คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3
“นี่ๆ เอ่เอ๊เจ้านี่น่ะ ห้องอะไรเหรอ?” จูเลียตเอ่ยถาม ปกติแล้วพวกเข้าไม่ได้ค่อยเข้าโบสถ์เท่าไหร่นัก และช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ก็เดินสำรวจซะทั่ว เลยมีคำถามนั่นนี่ มาถามให้คนดูแลปวดหัวอยู่บ่อยๆ แต่เจ้าตัวก็ยินดีตอบทุกครั้ง แถมทำท่าเหมือนดีใจที่มีคน(?)สนใจเสียด้วยสิ
“อ๋อ ห้องสารภาพบาปน่ะครับ” เอแคลร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“หือ..” ทั้งคู่มองอย่างสนใจ
“อืม...เป็นเหมือนห้องที่ให้ผู้คนมาปรึกษา หรือบอกเล่าถึงความผิดบาปที่ตนได้กระทำลงไปน่ะครับ” เด็กหนุ่มอธิบายเสริม เมื่อเห็นทั้งคู่ยังจ้องแบบเด็กๆไม่เลิก จึงออกปากชวนว่า
“จะลองดูไหมล่ะครับ?”
“...เอาสิ” โรมิโอและจูเลียตพยักหน้าพร้อมกัน
“ถ้างั้นก็เข้าไปข้างในนะ?” เอแคลร์ผายมือให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินหายเข้าไปก่อนหน้านั้น
ร่างสูงโปร่งของทั้งสองก้าวเข้าไปในห้องสารภาพบาปก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีอยู่
“พวกท่าน มีความผิดบาปอะไร..จงบอกข้ามาเสียเถิด ข้าเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าจะต้องให้อภัยได้อย่างแน่นอน..”
เสียงนุ่มดังขึ้นมาจากอีกฝั่งของห้อง
สองปิศาจหนุ่มนิ่งไปสักครู่ก่อนจะตอบรับออกมาว่า
“ก่อนหน้านี้...พวกเราเคยตกหลุมรักมนุษย์อยู่คนหนึ่ง..”
เด็กหนุ่มที่อยู่อีกฟากฝั่งนึงของห้องแอบประหลาดใจอยู่ลึกๆแต่ก็ไม่กล่าวอะไร ผู้สารภาพบาปจึงพูดต่อไปว่า
“ พวกเราปลอมตัวเป็นมนุษย์เข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อหวังที่จะได้ชิดใกล้กับมนุษย์คนนั้น”
“........”
“แต่ทว่า เมื่อมนุษย์คนนั้นรู้ตัว เขากลับหวาดกลัวพวกเรา..และนำเรื่องนี้ไปบอกกับชาวบ้านคนอื่นๆ”
ดวงตาสีอัญมณีของเอแคลร์เบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจนิดๆแต่ก็ไม่พูดแทรกขึ้นถาม เพราะอยากให้อีกฝ่ายเล่าต่อจนจบ
“ พวกชาวบ้านจึงตามล่าพยายามที่จะฆ่าพวกเรา...”
ทั้งสองเว้นช่วงไประยะหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“พวกเราเลยสังหารคนในหมู่บ้านทิ้งซะ...”
ประโยคสุดท้ายจบลง ทั่วทั้งห้องตกอยู่ภายในความเงียบ โรมิโอและจูเลียตไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายได้ยินที่พวกเขาพูดรึเปล่าจึงเอ่ยปากถาม
“จบแล้วนะ เฮ้ คุณบาทหลวงได้ยินที่เราพูดรึเปล่าเนี่ย..”
