คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 : ระหว่างเรา 100%
ตอนที่ 4
ระหว่างเรา
“มาร์ค... ระ...เรา...” จินยองยังคงยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะของมาร์ค ในขณะที่อีกฝ่ายดูท่าจะอารมณ์เสียเเละไม่สบอารมณ์อย่างหนักจากเหตุการณ์เมื่อซักครู่ที่ผ่านมา มือบางยังคงสั่นหงึกหงัก หยดน้ำที่ยังคงเกาะอยู่ประปรายตามใบหน้าหล่อเหลาดั่งพระเจ้าสร้างมา นั่นจึงทำให้จินยองไม่ลังเลเลยที่จะยื่นผ้าเช็ดหน้าลายลูกพีชสีชมพูไปให้
มาร์คเงยหน้าขึ้นมองลูกแมวน้อยของเขา ฝ่ามือหน้ายกขึ้นหวังจะคว้าผ้าเช็ดหน้านั้นมาเเต่ว่าไม่ใช่
มาร์คจับข้อเเขนบางๆนั่นเอาไว้เเน่นก่อนจะฉุดกระชากลากจินยองให้เดินออกมาจากห้องเเม้ว่าคุณครูภาคบ่ายจะเดินเข้ามาในห้องเเล้วก็ตาม
“มาร์ค จะพาเราไปไหน ปล่อยนะเราเจ็บ" พูดไปก็เท่านั้นราวกับคนตรงหน้าไม่ได้ยิน เขายังคงใช้ความเหนือกว่าด้านพละกำลังบังตับดึงดันให้ร่างบางตัวน้อยๆเดินตามตนมาจนถึงบริเวณลานจอดรถของโรงเรียน
มาร์คหยิบกุญเเจออกมาปลดล็อคซุปเปอร์คาร์คันหรูที่ถูกจอดอยู่ตรงตำเเหน่งที่จอดรถสำหรับผู้อำนวยการ...
ป่าวหรอก เขาไม่ได้เป็นอะไรกับผู้อำนวยการที่นี่อะไรทั้งนั้น เเต่มันจะทำไมถ้าเขาจะจอดตรงนี้
“เข้าไป" มาร์คกดหัวจินยองให้เข้าไปในรถ ฝ่ามือหนาคอยรองกันไม่ให้ศีรษะกลมของอีกคนกระเเทกกับของรถ
จินยองที่โดนยัดเข้ามาในรถได้สำเร็จได้เเต่ยู่หน้าไม่พอใจ จนกระทั่งที่นั่งฝั่งคนขับถูกเพื่อนร่วมชั้นของตนขึ้นมานั่งนั่นเเหละ
ไม่รู้ด้วยเเล้ว!
จินยองได้เเต่คิดอย่างนั้นในใจก่อนจะกอดอกสะบัดหน้าหันไปอีกทาง
"เปลี่ยนซะ" มาร์คพูดเเค่นั้นหลังจากที่โยนเสื้อใส่หน้าจินยองเต็มๆ ฝ่ามือบางคลี่เสื้อฮู้ดสีดำตัวหนาออก ดูจากขนาดที่ใหญ่กว่าตัวเขาเกือบเท่านึง ไหนจะกลิ่นน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของมาร์คอีก
เสื้อตัวนี้คงเป็นของมาร์คสินะ
“ใส่ทำไมอะ" จินยองยังคงมองตาเเป๋วไปที่มาร์คเเม้เจ้าตัวจะเริ่มปลดกระดุมออกเเล้วก็ตาม เเผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเเบบคนสุขภาพดีกำลังทำให้ร่างบางรู้สึกร้อนเเปลกๆ
“อยากออกไปข้างนอกทั้งชุดนี้ให้ชาวบ้านรู้ว่าโดดเรียนก็เชิญ" มาร์คถอดเสื้อนักเรียนสีขาวออกก่อนจะหยิบชุดไปรเวทขึ้นมาสวมเเทน
“เราไม่ได้จะโดดเรียนซักหน่อย" จินยองยังคงยู่ปากเถียงอยู่อย่างนั้น มาร์คหยุดฝ่ามือของตนที่กำลังจะติดกระดุมให้เข้าที่้เเล้วเปลี่ยนมาเป็นสตาร์ทรถเเละออกตัวพุ่งไปข้างหน้าทั้งๆที่ร่างบางยังไม่ทันจัดท่าจัดทางให้นั่งดีๆจนตัวเอนไปกระเเทกกับคอนโซนรถ
จินยองถลึงตามองมาร์คก่อนจะได้รับสีหน้าเรียบเฉยที่เเสนจะยียวนกวนประสาทพร้อมทั้งคำพูดที่ว่า
“ก็ตอนนี้เราออกมานอกโรงเรียนเเล้ว"
“อ่า...ปาร์คจินยองนักเรียนดีเด่น เเบบนี้ก็เเปลว่านายโดดเรียนเเล้วหละ"
งึ! เกลียดมาร์คเเล้ว!!! จินยองเกลียดมาร์คที่สุด!!!!!!
