ตอนที่ 1 : Lost in love
Lost in love

“คุณพ่อขา จะไปทำงานอีกแล้วหรอคะ?” เสียงเล็กๆถามขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อถือกระเป๋าใบใหญ่เตรียมออกจากบ้าน ขณะที่คนเป็นแม่ยืนกอดอกกลั้นน้ำตา เสแสร้งแกล้งทำเป็นว่าตัวเองนั้นเข้มแข็ง และการตัดสินใจของเธอในครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วด้วย
คนเป็นพ่อหยุดยืนมองลูกสาวตัวเล็กในวัย 7 ขวบก่อนที่จะย่อตัวลง ไล้ฝ่ามือหนาบนเส้นผมอ่อนนุ่ม ก่อนที่จะบรรจงลูบศีรษะเล็กๆนั้นอย่างแผ่วเบา
“ใช่แล้วลูก พ่อ…กำลังจะไปทำงาน” นี่คือคำตอบสั้นๆ ที่นิชคุณคิดว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น
“น่าจะไปนานน่าดู กระเป๋าถึงได้ใบใหญ่ขนาดนี้ หนูจะต้องคิดถึงคุณพ่ออีกแน่ๆ สัญญาได้ไหมคะว่าถ้าเสร็จงานแล้ว จะกลับมาหาหนูเร็วๆ”
“เลิฟลี่…อย่าไปกวนพ่อเค้าเลยลูก พ่อเค้าคงไม่มีเวลาหรอก หนูอย่ารอเลย” คนเป็นแม่เข้ามาดึงตัวลูกสาวออกห่างจากผู้เป็นสามี เราสองคนเพิ่งไปหย่ากันมาเมื่อเช้า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นิชคุณไม่ใช่สามีของเธอและเขาก็คงไม่อยากที่จะเป็นพ่อให้กับเลิฟลี่อีกแล้วด้วย
“ไปเถอะค่ะ รีบไปซะตั้งแต่ตอนนี้ ฉันดูแลเลิฟลี่คนเดียวได้”
“ถึงยังไง…ผมก็จะกลับมาหาลูก เลิฟลี่…พ่อจะกลับมาหาลูกนะ รอพ่อได้ใช่ไหม?”
เด็กหญิงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ถึงจะไม่อยากให้พ่อไป แต่หนูน้อยก็ไม่ใช่เด็กขี้แยหรือชอบเอาแต่ใจ เลิฟลี่เข้าใจดีว่าคุณพ่อต้องไปทำงาน
ก่อนจะไปนิชคุณคิดว่าเขาควรที่จะทำหน้าที่พ่อให้ความอบอุ่นกับลูกสาว ถึงแม้ที่ผ่านมาตนจะงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาให้กับเลิฟลี่มากเท่าไหร่นัก แต่เราสองคนพ่อลูกก็สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี
“ทิฟฟานี่…ถือว่าผมขอ”
แค่เขาเรียกชื่อของเธอพร้อมกับส่งดวงตาอบอุ่นอ่อนโยนมาให้ เพียงแค่นั้นมือข้างที่ยึดข้อมือเล็กๆของลูกสาวเอาไว้ก็ยอมที่จะคลายออก ยอมปล่อยให้สองพ่อลูกได้กอดลากันตามที่อดีตสามีต้องการ
…บางทีมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ แต่อีกใจหนึ่งทิฟฟานี่ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่านิชคุณจะต้องกลับมา ก่อนหน้าเราทะเลาะเบาะแว้งและมีเรื่องผิดใจกันหลายต่อหลายครั้ง แต่เราก็ผ่านพ้นมันมาได้
“เขาควรจะต้องดีใจสิ ที่ฉันหึง ถ้าฉันทำเย็นชาหรือทำไม่สนใจ นั่นล่ะคือฉันไม่รักเขาแล้ว แต่นี่เพราะรักไง แค่นี้ก็ไม่เข้าใจหรอ?”
