ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    l'Amour รักของฉันมีแค่เธอ

    ลำดับตอนที่ #7 : We got to get rid of a terrible dictator.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 74
      0
      28 มี.ค. 58

    - 5 -

    We got to get rid of a terrible dictator

     

     

             เฮือก!

     

             ฉันลืมตาขึ้นมาจากฝันร้ายด้วยภาพเหตุกาณ์เมื่อหลายปีก่อนและกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่ความรู้สึกที่ติดจากในฝันให้ออกไปทั้งสิ้น จากนั้นกวาดตามองสิ่งรอบข้างที่ไม่คุ้นเคย ทั้งเพดานสูงที่ขาวโพลน นี่มันที่ไหน และฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เมื่อคิดแบบนั้นความทรงจำก่อนหน้านี้ก็ถลาเข้ามาในที่สุด และเมื่อหันไปข้างๆ ก็เจอผู้ชายที่ฉันเห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย และความรู้สึกแย่ ผิดหวัง ก็พุ่งเข้ามาหาฉันอย่างไม่ทันตั้งตัวราวกับเครื่องบินที่ตกลงหุบเหวอย่างช่วยไม่ได้

             ชอน... ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า..

             คิ้วทั้งสองข้างเขาขมวดกันเป็นปมพร้อมกับจ้องมองฉันอย่างเป็นกังวล ฉันกระพริบตาปริบๆ เพื่อไล่ความรู้สึกทั้งหมดก่อนหน้านี้ ทว่า..เมื่อพยายามจะเปร่งเสียงออกมา

             “ฉัน...ฉัน..” มันก็ทำให้ฉันคิดถึงเหตุการณ์ในฝัน ทำไมฉันต้องคิดถึงพวกเขาด้วย ความฝันที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าและความทรงจำที่เจ็บปวด..  อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกถึงขอบตาที่ร้อนผ่าวขึ้นมา จากนั้นน้ำตาฉันก็ไหลรินออกเป็นทางยาว หนึ่งหยด สองหยด สามหยด และไหลออกมาเรื่อยๆ อย่าห้ามไม่ได้

             “ฮึก..ฮึก...ฮือ”

             “เฮ้ อย่าร้องสิ” ชอนว่าแล้วใช่มือประคองใบหน้าฉันแล้วเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเบามือ

             “ฉัน...ฉันหยุดมันไมไ่ด้จริงๆ ฉัน...เจ็บ..ฮึก” ฉันพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองสะอื้น ทว่าน้ำตาที่ไหลออกมามันทำให้ฉันสึกมีบางอยากจุกอยู่ที่คอจนไม่สามารถพูดได้

             “เฮ้อ เธอไม่น่าตื่นขึ้นมาจริงๆ ตื่นขึ้นมาก็เอาแต่ร้องไห้” ชอนพูดขึ้นมาอย่างด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

             “ฉันไมไ่ด้อยากร้องเลยนะ.. ฮึก”

             “ฉันรู้หน่า ในเมื่อเธออุส่าห์นอนหลับไปตั้งหลายวัน..”

             “นายว่ายังไงนะ” ฉันปาดน้ำตาออกจากแก้มแล้วหันไปมองเขา

             หมายความว่ายังไง ฉันนอนหลับหลายวันงั้นเหรอ  ?

             “ก็เธอนอนหมดสติไปตั้งสองวันเชียวแน่ะ ฉันคิดว่าเธอจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก” ชอนถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนยกภูเขาออกจากอกไปหนึ่งลูก

              สองวันเชียวเหรอ ฉันนิ่งไปชั่วครู่และนึกขึ้นได้ว่าครั้งสุดท้าย..

             “ละแล้ว...เขา..”

             “หมอนั่นเหรอ ไม่มีอะไรหรอก พอเธอหมดสิติเขาก็เดินออกไป”

             โรม..

