ไวรัสตับอักเสบ ซี
มันน่ากลัวนะ
ผู้เข้าชมรวม
4,955
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ไวรัสตับอักเสบ ซี
หากจะกล่าวถึงโรคไวรัสตับอักเสบ หลายคนคงร้องอ๋อ .........เพราะส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกับชื่อไวรัสตับอักเสบเอ และบี เป็นอย่างดี เนื่องจากคนไทยเราปัจจุบันนี้ติดไวรัสทั้งสองประเภทอยู่ไม่น้อย แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จักไวรัสตับอักเสบอีกชนิดหนึ่งที่กำลังมาแรงแซงหน้าไวรัสตับอักเสบเอ และบี นั่นก็คือ ไวรัสตับอักเสบซี
ไวรัส ซี ......... เล็กพริกขี้หนู
ไวรัสตับอักเสบ ซี ถือเป็นไวรัสขนาดเล็กที่มาทำลายเซลล์ตับเหมือนชนิด เอ และบี คือเมื่อเชื้อได้เดินทางเข้าสู่ร่างกายเรียบร้อยแล้ว มันจะมุ่งหน้าไปตั้งรกรากกันอยู่ภายในเซลล์ตับ โดยพวกมันจะทำลายเซลล์ตับให้อ่อนแอลงเรื่อยๆ และทำให้เกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง แต่พบว่าการทำลายเซลล์ตับของไวรัสตับอักเสบ ซี นั้นจะรุนแรงกว่าชนิด เอ และบี หลายเท่านัก และเมื่อผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง เซลล์ตับที่ถูกทำลายจนอ่อนล้า ก็จะกลายเป็น โรคตับแข็งและโรคมะเร็งตับในที่สุด
ติดต่อกัน.........ไม่ง่ายอย่างที่คิด
แต่อาจถือเป็นโชคดีที่ไวรัสตับอักเสบ ซี ไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆเหมือนโรคผิวหนัง โรคหวัด หรือแม้แต่การใช้ข้าวของในชีวิตประจำวันร่วมกัน ซึ่งช่องทางการติดต่อที่สำคัญของไวรัสตับอักเสบ ซี คือ
- ติดต่อกันทางเลือด เช่น การรับเลือด การถ่ายเลือด หรือการฟอกเลือด ล้างไต หากเครื่องมือไม่ได้รับการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง
- ติดต่อจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การสัก การเจาะหู หรือการฝังเข็ม เป็นต้น
- ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์
- ติดต่อจากมารดาไปสู่ทารกในครรภ์
อาจรู้ตัวเมื่อสาย
ถือเป็นเรื่องน่ากลัวทีเดียว ที่ผู้ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการใดๆ ให้เห็นชัดเจน หากไม่ไปตรวจเช็กสุขภาพดู ก็อาจคิดว่าร่างกายปกติสมบูรณ์ดี มีเพียงแค่อาการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียเล็กน้อย ซึ่งหลายคนก็เหมารวมเองว่า คงมาจากการทำงานหนัก ไม่ค่อยได้พักผ่อนมากกว่า
หากไม่สังเกต
ผู้ป่วยหรือคนรอบข้างก็ยากที่จะรู้ว่าเป็นไวรัสตับอักเสบอยู่ แต่ถ้ามีการตรวจเลือดดู จะพบว่าผู้ติดเชื้อทุกรายมักมี การทำงานของตับผิดปกติแน่นอน รวมทั้งเจ้าไวรัส ซี ก็ได้จัดการทำลายเซลล์ตับมาตลอด และมันจะทำอย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมานั้น แพทย์เผยว่ามีผู้ป่วยเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น ที่สามารถกำจัดไวรัสตัวร้ายนี้ออกจากร่างกายได้สำเร็จ แต่อีกร้อยละ 85 กลายเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง อันเป็นผลให้เกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับตามมาได้
เป็นแล้ว.......ทำอย่างไรดี
ถ้ารู้ตัวว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี แล้ว ก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายราวกับเป็นเอดส์ เพราะผู้ป่วยยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ มีก็แต่ระวังอย่าหักโหมมากเกินไปและพักผ่อนให้มากขึ้นหน่อย ซึ่งผู้ป่วยมีโอกาสหายได้ หากมีการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ และไม่ใช่ทุกรายที่จะต้องจบชีวิตลงด้วยการเป็นมะเร็งตับ ที่สำคัญคือ หากป่วยแล้ว ก็ควรไปพบแพทย์เป็นระยะๆ ตามที่แพทย์นัด เพื่อให้แพทย์ประเมินอาการ ให้ยา และควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด
ดูแลตัวเองง่ายนิดเดียว
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เพราะแอลกอฮอล์จะเข้าไปจับมือกับไวรัส ซี ทำให้การทำงานของตับทรุดลงอย่างรวดเร็ว
- พักผ่อนให้เต็มที่และเพียงพอ เมื่อรู้สึกและหายเพลียแล้วค่อยเริ่มทำกิจกรรมต่างๆได้ แต่ก็ควรเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่หักโหม
- ควรกินอาหารที่บำรุงร่างกาย โดยเฉพาะเน้นประเภทที่แคลอรีมากๆ เช่น โปรตีน แต่ควรลดอาหารจำพวกไขมันลง
- ไม่ควรใช้ยาพร่ำเพรื่อ เช่น พวกสมุนไพรที่คนอื่นแนะนำว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง เพื่อให้การควบคุมอาหารเกิดผล
เปรียบเทียบไวรสตับอักเสบ เอ บี และซี
ไวรัส เอ ติดต่อผ่านการรับประทานอาหารเข้าไป เช่น ทานอาหาร ดื่มน้ำที่มีเชื้อ ซึ่งมักพบว่ามีการระบาดในชุมชนหรือกลุ่มคนที่อาศัยอยู่รวมกัน เช่น โรงเรียน หอพัก ค่ายทหาร ฯลฯ อาการในเด็กมักมีอาการน้อย ส่วนผู้ใหญ่จะมีอาการรุนแรงกว่าคือ อาจมีไข้ เบื่ออาหาร ตัวเหลือง ตาเหลือง หากเป็นมากๆก็อาจมีโอกาสตับวาย
ไวรัส บี ติดต่อผ่านเลือด น้ำเหลือง สารคัดหลั่ง เช่น น้ำอสุจิ น้ำลาย น้ำนม ฯลฯ อาการส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ อาจมีไข้ต่ำๆ 2-3 วัน อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ท้องอืด บางรายอาจมีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง ปัสสาวะสีเหลือง คันตามตัว แต่อาการจะค่อยๆ ทุเลาลงจนเป็นปกติ แต่ถ้าหากเป็นรุนแรงหรือเรื้อรังก็อาจมีโอกาสเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับได้
ไวรัส ซี ติดต่อผ่านทางเลือด น้ำเหลือง หรือการมีเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ อาจแค่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และมีส่วนที่แสดงอาการดีซ่าน แต่หากเป็นรุนแรงหรือเรื้อรัง ก็อาจมีโอกาสตับแข็ง หรือมะเร็งตับ ได้เช่นกัน
ผลงานอื่นๆ ของ angelicz ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ angelicz
ความคิดเห็น