คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4
ช่วงค่ำของวันหนึ่ง บรรยากาศเงียบสงบเช่นทุกครั้ง ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงพราวระยับ สายลมเย็น พัดเอื่อยลัดเลาะไปตามแมกไม้ใบหญ้า ทำให้เสียดสีกันเกิดเป็นเสียงบรรเลงยามค่ำคืน
เด็กหนุ่มกำลังเดินตรวจสอบความเรียบร้อยของโบสถ์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้านอน แต่ทว่า ร่างสูงโปร่งกลับเดินเข้ามาคว้าแขนของร่างบางเอาไว้ ก่อนจะกึ่งดึงกึ่งลากให้มาด้วยกัน
“ห..หือ..?” เอแคลร์สาวเท้ายาวๆเดินไปตามที่อีกฝ่ายลากให้ไป เกรงว่าจะล้มอยู่หน่อยๆ เพราะอีกฝ่ายช่างดูรีบร้อนเหลือเกิน
“ มีอะไรจะคุยด้วย” จูเลียตบอก ใบหน้าหล่อเหลาดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“มีอะไรเหรอครับ?” เอแคลร์ถามอย่างประหลาดใจ แต่ก็ยังคงเดินตามอีกฝ่ายไป อันที่จริง..เพราะจูเลียตไม่ยอมปล่อยต่างหากล่ะ..
ร่างสูงโปร่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องๆหนึ่ง ที่อยู่ในส่วนที่ลึกของโบสถ์พอสมควร ก่อนจะพาร่างเล็กเข้าไปในห้องนั้นพร้อมกับตน
“เดี๋ยวก็รู้น่า” จูเลียตปล่อยแขนบางๆของอีกฝ่ายเเล้วไปล็อคประตูก่อนจะหันมองซ้ายมองขวาเล็กน้อย ในขณะที่เอแคลร์ได้แต่ยืนมองอีกคนงงๆ
สักพักหนึ่งใบหน้าหล่อเหลาก็หันมามองทางเอแคลร์แล้วถามว่า
“ เธอ...เอ้ย..นายน่ะ..มี..มีอะไรกับโรมิโอใช่มะ?”
“ ห..หา..!!” ร่างบางสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
“ ตอบฉันมา” จูเลียตมองอีกฝ่ายอย่างกดดัน
“ ก..ก็...” เสียงนุ่มตะกุกตะกักอย่างกล้าๆกลัวๆ อันที่จริง นั่นเรียกว่า ‘มีอะไรกัน’ ด้วยเหรอ การที่บุกห้องชาวบ้านเขากลางดึกแล้วทำมิดีมิร้ายเนี่ย ..สมควรเรียกว่า โดนปล้ำ มากกว่าด้วยซ้ำ
ดวงตาสีอัญมณีที่เคยคิดว่าน่าหลงใหล จ้องมองไปที่ร่างบางราวกับตำรวจที่กำลังจับผิดผู้ต้องหา ในขณะที่กำลังรอคำตอบจากอีกฝ่าย
“ก็ใช่ครับ.....ผมขอโทษ...” เอแคลร์กล่าวออกมาเสียงเบาราวกับผู้ร้ายที่ต้องยอมจำนน ทันทีที่ได้คำตอบร่างสูงโปร่งดันร่างเล็กไปติดกับกำแพงห้องทันที
เด็กหนุ่มตัวสั่นน้อยๆพลางเงยหน้ามองอีกฝ่าย คิ้วสีเข้มของจูเลียตขมวดเข้าหากันบ่งบอกถึงความไม่พอใจในอะไรบางอย่าง ก่อนจะประทับริมฝีปากของตนไปบนริมฝีปากบางๆของอีกฝ่าย เอแคลร์รู้สึกตกใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะพยายามขัดขืนด้วยการดันตัวอีกฝ่ายออก แต่แรงที่มีเหมือนจะไม่ทำให้คนตรงหน้าเขยื้อนออกไปเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นร่างเล็กขัดขืน จูเลียตจึงกัดริมฝีปากบางของอีกฝ่ายแทนเป็นเชิงให้หยุดพยศ
“อึก..!” ร่างบางสะดุ้งตัวด้วยความเจ็บ ไม่นานนักอินคิวบัสหนุ่มก็ค่อยๆผละออกมามองดูเด็กหนุ่มที่กำลังลูบริมฝีปากของตนเบาๆ
“เจ็บ..” เอแคลร์พึมพำกับตนเอง
“หึ..” จูเลียตส่งเสียงในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะปิดตาของอีกฝ่ายไว้แล้วทำให้หลับ
ร่างบางทรุดนั่งลงกับพื้นพร้อมเข้าสู่ห้วงนิทราดั่งที่อีกฝ่ายตั้งใจให้เป็น เมื่อเห็นว่าบาทหลวงคนงามหลับสนิทลงแล้ว อินคิวบัสหนุ่มจึงใช้พลังเพื่อเข้าไปอยู่ในฝันของอีกฝ่าย
....