ร่างบางสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆกล่าว
“ ข้าเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าต้องอภัยให้ท่านอย่างแน่นอน”
“ฆ่าคนไปมากขนาดนั้น พระเจ้าคงไม่ยกโทษให้เราง่ายๆหรอกครับ” โรมิโอบอก ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วลุกขึ้น เดินออกจากห้องไป
ไม่นานนักเอแคลร์ก็ออกมาจากห้องด้วย
“หืม..เอ่เอ๊ ดูหน้าซีดๆนะ” จูเลียตเอ่ยทักขึ้น
เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะถามว่า
“หือ..หน้าผมซีดเหรอ?” ไม่ว่าเปล่ามือบางๆยกขึ้นลูบๆหน้าตัวเองอีกด้วยซ้ำ เป็นกริยาที่มองแล้วน่ารักใช่ย่อย
“กลัวพวกเราเหรอครับ?” โรมิโอยิ้มนิดๆอย่างเอ็นดูก่อนจะเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมา
“เปล่าครับ..” เสียงเล็กตอบ ดวงตาสีสวยสั่นไหวเล็กน้อย
“ พวกเราไม่ฆ่าเอ่เอ๊หรอกน่า” จูเลียตพูดราวกับอ่านใจออก ก่อนจะสวมกอดร่างเล็กจากทางด้านหลัง
เด็กหนุ่มหน้าสวยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“นี่ สัญญาได้ไหม?”
“หืม?” ทั้งสองตอบรับ
“สัญญาได้ไหมว่าพวกนายจะไม่ทำร้ายใครอีก..” เอแคลร์บอกน้ำเสียงเจือเศร้า แฝงไปด้วยความเป็นห่วง ห่วงทั้งผู้คนอื่น ห่วงทั้งปิศาจสองตนที่อยู่ตรงหน้า
โรมิโอและจูเลียตเงียบไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า
“ได้สิครับ”
“พวกเราสัญญาก็ได้”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มละไมอย่างดีใจ ก่อนจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่า
“ จริงเหรอ? สัญญาแล้วนะ?”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าก็ยิ่งรู้สึกโล่งอกเข้าไปใหญ่
...
เมื่อเวลาผ่านไปช่วงราตรีก็เข้ามาถึง...
ทุกคนต่างเข้าสู่ห้วงนิทราภายในห้องพักของตนเอง แต่ดูเหมือนภายใต้รัติกาลนี้ จะมีผู้เดียวที่ยังไม่เข้าสู่ห้วงนิทรา
ร่างสูงโปร่งเดินไปตามทางเดินของโบสถ์ ด้วยความรู้สึกตามสัญชาตญาณว่า.. “หิว”
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เลือดหวานๆสักหยดยังไม่เคยตกถึงท้องของแวมไพร์หนุ่มรูปงามนี้ด้วยซ้ำ ในคืนนี้เจ้าตัวจึงตัดสินใจออกมาหาเลือดดื่มสักหน่อย
กลิ่นกายหอมๆที่ลอยมาตามสายลมยิ่งปลุกสัญชาตญาณในตัวให้ลุกโชน ไม่รอช้าโรมิโอเดินตรงไปที่ห้องๆหนึ่งทันที
ห้องที่เป็นต้นกำเนิดของกลิ่นหอมยั่วใจนี้... ห้องของบาทหลวงเอแคลร์
เหมือนจะเป็นความโชคดีที่เจ้าของห้องไม่ได้ล๊อคประตู เพราะเจ้าตัวแลจะวางใจเสียเหลือเกินว่า กลางป่าแบบนี้ไม่มีใครเข้ามาทำอันตรายได้หรอก..
