ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    l'Amour รักของฉันมีแค่เธอ

    ลำดับตอนที่ #5 : Girl, you cannot escape the reality ( Part 1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 73
      0
      28 มี.ค. 58


    |WARNING  MATURE CONTENT  YOU MUST BE 18+|


    - 3 -

    Girl, you cannot escape the reality.

     

    (สาวน้อยเธอหนีความจริงไม่ได้หรอกนะ)

     


                     ณ ถนน Anatole Avenue

     

             สุดท้ายฉันก็ต้องมาถึงหอไอเฟลจริงๆ เมื่อขึ้นรถไฟมาถึงฉันก็เดินลอดอุโมงมายังถนนอนาโตล ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหอคอยเหล็กสูงหลายเมตร ผู้คนพลุดผล่านทำให้ตอนนี้ตอนนี้ฉันมองอะไรพร่ามัวไปหมด ทำไมเขาต้องนัดมาเจอที่คนเยอะแบบนี้ด้วย วุ่นวายจริง ให้ตายเถอะ ฉันมองซ้ายมองขวาเพื่อพาตัวเองไปร้านช็อกแลตที่ชอนนัด แล้วจะเจอมั้ย ชื่อเช่อเขาก็ไม่บอก หันซ้ายหันขวาเมื่อไม่มีวี้แววของร้านที่เขาว่าเลย

             “มันน่าโมโหนัก ถ้าฉันมาเสียเที่ยวล่ะคอยดู” ฉันยืนบ่นกับตัวเองพลางเดินเรียบตามทางเดินฟุตบาต นักท่องเที่ยวอุ่นหนาผาคั่งไม่นึกเลยว่าตัวเองจะพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ได ตั้้งแต่ย้ายาอยู่ที่นี่ฉันก็ไม่มีเวลาได้ออกไปไหนเลย นอกจากทำงานทั้งวัน นี่ถ้าไม่ใช่ว่าโทรศัพท์ฉันติดอยู่ที่เขานะ ฉันไม่มาให้เสียเวลาหรอก เสียงเรียกมาจากด้านหลัง ทำให้ฉันหลุดจากพวังค์ และหันหน้าไปพบกับชาวต่างชาติผู้หญิงวัยรุ่งสองคนที่ส่งเสียงเรียก

             “ขอโทษนะคะ ช่วยถ่ายรูปให้เราหน่อยค่ะ” ฉันยื่นมือไปรับกล้องถ่ายรูปจากเธอตรงหน้า

             “อีกรูปนะคะ” ฉันพูด “เรียบร้อยค่ะ” ฉันยิ้มอย่างเป็นมิตรและส่งกล้องคืนให้พวกเธอ ทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีหน่อยล่ะ

             “ขอบคุณมากนะคะ”

             “ไม่เป็นไรคะ”

             “ว่าแต่คุณเป็นคนฝรั่งเศสหรอคะ” หนึ่งในนั้นพูด เธอถามฉันด้วยแววตาสดใส เธอคงเป็นคนอังกฤษสินะ เดาไม่ยากหจากสำเนียงที่เธอพูด

             ฉันยิ้มให้เธอแทนคำพูด

             “หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะคะ งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะ” ฉันยิ้มและโบกมือลาพวกเธอ คนอังกฤษนี่อัธยาศัยดีจริงๆ ไม่ถือตัวและไม่เย่อหยิ่งอย่าพวก Aristocrate¹ สมัยก่อน ฉันมองตามพวกเขาจนเดินลับไป และหันกลับมามองตัวเองราวกับว่าฉันลืมไปเลยว่าตอนนี้มาทำอะไรที่นี่

             เฮ้อ~

             “คุณหลงทางอยู่หรือเปล่า” จะอะไรอีกหนักหนา ฉันหันหวักไปทางเสียงเรียนของใครบางคน แต่พอเจอก็เท่านั้นเอง มันทำให้ใบหน้าฉันชีดขึ้นมาทันที เพราะเสียงนั่นมาจาไอ้มืดตัวโตดีๆ นี่เอง ได้ยินมานับไม่ถ้วนว่าถ้ามาที่ปารีสให้ระวังพวกมิฉาชีพ และสัญชาตญาณ มันก็ทำให้ฉันรู้ในทันทีว่ามันคือพวกเขา  เมื่อนึกแบบนั้นฉันก็รีบบอกปัดแล้วรีบเดินหนี เพราะคนปรกติเขาคนไม่ถามคำถามแปลกๆ แบบนี้หรอก