----------------------
จินยองได้เเต่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้จะทำยังไง เขามองต้นไม้ข้างทางที่กำลังผลิดอกร่วงโรยไปตามฤดูกาล กลีบดอกไม้สีเหลืองอ่อนปริวว่อนไปในอากาศมีติดบ้างตามกระจกรถตรงฝั่งที่เขากำลังอยู่ จินยองยื่นนิ้วเล็กๆของตัวเองออกไปจิ้มกับกลีบดอกเล็กๆนั่นเเม้จะมีกระจกของรถกลั้นอยู่
มาร์คมองการกระทำของจินยองเเล้วก็ยิ้มตามออกมาโดยไม่รู้ตัว เอาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปภาพตรงหน้า เเต่เพราะเสียง 'เเชะ' ของกล้องนั่นเเหละถึงทำให้เเมวน้อยหันหน้ามาขู่ฟ่อๆพองขนราวกับเมื่อเช้าลืมให้อาหาร
“นี่เเอบถ่ายรูปเราเหรอ" จินยองยู่หน้าขัดใจในอ้อมเเขนของเขายังคงกอดเสื้อฮู้ดตัวหนาของมาร์คเอาไว้ไม่ยอมใส่เสียที
“เปล่า ฉันเซลฟี่ตัวเองอยู่" มาร์คทำทีเป็นเซลฟี่กับโทรศัพท์ตัวเองเเม้ว่าจะยังไม่ได้สลับกลับโหมดกล้องมาเป็นถ่ายด้านหน้าเลยก็ตาม
เขากำลังสนุกกับการรัวรูป 'หงึ' น้อยๆของจินยองอย่างมีความสุข ในขณะที่จินยองเองก็สังเกตได้ว่ามาร์คยังไม่ได้ติดกระดุมเสื้อ
จินยองโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กับอีกฝ่ายที่ยังคงเเกล้งเซลฟี่เเบบหลอกๆก่อนที่ฝ่ามือเล้กจะลงมือติดกระดุมจากเม็ดล่างสุดให้
มาร์คสะดุดจนเเทบหยุดหายใจ เขาเผลอกลั้นหายใจในวินาทีที่จู่ๆอีกคนก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ เพราะตอนนั้นมัวเเต่อยากแกล้งร่างบางมากไปจนลืมติดกระดุมเสื้อไป เเต่พอยิ่งลมหายใจอุ่นๆของจินยองเป่ารดไปทั่วหน้าท้องของเขาทีไร รู้สึกขนลุกวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก
“ปล่อยไว้อยู่ได้ ไม่หนาวหรือไง" จินยองบ่นอุบอิบขณะติดกระดุมเสร็จไปหนึ่งเม็ด สัญญานไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว สติของมาร์คที่เเทบไม่เหลืออยู่กับเนื้อกับตัวออกเเรงสั่งให้ฝ่าเท้าเหยีบคันเร่งกับมือบังคับพวงมาลัย
จินยองจัดท่าจัดทางซักพักก่อนจะเอนตัวพาดผ่านอีกส่วนของรถลงมานอนบนตักของเขาพร้อมทั้งติดกระดุมในส่วนที่เหลือต่อ
มาร์คมองลงไปเเต่เเล้วก็ต้องเกร็งตัวขึ้นนั่งหลังตรงด้วยความรู้สึกประหม่าอีกครั้ง เพราะทันทีที่เขาสบตาเข้ากับเเมวตัวน้อยที่กำลังนอนตาเเป๋วอยู่บนตักของเขา จังหวะของหัวใจมันก็รัวขึ้นมาเองอย่างควบคุมไม่ได้
ยิ่งจินยองกัดริมฝีปากเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันน่ารัก...