             “แฟนเธอหรือไง” ชอนเลิดคิ้วถาม ทว่าคำถามนั้นทำให้น้ำตาฉันปิ่มขึ้นมา “เอ...คงไม่หน้าใช้ก็แฟนเธอนั่งอยู่ตรงหน้านี่ไง” คำพูดของเขาทำให้ฉันยิ้มขึ้นมาได้นิดนึง

             “พูดอะไรของนาย” ฉันเบ้ปากใส่เขาอย่างหมั่นใส้ แต่เมื่อสบตากันก็พลันไปนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เรามีปากเสียงกันที่อาพาร์ทเม้นท์ที่เราเจอกันครั้งแรก ทำไมมันกลับไม่มีความขุ่มเขืองและความรู้สึกโกรธที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คำพูดของชอนที่ดูไม่มีความรู้สึกผิดนึกคิด ของผู้ชายคนหนึ่ง แต่การกระทำของเขามันกลับตรงกันข้ามกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพูดออกมา อีกทั้ง เขายังมาเจอฉันในสถานการณ์ที่ต้องการคำอธิบายมากมาย ฉันคงไม่มีสิทธ์ไปโกรธเขาแล้วล่ะ

             เหมือนชอนจะรู้ว่าฉันคิดอะไร และนั่งก็คงเป็นเรื่องเดียวกันที่เขาคิด เขาเลยปริปากพูดขึ้นมา

             “ฉันขอโทษ” เขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

             “เรื่องอะไรเหรอ”

             “ทุกเรื่อง ถ้าหากฉันรู้ว่าเธอมี ‘อดีต’ ที่เจ็บปวด ฉันคงจะเข้าใจว่าทำไมเธอถึงมีท่าทางต่อต้าน...”

             “นาย..” ฉันพูดแทรกขึ้นมา เมื่อรู้ว่าเขาจะเข้าเรื่องอะไร ทว่าฉันรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมกับความจริง ฉันสบตากับดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกตรงหน้า ณ ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันช่างสับสนเหลือเกินที่จะอธิบาย หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ

             “ขอบคุณนะ”

             ฉันตอบกลับเขาเพียงคำนี้อย่างจริงใจ และยิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกขอบคุณจริงๆ

            

             ขอเวลาหน่อยนะชอน ถ้าฉันพร้อมฉันจะเล่าทุกอย่างให้นายฟัง..

            

     

     

            

             “เธอ.. หิวหรือเปล่า”

             “อะอืม...ว่าแต่ฉันอยู่ที่ไหนเหรอ” ฉันกวาดตามองบรรยากาศรอบๆ อย่างสงสัยเมื่อห้องนี้ไม่ใช่ห้องที่ฉันคุ้นเคยสักนิดเดียว ไม่ใช่อาพร์ทเม้นของเขา และความสงสัยทั้งหมดก็หายไปเมื่อชอนพูดชึ้นมาราวกับรับรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่

             “เราอยู่ที่บ้านพักตากอากาศฉัน นอกเมืองน่ะ”

             “หา..”

             “ถ้าเธอเดินออกไปข้างนอกเธอก็จะได้เห็นทะเล แต่ขอโทษนะวินเทอร์แบบนี้คงจะหนาวหน้าดูล่ะ ที่นี่ไม่ไกลจากตัวเมืองปารีสมากเท่าไร ฉันพนันว่าถ้าเธออยู่ไปนานๆ แล้วเธอจะติดใจ”

             “ฉันรู้ แต่นายไม่จำเป็นจะต้อง..” เมื่อคิดขึ้นได้ว่ามีอะไรค้างคาเต็มไปหมดฉันเลยลุกขึ้นยืนอย่างรวเร็ว ทว่าพอยืนได้นั้นขาทั้งสองข้างก็พับลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง

             “อ๊าย”        

