ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    l'Amour รักของฉันมีแค่เธอ

    ลำดับตอนที่ #8 : You can hear my voice but you can't hear it trembling. [70%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 61
      0
      28 มี.ค. 58



    |WARNING  MATURE CONTENT  YOU MUST BE 18+|

    - 6 -

    You can hear my voice but you cant hear it trembling 
    You can feel my touch but not my heart pounding

     

     

             (Rome Part )

     

             “พี่โรม ตกลงได้เจอเอ็มมี่ไหม” โรมมองน้องสาวตัวเองที่เดินเข้ามาในห้อง เขาจะตอบยังไงกับเธอดี ว่าเอ็มมี่เกลียดเขาไปซะแล้ว

             “เจอสิ แต่..เธอไม่ยอมกลับมากับพี่”

             “ฉันรู้ว่ามันทำใจอยากแต่ว่า...พี่น่าจะอธิบายให้เธอฟัง” เทเลอร์ที่พึ่งเข้ามาหย่อนตังลงนั่งข้างๆ พี่ชาย

             “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกหน่า” โรมว่าแล้วก็เขกหัวน้องสาวหนึ่งที่ ข้อหาที่ทำใบหน้ากังวลจนเกินไป เพราะจริงๆ แล้วเขาก็ทำใจมาแล้วล่ะว่า เอ็มมี่ไม่มีทางยอมกลับไปกับเขาง่ายๆ

             “โอ้ย เจ็บนะ... เฮ้อ ถ้าฉันเป็นเอ็ม ฉันก็คงไม่อยากกลับมา”

             “ทำไมล่ะ..”

             “มันน่าเจ็บปวดไม่ใชเหรอ เธอคงจะเกลียดเรามาก”

             “แล้วพี่ล่ะ” โรมพูดเสียงอ่อยพลางหันหน้าไปสบตากับน้องสาวตัวเอง

             “อย่ามากทำหน้าแบบนั้นให้ฉันได้สงสารอีกนะ ฉันไม่ใช่เอ็มมี่” จากที่เศร้าๆ อยู่ คำพูดจากน้องสาวเขานั้นก็ทำหน้าเขาหลุดหัวเราะทันที

             “ฮ่าๆ เธอโตป่านนี้แล้วยังมาทำตัวเป็นเด็กๆ อีก”

             “เช้อ~ ว่าแต่วันนี้จะไปไหนอ่ะ” เทเลอร์มองโรมที่ออยุ่ในชุดสูตร ดูเหมือนเขาจะไปที่ไหนสักที่

             “ไปทำเรื่องของผู้ใหญ่”

             “ฉันเด็กหรือไง 20 แล้วนะ”

             “20 แต่ตัวนะสิ”

             “ปากร้าย!”

     

             ณ บริษัทสำนักงานทนายความ Fidèle

            

             “สวัสดีครับคุณโรมินิค ขอโทษที่ทำให้รอนาน” ทนายความโรลองต์ก้มหัวให้กับโรมแล้วเดินมานั่งเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงข้าม

             โรมินิคหรือโรมเป็นชื่อเดียวกัน ทว่าในทางธุรกิจคนส่วนใหญ่จะเรียกเขาในเชื่อเต็มๆ ว่า โรมินิค

             “ไม่เป็นไรครับ” เขาสามารถจะรอนานเท่าไรก็ได้ ถ้าหากว่าทนายความส่วนตัวของพ่อเขาสามารถมาพบเขาได้โดยไม่ได้รายงานพ่อ

             “ว่าแต่คุณโรมินิคมีอะไรให้ผมช่วย..”

             “ครับเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า...” โรมหยุดนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็หายใจเข้าเฮือกใหญ่ราวกับเขาต้องการรวบรวมความกล้าเพื่อนจะถามคำนี้

             “ผมอยากทราบว่าพ่อของผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของครอบครัว ‘ลิเยียร์ม’ ”

             “เอ่อ..” ทนายโรลองต์ชะงักไปชั่วครู่กับคำถามที่เขาได้ยินมาจากลูกชายของหัวหน้าของเขา

             “คุณจัดการเรื่องนี้ ผมทราบว่าคุณรู้ดี” สายตาที่เข้าจับจ้องไปที่ทนายโรลองต์ถึงกับเหงื่อตก

             “คุณโรมินิก...คุณทราบดีว่าพ่อของคุณไม่ให้คุณข้อเกี่ยวกับเรื่องนี้”

             “ผมแค่อยากทราบ..ว่าพ่อของผมเกี่ยวข้องกับการตายของครอบครัวนี้หรือไม่” โรมย้ำอีกครั้ง

             “ขอโทษนะครับคุณโรมินิค พ่อของคุณสั่งไว้..”