ร่างสูงโปร่งค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องช้าๆ จนไปถึงเตียงนุ่มที่เด็กหนุ่มหน้าสวยกำลังหลับพริ้มอยู่
ท่ามกลางห้องที่มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์สีเหลืองนวล ดวงตาสีฟ้าและเขียว ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน..ดั่งเช่นโลหิตที่เขาปรารถนา
แต่ทว่าเปลือกตานวลที่ค่อยๆเปิดออกเพราะเจ้าตัวรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ทำให้แวมไพร์หนุ่มประหลาดใจเล็กน้อย เอแคลร์รู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก เมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามาในห้อง หนำซ้ำ แววตาที่เปลี่ยนไปนั้น ราวกับเป็นคนล่ะคนกับที่เคยรู้จัก
ฉับพลันแวมไพร์หนุ่มขึ้นมาคร่อมร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงโดยทันที
“อ..เอ่อ..เข้ามาทำอะไรงั้นเหรอครับ” เอแคลร์ถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือแสดงถึงความกลัวไม่น้อย
“หอมจัง...” ดวงตาสีแดงฉานจ้องใบหน้าขาวเนียนของอีกฝ่ายไว้ราวกับต้องมนต์สะกดก่อนจะซุกลงไปที่ต้นคอขาวๆนั้น พลางจับข้อมืออีกฝ่ายไว้เป็นการพันธนาการ
“อ๊ะ จ..จะทำอะไรน่ะครับ!” เสียงเล็กประท้วง ก่อนที่ลิ้นอุ่นจะโลมเลียลงบนต้นคอบางแล้วฝังเขี้ยวลงไป
“อึก!..เจ็บ..” เอแคลร์หลับตาแน่น ความเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่ร่างกายอย่างที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน โลหิตสีแดงฉาน รสเลิศถูกแวมไพร์หนุ่มดื่มด่ำลิ้มรสอย่างช้าๆ ราวกับเป็นของชั้นดี
--- เนื่องจากมีปัญหาเรื่องความเหมาะสม ฉากในส่วนนี้ ใครสนใจ นี้ นะคะ --“ทำไม..ต้องทำแบบนี้ด้วยครับ..”
“หืม? ก็บอกเเล้วนี่ครับว่าเอ่เอ๊น่ะ หอมจนผมเเทบจะทนไม่ไหว” โรมิโอตอบก่อนจะกอดนัวเนียอีกคนเหมือนลูกแมว
“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย” บาทหลวงคนสวยพึมพำเบาๆ ริมฝีปากอุ่นจูบเบาๆลงบนแก้มเนียนก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มว่า
“มันก็ไม่ได้เลวร้ายไม่ใช่เหรอครับ?”
คนฟังได้แต่หน้าแดงแปร๊ดและร้อนผ่าวเหมือนลูกตำลึง ดูน่ารักน่าแกล้งเป็นที่สุด ก่อนจะถูกอีกฝ่ายกอดเอาไว้
“ ปิศาจนี่เป็นอย่างนี้ทุกคนเลยรึเปล่านะ” เอแคลร์พึมพำเบาๆอย่างหน่ายๆ แต่ไม่มีทางจะพ้นหูของพ่อแวมไพร์ตัวดีไปได้แน่นอน
“ เห? ไม่รู้สิครับ” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มหวานอย่างเช่นทุกครั้ง
“ผมอยากกลับไปนอนแล้วล่ะครับ..” เสียงเล็กบอกด้วยความอ่อนเพลีย
“ อ่า ขออภัยครับ” โรมิโอยิ้มก่อนจะประคองร่างบางขึ้นมาอุ้ม มือเล็กเกาะอีกฝ่ายไว้นิดๆ เป็นเชิงว่ากลัวจะตก ก่อนที่ร่างสูงจะพาออกไปจากห้องลับแล้วค่อยๆวางบาทหลวงหน้าสวยในอ้อมแขนลงบนเตียงนุ่ม ทันทีที่สัมผัสกับเตียง เอแคลร์คว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันที ก่อนจะล้มตัวลงนอน
โรมิโอลูบหัวอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนก่อนจะยิ้มบางๆออกมา ใบหน้าสวยหวานซุกหนีลงกับหมอนนุ่มอย่างนึกอาย พลางได้ยินเสียงของอีกฝ่ายที่พูดพร้อมกับลูบหลังของตนไปพลาง
“ ผมควรกลับห้อง หรือนอนด้วยดีน้า?”
แต่ทว่าร่างเล็กกลับนอนนิ่งเงียบไร้การโต้ตอบใดๆ แวมไพร์หนุ่มจึงตัดสินใจเองโดยการลงไปนอนด้วยเสียเลย ร่างเล็กในผ้าห่มสะดุ้งเบาๆ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายกอดเอาไว้
ร่างบางค่อยๆหลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อนราวกับเด็กน้อย แวมไพร์หนุ่มแอบยิ้มบางๆพลางมองคนในอ้อมกอดที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา สักพักหนึ่งเมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับสนิทแล้ว เขาจึงค่อยๆลุกและเดินออกไป...
ขอบคุณธีมสวยๆจาก
ความคิดเห็น