             “ระวังหน่อยสิ” ชอนพุ่งเข้ามาในขณะที่ฉันแทบจะลงไปกองอยู่ตรงพื้น กล้ามแขนที่แขงแรงพยุงตัวฉันที่ลุกขึ้น และถือวิสาสะสอดแขนเพื่ออุ้มฉันขึ้นไปอยู่บนเตียง ทำไมฉันรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กยังไงไม่รู้สิ ใบหน้าชอนที่ฉันดูเคร่งเครียดทำให้ฉันรู้สึกถึงความห่วงใยประหลาดจากเขา ถึงแม้ว่าเราจะพึ่งเจอกัน ทว่า ทำไมมันถึงมีอะไรมากมายเกิดขึ้น อีกทั้งชอนดูแปลกไป ทั้งการกระทำของเขามันดูอบอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด..

             “นอนอีกสักหน่อย เดี๋ยวอีกสักสองชั่วโมงค่อยมากินข้าว แล้วเรื่องอื่นค่อยมาว่าที่หลัง” ฉันมองคนที่หน้าคิ้วขมวดพูดอย่างเจ้ากี้เจ้าการ

             เลิกกังวลสักทีหน่า..

             “นี่นายเป็นพ่อฉันหรือเปล่า”

             “พ่อทูนหัวอะดิ” 

             “นะนี่! พูดอะไรของนาย!”

             “ฮ่ะๆ ล้อเล่นหน่า นอนพักเถอะ” ชอนยิ้มบางๆ ให้จากนั้นลูบหัวฉันเบาๆ

             อ่า ทำแบบนี้มันเขิลๆ ยังไงชอบกล

             “แต่ฉันไม่ง่วงแล้วนี่​ ฉันรู้สึกตอนนี้สดชื้นมากๆ!” ฉันว่าเเล้วชันตัวขึ้น ทว่าอยู่ดีๆ ฉันก็รู้สีกมึนหันขึ้นมาดื้อๆ จนต้องเอามือกุมไว้ที่ขมับ บ้าจริง ปกติฉันแข็งแรงออกจะตายไป

             “บอกแล้ว” ชอนมองมาที่ฉันดุๆ

             “โอเค นอนก็นอน”

             “ดีมากครับคนดี”

              รอยยิ้มอย่างอ่อนโยนของชอน ทำให้หัวใจฉันพองโตขึ้นอย่างไม่น่าให้อภัย

            

             ไม่นะ ความรู้สึกนี้มันจะยังเกิดขึ้นไม่ได้...

     

     

     

     

             บ่ายแก่ๆ

     

             ฉันค่อยๆ ปลือตาขึ้นมาและพยุงตัวเองลุกจากเตียง​อย่างช้าๆ คราวนี้ฉันค่อยๆ วางสองเท้าลงกับพื้นเพื่อพยายามทรงตัว และค่อยๆ ก้าวเดินระวังไม่ให้ตัวเองล้มลงไปอีก เฮ้อ เรี่ยวแรงมันหายไปไหนหมดนะ ฉันเดินช้าๆ ไปเปิดผ้าม่านเพื่อให้แสดงสว่างมันลอดเข้ามา ทำไมเขาไม่คิดจะปลุกฉันบ้างเลยจะให้นอนทั้งวันทั้งคืนเลยหรือยังไง แสงแดงอ่อนสาดส่องเข้ามาทำให้ฉันต้องหรี่ตาเพื่อปรับม่านตาที่ปิดตายไว้นานถึงสองวัน มันจึงต้องใช้เวลาเผื่อปรับสภาพกับแสดงแดงสว่างจ้าขนาดนี้

            

    ใกล้ค่ำแล้วสิเนี่ย..

     

              ฉันไล้มือทาบกับกระจกเบาๆ ไอเย็นจากกระจกทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ข้างนอกอากาศคงจะหนาวน่าดู สังเกตุได้จากไอเย็นๆ ที่จับตัวบนกระจกแก้วและไอน้ำที่ขึ้นมาหลังจากฉันทาบมือลงไป หาดทรายกว้างสุดลูกหูลูกตาทำให้ฉันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก นี่ฉันไม่ได้มาเที่ยวทะเลนานเท่าไรแล้วนะ คิดไปคิดมา ฉันแทบจะไม่ได้ทำอะไรกับชีวิตหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเลย..