             “ผมจะจ่ายให้คุณมากกว่าที่พ่อผมจ่าย”

             “คุณโรม..”

             “ผมไม่อาจหักหลักคนที่มีบุณคุณต่อผมมากครับ สิ่งที่ผมสามารถบอกคุณได้อย่างเต็มว่าปากว่า พ่อของคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตาย..”

             “ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมพ่อของผมต้องฟ้อง ‘ครอบครัวนั้นด้วยล่ะ’ ” ทนายโรลองต์รู้ดีว่า โรมินิคเป็นคนที่ฉลาดมาก เขาสามารถรู้เรื่องทุกอย่างที่เขาอยากรู้ ไมอย่าง่งั้นเขาไม่สามารถทำให้บริษัทของเขาติดหนึ่งในสิบของโลกได้

             “มันเป็นปัญหาทางธุรกิจ อีกอย่างพ่อของคุณสั่งไว้..”

             “ไม่ให้ผมรู้ ? ” โรมินิคพูดแทรก ใบหน้าคมคบกรามตัวเองอย่างเคร่งเครียด

             มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิ! เขาคิด

             “ขอโทษด้วยครับ” ทนายความโรลองต์พูดจบก็ลุกขึ้นพร้อมกับโค้งให้เขา

             ให้ตายสิ นี่พ่อเขารู้ทักทุกอย่างที่เขาคิดเลยสินะ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมว่าทำไมพ่อของเขาต้องฟ้องครอบครัวของเอ็มมี่จนล้มละลาย ทั้งที่ตอนแรกพวกเขาก็เป็นเพื่อนรักกันดีๆ มันมีเหตุการณ์อะไรที่ทำพวกเขาผิดใจกันงั้นเหรอ อีกทั้งเรื่องคดีฆาตกรรมยกบ้าน ความจริงแล้วพ่อของเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไงกันแน่ คิดแล้วคิดอีกเขาก็คิดไม่ตกว่าเรื่องทั้งหมดมันเกี่ยวโยงกันได้ยังไง..

     

    (End of Rome part)

     

             “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเธอเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” ชอนว่าพลางเดินเข้ามานั่งข้างๆ

             ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ทำไมเขาต้องมาสนใจใยดีฉันด้วย

             “เธอเริ่มทำตัวเป็นก้อนหินอีกแล้วนะ”

             “ก้อนหินอะไรของนาย” ฉันว่าแล้วปรายตามองเขา

             “เธอโกรธอะไร” ชอนเงยหน้าถามอย่างสงสัย

             “ฉันเปล่า” ฉันตอบเสียงเรียบ

             ฉันโกรธอะไรเหรอ ฉันก็ยังไม่รู้เลย..

             “แล้วทำไมไม่หันหน้ามาพูดกันดีๆ อะ”

             “ไม่มีเหตุผล..”

             จุ๊บ!

             ทันใดนั้นสัมผัสร้อนรุ่มตรงริมฝีปาก็เกิดขึ้นเมื่อชอนขโมยจูบจากฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉันหันหน้าไปถลึงตาใส่เขาอย่างตกใจ

             “นะนาย! ทำบ้าอะไรเนี่ย!”

             “ฉันอยากให้เธอหันมามองฉัน”

             ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะฉันหันหน้าไปสบตาเขา แต่พบสบสายตานั่นมันก็ทำให้ฉันไม่อยากละสายตาไปไหน

             ตึก ตัก

             หัวใจจะเต้นแรงทำไมกัน ก็แค่มองหน้ากกันเอง

             ไม่ไหวแล้วนะ..

