คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Episode 3 : โทรมาด้วยล่ะ [ 150% ]
3
โทรมาด้วยล่ะ
ฉันค่อยๆขยับตัวออกห่างจากเขาหลังจากที่เขาดึงร่างฉันให้ขึ้นมาทรงตัวได้แล้ว
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนร่างสูงที่กำลังมองมาด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มที่ทำให้ฉันถึงกับใจสั่น
“ มาทำอะไรตรงนี้คนเดียว ”
ซิวเวอร์เอ่ยถามฉันหลังจากที่ปล่อยฉันเป็นอิสระแล้ว
“ มาหาตัวอักษรค่ะ ”
ฉันตอบกลับเขาพลางชี้นิ้วไปบนต้นไม้ที่มีกระดาษเขียนตัวอักษรอยู่ให้เขาเห็นประกอบไปด้วย
“ แล้วเพื่อนล่ะ ” ซิวเวอร์เลื่อนสายตาไปมองบนต้นไม้ตามที่ฉันชี้ให้ดู
ก่อนที่จะเลื่อนตาลงมามองฉันพร้อมกับถามต่อด้วยความสงสัย
“ เพื่อนอยู่ตรงนู้นค่ะ ทางด้านหน้าเลย ” ฉันเอ่ยตอบกลับพร้อมชี้นิ้วไปทางด้านหน้ามองพวกเพื่อนๆที่กำลังตามหาตัวอักษรกันอยู่อย่างไม่ไกลมาก
ซิวเวอร์ที่เห็นแบบนั้นก็พยักหน้ารับ
ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังม้านั่งตัวเดิมที่ฉันเพิ่งจะร่วงลงมาพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาอย่างง่ายดาย
เอ่อ...ตัวสูงมันก็ดีแบบนี้แหละนะ
เขากระโดดลงมาจากม้านั่งแล้วยื่นกระดาษแผ่นนั้นส่งมาให้ฉัน
“ คร่าวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ มันอันตราย ” ซิวเวอร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกกลัวเขาเลยสักนิด
ตรงข้าม...ฉันกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“ ก็ได้ค่ะ ถ้าไม่จำเป็นฝันจะไม่ทำแบบนั้นอีกนะคะ
”
ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้มพลางยื่นมือไปรับกระดาษแผ่นนั้นมาไว้ในมือตัวเองก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณเขา “ ขอบคุณที่หยิบให้นะคะ ”
“ รับปากพี่มาก่อนว่าจะไม่ทำอีก ” ซิวเวอร์ยังคงสั่งให้ฉันรับปากเขายิกๆ
ฉันไม่กล้ารับปากกาเขาหรอกนะ บางทีถ้ามันจำเป็นฉันก็ต้องทำ จะให้ฉันทำยังไงล่ะ
ฉันไม่อยากผิดคำพูดกับเขานี่
“ ก็บอกไปแล้วไงว่าถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ทำ ”
“ แปลว่าถ้าจำเป็นก็จะทำ ”
“ ค่ะ ”
ฉันตอบเขาด้วยน้ำเสียงเบาหวิวพร้อมกับหลบสายตาคนตัวสูงที่จ้องมาอย่างไม่คิดจะวางตาเลยสักนิด
“ งั้นถ้าจำเป็นจริงๆครั้งหน้าเราก็เรียกให้เพื่อนช่วยสิ
หรือไม่ก็.... ” ซิวเวอร์เอ่ยตอบฉันก่อนที่จะเว้นจังหวะไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนมุมปากของเขา “ โทรเรียกให้พี่มาช่วยก็ได้ ”
“ เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะ ฝันไม่อยากรบกวน ”
“ ไม่รบกวนเลย พี่ยินดีช่วย ”
“ ขอบคุณนะคะ ยังไงเดี๋ยวไลน์ไปก็ได้ค่ะ ”
ฉันตอบกลับไปแบบนั้น ไม่กล้าบอกตรงๆว่าที่จริงแล้วฉันยังไม่ได้เม็มเบอร์เขาเลยทั้งๆที่รับปากเขาไว้แล้วว่าจะเม็มไว้
“ โทรมาดีกว่า พี่อยากให้เราโทรมามากกว่า ”
ซิวเวอร์พูดออกมาตรงๆจนฉันถึงกับชะงักไป อยากให้ฉันโทรหาเขาเนี่ยนะ
ก่อนที่เหตุผลของเขาจะทำให้ฉันเข้าใจมากขึ้น “ เรื่องแบบนี้ต้องโทรมาอย่างเดียว
ไลน์มาช้าจะตายกว่าข้อความจะมาถึง ถ้าพี่ช่วยเราไม่ทันขึ้นมาแล้วจะเป็นยังไง ”
จะเป็นยังไงหรอคะ...ก็สภาพไม่สวยนะสิ
“ โอเคค่ะๆ เดี๋ยวจะรีบกลับไปเม็มวันนี้เลยนะคะ ”
“ นี้อย่าบอกนะว่าเรายังไม่ได้เม็มเบอร์พี่อะ ”
“ อะ...เอ่อ... ”
ฉันถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
เมื่อเจอน้ำเสียงที่ติดจะงอนๆพร้อมกับสายตาที่ไม่ค่อยจะพอใจเล็กๆของซิวเวอร์ ไม่น่าหลุดพูดไปเลยไอ้ปันฝันเอ๋ย
ดูดิ รู้หมดละเนี่ย
“ งั้นเม็มตอนนี้ต่อหน้าพี่เลย ” ซิวเวอร์เอ่ยบอกฉันพร้อมกับสายตากดดันคู่นั้น
จำใจให้ฉันต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเม็มเบอร์ที่เขาให้ไว้เข้าเครื่องในทันที
“ เรียบร้อยแล้วค่ะ ”
ฉันเอ่ยตอบเขาพร้อมกับยื่นหน้าจอไปให้ซิวเวอร์ดูด้วย
“ โทรมาด้วยล่ะ ”
“ แลดูพี่อยากให้ฝันโทรหาพี่จังเลยนะคะ
มีอะไรหรือเปล่า ”
“ ก็อยากให้โทรนะสิ ”
ซิวเวอร์ตอบข้อสงสัยของฉันในทันที
ก่อนที่ฉันจะแอบเห็นรอยยิ้มมุมปากเขาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น “ ถ้าไม่อยากให้โทรมา จะให้เบอร์ไปทำไมล่ะ
จริงไหมครับ? ”
“ ... ”
กินจุดเลยไหมล่ะ
“ ไว้คุยกันนะ ” เขาเอ่ยตอบแค่ไหนนั้นก่อนที่จะเดินจากไป
ทิ้งฉันไว้กับความเงียบ
เงียบจนกระทั่งเพื่อนๆทั้งสองคนของฉันต้องเรียกฉันให้กลับไปหามันได้แล้ว
คือ...นี่เขาให้ท่าฉันอยู่ถูกไหม?