             อากาศหนาวแบบนี้คงไม่มีไครเขาเล่นน้ำทะเลกันหรอกใช่ไหม เพราะน้ำทะเลคงจะเย็นจับใจ แต่ทำไมฉันอยากจะเล่นมันขึ้นมาล่ะ

              ฉันหมุนลูกบิดน้อยๆ แล้วดันประตูบานใหญ่ให้เปิดออก ไม่มีใครอยู่ด้านนนอกสักคน ฉันจึงเดินไปยังเตาผิงใหญ่ที่ตั้งอร่าอยู่ตรงกลางห้องโถงพร้อมกับโซฟาสีน้ำตาลอุ่น จากนั้นก็สำรวจมองรอบๆ ทางซ้ายมือก็เป็นห้องครัวเล็กๆ  แต่ก็ค่อนข้างมีพื้นที่พอสมควร ส่วนอีกทางก็เป็นทางโล่งที่ต่อเข้าสะพานที่สามารถเดินออกไปสุ่ทะเล ลมทะเลพัดเข้ามาทำให้ฉันรู้สึกถึงความหนาวเย็น

             โกรก กราก~

             ชักจะหิวแล้วสิ ว่าแต่หมอนั่นหายไปไหนกันนะ ทำไมถึงทิ้งให้ฉันอยู่่ในที่แบบนี้ล่ะ

             แกร็ก~

             “เฮ้ มานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร” ชอนว่าขณะเดินเข้ามาพร้อมกับในมือที่หอบถุงพะลุงพะลังมากมาย

             “สักพักแล้วล่ะ นายไปไหนมาเหรอ” ฉันถามอย่างสงสัยพลางหันหน้าไปยังถุงกระดาษใบใหญ่ที่อยู่ในมือเขา

             “ของกินน่ะ ที่นี่ไม่มีใครอยู่เลยไม่ได้มีอาหารเตรียมไว้”

             “อะอ๋ออ” ฉันลากเสียงยาวและมองเขาที่เดินไปในห้องครัว

             “แล้วเธอหายดีแล้วเหรอ ถึงออกมาได้” ชอนถาม

             “นายไม่คิดว่าฉันจะเบื่อบ้างหรือไง ฉันนอมาตั้งหลายวันนะ” ฉันบ่นเสียงเบา ไม่รู้ว่าชอนจะได้ยินหรือเปล่า เพราะเขามัวแต่ยุ่งอะไรในครัวไม่รู้ เลยเดินตามเขาเข้าไปยังในครัว

             “นายทำอาหารเป็นด้วยงั้นเหรอ” ฉันยื่นหน้าไปถามเขา ชอนยิ้มที่มุมปากและยักไหล่ให้

             “เธอนี่ดูถูกกันจังเลย”

             “จะบอกว่าทำเป็นอย่างงั้น?” คนตรงหน้ายังยักไหล่

             “ฮ่ะๆ ไม่ลองไม่รู้”

            

             ระหว่างที่ชอนยุ่งๆ อยู่ในครัวฉันก็ถือโอกาศออกไปเดินเล่นข้างนอกเสียหน่อย บ้านหลังนี้อยู่ติดกับทะเลเลย พอเดินก็มาเท้าฉันไปสัมผัสกับหาดทรายสีขาว อากาศข้างนอกหนาวมาก ยิ่งอยู่ใกล้ทะเล ลมก็ยิ่งเรง ฉันกอดอกมองบรรนากาศรอบๆ อย่างสงบ