เพราะรถที่กำลังเเล่นอยู่บนถนนนั้นสั่นไปมาไม่หยุด จินยองถึงได้ติดกระดุมนี่ไม่สำเร็จซักที กว่ากระดุมเม็ดสุดท้ายจะถูกติดจนสำเร็จ เขาก็เเทบจะเหน็บกินไปทั้งตัว
มาร์คหักรถจอดลงตรงข้างทางกระทันหัน จนหน้าของจินยองกระเเทกเเผงอกหนาเต็มๆ
“เบรกอะไรกระทันหัน อุบัติเหตุเหรอ" จินยองพยายามจะยันตัวขึ้นจากตักของอีกคน หากมาร์คไม่เลือนมือหนาลงมาล็อกไหล่ของร่างบางเอาไว้
จินยองมองหน้ามาร์คคล้ายสงสัย เเต่การที่อีกฝ่ายส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ มันยิ่งทำให้เเมวน้อยสงสัยมากขึ้นไปอีก
มาร์คมองสีหน้าสงสัยของร่างบางด้วยความเอ็นดู ราวกลับเเรงดึงดูดที่มันทำให้เขาต้องโน้มใบหน้าลงไปใกล้จินยองที่ยังคงนอนค้างอยู่บนตักของเขา
จมูกโด่งของทั้งคู่สัมผัสกัน จินยองรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นเเรง ราวกับภาพรอบๆข้างมัวเบลอไปหมด
“ไม่มีอะไร"
“นายเเค่น่ารักเฉยๆ"
มาร์คมองใบหน้าของจินยองอย่างพินิจพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นเเก้มกลมน่าจุ้บ จมูกรั้นน่าบีบ ดวงตากลมน่ามองหรือว่าริมฝีอิ่มน่าจูบ...
และกว่าที่จินยองจะตั้งสติทัน
มาร์คต้วนก็ช้วงชิงจูบเเรกของเขาไปเสียเเล้ว
-------- 50% --------
“ทำไมต้องดูหนังอะ" จินยองเอ่ยถามมาร์คในขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังเดินเข้าไปในโรงหนัง
มาร์คต้วนโคตรเผด็จการเลยนะรู้ยัง มาบังคับให้ดูหนังเเบบไม่ถามความสมัครใจยังไม่พอ ยังจะไม่ยอมซื้อไส้กรอกให้จินยองอีก งอนอะงอน
เเล้วนี่ดูเรื่องอะไรทำไมไม่ถามความเห็นกันมั่ง ถ้ากลายเป็นหนังฆ่ากันเลือดสาสจะทำยังไง รู้ไหมว่าจินยองไม่ชอบเลือดงะ งือออ มาร์คต้วนคนนิฉัยไม่ดี -3-
“ถ้าไม่ดูหนังฉันจะจูบ" จินยองหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันทีหนังจากที่มาร์คขู่ว่าจะจูบตน เขายังจำความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่ริมฝีปากของตัวเองได้ดี เพราะเหตุการณ์ชวนใจเต้นนั้นพึ่งจะเลยผ่านมาไม่ถึงสิบนาที มันเป็นความรู้สึกเเปลกใหม่ มันทั้งอบอุ่นเเล้วก็หอมหวาน...