เวลา 14.00 น.
“ หาครบแล้วใช่ไหม ” เสียงของกีตาร์เอ่ยกับเพื่อนๆทุกคนรอบตัวก่อนที่จะนำตัวอักษรทั้งหมดมาวางปนกัน
แล้วจะพบว่ามี ‘P’ หนึ่งตัว ‘H’
หนึ่งตัว ‘T’ อีกหนึ่งตัว และ ‘O’ อีกสองตัว
รวมทั้งหมดห้าตัวอักษร
“ มันจะเป็นคำว่าอะไรวะ ”
เสียงของผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆกีตาร์เอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้ความคิดกับตัวอักษรห้าตัวนี้ว่ามันจะเรียงเป็นคำว่าอะไร
“ ที่แน่ๆฉันว่าตัว ‘P’ ต้องอยู่ด้านหน้า ”
เสียงของผู้หญิงที่อยู่ข้างๆฉันเสนอขึ้นพลางใช้มือหยิบตัวพีมาวางไว้ข้างหน้าในเวลาต่อมา
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปอีกสี่ตัวอักษรที่เหลือ ฉันว่ามันก็ไม่น่าจะยากอะไรขนาดนั้นหรอกนะ น่าจะเป็นคำง่ายๆที่เด็กนิเทศฯอย่างเราน่าจะควรรู้
“ เอาตัว ‘H’ มาวางต่อ ”
เปียโนเอ่ยขึ้นแล้วนำตัวอักษรตัวที่สองมาวางต่อทันทีพร้อมกับเหล่สายตามามองฉัน
ฉันที่มองก็อยู่ก็สบตากลับ แล้วหยิบตัวโอมาวางต่อ
“ แล้วตามด้วยตัว ‘O’ ฉันว่าเราน่าจะเดากันออกแล้วมั้ง ” ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้เพื่อนทุกคนที่ช่วยคิด
ได้สามตัวเรียงกันขนาดนี้แล้ว อีกสองตัวที่เหลือก็ไม่น่ายากแล้วล่ะ
“ ฉันว่าต้องเป็น ‘PHOTO’ แน่ๆ ”
กีตาร์เอ่ยขึ้นแล้วหยิบอีกสองตัวที่เหลือมาวางต่อกัน ก่อนที่จะยกยิ้ม
แล้วสั่งให้เพื่อนข้างๆส่งข้อความไปหาเพื่อนอีกกลุ่มที่รอไขรหัสอยู่ พร้อมกับพากันไปที่จุดนัดหมายเพื่อรอดูการไขรหัสพร้อมกัน
เวลาผ่านไปแค่เพียงแปปเดียว
แต่ความรู้สึกที่รอมันเหมือนนานนับวันได้
วินาทีที่เห็นร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มกำลังเดินขึ้นไปไขรหัส
ฉันจำเขาได้หมอนั้นชื่อ ‘สีคราม’ เป็นตัวแทนรุ่นเราทำหน้าที่ไปรับสร้อยข้อมือรุ่นจากพวกรุ่นพี่
วินาทีที่เห็นสีครามไขรหัสเพื่อปลดล็อค
ทุกสายตาต่างจับต้องไปที่มือของเขาแต่เพียงผู้เดียว จนกระทั่ง....
กริ๊ก!
“ ได้แล้ว ”
เสียงของสีครามเอ่ยขึ้นหลังจากที่ไขรหัสได้แล้ว เรียกเสียงเฮให้กับเพื่อนทุกคนในคณะ
เขาส่งยิ้มให้กับทุกคนก่อนที่จะเดินไปรับสร้อยข้อมือรุ่นจากรุ่นพี่ที่ห้อยป้ายชื่อว่า ‘เซย์’
“
ผมยินดีกับพวกคุณด้วยนะที่ทำสำเร็จภารกิจนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ”
พี่เซย์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มหลังจากที่มอบถุงที่ใส่สร้อยข้อมือรุ่นทั้งหมดให้กับสีครามไปแล้ว
เขาก็เดินลงมาข้างล่างพร้อมสีคราม
“ แล้วต่อไปนะครับก็จะเป็นกิจกรรมพี่รหัสน้องรหัสนะครับ
” พี่ซีเคเอ่ยขึ้นต่อจากพี่เซย์ในทันทีพร้อมรอยยิ้ม
เล่นทำทุกคนถึงกับตาลุกวาวเพราะรอเวลานี้มานาน
และเชื่อว่าผู้หญิงหลายคนคงจะต้องอยากได้ซีเคเป็นพี่รหัสกันเป็นแน่
ซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน
“ น้องๆ คงจะเห็นตัวเลขที่เขียนอยู่ด้านหลังแผ่นป้ายแล้วใช่ไหมค่ะ
นั้นแหละค่ะคือเลขสายรหัสของน้องๆ ตอนนี้พวกพี่จะขอให้น้องๆช่วยกันหลับตาแล้วยืนอยู่กับที่ด้วยนะ
พี่รหัสของน้องๆจะเดินไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าน้องๆเองค่ะ ”
สิ้นเสียงของพี่ผู้หญิงคนดังกล่าวทุกคนรอบตัวฉันก็พร้อมใจกันหลับตาลงแล้วยืนกันอย่างนิ่งสงบ
เสียงฝีเท้าขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนที่จะหยุดลงตรงหน้าฉัน พร้อมกับเสียงประกาศบอกให้รุ่นของพวกฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพื่อมองหน้าพี่รหัสตัวเอง
“ พะ...พี่ซีเค ”
วินาทีที่ฉันลืมตามาได้เต็มตาก็เป็นอันต้องตกตะลึงกับรอยยิ้มสดใสของผู้ชายตรงหน้า
ใครจะไปคิดละวะว่าจะได้ผู้ชายหล่อระดับเทพขนาดนี้มาเป็นพี่รหัสอ่ะ!