             “เอ็มมี่~” เสียงหวานของใครสักคนทำให้ฉันหันหน้าไปพบกันร่างสูงเพรียวและใบหน้าสวยไร้ที่ติของคนตรงหน้า

             “ฉันชื่อโดริต้าจ่ะ” สาวร่างสูงเพรียวยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร นัยต์ตาสีเงินมีเส่นห์ นี่ถ้าฉันเป็ผู้ชายฉันคงหลงรักเธอไปแล้วล่ะ

             “ว่าแต่..คุณรู้จักฉันหรอคะ ”

             “อ้อ ขอโทษจ่ะ ฉันเป็นเพื่อนชอนน่ะ”

             “เขาบอกว่าคงดูแลเธอไม่ไหวแน่ ถ้าไม่มีคนช่วย” โดริต้าพูดติดตลก “บ้านฉันอยู่ตรงนี้เอง” ว่าพลางชี้ให้ฉันมองไปยังบ้านที่อยู่บนเนินเขา

             “ยินดีที่รู้จักนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ‘

             “ไม่ต้องพูดทางการก็ได้นะ  คนกันเองจ๊ะ” โดริตาว่าแล้วยิ้มให้ฉัน “ว่าแต่เธอไม่เป็นไรนะออกมาเดินข้างนอกแบบนี้ชอนว่าฉันตายเลย” ว่าแล้วเธอก็มุ่ยหน้าพร้อมกับถูกตัวไปมา

             เขาจะว่าทำไมล่ะ

             “ฉันสบายดีแล้วค่ะ ว่าแต่นี่บ้านคุณเหรอคะ”

             “ไม่ใช่จ๊ะ บ้านชอนน่ะ ที่นี่ไม่ได้เปิดให้ใครเข้ามาตั้งหลายปีแล้วแล้วอาจจะโซมๆ ไปบ้างนะ”

             ถึงว่าล่ะ แต่ว่าหมอนี่มมีบ้านเป็นหลักเป็นแหล่งแท้ๆ ทำไมถึงปล่อยทิ้งไว้ แต่ว่าเขาบอกเขามากจากอังกฤษนี่แล้วทำไม..

             “อืม..ฉันรู้จักกับชอนตั้งแต่เด็กแล้วแหล่ะ จากนั้นก็ย้ายมาที่นี่เพราะที่ครอบครัว ด้วยความบังเอิญชอนก็ซื้อบ้านอยู่แถวนี้พอดี” เหมือนเธอจะอ่านใจฉันออก โดริตาก็เล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟัง

             “พอดีเราไม่ค่อยสนิทกัน ฉันเลยไม่รู้อะไรในตัวเขามาก” ฉันตอบความจริง

             “อ้าวเหรอ แต่ว่าชอนบอกว่าเธอเป็นแฟนเขา”

             “ว่าไงนะคะ”

             โดริต้าดูงงๆ กับท่าทีของฉัน ทำไมหมอนั่นถึงต้องพูดอะไรแบบนั้นด้วยล่ะ

             “อ้าว โดร์ เธอมาตั้งแต่เมื่อไร”

             “นานแล้วย่ะ เจอเอ็มมี่ข้างนอก นายปล่อยให้เธอออกไปได้ยังไง”

             “รู้จักกันแล้วเหรอ โอ้ย! อย่าหยิกสิ”

             “ปล่อยให้น้องเขาออกมาแบบนั้นได้ยังไงยะ”

             บทสนทนาของชอนกับโดริตาทำไห้ฉันรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ใช่สิฉันันก็แค่คนแปลกหน้า ช่างเถอะ ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็ต้องกลับไป ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอเข้าสองคนหรอก เชอะ! เหอะ ว่าแต่ทำไมฉันต้องรู้สึกอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย พวกเราเดินเข้ามาในบ้านชอนกับโดริต้าอาสาจะทำอาหารเย็นฉันจึงปรีกตัวมานั่งที่ห้องโถง ทว่าสายตาดันไปเจอกับไอโฟนเครื่องสีขาวที่วางอยู่ข้างๆ รีโมต