มันอ่อนโยนมากๆ จนจินยองไม่สามารถขัดขืนอีกฝ่ายได้เลย
มาร์คมองลูกเเมวน้อยตาเเป๋วเเม้ในโรงหนังจะมืดมิดสนิทเพียงใดก็ตาม ใบหน้าน่ารักในตอนที่ตัวเขาถอนริมฝีปากออกมายังคงฉายชัดนความทรงจำ ดวงตาใสเเจ๋วคลอไปด้วยหยาดน้ำรวมทั้งริมฝีปากอิ่มเจ่อเผยอออกเล็กน้อย เขาเเทบจะก้มลงไปลวนลามอีกฝ่ายต่ออีกซักนิดหากไม่ติดว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายตื่นกลัวตัวตนที่เเท้จริงของเขาไปเสียก่อน
สัมผัสหอมหวานนิ่มหยุนยังคงติดตราตรึงใจของมาร์คอยู่จวบจนณตอนนี้ เขากล้าพูดได้เลย่ามันเป็นรสโปรดของเขาไปเเล้วเเม้จะพึ่งได้ลองชิมจริงๆครั้งเเรกก็ตาม
อีกไม่นานนี้หรอก...
เขาจะทำให้ปาร์คจินยอง มาเป็นของเขาทั้งหมดนั่น ทั้งตัวเเล้วก็ทั้งใจ คอยดูสิ
หนังยังคงเล่นไปเรื่อยๆ จินยองที่สัมผัสกับอากาศเย็นรวมถึงเบาะนั่งนุ่มๆที่ปรับเอนได้เเทบจะหลอมละลายรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ดวงตากลมกระพริบช้าๆก่อนจะค่อยปรือปลอยลงจนในที่สุดมันก็ปิดสนิท
จินยองเข้าสู่นิทราไปเป็นที่เรียบร้อยในขณะที่มาร์คได้เเต่ขำในปฎิกริยาของอีกฝ่าย ฝ่ามือหนาเอื้อมไปเอนลำตัวของเเมวน้อยก่อนจะดันหัวกลมๆนั่นพิงกับไหลของตนเเทนที่จะเป็นพนักพิงของเก้าอี้ มาร์คสอดประสานนิ้วมือทั้งห้าเข้าไปจับกันเเน่นกับมือของจินยอง เจ้าตัวน้อยหลับไปเเล้ว เขาก้มลงไปจุ้บเบาๆที่ริมฝีปากเเดงอิ่มของอีกคนที่กำลังอมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดูเเม้สุดท้ายทั้งคู่จะเข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมๆกัน
จินยองเดินออกมาจากโรงหนังทั้งๆที่มือของเขายังถูกใครข้างหน้าลากจูงเอาไว้อยู่ก็ตาม ดวงตากลมใสในยามนี้หลี่ลงคล้าย่ามันต้องการพักผ่อนเสียเต็มทีทั้งๆที่ในโรงหนังนั่นก็หับมาตลอดทั้งเรื่องเเล้วเเท้ๆ
มาร์คเหลียวไปมองคนด้านหลังที่เเม้จะจับมือเขาไว้เเน่นขนาดไหน เเต่ไอ้การเดินเซไปซ้ายทีขวาทีนั่นก็เเสนจะตลก
จินยองที่เดินมาเรื่อยๆจนเข้ากับไหล่กว้างๆของอีกคนที่หยุดเดินกระทันหัน เขาซุกหน้าลงกับอกอุ่นอย่างคนต้องการหามุมเหมาะๆในการพักผ่อน
“จินยอง" มาร์คเอ่ยเรียกอีกคนเบาๆเหมือนต้องการจะปลุกให้ตื่น เเต่ร่างเล็กนั่นกลับถูจมูกเขากับอกของเขาสามสี่ทีเป็นเชิงปฎิเสธพร้อมกับน้ำเสียงงัวเงียออกมาว่า 3 นาที
โถ่วจินยอง...จะน่ารักเกินไปเเล้ว
มาร์คกดบันทึกวิดีโอตอนที่จินยองบอกว่าสามนาทีเอาไว้ ก่อนจะอัพลงอินสตราเเกรมส่วนตัวพร้อมทั้งลเเคบชั่นว่า 'เเมวน้อยเขาขอ3นาที' เขากดเล่นวิดีโออีกครั้งก่อนจะพบว่าตัวเองบ้ามากเเค่ไหน กับอีเเค่เรื่องเล็กๆเเต่กลับยิ้มได้มากมายขนาดนี้