รู้สึกดีใจชะมัด
แบบว่า...ฉันได้พี่เขาเป็นพี่รหัสอะพวกแก คิคิ
“ ตกใจหรอครับน้องปันฝัน ”
เขายกยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
ก่อนที่ฉันจะรีบเรียกสติตัวเองกลับมาแล้วตอบรับเขาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ นิดหน่อยค่ะ ” ฉันตอบกลับแห้งๆ
ทุกสายตาล้วนจ้องมองมาที่ฉันและพี่ซีเคอย่างไม่วางตา ก็อย่างว่าแหละนะได้เดือนคณะนิเทศฯมาเป็นพี่รหัสทั้งที ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องดีใจทั้งนั้นแหละ
“
พี่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้คนน่ารักๆอย่างเรามาเป็นน้องรหัส ”
พี่ซีเคเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่ฉันจะหันไปมองพี่ผู้หญิงน่าตาน่ารักน่าเอ็นดูอีกคนนึงที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ พี่ชื่อ ‘รอยยิ้ม’ นะคะเรียกพี่ยิ้มเฉยๆก็ได้ค่ะ
พี่อยู่ปีสองมีอะไรก็คุยกันได้นะ ” พี่รอยยิ้มเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเอง
“ ค่ะพี่ยิ้ม ขอบคุณนะคะ ” ฉันตอบรับพร้อมกับพยักหน้าให้อย่างนอบน้อม
“ ส่วนพี่ชื่อ ‘ทันที’ อยู่ปีสี่แล้วครับ ”
เสียงของผู้ชายอีกคนที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาได้ไม่นานนักเอ่ยทักขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้โลกสดใส
ตอนเดินมาหน้านิ่งๆก็ไม่ได้อะไรมากมาย แต่พอยิ้มทีนี้โลกละลายเลยจ้า
“ ชื่อแปลกจังนะคะพี่ทันที ” ฉันตอบกลับอย่างขำๆ
เกิดมาก็เพิ่งเจอคนชื่อแปลกหูแบบนี้แหละ แต่มันก็เก๋ดีนะ เหมาะกับพี่เขาดี
“ มีแต่คนพูดแบบนั้น
สำหรับน้องเรียกพี่ทันเฉยๆก็ได้ครับ ” พี่ทันทีเอ่ยตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะ
จะว่าไปสายรหัสฉันนี้น่ารักกันทุกคนเลยนะเนี่ย
“ มาถ่ายรูปรวมสายด้วยกันหน่อยไหมครับ ”
ซีเคเอ่ยเสนอขึ้นพร้อมกับเปิดกล้องในโทรศัพท์ของเขา
ทุกคนก็พร้อมใจกันยื่นหน้าไปมองกล้องรวมทั้งฉันด้วย
“ ส่งรูปให้ด้วยนะพี่ซีเค ” รอยยิ้มเอ่ยบอก
ซีเคที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับ
“ ลงกลุ่มสายเลยละกัน
น้องปันฝันครับพี่ขอไลน์เราหน่อยได้ไหมพอดีจะลากเข้ากลุ่มสายรหัสของพวกเราอะครับ ”
พี่ทันทีเอ่ยถามฉันพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ส่งมาให้
ฉันมองมือถือในมือของเขาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจรับมันมา
“ ไม่ต้องกังวลนะน้องปันฝัน
พวกพี่ไม่เอาไลน์น้องไปแจกใครหรอกมีแค่เฉพาะในสายเรานี้แหละ ” ซีเคเอ่ยบอกกับฉันราวกับรู้ความคิด
คงเป็นเพราะเขาเคยผ่านอะไรแบบนี้มาก่อนละมั้ง
“ โอเคค่ะ ”
ฉันตอบรับพร้อมกับพิมพ์ไอดีไลน์เพื่อแอดตัวเองไป
ก่อนที่จะส่งมือถือคืนพี่ทันทีแล้วหยิบของตัวเองมากดรับและเข้าร่วมกลุ่มสายรหัส
ในกลุ่มสายรหัสนั้นไม่ใช่มีแค่พวกฉันสี่คนหรอกนะ
แต่ยังมีรุ่นพี่ปีก่อนๆที่จบไปแล้วรวมอยู่ด้วยห้าหกคนได้
รวมในกลุ่มก็น่าจะประมาณสิบคน
เยอะเหมือนกันนะเนี่ย
“ ตอนนี้ก็หมดเวลาแล้วสำหรับกิจกรรมในวันนี้นะคะ
ขอปิดกิจกรรมในวันนี้และเชิญทุกคนกลับบ้านกลับช่องกันได้เลยค่ะ ”
เสียงของพี่คนนึงประกาศบอก ทำให้ทุกคนที่ได้ยินอย่างนั้นเริ่มทยอยกันกลับบ้านกลับที่พักของตัวเองกัน
กีตาร์และเปียโนที่ได้ยินอย่างนั้นก็เดินเข้ามาหาฉันหลังจากที่แยกย้ายกับสายรหัสตัวเองเสร็จแล้ว
ส่วนฉันที่เห็นแบบนั้นก็ขอแยกตัวออกมา
“ จะกลับกันเลยไหม ” เปียโนเอ่ยถามหลังจากที่ฉันเดินมาถึงแล้ว
แต่ยังไม่ทันที่ฉันกำลังจะตอบเสียงของพี่ซีเคก็เรียกฉันขึ้น
ทำให้พวกฉันต้องหันไปมอง
“ น้องปันฝันครับ ”
“ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ซีเค ”
“
คือ...ที่จริงตอนแรกพี่ว่าจะไปส่งเราเพราะเราเป็นน้องพี่แต่พอดีเลยพี่มีนัดกับแฟนอะครับเลยไปส่งไม่ได้
ขอโทษด้วยนะ พี่ก็เลย.... ”
พี่ซีเคเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปมองชายหญิงคู่หนึ่งจากคณะบริหารกำลังเดินเข้ามาทางนี้
เป็นบุคคลที่เราต่างคุ้นหน้าคุ้นตาดี
จะใครเสียละถ้าไม่ใช่ดาวเดือนคณะบริหารอย่างพี่ซีเวียร์กับพี่ซิวเวอร์ไง
อย่าบอกนะว่า...!