“ฉันชื่อกงซึงยอนอายุ 23 ปี ปัจจุบันแต่งงานแล้วค่ะ, สามีของฉันชื่อว่าลีจงฮยอน เขาทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่ที่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ส่วนฉันเป็นแม่บ้าน มีหน้าที่หลักก็คือคอยดูแลควบคุมงานทุกอย่างในบ้าน ดูแลคุณแม่ของสามีรวมไปถึงยังช่วยดูแลกิจการร้านซักอบรีดของคุณแม่สามีด้วย”
อีกเดือนเดียวเท่านั้นก็จะถึงวันครบรอบแต่งงานช่วงปีที่หนึ่งของเราพอดี จงฮยอนบอกว่าเขามีแค่คุณแม่คนเดียว ตลอดมาแม่ของเขาทำงานอย่างหนักแล้วก็ส่งเสียให้เขาได้เรียนสูงๆ ท่านเป็นผู้หญิงที่เก่งมากและจงฮยอนก็รักแม่ของเขามากด้วย
ในตอนที่ปรึกษาหารือกันถึงเรื่องแต่งงาน จงฮยอนขอร้องเธอสองข้อ ข้อแรกก็คือขอให้เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเขา และข้อสอง เขาขอให้เธอเป็นแม่บ้าน ช่วยดูแลคุณแม่ของเขาในระหว่างที่เขาออกไปทำงาน ซึ่งทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องปกติทั่วไปสำหรับลูกผู้หญิง
เราไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย จงฮยอนไม่ใช่ผู้ชายขี้ตืดขี้เหนียว เขายินดีทำงานหาเลี้ยงและดูแลเธอให้สุขสบายเท่าที่จะมากได้ ข้าวของเครื่องใช้ที่อยากได้และจำเป็นต้องใช้ จงฮยอนจัดสรรค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นให้เธอแบ่งสรรใช้จ่ายตามต้องการ บ้านของเขาอาจไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา แต่เขาก็มีพร้อมหมดทุกอย่าง ไม่มีอะไรยากลำบากเกินไปสำหรับเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อไม่มีแม่อย่างเธอเลย
…แรกเริ่มฉันดีใจด้วยซ้ำที่กำลังจะมีครอบครัว และมีแม่…
“นี่ข้าวกลางวันของพี่ค่ะ”
เช่นเคยที่จงฮยอนรับถุงอาหารกลางวันไปจากมือของภรรยาสาว ซึงยอนเป็นเด็กกำพร้า แต่เธอเป็นคนเก่งและฉลาด สอบชิงทุนได้ไปเรียนถึงต่างประเทศ จงฮยอนรู้สึกผิดต่อเธอมาก เพราะแรกเริ่มซึงยอนต้องการจะกลับมาทำงาน ใช้ความรู้ความสามารถที่เธอมีสร้างเนื้อสร้างตัว ถ้าไม่เพราะเขาขอร้องให้เธอเป็นแม่บ้านและช่วยดูแลแม่ของตัวเอง ป่านนี้ซึงยอนคงได้ทำตามความฝันของตัวเองไปแล้ว
“กินข้าวเยอะๆสิ ช่วงนี้เธอผอมมากเลยนะรู้ไหม”
เพราะเขามอบความห่วงใยให้เธอเสมอ ดังนั้นหลายสิ่งหลายอย่างจึงทำให้ซึงยอนต้องอดทนอดกลั้นเสมอมา
“รีบไปทำงานเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสายนะ วันนี้พี่กลับเวลาเดิมหรือเปล่าคะ?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่จะพยายามกลับให้เร็วที่สุด เท่าที่จะมากได้ ถ้าเธอง่วงก็ไม่ต้องอยู่รอพี่หรอกนะ ถ้าแม่เข้านอนแล้ว เธอก็เข้านอนได้เลย”
ลีจงฮยอนจูบลาเมียรักเหมือนกับในทุกวัน หากแต่ถึงจะได้รับจูบนั้นซึงยอนกลับรู้สึกไม่ดีใจเท่าที่ควร เพราะจงฮยอนไม่เอ่ยถึงวันครบรอบแต่งงานของเราเลย
“พี่ไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว!” ซึงยอนเดินตามมาขวางหน้าสามีของเธอเอาไว้ ตั้งแต่แต่งงานมา เราสองคนไม่เคยมีช่วงเวลาอยู่ด้วยกันในแบบสองต่อสองเลย
“อาทิตย์ที่จะถึงเป็นวันอะไร…พี่จำได้ไหมคะ?”
จงฮยอนคลี่ยิ้ม ถึงวันๆจะนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ แต่เขาไม่มีวันลืมวันครบรอบแต่งงานของตัวเองเป็นอันขาด
“จำได้ไม่เคยลืมเลย ว่าแต่…เราจะทำอะไรกันดี?”