             “ฉันช่วยเธอได้นะ” ทว่ายิ่งเร่งฝีเท้ามากเท่าไร พวกนั้นก็เดินตามฉันเร็วเท่านั้น ความกลัวทำใหฉันเร่งฝีเท้ามากขึ้น จรกระทั่งเปลี่ยนเป็นการวิ่งแทน

             พลั่ก! อัก

             “เฮ้! เธอจะรีบวิ่งไปไหน” เสียงคุ้นเคยของใครบางพูดขึ้น ก่อนที่ฉันจะต่อว่าผู้ชายตรงหน้า ฉันก็ต้องเรียกชื่ออย่างดีใจที่เจอเขา

             “ชอน!”

             “ฉันเอง” เขาทำขมวดคิ้มทำท่าสงสัยเมื่อเห็นท่าทีเลิกลั่กของฉัน

             “รีบไปกันเถอะ” ฉันว่าแล้วคว้าแขนชอนอย่างเร็วไว โดยที่เขายังทำท่างงงวยกับท่าทีของฉัน ไม่ทันไรพวกไอ่มืดก็เดินมาประชิดตัวเราเรีบยร้อบแล้ว ฉันดึงมือชอนให้วิ่งนีแต่ทว่าเขากลับดันตัวฉันเข้าไปหลบด้านหลังเขาแทน นี่เขาคิดจะทำอะไรน่ะ

             เมื่อพวกเขาเดินมาประชิดตรงหน้า ชอนกลับมองพวกนั้นด้วยสายตานิ่งเฉย พร้อมเปร่งเสียงถาม

             “พวกแกมีอะไร”

             “ส่งตัวผู้หญิงคนนั้นมา” ชอนมองกลับมาที่ฉัน

             “เธอเกี่ยวอะไรกับพวกแก ?” คำถามนั่นทำให้พวกมันกระตุกยิ้มอย่างโหดเหี้ยมขึ้นมาทันที

             “ไม่เกี่ยวกับแก ส่งผู้หญิงมา หรือว่าอยากมีจะเรื่องล่ะ ก็เลือกเอา...” ไอ้มืดพูดอย่างยิ่มเยาะ พร้อมเปิดเสื้อโชวปืนที่่ซ่อนอยู่ด้านในเสื้อโค๊ทตัวหนาอย่างระวัง เมื่อฉันเห็นชอนไม่แสดงท่าทีอะไร จึงรีบสะกิดเขา

             “อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลย” ชอนไม่สนใจเสียงฉันที่อยู่ด้านหลังเขาแต่อย่างใด กลับต่อกลอนกับพวกนั้นอย่างไม่เกรงกลัว

             “เหอะ พวกแกนี่ทุเรศจริงๆ เลยว่ะ” นี่เขาจะหาเรื่องพวกมันหรือยังไงกัน นี่มันไม่ใช่เวลามาต่อล้อต่อเถียงนะ!

             “ปากดีนัก ถ้าเลือกจะเจ็บตัวก็ตามใจ” ไอ้มืดกวัดเรียกลูกน้องมันที่ยืนอยู่รอบๆ เดินเข้ามา ทำยังไงดี ฉันลุกลี้ลุกลนจนต้องบีบมือเขาแน่นด้วยความกลัว

             “เปล่า ก็กำลังจะให้” ชอนว่าทำท่าดึงตัวฉันให้ไปอยู่ตรงหน้าเขา พวกไอ้มือส่งสัญญานหยุดให้ลูกน้องมันเข้าใกล้          

             “นะ..นี่นาย” ฉันมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ทว่าเขากลับยื่นหน้ามากระซิบฉันแทน

             “ถ้าฉันกระตุกมือเธอ แปลว่าวิ่งนะ” หมายความว่าไงนะ ฉันมองหน้าเขาอย่างสงสัย

             “ยัยนี่ไม่สำคัญกับฉันหรอก อ่ะ ” ชอนว่าแล้วล้วงกระเป๋าเหมือนหาอะไรสักอย่าง “แต่เอ๊ะ แปปนึงนะ”