“ สวัสดีจ๊ะปันฝัน นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเราจะเป็นน้องรหัสแฟนพี่อะ
” ซีเวียร์เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มที่ทำให้โลกของพวกฉันต้องหยุดหมุน ที่แท้แฟนพี่ซีเคก็คือพี่ซีเวียร์เองหรอเนี่ย!!
ยอมค่ะ สวยสมคำร่ำลือ
“
นี่ก็คาดไม่ถึงเหมือนกันค่ะว่าพี่จะเป็นแฟนพี่ซีเค ” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
ก่อนจะหันหลังไปสบตากับเพื่อนด้านหลังอีกสองคน แล้วหันกลับมาตามเดิม “
เมื่อกี้พี่ซีเคจะพูดอะไรนะคะ ”
“ อ่อ คือพี่จะบอกว่าในเมื่อพี่ไปส่งเองไม่ได้
ก็เลยจะให้เพื่อนพี่ไปส่งให้ ” ซีเคเอ่ยตอบอย่างนั้น
ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปมองซิวเวอร์พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเล่ห์นัย “
แล้วคนนั้นก็คือ.... ”
“ มองด้วยสายตาแบบนี้ จะบอกว่าเป็นกูหรือไง ”
ซิวเวอร์เอ่ยขึ้นหลังจากที่เลื่อนสายตาไปมองซีเคที่กำลังจ้องมองตนอยู่ด้วยรอยยิ้ม
“ แหะๆ ใช่แล้ว หน้าที่นี้เหมาะกับมึงที่สุดแล้วซิวเวอร์เพื่อนยาก
” ซีเคเอ่ยตอบอย่างนั้น ก่อนที่จะหันหน้ามามองฉัน “ คงไม่ต้องแนะนำไรมากเนอะ
รู้จักกันแล้วใช่ไหม พี่จะให้ซิวเวอร์เป็นคนไปส่งน้อง ”
“ รู้จักแล้วค่ะ ”
ฉันตอบรับซีเคในขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่ซิวเวอร์ และเขาก็มองฉันกลับเช่นกัน
“ งั้นก็ดีเลย ฝากด้วยนะซิวเวอร์ ” ซีเคเอ่ยบอกแค่นั้นพร้อมกับตบไหล่ซิวเวอร์เบาๆ ก่อนที่จะเดินจับมือซีเวียร์แล้วเดินแยกออกไปด้วยกัน
70%
“ เอ่อ... ” ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นประโยคยังไงดี
เลยหันไปมองเพื่อนรักทั้งสองที่กำลังมองมาปริบๆเหมือนกำลังอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่
“ จะไปกันยัง ส่วนเราสองคนก็ไปด้วยกันนะ
เดี๋ยวพี่ไปส่ง ” ซิวเวอร์เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เห็นพวกฉันนิ่งอยู่ตั้งนาน
กีตาร์และเปียโนที่ได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้ารับและเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
“ จริงๆ ถ้าพี่ซิวเวอร์ไม่ว่างก็... ”
ฉันกำลังจะเอ่ยปฏิเสธเขาด้วยความเกรงใจ
แต่แล้วเขาก็รีบสวนกลับมาเหมือนรู้ทันความคิดฉัน
“ พี่ว่างครับ ไม่ต้องเกรงใจ ” ซิวเวอร์ตอบกลับแค่เพียงเท่านั้นแล้วเดินนำพวกฉันไปยังลานจอดรถทันที
กีตาร์กับเปียโนที่เห็นว่าซิวเวอร์เดินออกห่างแล้วก็ขยับเข้ามาเดินข้างๆฉัน
“ แกกับพี่ซิวเวอร์นี้ยังไงกันวะ ”
กีตาร์เอ่ยกระซิบถามเบาๆ
“ ไม่รู้เว้ย รีบๆไปเถอะ ”
ฉันเอ่ยตอบกลับไปพร้อมกับลากเพื่อนทั้งสองคนให้เดินตามไปติดๆ จนกระทั่งถึงที่จอดรถ
ก่อนที่พวกเราทั้งสามคนจะขึ้นไปนั่งเบาะหลังกัน
หมับ
“ เราไปนั่งข้างหน้ากับพี่ ”
ซิวเวอร์เอ่ยขึ้นหลังจากที่คว้าข้อมือฉันเอาไว้ก่อนที่ฉันจะขึ้นไปนั่งเบาะหลังกับเพื่อนอีกคน
ฉันเลยต้องพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับไปแล้วเปลี่ยนไปนั่งข้างคนขับแต่โดยดี
“ ก็ได้ค่ะ ”
ความเงียบปกคลุมภายในรถ ซิวเวอร์คงเห็นว่าบรรยากาศมันเงียบเกินไป
เขาจึงชวนพวกฉันคุยระหว่างทางที่จะไปส่ง
“ หิวกันไหม ไปกินอะไรกันก่อนเปล่า ”
“ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เปียเกรงใจ ”
เปียโนตอบกลับอย่างแห้งๆ
“ ไม่ต้องเกรงใจหรอก เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ”
