ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Avengers/Marvel] คู่หูพันธุ์โหด

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : ก่อนมาพบกัน

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 64



    Chapter 1 : ก่อนมาพบกัน

     

    'ทอร์นาโดมันสามารถพาคนทะลุมิติได้ด้วยเหรอ?'

     

    -----------------------------------

     

    ในช่วงชีวิตของเรา ร้อยทั้งร้อยก็ต้องมีเรื่องชวนหวาดผวาในวัยเด็กบ้างไม่ว่าจะเรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง แน่นอนกับเด็กวัย5ขวบก็ไม่มีข้อยกเว้น

     

    ไอรินเธอเป็นเด็กสาวต่างจังหวัด​จากประเทศไทย​ ถึงจะใช้ชีวิตตลอดห้าปีที่นี่แต่กรรมพันธุ์​บนใบหน้านั้นก็ทำให้คนรอบข้างรับรู้ได้ว่าเด็กน้อยตัวจ้อยนี้เป็นลูกครึ่ง

     

    และถึงกรรมพันธุ์​จะไม่ถูกส่งต่อมาบนใบหน้า ทว่าเรื่องราวของมารดาเธอนั้นก็เป็นเรื่องที่คนในพื้นที่รู้กันดี

     

    มารดาของเธอ'ราตรี'​หญิงสามัญ​ชนแสนธรรมดาที่อายุเหยียบเข้าเลขสี่ปลายๆแล้ว หล่อนหนีไปใช้ชีวิตอยู่ชายชาวต่างชาติ​ที่มาท่องเที่ยวเมืองไทย

     

    ในคราวแรกเรื่องราวของทั้งสองนับเป็นเรื่องน่าอิจฉา​ของใครหลายคน ทว่าเมื่อถึงคราวที่ชายคนนั้นต้องกลับไปยังบ้านเกิดเรื่องเล่าก็แปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ยิ่งไม่นานจากนั้นหญิงสาวพบว่าตนตั้งครรภ์​คำติฉินนินทา​ยิ่งเพิ่มทวีคูณ

     

    กระนั้นแล้วความรักที่มีต่อชายที่รักหาได้จางหายไป ราตรีเฝ้าดูแลถนุถนอม​ลูกของทั้งเธอและเขาอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไต่ไรไม่ให้ตอม

     

    ซึ่งเด็กผู้ไม่เคยขาดไอความรักจากผู้เป็นแม่นั้นมีชื่อว่า'ไอริน นิวเจน'


    สื่อว่าเด็กสาวคือแสงสว่างของผู้เป็นมารดา และใช้นามสกุลของผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยพบหน้าเพื่อเป็นพยาน​แห่งความรักของทั้งคู่

     

    ราตรีทุ่มเงินในบัญชี​ทั้งหมดของหล่อนส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนอินเตอร์ ฝึกพื้นฐานการใช้ภาษาให้เธอทุกรูปแบบ เพราะแบบนั้นไอรินจึงเชี่ยวชาญ​การสนทนาภาษาต่างประเทศ​ค่อนข้าง​มากๆ

     

    เธอจำได้ว่าช่วงเวลานั้นเธอไม่ได้หวังให้ผู้เป็นพ่อกลับมาหา ขอแค่ได้อยู่กับมารดาเธอก็มีความสุขแล้ว

     

    แน่นอนทุกครั้งที่มีกิจกรรมวันพ่อที่นั่งของผู้ปกครองเธอมักจะมีมารดามานั่งแทนเสมอ หล่อนไม่เคยทำให้ไอรินรู้สึกโดดเดี่ยว​แม้แต่ครั้งเดียว

     

    ไอรินรักแม่มาก

     

    มากจริงๆ

     

     

    "เธอนี่มันน่าสงสารจริงๆนะ"


     