             แต่ก่อนที่ฉันจะหลบสายตานั้นชอนก็เชยคางฉันขึ้นมาก่อน คราวนี้ดวงตาเรียวมองฉันอย่างเนิดนาน ฉันค่อยๆ มองตอบคนตรงหน้าอีกครั้ง และนานเท่าไรไม่รู้ที่ทำให้ใบหน้าเราทั้งคู่เข้ามาใกล้กัน ก่อนที่ริมฝีปากตรงหน้าจะเข้ามาสัมผัส ทว่าภาพชอนกับโดริต้าก็โชบเหมือนกับรถวิ่งตัดหน้ามันทำให้ฉันเบือนหน้าหลบจากสำผัสที่กำลังจะมาถึงด้านหน้า

             ให้ตายสิ..

             “ฉัน..จะกลับพรุ่งนี้”

             “ว่าไงนะ” เสียงนุ่ม โผ่งขึ้นมา

             “อืม..”

             “ทำไม”

             “ฉัน...รบกวนนายมากพอแล้ว” ฉันก้มหน้า สายตาของเขาตรงทำให้ฉันไม่อยากจะมอง

             “ฉันเต็มใจ ฉันบอกแต่เธอตั้งครั้งแรกที่ฉับพบเธอ ฉันบอกว่ายังไง..” เขาไม่ยอมละความพยายามที่จะทำให้ฉันสบตากับเขา มือที่พิงที่โซฟาค่อยๆ รวบเอวของฉันเขามาใกล้ และเชยคางฉันขึ้นมา

             “ฉันจำไม่ได้..” ฉันโกหก

             “เธอเนี้ยนะ ฉันบอกว่าฉันจะดูแลเธอไง”

             ควาจริงฉันก็จำได้แต่ว่า ความรู้สึกบางอย่างมันสั่งให้ฉันไม่อยากตอบ

             “เธองอนอะไร” ในตาสีน้ำตาลมองลึกเข้ามาข้างใน

             ฉันไมไ่ด้อยากปฎิเสธความรู้สึกของเขา แต่ว่า..ถ้าเขารับรู้เรื่องราวของฉันมากกว่านี้ เขาจะรับได้งั้นเหรอ

             “นายก็รู้ นายก็เห็นเรื่องเมื่อวันนั้น เรื่องราวของฉันมันมากมาย และ...ฉันไม่อยากให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้องอีก” ฉันบอกตามตรง ฉันไม่อยากจะรักใคร เพราะสุดท้ายฉันจะต้องเสียใจเมื่อเขาจากฉันไป

             “...” ชอนเงียบชั่วครู่ ทว่าไม่นานก็เขาก็พูดขึ้นมา “บอกกี่ทีแล้วว่าเต็มใจ”      

             “อีกอย่างฉันไม่แม้จะรู้เรื่องของนายเลยสักนิด นายเป็นใครมาก่อนฉันก็ไม่เคยรู้”

             “เธอพูอะไรออกมา” คิ้งทั้งสองข้างของเขาขมวดเป็นปมราวกับว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด

             “ก็ฉันไม่รู้จักนายเท่ากับ....ที่โดริต้ารู้ด้วยซ้ำ” ฉันเบาเสียงลงเมื่อเอ่ยชื่อโดริต้า

             นี่คงเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดกับฉันอีกครั้ง ทำไมฉันต้องพูดตัดพ้อหรือเอ่ยถึงโดริต้าด้วย ให่ตายสิเอ็มมี่..

             “เหอะ” ชอนสบทเสียงเบา “ที่แท้ที่เป็นแบบนี้เพราะโดร์งั้นเหรอ”

             “จะบ้าเหรอ ไม่ใช่สักหน่อย”

             “ไม่มีก็ดี เพราะมันไม่มีอะไรหรอก” เขาว่าแล้วกระชับอ้อมกอด “ขมวดคิ้มทำไม ไม่เชื่อฉันเหรอ เอางี้ฉันจะเล่าเรื่องฉันให้เธอฟังทุก โอเคป่ะ?”

             “เรื่องของนายสิ”

             “ปากแข็งจริงโว้ย” ชอนพูดขึ้นมาอย่างกวนๆ

             “แต่ยังไงฉันก็จะกลับพรุ่งนี้จริงๆ นะ”

             “อ้าวทำไมอีก” ทว่าครั้งนี้เขากลับบึ้งตึง

             “ฉันมีงานต้องทำนะ ฉันไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีของใช้ส่วนตัว แล้วก็..”