ซิวเวอร์เอ่ยตอบรับด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของเขาลดความตึงเครียดและความอึดอัดภายในรถคันนี้ได้อย่างเหลือเชื่อเลยล่ะ
“ คือวันนี้ตาร์มีนัดกินข้าวกับครอบครัวอะครับ
คงไม่น่าจะไปได้ ” กีตาร์เอ่ยตอบรับอย่างยิ้มๆ
ก่อนที่ทุกสายตาจะมาหยุดที่ฉันอย่างพร้อมเพียงกัน
“ แล้วเราละครับปันฝัน ”
“ เอ่อ...คือฝัน... ”
“ จะได้เคลียร์สัญญาไปด้วยเลย ไม่ดีเหรอ? ”
ซิวเวอร์เอ่ยขึ้นก่อนที่จะหันมาสบตากับฉัน หลังจากที่รถติดไฟแดง
ทำให้เขาสามารถละสายตาจากถนนมามองหน้าฉันได้อย่างชัดๆ
นั่นสินะ ฉันกับเขาเรามีสัญญาระหว่างกันอยู่นี่
“ อ่า...งั้นก็ได้ค่ะ ” ฉันตอบรับไปอย่างยิ้มๆ
ก่อนที่ผู้ชายด้านข้างจะละสายตาจากฉันไปมองที่ถนนต่อเมื่อไฟเขียวแล้ว
เสียงแจ้งเตือนข้อความของฉันดังขึ้น
ทำให้ฉันต้องเปิดดูว่าเป็นใครกันแน่ที่ส่งมา ก่อนที่จะแอบหันไปมองเพื่อนตัวดีสองตัวด้านหลังที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างนึกสนุก
สงสัยอะไรตอนนี้วะ
กลับบ้านก่อนค่อยไปสงสัยไม่ได้หรือไง
Guitar : สัญญาอะไรกันวะ
Piano : มึงกับพี่ซิวเวอร์นี้ยังไงกัน
Guitar : ใช่
Guitar : บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ
Piano : ยังไงๆ
Piano : เล่าๆ
Punfan : ค่อยเล่าตอนถึงบ้านได้ไหมวะ
Punfan : มาสงสัยอะไรกันตอนนี้
Piano : สงสัยนานแล้วเถอะ
Guitar : แค่ไม่ได้พูดเฉยๆ
แต่ละข้อความที่คุยมามันทำให้ฉันถึงกับถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย
ก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างอดไม่ได้จริงๆ
“ พวกมึงนี้นะ... ”
ฉันหันไปส่งสายตาดุๆไปให้สองคนด้านหลังที่กำลังทำสีหน้าล้อเลียนฉันอยู่
“ บ้านน้องกีตาร์กับน้องเปียโนอยู่ไหนหรอครับ
เดี๋ยวพี่วนไปส่ง ”
“ อยู่หมู่บ้าน GP เหมือนกันทั้งคู่เลยค่ะ ” เป็นเปียโนนั้นเองที่เป็นคนตอบพี่ซิวเวอร์
นี่ฉันก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าสองคนนี้เขาเป็นเพื่อนบ้านกันนะ มิน่าละแลดูสนิทกันดีจัง
“ แล้วบ้านเราละครับปันฝัน ”
ซิวเวอร์เอ่ยถามฉันต่อพร้อมกับเหล่สายตามองฉันเพียงเล็กน้อย
“ เอ่อ...บ้านฝันอยู่แถวหมู่บ้าน P ค่ะ ”
ฉันหันไปตอบเขาในทันทีที่เขาถาม จะว่าไปบ้านของเพื่อนฉันทั้งสองคนก็ห่างไกลจากบ้านฉันเหมือนกันนะเนี่ย
“ โอเคครับ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งกีตาร์กับเปียโนก่อนนะ
ส่วนปันฝันบ้านอยู่ไกลกว่าค่อยไปส่งทีหลัง...โอเคกันไหมเด็กๆ ”
“ โอเคค่ะ/ครับ ”
เปียโนและกีตาร์ส่งเสียงตอบรับพร้อมกัน
“ ปันฝันละครับ ”
“ ตามนั้นเลยค่ะพี่ ” ฉันตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
ก่อนที่จะยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูข่าวคราว
แล้วเปิดไลน์ดูในกลุ่มสายรหัสที่กำลังคุยกันอย่างเมามัน ฉันได้แต่กดเข้าไปอ่านแล้วพิมพ์ตอบบ้าง บอกตามตรงว่าฉันตามตอบไม่ทันหรอก
พวกพี่ๆเขาคุยกันเร็วเกิน
จนกระทั่งพี่ซีเคทักแชทเดี่ยวฉันมา
CK : น้องปันฝันครับ
Punfan : คะ?
Punfan : มีอะไรคะพี่ซีเค
CK :
ตอนนี้น้องอยู่ในรถซิวเวอร์เปล่าครับ
Punfan : ใช่ค่ะ
CK : โอเคครับ
CK : ถึงบ้านแล้วบอกพี่ด้วยได้ไหม
CK : พี่จะได้รู้ว่าเพื่อนพี่มันส่งน้องถึงบ้านปลอดภัยแล้ว
Punfan : ได้ค่ะๆ
และดูเหมือนว่าฉันจะเล่นโทรศัพท์เพลินไปหน่อย
รู้ตัวอีกทีพี่ซิวเวอร์ก็ขับมาถึงหน้าหมู่บ้าน GP แล้ว
ตอนแรกฉันนึกว่าพี่แกจะขับไปส่งสองคนนี้ถึงในบ้านแต่ก็ไม่...