             ขณะที่เขาล้วงกระเป๋าอยู่นั้น ชอนก็แตะเข้าไปที่เป้ากางเกงของไอ่มืดจนมันล้มลงไปที่พื้น ขณะเดียวกันเขาก็ฉุดฉันให้วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว โดยที่ฉันแทบจะไม่ได้ตั้งตัว พวกมันหลายคนที่โผล่มาจากฝั่งตรงข้ามวิ่งโร่เข้ามาหาเราทันทีทันใด ชอนพาฉันวิ่งลัดเลาะถนนมากมาย ทว่าพวกมันวิ่งเข้ามาใกล้ทำให้ฉันกับชอนต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น เขาพลักตะกร้าผลไม้และเก้าอี้เมื่อเราวิ่งผ่านร้านกาแกแฟ ทำให้พวกมันวิ่งหลบให้ควัก และทิ้งระยัห่างจากเราไปในที่สุด ฉันหยุดหอบเมื่อไม่เห็นพวกนั้นวิ่งตามมา

             แฮก แฮก แฮก

             “ฉันเหนื่อย” ฉันพูดอย่างหอบๆ เราหยุดพักกันได้ไม่นาน พวกไอ้มืดก็วิ่งโผล่มาอีกครั้งนึง โอ๊ย! จะไม่ให็ฉันพักเลยหรือยังไง

             “ทนอีกหน่อยนะ”

             ชอนกระตุกมือฉันราวกับว่าเราต้องเริ่มวิ่งกันต่อ นี่ฉันกำลังแข่งวิ่งมาราทอนหรือยังไง เมื่อถึงสี่แยกไฟแดง โชคช่วยทำให้เราวิ่งข้ามถนนไปยังอีกฝาก ทำให้พวกที่ตามหลังมาติดเกาะด้านหลัง ทว่ายังเหลืออีกคนที่ยังตามเรามาติดๆ ชอนผลักฉันเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้ามือสองตรงหัวมุมถนนอย่างเร็วไว จากนั้นก็พาฉันเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าที่เรียงรายกันอยู่อย่างชุลมุน

             แฮก แฮก แฮก

             เสียงหายใจถี่ๆ ดังขึ้นมา ในที่ตู้เสื้อผ้าใหญ่ที่เงียบกริบ เสื้อผ้าบนราวแขวเรียงรายเป็นระนาดจนบังเรามิดทั้งคู่

             “หามันสองคนให้เจอ ฉันเห็นพวกมันเข้ามาในนี้!” เสียงตะโกนจากไอ้มืดทำให้ฉันกับชอนต้องกลั้นหายใจอีกครั้งนึง จนกระทั่งเสียงพวกนั้นค่อยๆ หายไป  ขณะที่ฉันจะหันหน้าไปมองชอนที่อยู่ประชิดกับฉันนั้น สายตาก็พลันไปเจอกับโครงกระดูกเอาซะก่อน เดี๋ยวๆ โครง กะ กะ ดูก! เหรอ !

             “กรี๊ด!.. อุ้ปส์!”

             “เฮ้ย เสียงไรวะ หาให้เจอ!”

             “เงียบๆ หน่อยสิ เดี๋ยวพวกมันก็เจอเราหรอก” ชอนให้มือปิดปากฉันอย่างรวดเร็ว ฉันส่ายหน้าอย่างทนไม่ไหว พลางใช้สายตาบอกเขาให้มองโครงกระดูกข้างๆ จากนั้นชอนค่อยๆ ปล่อยมือจากริมฝีปากฉันออก

             “ไม่ต้องกลัวนะ” ชอนดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดและกระซิบที่ข้างหู อย่างอ่อนโยน

             ตึกตัก..

             เสียงหัวใจฉันเต้นแรงเมื่อได้สัมผัสกับอกของคนตรงหน้า

             ตึกตัก..

              นี่จะอยู่ใก้ลกันมาไปแล้วนะ ร่างกายของฉันทุกส่วนไม่มีส่วนไหนที่ไม่แตะกับเขาเลย อ้อมแขนแข็งแกร่งพันอยู่ที่เอวฉัน ส่วนขาก็แนบชิดกันเพราะภายในตู้มันเล็กและแคบมาก

             ตึก ตัก..