             โรม...พอนึกถึงชื่อเขา หัวใจฉันก็แทบหยุดเต้น..

             คนตรงหน้ามองฉันเมื่อเสียงฉันหายเงียบไป  “นั่นไงเธอยังไม่ดีขึ้น อยู่ที่นี่สักเดือนค่อยกลับดิ” เขาเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

             “หมายความว่าไง ฉันแข็งแรงดี” ว่าแล้วมองไปทางเขา

             “จิตใจเธอไง ฉันไม่อยากห็นเธอร้องไห้ฟูมฟายอีก ยิ่งเพราะผู้ชายคนอื่น เจ็บหัวใจว่ะ”

             “เหอะ พูดอะไรของนาย ฉันไม่มีทางร้องให้แบบนั้นอีกหรอก” ฉันว่าแล้วทำหน้าบึ้งมองเขา

             “ฉันไม่เชื่อหรอก เธอมันขี้แยจะตาย”

             “อะไรยะ” 

             “เพราะถ้าจะมีก็ขอมีแต่ฉันที่ทำให้เธอร้องไห้เท่านั้น” ชอนเงียบ “ก็ตอนที่ฉันตายไง ฮ่าๆ” เขาว่าแล้วหัวเราะออกมา

             “บ้าหรือไง” ฉันว่าแล้วก็หันไปตีหน้าอกเขาเต็มแรงอย่างหมั่นใส้ “อย่ามาพูดเรื่องความเป็นความตาย ฉันใจไม่ดี”

             “โอ๋ๆ ใจไม่ดีเหรอ งั้นเดี๋ยวช่วยนะ” รอบยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ฉันขนลุกขึ้นมา จากนั้นเขาก็ผลักฉันล้มงงไปบนโซฟาอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำยังโน้มตัวลงมาอีกต่างหาก

             “ชอน! นายจะทำอะไรปล่อยนะ” เขารวบมือข้างของฉันที่กำลังผลักเขาออกด้วยมือข้างเดียวของเขา จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมาที่คอเบาๆ พร้อมเป่าลมร้อนที่ซอกคอฉันอย่างขี้เล่น

             “ปล่อยนะ อย่าเล่นแบบนี้สิ” ฉันร้องขึ้นมาด้วยความจักกะจี้ ส่วนเขาไม่ฟังแถมยังค่อยๆ ก้มตัวลงมาปลดกระดุมเสื้อตัวบาง และถือโอกาศประกบริมฝีปากร้อนบนลำคอที่ไร้สิ่งปกคลุม ชอนไล้ริมฝีปากและจูบร้อนๆ ลงมาจนมาถึงเนินอก ริมฝีปากแผ่วเบาทำให้ฉันใจเต้นไม่เป็นส่ำ ขนรุกซู่ อีกทั้งจะทักถ้วง เสียงมันก็ดันเฮือดหายไปด้วยอธิพลของเขา

             “ชอน~” ฉันร้องขึ้นด้วยเสียงที่เบาหวิว

             “นิดเดียวหน่า” ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่หยุด ริมฝีปากร้อนไล่จูบทั่วคอฉันอย่างไม่สนใจคนด้านล่าง

             “หัวใจเป็นไงบ้าง” ชอนผงกหัวขึ้นมาเมื่อมาหยุดที่เนินอกและฝังจูบไว้ตรงนั้นเนิดนาน

             ตึก ตึก ตึก

             “ชะชอน..”

             “หืม ตอนนี้หัวใจเธอเป็นของฉันแล้วนะ”

             “ว่าไงนะ..”

             ไม่ทันได้สงสัยนัก เสียงฉันหายไปพร้อมกับริมฝีปากที่พุ่งเข้ามาปิดผนึก ริมฝีปากร้อนบดขยี้มันอย่างนุ่มนวล ฉันหลับตายอมรับสำผัสของผู้ชายตรงหน้า

             “จากนี้ไปให้ฉันดูแลเธอนะ” ชอนถอนจูบออกเบาๆ

             แต่ไม่ทันที่จะอ้าปากพูดชอนก็ปิดปากฉันอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ครอบครองมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยพัธนาการของเขามันทำให้ฉันไม่สามารถออกไปไหนได้เลย ~

    (70%)


     




    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×