“ เดี๋ยวพี่จอดลงหน้าหมู่บ้านก็ได้ครับ พอดีบ้านผมกับบ้านเปียโนอยู่ไม่ไกลมาก
เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว พี่จะได้ไปส่งปันฝันต่อได้เลย ” เป็นกีตาร์นั้นเองที่เป็นคนบอกพี่ซิวเวอร์ไปอย่างนั้น
ฉันที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหันหน้ากลับไปหาคนข้างหลัง
ก่อนที่จะเห็นสายตาแวววับบวกกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเพื่อนตัวดีทั้งสองที่ส่งมาให้ฉัน
ท่าทางแบบนี้
แสดงว่าต้องมีความคิดอะไรสักอย่างที่ไม่ค่อยดีเป็นแน่
“ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งเราถึงที่บ้านก่อนก็ได้
”
“ พี่ส่งเราสองคนแค่ตรงนี้ดีกว่าค่ะ
คือทางกลับในหมู่บ้านนี้มันค่อนข้างยากด้วย เพราะมีการซ่อมแซมถนนด้านในบางส่วนอยู่ค่ะ
”
เปียโนเอ่ยขึ้นพร้อมกับให้เหตุผลที่มันดูน่าเชื่อถือและเป็นเหตุเป็นผลได้ดีกว่ากีตาร์
ทำให้พี่ซิวเวอร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็เป็นอันต้องยอม
“ ก็ได้ครับ งั้นพี่จอดตรงนี้เลยนะ ” ซิวเวอร์ตอบกลับไปแบบนั้นก็ที่จะค่อยๆจอดรถชิดริมฟุตบาทอย่างช้าๆ
“ ถึงบ้านละไลน์บอกด้วย ”
ฉันบอกเพื่อนในทันทีที่รถจอด
ทั้งกีตาร์และเปียโนต่างพยักหน้ารับก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณแล้วลงจากรถไป
“ ขอบคุณครับพี่ ”
“ ขอบคุณค่ะพี่ซิวเวอร์ ”
ทันทีที่กีตาร์และเปียโนลงจากรถไปได้สักพัก
ทั้งฉันและพี่ซิวเวอร์ต่างก็มองทั้งคู่เดินเข้าหมู่บ้านไปด้วยกันสักระยะหนึ่งได้จนมองไม่เห็นทั้งคู่แล้วพี่ซิวเวอร์ถึงหันกลับมามองฉัน
“ จะไปกันเลยไหมครับ ”
“ ก็ได้ค่ะ ”
ฉันตอบรับไปอย่างนั้นพร้อมกับส่งยิ้มให้
ในรถตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ฉันกับพี่เขาแค่สองคนแล้วสินะ จะว่าไปก็แอบเขินเหมือนกันนะเนี่ย
นี่มันครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้นั่งรถกับผู้ชายในรถสองต่อสองอะ!!
ถ้าเป็นคนอื่นคงมีเกร็งบ้างล่ะ
แต่กับพี่ซิวเวอร์ฉันไม่รู้สึกเกร็งอะไรเลยสักนิด
เหมือนฉันเชื่อใจเขาทั้งๆทีรู้จักกันได้ไม่นาน
ฉันได้แต่แอบอมยิ้มอยู่ในใจ ก่อนที่เสียงไลน์จะดังเข้ามาขัดความคิดฉันและเมื่อเปิดดูก็เป็นเพื่อนตัวดีสองคนนี่เองที่ส่งมาบอกว่าถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว
Guitar : ถึงบ้านล่ะ
Piano : ถึงบ้านแล้วนะ
Punfan : ( You send a
sticker. )
ฉันส่งสติ๊กเกอร์คำว่าโอเคกลับไปให้เป็นอันรับรู้
ก่อนที่ประโยคต่อมาของเปียโนและกีตาร์เล่นทำฉันถึงกับแอบสะดุ้งเบาๆ
Piano :
@Punfan ถึงบ้านแล้วบอกด้วย
Piano : เตรียมตัวให้ดีๆ
Guitar : เล่ามาให้หมด
Guitar : จะรอฟัง
Punfan : เอออออออ
Punfan : รู้แล้ววววววว
ฉันตอบรับไปอย่างเพลียๆ
ก่อนที่จะกดออกจากแชทกลุ่มเพื่อดูข้อความมาใหม่ที่มาจากแม่ฉันนั้นเองที่เป็นคนส่งมา
Mom : วันนี้ให้กลับมากินข้าวบ้านนะลูก
Mom : แม่เตรียมกับข้าวไว้เยอะเลย
Punfan : โอเคค่ะแม่
กรรมแล้วไง สงสัยงานนี้คงจะไปกินข้าวกับพี่ซิวเวอร์ไม่ได้แล้วละ คุณแม่ท่านเล่นเตรียมอาหารไว้เสียขนาดนี้ ยังไงก็ต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน
ขอโทษด้วยนะคะพี่....