     

                       20 Miss call from Zoe

                       120 Miss call from Unknown

                       30 Msg from Unknown

            

             ใครส่งข้อความมาเยอะแยะมากมายขนาดนี้เนี้ย เมื่อฉันเปิดเข้าไปดูก็พบกับข้อความของโรมเต็มไปหมด

             ‘โรมนะ ได้โปรดรับสายหน่อยเถอะ’

             ‘อย่าทำแบบนี้เลย เธอหนีไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น กลับมาหาฉันเถอะ..’

     

             ฉันกดปิดข้อความเหล่านั้นทันที  ทำไมเขาไม่เข้าใจเลยว่าถ้าฉันกลับไป ไม่มีทางที่จะทำให้ทุกอย่างจะดีขึ้น ฉันไม่มีเงินที่จะไปสู้คะดีกับพ่อแม่ของเขา ยังไงพวกเขาก็ชนะ มันไม่มีความยุติธรรมในหมู่คนจนอยู่แล้วนิ ในเมื่อฉันเลือกที่จะเดินออกมาแล้ว ฉันก็ไม่มทีทางที่จะหันกลับไป

             ฉันกดสายหาโซอี นี่ผ่านมาสองวันแล้วสินะเธอคงเป็นห่วงฉันแย่

             ตู้ด ตู้ด..

             (เอ็ม! เธออยู่ที่ไหน ไปหาที่บ้านก็ไม่เจอรู้มั้ยฉันเป็หห่วงเธอแทบแย่..)

             “โซอีใจเย็นๆ นะ ฉันสบายดี อีกไม่นานฉันจะกลับไป” โซอีทำท่าว่าจะพูดอะไรจากนั้นเธอเงียบไปเหลือเพียงเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่

             (แล้วเธออยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง ฉันไปตามหาที่บ้านก็ไม่เจอ..)

             “ฉันอยู่กับ..เอ่อ เพื่อนอ่ะ”

             (เพื่อนที่ไหนกัน ตั้งแต่ฉันรู้จักเธอมา..)

             “หน่าเดี๋ยวฉันจะหลับไป ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ”

             “ว่าแต่งานที่ร้านเป็นยังไง”

             (ฉันลางานให้เธอแล้วนะ มาดามเขาไม่ว่าอะไร รีบกลับมาเลยล่ะ)

             “อืมรู้แล้วน่า”

             (เออ ระหว่างที่เธอไม่อยู่ มีคนมาตามหอีกแล้ว คราวนี้เป็นผู้ชายรูปร่างดี แต่งตัวก็ดีด้วยล่ะ)

             โรมเหรอ..

             “แล้วเธอตอบเขาว่ายังไง..”

             (อ้อ..ก็ผู้ชายคนนั้นไงที่เจอเมื่อคืนก่อน เธอโอเคใช่ไหมเอ็ม) เสียงในสายแสดงถึงความเป็นห่วงฉันอย่างรู้สึกได้

             เป็นเขาจริงๆ ด้วย..

             “เขาเป็นเพื่อนฉันเองน่ะ โซ ถ้าหากเธอเจอเขาอีกบอกเขาหน่อยว่าไม่ต้องตามหาฉันแล้ว กลับไปแล้วจะเล่าทุกอย่างให้ฟังนะแก”

             ฉันวางสายจากโซอีแล้วถอนหายใจแรงๆ ฉันหนีโรมไม่พ้นจริงๆ ฉันไม่มีทางจะหนีเขาไปไหนได้ นี่จะทำยังไงดีในเมื่อเขารู้จักที่ทำงานฉันแล้ว ฉันควรจะหนีเขาต่อไปหรือเผชิญหน้ากับทุกอย่างดี..