“ลางานเลยค่ะ ลางานแล้วก็ไปเที่ยวทะเลกัน”
ซึงยอนยืนอมยิ้มพอใจเมื่อจงฮยอนให้คำสัญญาว่าจะพาเธอไปเที่ยวทะเล แต่ทว่ายืนยิ้มดีใจอยู่ได้ไม่เท่าไหร่ ร่างบางก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงดังออกมาจากในบ้าน
“นังเด็กนี่! อยู่ไหน มัวทำอะไรอยู่ ทำไมป่านนี้แล้วไม่ยอมมาล้างจานชามสักที เธอจะปล่อยให้มันกองท่วมหัวฉันเลยหรือยังไงยะ!?”
ร่างบางรีบเดินกลับเข้ามาตามเสียงโหวกเหวกโวยวาย ซึงยอนก้มหน้างุดรับสีหน้ามึนตึงของคุณแม่สามี ก่อนที่จะกุลีกุจอเริ่มต้นล้างจานชามอย่างไร้ซึ่งปากเสียง เป็นเรื่องโชคดีของผู้หญิงที่มีสามีที่รักและดีกับเธอมากๆ หากแต่ปัจจัยรอบข้างกลับค่อยๆบั่นทอนความโชคดีของกงซึงยอนไปทีละน้อย
“อย่าชักสีหน้าแบบนั้นใส่ฉัน อย่ามาทำจองหองในบ้านนี้ จำเอาไว้ซะด้วย นังเด็กไม่มีพ่อแม่คอยสั่งคอยสอน!”
คุณแม่สามีที่เคารพรักเดินสะบัดหน้าออกไปเมื่อด่าจบ ความจริงแล้วก่อนหน้าที่ซึงยอนจะแต่งงานเข้ามา ที่นี่มีแม่บ้านคอยดูแลเรื่องงานบ้านและดูแลคุณแม่เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่พอเธอเข้ามา เธอก็กลายมาเป็นทุกอย่างสำหรับบ้านนี้ไป ส่วนแม่บ้านคนเก่าก็ว่างงานมากขึ้นและเอาแต่ยืนควบคุมคอยดูเธอในฐานะสะใภ้ให้ทำงานทุกอย่างในบ้าน แล้วจากนั้นก็จะคอยรายงานความเรียบร้อยกับคุณแม่ของสามี
แรกเริ่มซึงยอนก็ไม่ได้คิดอยู่แล้วว่าเด็กกำพร้าที่คอยช่วยเหลือตัวเองมาตลอดทั้งชีวิตอย่างเธอจะมาอยู่สุขสบายหรือเป็นคุณนายที่คอยเอาแต่นั่งกระดิกปลายเท้า เธอยินดีช่วยทำงานทุกอย่างภายในบ้าน แต่ยิ่งยอมก็เหมือนว่าตัวเองกลายเป็นคนหัวอ่อน ยอมให้โขกสับเรียกใช้ได้เยี่ยงทาส
“จนตอนนี้ฉันก็เริ่มคิดแล้วเหมือนกันว่าที่ยอมอยู่ทุกวันนี้ มันคุ้มค่ากับสิ่งที่ฉันเสียไปหรือเปล่า ฉันอดทนเพราะหวังว่าจะได้รับการยอมรับและความเอ็นดูจากคุณแม่บ้าง แต่นับวันฉันก็ได้พบว่ามันมีแต่แย่ลงเรื่อยๆ ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้พบจงฮยอน ป่านนี้ฉันก็คงได้ทำในทุกอย่างที่อยากทำ ตอนที่เขาขอฉันแต่งงาน ฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่ามันจะเร็วมากเกินไปสำหรับฉันหรือเปล่า แต่ตอนนี้…ฉันกำลังคิดแล้วล่ะ”

เป็นครั้งแรกที่ซอจูฮยอนได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน ไม่ใช่สิ…ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอเลยด้วยซ้ำ เป็นเวลาเจ็ดปีแล้วที่เธอไม่มีโอกาสกลับเข้าบ้านของตัวเอง นับตั้งแต่เกิดเรื่อง พ่อโกรธเธอมาก ซึ่งจูฮยอนก็รู้ดีว่าเธอทำผิดต่อท่านมากแค่ไหน
“จูฮยอนจ๋า หนูถูกใจหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกใจบอกอาได้หมดเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ซออึนฮีเป็นน้องสาวแท้ๆของพ่อ ตั้งแต่จูฮยอนไปเรียนต่อที่อเมริกา ซออึนฮีเป็นคนจัดการดูแลทั้งเรื่องเรียนและเรื่องที่พักให้กับหลานสาวของเธอทั้งหมด