[ Silver
Part ]
สายตาของผมยังคงจ้องมองไปตามท้องถนน
บรรยากาศในรถช่างเงียบครึ้มดูน่าอึดอัดเมื่อเหลือเพียงแค่ผมกับปันฝันภายในรถสองคน
มีบ้างที่บางทีผมก็เหลือบสายตาไปมองน้องที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่อย่างอารมณ์ดี
ผมมองรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนข้างๆจนเพลินไปหน่อย
รู้ตัวตัวอีกทีไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวเสียแล้ว
“ พี่ซิวเวอร์ ”
“ ครับ? ”
“ พี่ไปส่งฝันที่บ้านเลยได้ไหมคะ วันนี้ฝันไม่น่าจะไปทานอะไรกับพี่ได้แล้วละคะ
พอดีว่าแม่ฝันเตรียมกับข้าวไว้แล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ ”
ปันฝันเอ่ยบอกในทันทีก่อนที่ผมจะเลี้ยวไปอีกเส้นทางนึงซึ่งเป็นร้านอาหารที่ผมจะพาเธอไป
ดีนะที่บอกก่อน ไม่งั้นคงต้องกลับรถยาวแน่ๆ
“ ก็ได้ครับ งั้นไว้ครั้งหน้าเราค่อยไปกินด้วยกันนะ
”
“ ขอบคุณนะคะพี่ซิวเวอร์ ”
“ ไม่เป็นไรครับ พี่ยินดี ”
ผมตอบกลับปันฝันกลับด้วยรอยยิ้ม อยากบอกเหลือเกินว่าผมโครตยินดีและเต็มใจมากเลย
เพราะมันเท่ากับว่าผมจะได้มีเรื่องมาเจอหน้าน้องบ่อยๆไง
ผมนี่มันฉลาดจริงๆ
“ พี่นี่ก็...น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย ” ปันฝันเอ่ยชมผมทีนี่เล่นทำผมถึงกับหน้าร้อนเลย ยอมรับก็ได้ว่าเขินกับคำพูดของเด็กคนนี้
โหยยยย
น่ารัก แล้วเมื่อไหร่น้องจะรักพี่ละครับ
แต่ผมคงได้แค่คิดแหละ
ไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ออกไปได้เพราะจะดูไม่งาม
“ น่ารักสู้น้องไม่ได้หรอกครับ ”
เนื่องจากว่าวันนี้รถไม่ค่อยติดมาก ไม่นานนักผมก็มาถึงหน้าหมู่ของปันฝัน
ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในหมู่บ้าน ตามทางที่ปันฝันบอก
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงหน้าบ้านของเธอ
ทันทีที่รถจอดสนิทผมกับน้องก็ต่างเปิดประตูลงจากรถพร้อมกัน
ผมแอบสำรวจบ้านปันฝันคร่าวๆมันเป็นบ้านขนาดกลาง ไม่ได้เล็ก แต่ก็ไม่ถึงกับใหญ่มาก
มองรวมๆแล้วผมก็ชอบนะ ดูมีความร่มรื่นดี
“ สำรวจบ้านฝันอยู่หรอคะ ”
ปันฝันเอ่ยถามผมอย่างยิ้มๆหลังจากที่เห็นผมมองไปรอบๆตัวบ้านของเธอ
ผมที่ได้ยินอย่างนั้นก็ค่อยๆละสายตาออกจากตัวบ้านแล้วมาสบตากับผู้หญิงตรงหน้าแทน
ดวงตาคู่สวยของเธอที่กำลังมองผมมาด้วยรอยยิ้ม มันทำให้ผมถึงกับยิ้มตามอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยจริงๆ
ตึกตัก...ตึกตัก
มีผู้หญิงตั้งมากมายบนโลกใบนี้
แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำให้ผมใจเต้นแรงได้ตั้งแต่แรกเจอหรอกนะ ขนาดคนที่ผมเคยชอบก่อนที่จะมาเจอเธอ
ผมยังต้องใช้ระยะเวลานานนับเดือนถึงจะรู้สึกดีกับคนคนนั้นได้ แต่กับปันฝันมันไม่ใช่
มันต่างออกไป
“ ก็นิดนึงแหละครับ
จะว่าไปบ้านเราก็ดูร่มรื่นน่าอยู่ดีน่ะ ”
“ ใช่ค่ะ
ฝันถึงได้เลือกซื้อบ้านหลังนี้และช่วยกันตกแต่งบ้านกับครอบครัวค่ะ ”
“ นี่เรา...เป็นคนซื้อบ้านหลังนี้เองหรอ? ” ผมเอ่ยถามออกไปอย่างอึ้งๆ
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยสักนิด
อายุแค่นี้แต่สามารถหาเงินช่วยเหลือครอบครัวได้ขนาดนี้นับว่าเก่งมากๆเลยนะ
ขนาดผมยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย บอกตามตรงว่าแอบอายเด็กเหมือนกันแหะ
“ ใช่ค่ะ ก็ที่ผ่านมาฝันทำงานมาตลอด
เลยทำให้มีวันนี้ได้ยังไงละคะ ” ปันฝันเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนภูมิใจ
สวย
น่ารัก มีเสน่ห์ เก่ง
ครบสูตร!!
หรือน้องจะเป็นคนที่ผมตามหา...
แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก ผมควรเลิกคิดอะไรแบบนี้ได้ละ
อย่างน้องปันฝันเนี่ยนะจะมาชอบผม โอกาสที่จะเป็นไปได้นี่จะถึงครึ่งหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แต่...ผมก็ยังอยากได้น้องอยู่ดีอะ
มาเป็นแฟนพี่เถอะ แล้วน้องจะไม่เหนื่อยอีกต่อไป
เดี๋ยวพี่ดูแลเอง
“ มาถึงแล้วหรอลูก ”
เสียงของหญิงวัยกลางคนแทรกเข้ามาก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร
ทำให้ผมและปันฝันต้องหันกลับไปมองต้นเสียงที่ดังแทรกเข้ามา
“ ถึงแล้วค่ะแม่ ”
“ สวัสดีครับ ”
ผมเอ่ยทักขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ทันทีที่รู้ว่าเป็นคุณแม่ของปันฝัน
ส่วนท่านที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มให้อย่างใจดีและยกมือรับไหว้ผม