     

             “อาหารมาแล้วมาทานกันเร็ว” เสียงของโดริต้าที่ดังมาจากในครัวค่อยๆ โผล่ออกมาพร้อมกับจานที่ถืออยู่ในมือ

             “คนป่วยอยู่เฉยๆ” ชอนพูดแทรกขึ้นมา เมื่อเห็นฉันจะเดินเข้าไปในห้องครัว ฉันย่มจมูกใส่เขาอย่างมั่นใส้

             ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย ว่าแต่หิวจัง..

             “ดูเหมือนคนแถวนี้จะหิวนะ” ชอนแซวเมื่อเห็นฉันนั่งรออย่าใจจดใจจ่อ

             ก็แหงละสิ ฉันไม่ได้กินอะไรตั้งหลายวัน..

             “ทานกันเลยดีกว่านะ” โดริต้าว่าพลางตักปลาดอลลี่ที่อยู่่ในจานมาวางให้ฉัน

             ให้ตายสิเธอเหมือนแม่ฉันเลย..

             “ขอบคุณค่ะ”

             “อ่ะ เอานี้ด้วยสิ” ชอนว่าแล้วตักผักสลัดมาวางในจานฉันกองใหญ่ “จะได้โตๆ”

             “นี่ฉันยังโตไม่พอหรือยังไง” ฉันถามเขากวนๆ

             “ก็ยังไม่พอให้ฉัน..”

             “ชอน!” ฉันพูดเสียงแหลมก่อนที่เขาจะพูดอะไรทะลึ่งๆ ออกไป โดริต้ามองเราสองคนพร้อมกับอมยิ้มขึ้นมาแต่ชอนกลับยักไหล่พร้อมทำหน้ามึนๆ สไตล์เขา

             “พวกเธอสองคนน่ารักจัง” โดริต้าเอ่ยขึ้นมา

             หน้ารักกับผีอะไรล่ะ ชะอุ้ย..

             “ฮ่าๆ งั้นเธอก็กินเยอะๆ ด้วยนะโดรฯ” ชอนว่าแล้วดักปลาตัวใหญ่เธอ ฉันมองโดริต้ากับชอนที่หัวเราะกระหนุงกระหนิงกัน พวกเขาคุยเรื่องสมัยที่เจอกันแรกๆ

             “เลอะ แป๊ปนะ” ชอนว่าแล้วเอื้อมือไปดึงกระดาษทิชชู่แล้วไปเช็ดที่มุมปากของโดริต้า

             “ฉันเช็ดเองได้ ฉันไม่ใช่เด็กนะๆ”

             “ฉันไม่เห็นว่าเธอจะโตขึ้นเลย”

             ฉันรู้สึกว่าตัวเองกินข้าวไม่ค่อยลง ทั้งที่ตอนแรกก็รู้สึกหิวมากแท้ๆ ทำไมฉันถึงรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นชอนมองโดริต้าแบบนั้นล่ะ สายตาน้ันดูเป็นห่วงเธอจริงๆ ฉันคงจะไม่มีไม่ทางได้รับสายตานั้นจากเขาใช่มั้ย บ้าจริงนี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่! ก็เพราะในเมื่อฉันก็เป็นเพียงแค่คนที่รู้จักเขาเท่านั้น ฉันจะต้องการอะไรมากกว่านี้อีกล่ะ

             “เมื่อกี้บ่นหิวอยู่เลยไม่กินแล้วเหรอ” โดริต้าพูดขึ้นเมื่อมาหลังจากที่เห็นฉันเงียบไป

             “ฉันเริ่มจะอิ่มแล้ว..”

             “กินเข้าไปเยอะๆ สิ เป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาอีกฉันจะทำยังไงหะ ฉันเป็นห่วง..” ว่าแล้วตักอาหารใส่เต็มจานฉัน และค่อยๆ ลดเสียงลง แต่ว่าฉันกลับได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน

            

             ทำไมนายต้องเที่ยวเป็นห่วงใครต่อใครด้วย..
            To be continued..

     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×