เอแคลร์รู้สึกตัวอีกครั้ง ก็เหมือนกับอยู่ในที่ที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาด..ห้องแปลกตาห้องหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย จำไม่ได้ว่าตัวเองมาที่นี่ได้ยังไง เพราะก่อนหน้านี้ก็ยังคงอยู่ที่โบสถ์กับจูเลียตหลังจากถูกทำอะไรแปลกๆก็รู้สึกเหมือนทุกอย่างมืดจางหายไปหมด หรือว่า นี่อาจจะเป็นความฝันก็เป็นได้..
“ โย่ว..” เสียงของจูเลียตดังขึ้นจากทางด้านหลัง เอแคลร์หันไปมองอย่างตกใจนิดๆ ก่อนจะเอ่ยถามว่า
“ที่นี้ ในความฝันหรอครับ..”
“ใช่เเล้ว” จูเลียตตอบพร้อมยิ้ม
“หืม..เพิ่งเคยฝันแบบรู้ตัวว่ากำลังฝันแฮะ” บาทหลวงคนสวยเอียงคอนิดๆอย่างประหลาดใจ
“ ฉันเก่งใช่มั้ยหละ”จูเลียตยกยิ้มอย่างภูมิใจก่อนจะเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมา
“อ..เอ๋..ฝีมือของจูเลียตเหรอครับ?” เอแคลร์ถาม
“ อ..อะไรครับเนี่ย” เอแคลร์ถามเสียงสั่น
“ในเมื่อโรมิโอได้นายไปเเล้ว ฉันก็ต้องได้มั่งสิ” ริมฝีปากเรียวได้รูปแสยะยิ้ม
“ อ..เอ๋..”
“ น่าจะรู้นี่?” จูเลียตบอกก่อนจะลูบไล้ลามไปถึงบั้นท้ายของอีกฝ่าย
“ ม..ไม่เอานะครับ อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ..” เอแคลร์ปฏิเสธเสียงสั่น
“ ทำไมหละ? เป็นฉันไม่ได้เหรอไง?” จูเลียตถามพลางจ้องมองอีกฝ่าย
“ ...ผ..ผมก็แค่..กลัว..”เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันจะไม่ทำนายเจ็บหรอกน่า” จูเลียตปลอบ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ จูเลียตขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย เอแคลร์เลยรีบตอบว่า
“ โอเคครับ..ผมเชื่อก็ได้..”
“ เย้..” อินคิวบัสหนุ่มดีใจเหมือนเด็กๆแล้วกอดร่างบางตรงหน้าไว้แน่น เอแคลร์ถอนหายใจหน่ายๆ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายอุ้มขึ้นมาเสียงอย่างนั้น มือเล็กเกาะไหล่อีกฝ่ายไว้ตามสัญชาตญาน จูเลียตอุ้มร่างเล็กในอ้อมแขนไปวางไว้บนเตียงนุ่ม แล้วลงมือปลดกางเกงของอีกฝ่ายออก
-- ป้องกันความไม่เหมาะสม ทางนี้ นะคะ --“ เฮ้อ ไม่ได้ทำเเบบนี้นาน รู้สึกดีเเฮะ” จูเลียตบอกพลางก้มนัวเนียอีกฝ่ายที่กำลังหายใจหอบ เหมือนเด็กๆ
“ พี่กับน้องพอกันเลย” เอแคลร์พึมพำเบาๆ
จู เลียตค่อยๆถอนเเก่นกายออกแล้วเอ่ยถามว่า
“ ทำกับใครรู้สึกดีกว่ากัน?”
“ .. ใช่เรื่องที่สมควรถามหรอครับนั่น..”เอแคลร์ย้อนถามเสียงแผ่ว
“ อยากรู้นี่?” จูเลียตบอก
“ไม่รู้ครับ ไม่ตอบหรอก..” เด็กหนุ่มปฏิเสธ
”โหยย ทำไมอ่ะ” จูเลียตทิ้งตัวทับอีกฝ่ายเบาๆเหมือนเด็กน้อย
“ ..แล้วผมจะออกไปจากที่นี่ยังไง..”บาทหลวงคนสวยเปลี่ยนเรื่อง
“ก็ตื่นสิ”อินคิวบัสหนุ่มตอบพลางหัวเราะ
“แล้วเมื่อไหร่ผมจะตื่นล่ะ” เอแคลร์ถามอีก
“ไม่รู้สิ” จูเลียตตอบหน้าตาเฉยพลางลูบใบหน้าอีกฝ่าย
“ถ้างั้นผมก็ต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะตื่น?” เด็กหนุ่มยังไม่เลิกถาม
“ ใช่เเล้วว” จูเลียตยิ้ม
ร่างบางถอนหายใจเบาๆ พลางมองสารพัดหนวดประหลาดที่ยังคงพันแขนขาของตนเอาไว้
“ งั้นรบกวนช่วยบอกคุณพวกนี้ให้ปล่อยแขนผมได้ไหมครับ”
“โอ๊ะ โทษที” จูเลียตเอ่ย ก่อนจะดีดนิ้วสองทีให้มันหายไป
“ ค่อยยังชั่วหน่อย..” เอแคลร์พึมพำเบาๆอย่างโล่งอก ทำเอาคนต้นเหตุหัวเราะออกมา
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยครับ..” เด็กหนุ่มดุเบาๆ พลางมองหาเสื้อผ้าตัวเองที่ถูกถอดออก อินคิวบัสหนุ่มนัวเนียกอดรัดฟัดเหวี่ยงร่างเล็กราวกับเป็นของเล่น จนคนโดนกอดอดสงสัยไม่ได้
“ ไม่เหม็นเหงื่อรึไงครับ..”