เขาคงชอบจินยองมากจริงๆ
“งือ~ มัคคึ จิพาเลาปายหนายยย" จินยองที่เริ่มตื่นเต็มที่จู่ๆก็ถูกมาร์คใส่สายริสเเบรนอะไรบางอย่างลงตรงข้อมือ เขาเพ่งสายตาอ่านตัวอักษรบนสายรัดข้อมืออันนั้นก่อนจะเเทบถลึงตาด้วยความตกใจ
“มาร์คไม่เอา เราไม่เข้าบ้านผีสิง!” จินยองขืนตัวทันทีจนมาร์คที่จูงเขาอยู่ด้านหน้าต้องหันมามอง
มาร์คมองจินยองที่เหมือนเเมวน้อยกำลังพองขนขู่ฟ่อๆ เเต่ใครว่าน่ากลัวกัน ออกจะน่ารัก เขาเเค่อาศัยช่วงที่จินยองกำลังสลึมสลือซื้อตั๋วเข้าบ้านผีสิงนี่เท่านั้น
ก็เเค่อยากช่วยให้อีกคนตื่นเอง จริงๆนะ : )
“จินยองกลัวเหรอ"
“ว๊าเเย่จัง...ทำไมจินยองถึงได้ขี้ป๊อดเเบบนี้นะ" ราวกับคำว่าขี้ป๊อดมันกระเเทกเข้ากลางใจ จินยองถลึงตาขึ้นพร้อมทั้งยู่ปากด้วยความขัดใจ อันที่จริงตัวเขาเป็นประเภทไม่ไหลไปตามคำท้าทายของใครง่ายๆ เเต่ทว่าตั้เเต่เกิดมามีชีวิตเเบบลูกผู้ชาย บอกเลยว่าไม่เคยโดนใครด่าหรือดูถูกว่าขี้ป๊อด
“ระ...เราไม่ได้ขี้ป๊อด!” ว่าได้ดังนั้นตัวเขาก็เป็นฝ่ายเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปด้านในบ้านผีสิงเเม้ในใจก็กลัวมากมาย เเต่ไม่ได้หรอก เเล้วมาร์คจะได้รู้กันว่าชายปาร์คคนนี้ซังนัมจาเเค่ไหน!
“อ๊าาาาาาาาา"
“อ๊ากกกกกกกกกก"
“ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย"
ครับ ชายปาร์คอะไรกัน นี่มันลูกแมวชัดๆ
เพราะซากผีตัวหนึ่งหย่อนหัวลงมาจากเพดาน ทำให้ร่างบางที่ทำท่าน้ำหน้าเขาอย่างดีวิ่งมาหลบข้างหลังพร้อมทั้งใช้เรียวเเขนกอดรัดกันอย่างลืมตัว ตั้งเเต่เริ่มเดินเข้ามา จินยองร้องออกมาด้วยความตกใจในทุกครั้งที่มีอะไรน่ากลัวๆโผล่ออกมา
มาร์คมองใบหน้างอหงึที่กำลังซุกเข้ากับเเขนของเข้าอย่างหวาดกลัว
อะไรกัน อย่างจินยองงี่เขาไม่เรียกว่าขี้ป๊อดนะ เขาเรียกว่าน่ารัก จำไว้
จินยองที่ตอนนี้ลืมเรื่องความซังนัมจาของตัวเองไปชั่วขณะเเทบจะร้องไห้ออกมา อันที่จริงก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอก เขาก็เเค่ไม่ชอบผีกับคามมืดก็เท่านั้น เเถมในนี้ก็ทั้งหนาวทั้งเดี๋ยวก็มีเสียงกรี๊ดร้อง เขาไม่วิ่งกลับไปทางประตูที่เข้ามาก็ดีเท่าไหร่เเล้ว ฮือออ ทำไมมัคคึต้องชวนมาเล่นอะไรเเบบนี้ด้วย มันบังเทิงตรงไหน ฮือออ ตอบเลามา ตอบเลา ;_;