             มือที่โอบเอวค่อยๆ ดึงฉันเข้าไปใกล้กจนกระทั่งใบหน้าของเราสัมผัสกันและกัน เหมือนบรรยากาศจะเป็นใจ เมื่อในหัวฉันไม่มีความคิดที่จะผลักใสเขาไปเลย ชอนใช้มืออีกข้างดันคางฉันขึ้นมา จากนั้นเขาก็ไม่รอช้าเขาก็โน้มตัวลงประกบริมฝีปากลงมาอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากร้อนค่อยๆ ไล้ริมฝีปาดฉันอย่างแผ่วเบา ไม่มีส่วนไหนที่เขาไม่ได้ครอบครองมัน ความร้อนจากริมฝีปากอันร้อนแรงส่งผลทำให้ใบหน้าฉันร้อยฉ่าราวกับมีเปรวไฟลุกโชน หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ถึงแม้ว่าฉันอยากจะผลักใสเขาออก ทว่าตอนนี้ความรู้สึกมันเต็มไปด้วยความต้องการอย่างที่ปฎิเสธไม่ได้..

              เขาลิ้มรสริมฝีปากของฉันพอใจจนกระทั่งริมฝีปากของเราเป็นของเราเป็นหนึ่งอันเดียวกัน ถึงแม้เสียงรอยเท้าที่อยู่ข้างนอกจะยังวนเวียนไม่เลิก แต่ทว่าความตื่นเต้นและกลัวกลับหายไปหมดทั้งสิ้น มีแต่เพียงเสียงหัวใจฉันต่างหากที่เต้นรัวและสำผัสความอบอุ่นจากริมฝีปากนุ่มของเขา

             “อื้อ~” เสียงครางจากลำคอเขาค่อยๆ ปล่อยริมฝีปากฉันเป็นอิสละ ทว่าเขาไม่หยุดยั้ง ชอนจูบกลีบริมปากล่างของฉันเบาๆ จากนั้นก็ไล้ริมฝีปากร้อนๆ ของเขาลงมาที่ซอกคอและต่ำลงมาถึงเนินอก ดูเขาจะไม่มีทีท่าจะหยุดเลย ร่างกายฉันมันเริ่มร้อนผ่าวเป็นครั้งราวเมื่อเขาได้รับสัมผัส เขายังคงวนเวียนอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ จากนั้นก็เลื่อนลงไปด้านล่างเรื่อยๆ.. ทว่าสติฉันเริ่มกลับมาเมื่อรู้สึกว่า เรามากันไกลเกินไปแล้ว และเมื่อไม่ไ่ด้ยินเสียงพวกไอ้มืดข้างนอกอีกต่อไป ฉันจึงรีบผลักชอนออกอย่างรวดเร็ว

             “ปล่อยนะ” ฉันกระซิบบอกชอนอย่างแผ่วเบา “พอได้แล้ว”

             “ไม่เอา” เขาตอบด้วยเสียงแฮบพร่าอย่างเอาแต่ใจ อีกทั้งยังยุกยิกไม่เลิก

             “พวกนั้นไปแล้วนายปล่อยเถอะ”

             “อีกนิดนึงน่ะ”

             “นี่มันตู้เสื้อผ้านะ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย” ฉันขึ้นเสียงเมื่อเห็นเมื่อว่าเขาเอาไม่ยอมผละริมฝีปากออกจสักที กะจะแกล้งฉันให้ตายไปข้างนึงเลยหรือไง!

             “โอเคๆ” เขายกมือสองข้างขึ้นราวกับยอมแพ้ ถึงแม้ว่าตู้จะมืดแค่ไหนแต่แสงไฟสาดส่องเข้ามาทำให้เห็นว่าเขาอมยิ้มอยู่

             “นายนี่มัน!”