“ไม่นี่?” จูเลียตตอบ เอแคลร์พยักหน้าเบาๆก่อนจะเปรยๆขึ้นมาว่า
“ ผมไม่เข้าใจอยู่อย่างนึง...”
“ หืมม?” จูเลียตรับ
“ก็ทั้งคุณจูเลียต ทั้งคุณโรมิโอ ทำแบบนี้กับผม..ต้องการอะไรจากผมกันแน่ครับ?” เอแคลร์ถาม
“หา? มันมีความหมายอื่นด้วยหรือไง?” จูเลียตย้อน
“ผมไม่รู้ความหมายของมันเลยต่างหาก...” เด็กหนุ่มบอกพลางขมวดคิ้ว
“ "ต้องการนาย" เเค่อย่างเดียวเเหละ” อินคิวบัสหนุ่มตอบ
“ ต้องการ?” เสียงเล็กทวนถามอย่างไม่เข้าใจ
“อยากกิน” จูเลียตตอบแบบกวนๆพลางแลบลิ้นแหย่อีกคน
“ผมเป็นแค่อาหารสินะ” เอแคลร์สรุปตามที่ตนเข้าใจ
“ ฮะๆๆ ถ้านายเป็นเเค่อาหารจริงๆโรคงฆ..อ๊ะ ช่างเถอะๆ” อินคิวบัสรูปหล่อตัดบท
“หืม? คุณโรมิโอทำไมหรอครับ?” เด็กหนุ่มถามเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงแวมไพร์หนุ่มอีกตน
“อะไร๊ ฉันไม่ได้พูดถึงหมอนั่นเลยนะ หูฝาดเปล่าๆ”
“ ..เอ๋..งั้นเหรอครับ สงสัยผมคงหูฝาดนั่นแหละ..” เอแคลร์พยักหน้า เขาอาจจะหูฝาดเองจริงๆก็ได้
“ ช่ายๆ เเถมนี่มันเป็นฝันนะ ไม่ต้องไปจริงจังหรอก” จูเลียตยิ้ม
“เป็นฝันที่สมจริงดีนะครับ...” บาทหลวงหนุ่มบอก อนึ่งไม่เข้าใจว่าบาทหลวงคนสวยต้องการชมหรือประชดกันแน่
“ ฉันเก่งใช่ป่ะล่ะ” จูเลียตถามอย่างภูมิใจในความสามารถของตน
“ ครับ เก่งมากเลยครับ” ร่างเล็กชมแบบหน่ายๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดขึ้นว่า
“ เป็นปิศาจเนี่ย..ดีจังเลยนะ..จะเข้าฝันใครก็ได้ จะกินเลือดใครก็ได้ไม่เดือดร้อนอะไร..ต่างจากมนุษย์ธรรมดาที่ทำอะไรแบบนั้น ไม่ได้สักอย่าง..”
“ฮะๆๆ ดีงั้นเหรอ? สนใจมาเป็นเเบบพวกเรามั้ยหละ” จูเลียตเอ่ยชวนพลางหัวเราะเเล้วกอดเอวก่อนจะเอาคางเกยไหล่อีกฝ่าย
“ ม..ไม่ดีกว่าครับ..เกิดเป็นมนุษย์แล้วทั้งที่ อยู่แบบปกติไปจนกว่าจะตายน่ะ ดีแล้วครับ...พระเจ้าท่านอุตส่าห์กำหนดมาแบบนี้แล้วนี่นา..” เอแคลร์ปฏิเสธ
“ เหรอ...คิดเเบบนั้นเหรอ” ร่างสูงโปร่งถามก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้เป็นคำตอบ แล้วนึกขึ้นได้ว่า
“ว้า เดี๋ยวนายก็ตื่นเเล้วมั้ง ฉันไปดีกว่า” พ่อปิศาจหนุ่มที่หล่อพอๆกับเทพบุตรลุกขึ้นจากเตียงแล้วกล่าวลาอย่างทะเล้นว่า
“เเล้วเจอกันในโลกความจริงนะจ๊ะ จุ๊บๆ” ฉับพลันร่างสูงก็กลายเป็นกลุ่มควันแล้วจางหายไป
ขอบคุณธีมสวยๆจาก
ความคิดเห็น