“ นี่พี่ซิวเวอร์ค่ะ ส่วนนี่แม่ของฝันเอง ”
ปันฝันเอ่ยขึ้นพร้อมกับแนะนำผมให้กับแม่เธอให้ได้รู้จักกัน
“ แฟนเราหรอฝัน หล่อดีเนอะ ”
คำพูดของคุณแม่เล่นทำเอาคนเป็นลูกถึงกับหน้าขึ้นสี ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
แล้วรีบปฏิเสธทันที
“ ไม่ใช่ค่ะ! เขา...เป็นรุ่นพี่ในมหาลัยฯของฝันเอง ”
“ อ้าวเหรอ เสียดายจัง ”
“ เสียดายอะไรหรอครับ ” ผมเอ่ยตอบกลับไปอย่างขำๆ
แม้ว่าจะพอรู้คำตอบอยู่บ้างแล้วนิดๆก็ตาม
จะว่าไปแม่น้องก็น่ารักดีเหมือนลูกไม่มีผิดเลยนะเนี่ย
“ ก็เสียดายที่ไม่ได้ลูกเขยดีๆแบบนี้ ”
คุณแม่ของปันฝันเอ่ยตอบแบบนี้ที เล่นทำผมถึงกับกั้นขำไว้ไม่อยู่เลยนะเนี่ย
ส่วนคนเป็นลูกก็หน้าขึ้นสีเป็นสีแดงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ พอเถอะแม่ กลับเข้าบ้านได้แล้ว
พี่เขาจะได้กลับบ้านสักที ” ปันฝันเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับแขนแม่ตัวเองจะพาเข้าบ้านให้ได้ “ พี่ก็กลับได้แล้วมั้งคะพี่ซิวเวอร์ ”
“ ไล่พี่เลยหรอครับ ” ผมเอ่ยขึ้นพลางเลิกคิ้วข้างนึงอย่างนึกกวนๆ
“ ไม่ได้ไล่ค่ะ แค่เห็นว่ามันเย็นมากแล้ว ”
“ แล้วพ่อหนุ่มกินข้าวกินปลามาหรือยัง
มาทานข้าวด้วยกันไหม ” คุณแม่ของน้องปันฝันเอ่ยชวนขึ้น ที่จริงก็นึกอยากอยู่เหมือนกันนะ
แต่นี่เราเพิ่งจะได้เจอกันครั้งแรกเอง ยังไม่เข้าไปในบ้านเธอก่อนดีกว่า
จะเก็บไว้เข้าครั้งหน้าทีเดียว
“ ยังเลยครับ แต่ยังไม่ดีกว่า
ไว้ครั้งหน้าผมจะมาฝากท้องที่บ้านนี้แล้วกันนะครับ คุณน้าจะอนุญาตไหมครับ ”
“ อนุญาตจ้า มาพร้อมเจ้าปันฝันเลยนะ ” คุณแม่ปันฝันเอ่ยอย่างใจดี
ก่อนที่จะมีท่าทีนึกว่าจะพูดอะไรพูดต่อ
เมื่อท่านนึกออกแล้วก็ส่งยิ้มให้ผมพร้อมกับพูดต่อ
“ เรียกแม่เลยก็ได้นะ ไม่ต้องเรียกน้าหรอก ”
“ แม่!! ” ปันฝันเอ่ยร้องขึ้นด้วยความตกใจ
อย่าว่าแต่เธอเลยผมเองก็อึ้งไม่ต่างกัน
แต่ถ้าในเมื่อท่านต้องการแบบนั้นผมก็ยอมที่จะจัดให้ตามความต้องการของท่าน
“ ขอบคุณนะครับคุณแม่ ” ผมเอ่ยขึ้นพร้อมฉีกยิ้มให้
ก่อนที่จะหันไปมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังหน้าแดงได้ที่อย่างอับอาย ขนาดอายยังน่ารักเลยนะเนี่ย “ ปันฝันครับ ”
“ คะ? ”
“ พี่กลับก่อนนะ ”
“ กลับบ้านดีๆนะคะพี่ซิวเวอร์ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่มาส่งน้องถึงบ้านเลย ”
ปันฝันเอ่ยอย่างยิ้มๆ ส่วนผมก็พยักหน้ารับพร้อมกับเปิดประตูขึ้นไปในรถแล้วปิดลงก่อนที่จะสตาร์ทรถเตรียมไป
แต่แล้วก็มีเสียงเคาะกระจกประตูรถผมจากคนตัวเล็ก
ทำให้ผมต้องกดเลื่อนกระจกลงแล้วหันหน้าไปมองเธอ
ที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ตัวรถของผม “
ถึงบ้านแล้ว...ไลน์มาบอกน้องหน่อยนะคะ ”
“ เปลี่ยนจากไลน์เป็นโทรแทนได้ไหมครับ ”
“ งั้นก็โทรมาด้วยนะ จะรอรับสายจากพี่ค่ะ ”
“ ไว้คุยกันนะครับ ” ผมเอ่ยตอบน้องด้วยรอยยิ้มที่โครตของคำว่าดีใจ ก่อนจะโบกมือลา แล้วออกรถในทันที รีบกลับบ้านเร็วๆดีกว่า แค่นี้ผมก็แทบกรี๊ดแล้ว
150%
-------------------------------------------------------------
สวัสดีวันปีใหม่ไทย มาอัพครึ่งแรกต้อนรับวันสงกรานต์แล้วจ้าาาาา อาจจะมาช้าไปนิดนึง ขออภัยด้วยนะคะ หู้ยยย มีการฝากเขาไปส่งกันด้วยนะเนี่ย รู้สึกคุณพี่ซีเคจะเป็นพี่รหัสที่ดีเกินไปแล้วนะ 5555555 ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องนี้กันเยอะๆนะคะ คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้หรือจะกดโหวตให้กำลังใจนักเขียนก็ได้ค่ะ ให้ไรท์ได้มีกำลังใจบ้างเด้อจ้า
ฝากเพจ Amy07
By : Amy07
13/4/2018
-------------------------------------------------------------
ขออภัยที่ห่างหายไปนานหลายเดือน 55555 เนื่องจากไรท์ตอนนี้อยู่ ม.6 แล้วเวลาทุกอย่างก็รัดตัวไปหมดเลย วันนี้วันดีมีโอกาสดีๆมาอัพเนืองจากวันนี้เป็นวันเกิดของไรท์นั่นเอง เย้! 555555555555 ถึงเราจะหายไปนานบ้าง ทำให้มาอัพช้ามากๆก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะคะ รอไรท์เคลียร์ทุกอย่าง ทุกเรื่องให้มันลงตัวก่อนแล้วจะกลับมาอัพมาแต่งต่อให้อ่านกันอย่างเต็มที่ไปเลยยยย ยังไงก็ติดตามเรื่องนี้กันเยอะๆนะคะ ความสนุกยังรอคุณอยู่ รออ่านตอนต่อไปกันด้วยนะ คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ไรท์บ้างนะคะ
ขอบคุณค่ะ
By : Amy07
7/9/2018
ฝากอีกเรื่องด้วยนะจ๊ะ
ความคิดเห็น