“เมื่อไหร่จะจบ" จินยองที่เกาะเเขนของผมเอาไว้เเนะเงยหน้าขึ้นมาหลังจากที่เจ้าตัวใช้มันกำบังจากสิ่งต่างๆรอบตัวในบ้านผีสิง ผมมองสบตากลมนั่นกลับไป หากทว่าก็ไม่ได้ตอบอะไร มาร์คที่ไม่ได้กลัวที่นี่เท่าไหร่ยังคงประคองจินยองไปตามทางเดิน เพราะเขารู้ว่าผีข้างในนี้ยังไงมันก็เป็นคน จึงไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ ผิดกับอีกคนที่เดินตัวสั่นหงักๆเป็นเจ้าเข้า
มาร์คจับฝ่ามือที่เย็นเฉียบของจินยองอีกครั้ง เขามองสบตาร่างบางเพื่อเน้นย้ำถึงบางอย่างให้อีกฝ่ายมั่นใจ
จินยองสบตากับมาร์คในขณะเดียวกันฝ่ามือของทั้งคู่ก็บีบกระชับกันมากขึ้นโดยที่คนทั้งคู่ไม่รู้ตัว
เเม้มาร์คจะไม่ได้พูดอะไรออกไป เเต่จินยองก็มั่นใจ
มั่นใจ...ว่าเจ้าของฝ่ามือคู่นี้ จะไม่มีทางปล่อยให้เขาต้องเผชิญกับความน่ากลัวอย่างโดดเดี่ยวเเน่นอน
“น่ากลัวเป็นบ้าเลย ทีหลังอย่าพาเราเข้าไปอีกนะ" จินยองที่เดินกินไอศกรีมอยู่ข้างๆตัวเขาเอ่นขึ้น ในยามเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าที่พากันเปล่งสีเเดงอมส้มชวนให้อบอุ่นทุกครั้งที่หันไปมอง
เเม้ว่าคนทั้งคู่จะออกมาจากโรงหนังรวมทั้งบ้านผีสิงเเล้วก็ตาม เเม้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองกำลังค่อยๆเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวในสวนสาธารณะที่ถูกขนาบไปด้วยเเม่น้ำขนาดใหญ่
เเต่ร่างกายทั้งสอง ก็ยังถูกเชื่อมด้วยฝ่ามืออุ่นๆของคนทั้งคู่
มาร์คมองคราบไอศกรีมที่เลอะริมฝีปากของจินยอง ก่อนจะยกนิ้วขึ้นค่อยๆปาดคราบครีมสีขาวนั่นออกเบาๆอย่างอ่อนโยน ดวงตาทั้งสองสบกันท่ามกลางพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้า สายลมอ่อนๆพัดปะทะเข้ากับใบหน้า หอบพากลิ่นดอกไม่้หอมอ่อนๆลอยเข้ามาเเตะจมูก ฝูงนกตัวน้อยๆที่กำลังพากันบินกลับบ้านเพื่อไปหาคนที่รอคอยมันอยู่ บรรยากาศรอบตัวที่ถึงกับทำให้จินยองยกยิ้มอย่างพอใจ เเล้วยิ่งสายตาของมาร์คที่ส่งมามันทั้งอบอุ่นจนเข้ารู้สึกได้
รู้สึกได้
ว่าตัวเองยิ้มออกมา...มากขนาดไหน
“จินยอง...” เวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ปีกผีเสื้อสีสวยกระพือปีกบินผ่าน มาร์คเอ่ยเรียกคนตรงหน้าที่มองเขาอยู่ก่อนพร้อมทั้งยกรอยยิ้มน้อยๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆกับคนเเบบเขา
“ระหว่างฉันกับนาย"
“มากกว่าเพื่อนได้ไหม"
-------- #มนอีโมชั่น --------
100%
อะไรนะ สั้นเหรอ? ไม่สั้นนนนนน
ได้หยุด5วันคะ เดี๋ยวจะอัพมันทุกวันเลย ต้องใช้เวลาว่างที่ได้มาอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด 5555
ฟิคเรื่องนี้ มี 10 ตอนนะรู้ยัง
บะบุยยย~
ความคิดเห็น