จูฮยอนกวาดสายตามองสำรวจห้องพักในวิลล่าหรู ที่นี่มีพร้อมทุกอย่างและห้องนี้ก็สวยมาก ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลไปจากที่ทำงานของเธอด้วย
“หนูชอบค่ะอา ขอบคุณจริงๆนะคะที่ช่วยเป็นธุระให้ หนูรบกวนอาตลอดเลย ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณ แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น เราคนกันเอง ถ้าอาไม่ช่วยหนู แล้วเราจะเป็นอาเป็นหลานกันทำไม?” ผู้เป็นอาโผกอดหลานสาวด้วยรอยยิ้ม ซอจูฮยอนไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณอะไร เพราะเธอยินดีทำทุกอย่างให้ด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว
หลานของเธอน่าสงสาร นับตั้งแต่พี่สะใภ้หย่าขาดกับพี่ชายของเธอแล้วก็ออกจากบ้านไป ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจูฮยอนก็กลายเป็นเด็กขาดแม่ ภายนอกซอจูฮยอนคือผู้หญิงน่าอิจฉาเพราะมีพร้อมทุกอย่าง พ่อของเธอเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับท็อปไฟว์ของประเทศ นอกจากนี้แล้วท่านยังเป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงมัธยมอีกด้วย ทุกกิจการของตระกูลล้วนเกี่ยวข้องกับการศึกษาทั้งหมด
พี่ชายของซออึนฮีเป็นคนเนี๊ยบและค่อนข้างตึง เขาเป็นพวกหัวเก่า ยอมรับได้แต่ความสำเร็จและความดีงาม เพราะฉะนั้นจึงมีหลายเรื่องที่คนหัวเก่าแบบเขาจะรับไม่ได้ จูฮยอนเติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูอย่างเคร่งครัด เหมือนมีพ่อเป็นครูและลูกสาวของตัวเองก็จะต้องดีเด่นดังให้ได้เหมือนที่คาดหวัง แค่ความผิดพลาดครั้งเดียว มันคือตราบาปที่สามารถตอกย้ำให้จูฮยอนต้องจำทนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความอ้างว้างและโดดเดี่ยวมาตลอดเจ็ดปี หลานสาวของเธอรู้สำนึกผิดนานแล้ว แต่พี่ชายของเธอนี่สิที่ยังคงเป็นตัวปัญหาใหญ่ เพราะฉะนั้นหนทางเดียวที่จะฟื้นคืนความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกได้ก็คือความสำเร็จในชีวิตการงาน และจูฮยอนก็จะต้องพิสูจน์ตัวเองหลังจากนี้
“ถ้ายังขาดเหลืออะไรก็บอกอาได้เลยนะจ๊ะ ทั้งชั้นนี้มีหนูพักอยู่แค่คนเดียว เพราะว่าห้องตรงข้ามนั่นไม่มีคนอยู่นานแล้ว นานๆทีเจ้าของถึงจะกลับมา แล้วเขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ใครเช่าด้วย หนูน่าจะชอบแบบนี้ เป็นส่วนตัวดี สบายๆ”
แบบนี้คือสิ่งที่จูฮยอนชอบหรือเปล่า เธอก็ตอบไม่ได้ เธอแค่พึงพอใจมากกว่าถ้าจะอยู่แบบส่วนตัว ไม่มีใครมาคอยวุ่นวาย
“เอ่อแล้วนี่…เย็นนี้หนูจะไปไหนหรือเปล่าจ๊ะ?”