            

             เราทั้งคู่ค่อยๆ ออกมาจากตู้เสื้อผ้าอย่างช้าๆ เมื่อมั่นใจว่าพวกนั้นไม่อยู่แถวนี้แล้ว โชคดีทีไม่มีใครอยู่ตรงนี้เลย เพราะถ้าใครเห็นมันคงแปลกพิลึกเมื่อเห็นเราทั้งคู่ออกมาจากที่ตรงนี้ คงไม่วายคิดว่าเราทำเรื่องพรรณ์นั้นแน่ๆ

             “อา~” ชอนว่าพลางบิดตัวอย่างขี้เกียจ 

             “เฮอะ” ฉันส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขา ทว่าชอนกลับมองฉันด้วยสายระยิบระหยับและร้อนแรงไม่เลิก

             ผู้ชายคนนี้นี่มันยังไงกันนะ

            

     

             ณ อพาร์ทเม้นของชอน

            

             “นายพาฉันมาที่นี่ทำไม” ฉันหันหน้าไปถามเขาอย่างสงสัย เมื่อเราทั้งคู่มาหยุดอยู่บ้านของใครสักคน

             ความทรงจำมันทำให้ฉันระลึกได้ว่า นี่มันอพาร์ทเม้นท์ที่ฉันาเจอเขาครั้งแรก..

             “ฉันจะกลับ!” ฉันว่าแล้วย่างเท้าเดินหนีเขา

             “อย่างพึ่งไปสิ ฉันคิดว่าฉันควรจะอธิบายให้เธอฟัง” ชอนฉุดแขนฉันไว้ ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

             “ฉันคิดว่าเธอต้องการคำอธิบาย”

             ฉันดึงสีหน้าให้เรียบเมื่อเห็นท่าทางจริงจังแกมขอร้องของเขา ไม่วายทำให้ฉันต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเลี่ยงไม่ได้ และเดินตามเขาเข้าไป ฉันเดินตามชอนเข้ามาในตัวบ้าน ถึงแแม้ว่าเฟอนิเจอร์ในบ้านจะมีไม่มาก แต่ว่าก็ถูกจัดให้อยู่ด้วยกันอย่างเข้ากันดี แตกต่างกับครั้งแรกที่ฉันเห็น ที่ฉันแสดงท่าทางตะกี้ ก็เพราะว่าฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องราววันนั้นเลย ให้มันจบๆ ไปอย่างไม่มีเรื่องราวไม่ดีกว่างั้นเหรอ..

             “นายเป็นคนทำ..” แต่ว่ายิ่งเปิดประเด็น ฉันก็ยิ่งอดสงสัยไม่ได้  “นายเป็นคนเอายาทุเรศๆ ใส่ไว้นั้นหรือเปล่า”

             ชอนยังคงไม่ปริปากเมื่อฉันเริ่มเปิดประเด็น คืนวันนั้น

             “เปล่า..”

             “แล้วทำไม ?”

             “ฉันยอมรับว่ามีคนมากหน้าหลายตาพวกเราเมากันมากจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร” ชอนหยุดและมองหน้าฉัน “ทว่าคือนนั้นแองกอลฮอลทุกแก้วถูกใส่ยาลงไปโดยฉันเองก็ไม่รู้..”

             “ฉันก็เลยต้องเป็นของนายอย่างไม่ตั้งใจงั้นเหรอ!” ฉันมองหน้าเขาอย่างเหลืออด นี่เหรอคือสิ่งที่เขาจะอธิบาย

             “แต่มันไม่มีในแก้วผู้หญิง เธอก็รู้ดี”

             “แล้วทำไมถึงเป็นฉันล่ะ”

             “เพราะเธอ หน้าตาคล้ายกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จัก พวกมันเลย..”

             “นี่นายว่าไงนะ!” ฉันมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา นี่ฉันตกเป็นเหยื่อทุเรศๆ ก็เพราะเรื่องแบบนี้เองเหรอ

             “แต่ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันจะรับผิดชอบเธอ”

             “ฉันไม่ต้องการความรับผิดชอบบ้าๆ ของนายทั้งนั้น เลิกยุ่งกับฉันแล้วไปซะ” พูดจบฉันก็เดินหนีเขาอย่างไม่รีรอฟังคำแก้ตัวใดๆ พกันที

             “ทำไมเธอต้องใส่ใจอะไรขนาดนั้น มันก็แค่เซ็กส์ ฉันก็บอกเธอแล้วไงว่าจะรับผิดชอบ แค่นี้ไม่พอหรือยังไง” เขาตะโกนตามหลัง และคำพูดเขาก็ทำให้ฉันเห็นอะไรบางอย่างในผู้ชายคนนี้

             “ก็แค่เซ็กส์เหรอ..”

