีพี่เดือน พี่สาวคนเก่งยืนร่ำไห้กุมมืออีกข้างของฉัน ส่วนคุณพ่อ ถึงท่านจะไม่ได้ร้องไห้ให้ฉันเห็น แต่สีหน้าของท่านก็เศร้าหมอง และสายตาของท่านก็ราวกับจะตัดพ้อต่อว่าฉัน..

      ทำไมลูก? รุ้ง ทำไม? มีเรื่องอะไรถึงไม่ปรึกษาพ่อแม่ ทำไมถึงตัดสินใจทำอะไรบ้าๆอย่างงี้ รู้ไหม แม่แทบจะช็อคตาย ตอนรู้ข่าวลูก

      พูดจบแม่ฉันก็ร้องไห้อย่างหนัก พร้อมกอดฉันแน่นราวกับกลัวว่าฉันจะหายไปไหน พี่เดือนที่ยืนอยู่อีกข้างยิ้มทั้งน้ำตา พึมพำเบาๆว่าไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เจ็บแล้วนะ พร้อมทั้งบีบมือฉันแน่น

       

      ฉันหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากภาพสะเทือนใจนั้นแว่บเข้ามาในสมอง ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

      เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตของรุ้งเลยนะเอก  รุ้งได้รับรู้อะไรหลายอย่าง เช่น อย่าได้ไว้ใจคนเพียงเพราะว่าเราคิดว่าเขาเป็นคนดี หรือเป็นคนที่เรารัก ไว้ใจเพียงเพราะคำพูดที่สุภาพหรือหน้าตาท่าทางที่ดี แล้วรุ้งก็ได้รู้...รุ้ว่าความรักของพ่อแม่ที่รุ้งเคยคิดว่าไม่มีวันไหนเลยที่รุ้งจะได้รับจากท่านทั้งสองนั้น จริงแท้แล้วมันมีอยู่อย่างมากมายเพียงใด แม้แต่พี่เดือน ที่รุ้งเคยคิดว่าพี่คงรังเกียจและไม่สนใจน้องสาวที่ไม่ได้ความอย่างรุ้ง แต่ ..แต่รุ้งเข้าใจผิดมาตลอด ทุกคนรักและเข้าใจ เข้าใจและพร้อมให้อภัยในความโง่เขลาของรุ้ง รุ้ง...รุ้งไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอย่างที่รุ้งเคยรู้สึกอีกแล้วใช่ไหม? รุ้ง...รุ้งมีพ่อ มีแม่ มีพี่เดือน...แล้วก็มี เอก ใช่ไหม?

      เสียงฉันขาดหาย กระท่อนกระแท่นด้วยเสียงสะอื้น เอกพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนที่จะดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา ฉันมองหน้าเขาก่อนเอ่ยถาม

      เอก รุ้งก็เป็นแค่เพียงผ้าขาวที่สกปรก แปดเปื้อนมลทิน สิ่งโสโครกต่างๆ หาดีแทบไม่ได้ แล้ว..แล้วทำไม เอก ยังรับรุ้งได้ละ ทำไม? ทำไมถึงบอกว่าจะเป็นพ่อของลูกในท้อง หาก..หากเขายังมีชีวิตอยู่

      เอกกอดฉันแน่นขึ้น แน่นมากจนฉันรู้สึกเจ็บ เขามองหน้าฉันด้วยแนวตาที่แน่วแน่ ก่อนเอ่ยตอบเสียงหนักแน่นว่า

      รุ้ง คนเราผิดพลาดกันได้นะ ใช่ อย่างที่รุ้งพูด ทุกคนเปรียบเสมือนผ้าขาในยามเด็กบริสุทธิ์ แล้วก็เริ่มซึมซับความสกปรกของสังคมบ้าๆนี่จนผ้าขาวต้องหม่นมัว ถึงแม้จะซักแล้วก็ตาม ใช่ว่าจะสะอาดหมดจดเหมือนเดิม แต่ว่านะ รุ้ง มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะกลับไปคลุกคาวโคลนให้ผ้าขาวมันสกปรกอีก หรือจะถนอมมันไว้ แม้ไม่ขาวเท่าเดิม แต่ก็ไม่สกปรกจนน่ารังเกียจ ฟังนะ ไม่ว่ารุ้งจะเป็นยังไง รุ้งก็ยังเป็นรุ้งคนเดิม ที่น่ารัก สดใส แล้วก็อ่อนโยน ในสายตาของเอก แล้วก็ทุกๆคนที่รักและห่วงใยรุ้ง จำไว้นะ เอกไม่อยากให้รุ้งคิดสั้น ทำลายชีวิตตัวเองอีกเวลาที่มีปัญหา ยังมีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือรุ้งเสมอ อยากลืมละ พรายรุ้ง

      น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงมาเป็นทาง นัยน์ตาฉันฝ้าฟางด้วยน้ำตา ฉันสะอึกสะอื้นชั่วครู่ กว่าจะหลุดคำพูดประโยคนี้ออกมาได้

      ยัง...ยังไม่สายไปใช่ไหม ที่ฉันจะเริ่ม..เริ่มชีวิตใหม่..เป็นผู้หญิงที่ดี..เป็น..เป็นแม่ที่ดี..ของลูก..ลูกที่จะเกิดมาในอนาคต..แทนที่ลูก..ลูกที่ฉันปกป้องเขาไว้ไม่ได้...ในคราวนี้

      จ๊ะ ยังไม่สาย

      เอก..เอกจะอยู่..เป็นเพื่อนฉันไปตลอดใช่ไหม

      จ๊ะเอกอนันต์ยิ้ม พร้อมกับบีบมือฉันแน่นเหมือนจะให้คำมั่นสัญญา

      นอนเถอะ อีกสักพักคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอคงจะมาถึง ท่านทั้งสองก็ห่วงเธอไม่น้อยไปกว่าฉันเลยนะ

      ฉันยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะหลับตาลงอย่างว่าง่าย ต่อไปนี้จะไม่มีฝันร้ายจากอดีตที่คอยรบกวนจิตใจฉันอีกแล้ว ก็ฉันมีคนที่ฉันรักและคนที่รักฉัน คอยห่วงใยและใส่ใจอยู่อีกตั้งหลายคน พวกเขาพร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือ ให้อภัยยามผิดพลั้ง และเป็นกำลังใจในตอนที่ลุกขึ้นสู้ใหม่ ฉันจะไม่ยอมทำตัวเป็นใบไม้ที่ร่วงหล่นก่อนเวลาอันควรเนื่องจากแรงพายุ อุปสรรค  ฉันจะเข้มแข็ง และใช้ชีวิตใหม่ที่ได้รับมาอย่างมีสติ เพื่อที่จะได้ทำให้ทุกช่วงเวลาจากนี้ไปมีคุณค่า และเต็มไปด้วยความทรงจำที่ดี

      ความคิดของฉันเริ่มล่องลอย  ก่อนที่ฉันจะผล็อยหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตา และรอยยิ้มจางๆที่    มุมปาก

       

                      ...............................................................................................................................

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×