“ไปค่ะ วันนี้หนูต้องไปงานเลี้ยงรุ่น นัดเพื่อนๆเอาไว้แล้วด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นดีเลยจ๊ะ อามีของขวัญชิ้นสำคัญ และหวังว่ามันจะมาส่งให้หนูได้ใช้ในแบบทันเวลา”
“….” จูฮยอนมองหน้าอาของเธอพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
อึนฮียิ้มหวานก่อนที่จะวางกุญแจรถยนต์คันหรูที่ถูกประดับด้วยริบบิ้นสีทองลงในฝ่ามือของหลานสาว จูฮยอนมองมันตาโต ไม่คาดคิดว่าของขวัญจากอาจะชิ้นใหญ่มากขนาดนี้
“เป็นของขวัญสำหรับผู้อำนวยการคนใหม่จ๊ะ ขับรถหรูๆไปทำงาน คนเค้าจะได้ไม่ว่าเอาได้ว่าพ่อของหนูเป็นคนขี้งกขี้ตืด”
ท้องฟ้าในยามได้รับอิสระช่างสวยงดงามอะไรอย่างนี้ ตลอดการฝึกอย่างหนักร่วมกับทุกคน จองยงฮวาไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือคิดถึงบ้านเลย ในทางกันข้ามเขามีความสุขมากเลยด้วยซ้ำที่ได้มีเพื่อนมากมาย ได้กินได้ดื่ม ได้ลำบากและอาบเหงื่อต่างน้ำร่วมกันในฐานะทหารหาญรับใช้ชาติ รับใช้แผ่นดิน
“นายคงคิดถึงลูกเมียแย่เลยสิ”
แทบจะไม่คิดถึงเลย…ถ้าจะพูดความจริงคงเป็นการทำร้ายจิตใจกันมากเกินไป สำหรับยงฮวาแล้วตนก็เป็นได้แค่พ่อในนาม แม้แต่ภาพครอบครัวที่ดูสมบูรณ์แบบดีก็คือการสร้างภาพ แล้วจะมีอะไรจริงบ้าง…มีแค่ความรู้สึกในหัวใจเท่านั้น แต่มันก็คงใช้พิสูจน์อะไรไม่ได้
ยงฮวาแยกทางกับเพื่อนเมื่อมาถึงถนนใหญ่ เพื่อนคนอื่นๆที่มีครอบครัวแล้วต่างก็มีภรรยาและลูกมาคอยรอรับอย่างอบอุ่น ผิดกับเขาที่มีก็เหมือนไม่มี แต่ต่อให้มารับจริงๆ เขาก็คงไม่รู้สึกอะไรอยู่ดี เพราะฉะนั้นให้มันเป็นแบบนี้นี่แหละ ดีที่สุดแล้ว
…ต่างคนต่างอยู่
“รักแรกที่ทำยังไงก็ลืมไม่ลงของผมเกิดขึ้นเมื่อช่วงเจ็ดปีที่แล้ว เธออยู่ไกลเกินเอื้อมถึง แต่ผมคิดว่าตัวเองในตอนนั้นมีสิทธิ์ที่จะรักเธอได้”
เป็นช่วงเดียวที่มีความสุขมากๆ มองไปทางไหนดอกไม้รอบตัวของเราก็เบ่งบาน ความรักระหว่างหนุ่มสาวสวยงดงามมากกว่าท้องฟ้าในวันนี้หลายเท่าตัวนัก บ้านของจองยงฮวาทำไร่มันเทศ นอกจากนี้ก็ยังมีผักปลอดสารพิษอีกมากมาย
เธอคนนั้นเป็นลูกสาวผู้ดีมาจากเมืองหลวงที่ชื่นชอบและหลงใหลมันเทศเป็นชีวิตจิตใจ เธอบอกว่าอากับพ่อของเธอ พาเธอมาที่นี่เพื่อพักผ่อน บ้านพักตากอากาศหลังโตที่อยู่สุดอาณาเขตไร่ของเขาไปเป็นรางวัลที่เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วยผลคะแนนอันดับหนึ่ง
“ผมในตอนนั้นอายุ 20 ปีบริบูรณ์ ส่วนเธอยังเด็กมากแค่ 18 ปีเท่านั้น”
รถประจำทางคันแล้วคันเล่ามาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วก็ผ่านเลยไป ทว่ายงฮวาในวัย 27 ปีกลับยืนนิ่งไม่คิดที่จะเลือกขึ้นไปสักคัน จวบจนกระทั่งเห็นผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งเดินหอบหิ้วถุงของสดพะรุงพะรังข้ามมาจากตลาดฝั่งตรงกันข้าม เมื่อนั้นสมองของยงฮวาถึงได้ตื่นตัวเต็มที่
“ป้าครับ!”
หญิงสูงวัยหันกลับมามองชายหนุ่มตามเสียงเรียก ถึงแม้จะไม่ได้เห็นเขานานแล้วแต่เธอก็จำได้ดีว่าจะต้องเป็นเขาแน่ๆ
ยงฮวารับอาสาช่วยถือของมาส่งหญิงสูงวัยถึงที่ ราวๆเจ็ดปีมาแล้วที่ไม่ได้กินต๊อกบ๊กกีฝีมือของป้ายองวอนเลย ยงฮวามั่นใจว่าร้านเก่าทำเลดีกว่านี้มาก ที่ใหม่ตรงนี้ถึงจะกว้างขวางกว่าแต่เหมือนคนจะผ่านมาน้อยมาก จนทำให้รู้สึกเงียบเหงามากไปกว่าที่เคย
“ทำไมป้าถึงย้ายร้านล่ะครับ?”