             ชอนเงียบ และสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อฉันหันกลับมา

    “เลิกทำตัวเหมือนจะรับผิดชอบ ในเมื่อนายยังทำให้ฉันมีค่าไม่ได้ ก็อย่ามายุ่งกับฉันเลยดีกว่า อย่าให้ฉันต้องรู้สึกขยะขแยงนายไปมากกว่านี้” คำพูดของเขามันทำให้ฉันรู้สึกไร้ค่าและอดกลั้นไมไ่ด้ที่จะพูดด้วยคำแดกดันออกมา

             “…”

     

             เป็นครั้งที่สองที่ฉันเดินมาออกมาจากบ้านหลังนี้ด้วยความรู้สึก โกรธ โมโห สิ้นหวังและความเสียใจ! แต่ครั้งนี้มันจะไม่มีน้ำตาแห่งความอ่อนแอบ้าๆ ไหลออกมาแน่ๆ ฉันเรียกแท็กซี่ที่ผ่านมา จากนั้นก็ขึ้นไปอย่างไม่ลังเลถึงแม้ว่าค่าโดยสารจะแพงหูชี่แต่อย่างใด ฉันเพียงต้องการไปจากที่นี่อย่างไวที่สุด แค่คนแปลกหน้าคนเดียว ทำไมฉันจะตัดเขาไม่ได้ล่ะ ฉันคิดอยู่อย่างนั้นและ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาโซอีเมื่อฉันต้องการใครบางคน...ทว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำในมือมันก็ทำให้ฉันคิดถึงหน้าหมอนั่นทันที  มันน่าหงุดหงิดที่สุดเลย นี่น่ะเหรอเหตุผลทั้งหมดของเขาอยากจะบอก บอกแบบนี้ ไม่บอกยังจะดีกว่าอีก! ฉันมองผ่านกระจกรถอย่างเบื่อหน่าย ไม่นานแท็กซี่มาส่งฉันที่อพาร์ทเม้นท์ในย่านช็องเชลีเซของโซอีอย่างรวดเร็ว

             ฉันหวังว่าเธอจะอยู่ล่ะ...

             ก็อก ก็อก!

             ผ่านมาหลายนาทีแล้ว โซอีไม่มาเปิดประตูให้ฉัน นี่มันก็ไม่ใช่เวลางานของเธอด้วย อีกอย่างฉันก็จำเบอร์ยัยนั่นไม่ได้สักด้วยสิ ฉันยืนมองประตูที่ไม่มีวี้แววว่าโซอีจะมาเปิด..

             “ผมคิดว่าเขาคงไม่อยู่” เสียงปริศนาของใครคนหนึ่งทำให้ฉันหันหน้าไปมอง

             “คุณ ? ” นั่นมันผู้ชายที่ฉันเจอเมื่อเช้าที่ร้านนี่ เขายิ้มที่มุมปากอย่างมีเล่ศนัยจาดนั้นก็ยื่นมือเข้ามาเพื่อเช็คแแฮน

             เอ๊ะ เขา..

             “ยินที่ได้รู้จัก” คนตรงหน้าพูด ฉันมองชายผมดำข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร ร่างสูงแสะยิ้มที่มุมปากพลางมองใบหน้าฉัน  คิิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อไม่มีการตอบสนองจากฉันทว่าในตาสีครามที่มองมามันให้ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ

             “...”

             “คุณตามฉันมาหรือไง”  ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอเขาแบบนี้ในวันเดียวกันถึงสองครั้ง

             “Non, non, ที่นี่มันเป็นของฉันน่ะ” รอยยิ้มนั้นแสะขึ้นมาอย่างเจ้าเลห์ 

             ฉันมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อใจ ทว่าก็ยื่นมืออกมาตามมารยาท

             “หวังว่าเราจะเจอกันเร็วนี้อีกนะ” 

             เขาเป็นใครกันแน่!

            To be continued..        

     

           

    ________________________________________________________________________________________________

     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×