“โดนไล่ที่น่ะจ๊ะ เจ้าของเค้าจะปลูกอพาร์ทเม้นท์ ป้าก็เลยต้องหาที่ใหม่ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธออีก นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกันเลย แล้วแม่หนูจูฮยอนละจ๊ะ พวกเธอยังคบกันอยู่หรือเปล่า?”
“….” ยงฮวาอึกอักอย่างเห็นได้ชัด ตลอดเจ็ดปีมานี้พยายามที่จะลืมตลอดแต่ก็ลืมไม่ได้
เห็นเขาทำหน้าเศร้า คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนอย่างยองวอนก็พอที่จะคาดเดาได้ถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป
“ไม่ต้องตอบแล้วล่ะจ๊ะ ป้าเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ขอโทษจริงๆที่ป้าถามโดยที่ไม่ได้คิดก่อน”
ตลอดเจ็ดปีมานี้ป้ายองวอนคงจะเอาแต่ขายของ จนไม่ได้ติดตามข่าวอะไรเลย ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาแต่งงานกับคนอื่นมาตั้งสามปีแล้ว
“เลิกกันนานแล้วล่ะครับ ป้าก็น่าจะดูออกแต่แรกว่าจูฮยอนไม่เหมาะสมกับผมหรอก พ่อของเธอไม่ยอมให้เราคบกัน ส่วนจูฮยอน…เธอคงคิดว่าผมหลอกเธอ” นัยน์ตาของยงฮวาช่างดูแสนเศร้า ยองวอนคิดว่าเธอเข้าใจดีและรู้จักยงฮวาดีมากกว่าใคร
“แล้วตอนนี้…เธอยังได้เจอหนูจูฮยอนบ้างไหม?”
ยงฮวาส่ายหน้า ครั้งสุดท้ายเขารู้แค่ว่าจูฮยอนไปเรียนต่อที่อเมริกา หลังจากนั้นก็ไม่รู้อีกเลยว่าเธออยู่ที่ไหนหรือว่ากำลังทำอะไรอยู่ หรือบางทีเธออาจจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วก็ได้
*******************100%********************
เรื่องราวประมาณนี้ค่ะ มีแต่คู่ที่ร้าวๆ
กฎกติกาเดิมนะคะ อยากได้ฉากคัทต้องคอมเม้นท์ให้กันทุกตอน
เวลาคอมเม้นท์อย่าเปลี่ยนยูสเซอร์ไปมา ใช้ยูสเดิม จอยจะตรวจนับได้ง่ายค่ะ
ไม่ได้สมัครสมาชิกก็สามารถคอมเม้นท์ได้
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ช่วงแรกคงช้าหน่อย เพราะ The snowman ยังไม่จบเลย
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แค่ตอนแรกยังต้องต้มมาม่าเลย
👍🏻😭😭😭😭
แค่ตอนแรกยังต้องต้มมาม่าเลย
👍🏻😭😭😭😭
เปิดอินโทรมาก็ดราม่าเลยนะคะแต่ละคู่ T_T
ไรเตอร์สู้ๆ
เรื่องนี้ก็เช่นกัน น่าติดตามมากๆค่ะ
ยงแต่งงานกับคนอื่น ใครอ่ะคะ แล้วซอล่ะ
แล้วเรื่องเมื่อเจ็ดปีก่อนคืออะไร ทำไมพ่อซอต้องโกรธซอด้วยล่ะคะ
ทิฟฟานี่กับนิชคุณ เปิดตัวมาก็หย่ากันเลยหรอคะ ไม่สงสารลูกหรอที่ทำแบบนี้
แต่ทั้งคู่คงมีเหตุผลบางอย่างที่บอกใครไม่ได้มั้งคะ ดูเหมือนก็ยังนักกันอยู่นะคะเนี่ย
จงฮยอนกลับมาดูแลซึงยอนแบบใกล้ชิดบ้างนะ ดูเหมือนซึงยอนกำลังตกที่นั่งลำบากแล้วนะ
ตามมาเปิดบ้านใหม่อย่างเป็นทางการค่ะพี่จอยยยย มาช้าก็ยังดีกว่าไม่สานะคะ ฮิฮิ ตามต่อค่ะ สู้ๆๆค่ะ ^_^