    ไอรินผละออกจากการวาดรูปและหันไปมองพี่สาวข้างบ้าน(ถึงจริงๆจะเรียกป้าได้แล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมนี่สิ)ที่ยืนเท้ารั่วไม้มองมาทางเธอในมือของหล่อนมีม้วนบุหรี่​คู่ใจอยู่ แน่นอนว่าเด็กสาวไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงวัยกลางคนต้องการจะสื่อ เธอมีอะไรน่าสงสารงั้นเหรอ?"สูบบุหรี่​มากๆจะไม่ดีต่อสุขภาพนะคะพี่แพร"

     

    หญิงวัยกลางคนหัวเราะเหอะพลางอัดควันเข้าปอดโชว์เด็กสาวไปหนึ่งครั้ง

     

    "เหอะ แล้วไง? อยากรู้เหมือนกันว่าปอดฉันมันจะเละเทะไปได้อีกแค่ไหนกันเชียว"ว่าแล้วก็อัดควันเข้าปอดไปอีกรอบ

     

    เด็กน้อยยิ้มอ่อนให้กับการกระทำนั้น ก่อนจะกลับมาเข้าเรื่องที่ค้างคา​ไว้ก่อนหน้า"ทำไมบอกว่าหนูน่าสงสารล่ะ?" 

     

    "ก็ดูสิ พ่อก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้ เพื่อนที่โรงเรียนล้อตายเลยสิ แถมยังถูกเอามาใช้เป็นพยานรักบ้าบอของยัยราตรีอีก เฮ้อ~"

     

    "แม่บอกว่าพ่อไปทำงาน เดี๋ยวท่านก็กลับมาหา"ถึงในใจจริงๆเธอไม่ได้อยากให้กลับมาก็เถอะ

     

    พี่แพรไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เพียงถอนหายใจแล้วผลักหัวเธอเบาๆแล้วเดินเข้าบ้านไป

     

    ในคืนนั้นเธอเราเรื่องที่คุยกับพี่แพรให้ฟัง แม่ของเธอโกรธ​มากที่พี่แพรมาพูดอะไรแปลกๆให้ลูกสาวฟัง

     

    ร่างน้อยของเด็กหญิงถูกรวบเข้าไปกอดแน่น มือที่ถูกบำรุงอย่างดีลูบเส้นผมของเธอเบาๆพร้อมเสียงหวานใสดังแก้วเอื้อนเอ่ยเบาๆ

     

    "ลูกเป็นความหวังของแม่นะไอริน แม่รักหนูนะ..." 
    นั่นคือประโยคที่เธอได้ยินมาตั้งแต่จำความได้ น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นอ่อน​โยนที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา อ่อนโยน...จนเผลอเชื่อไปทั้งหัวใจ

     

    “หนูก็รักแม่"

     

    สองร่างกอดกันในค่ำคืนที่แสนสงบ ไอรินเชื่อว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จนกระทั่ง... 

     

    "หมายความว่าไงที่ว่าให้ตัดใจได้แ​ล้วน​่​ะ!?"

     

    เสียงตะคอกที่หาได้ยากยิ่งของราตรีดังออกมาจากห้องอาหาร ไอรินชะโงกหัวไปมองพบว่าเป็นมารดาที่กำลังคุยโทรศัพท์​กับใครอยู่ แต่สีหน้าหล่อนนั้นไม่ใกล้เคียงกับคำว่าดีเลยสักนิด"อย่ามาถอนหายใจใส่ฉั- ​เxี้ยเ​อ​้​ย!!"

     

    หล่อนสบถคำหยาบออกมาอย่างไม่เกรงใจเมื่อบุคคลปลายสายนั้นถือวิสาสะวางสายไปซะแล้ว หล่อนเร่งกดโทรใหม่อีกครั้งทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับไม่รับสาย


    '"รับสิ! รับสิ!! รับเซ่!!!"เด็กน้อยเดินเตาะแตะ​ไปหาผู้เป็นมารดา มือน้อยกระตุกชายเสื้อหล่อนเบาๆจ้องตาแป๋ว"คุณแม่เป็นอะไรไปคะ? หนูให้ยืมของเล่นอย่าร้องไห้เลยนะ"

     

    ทุกครั้งที่เธอทำแบบนี้ ผู้เป็นมารดาจะหันมาหัวเราะเสียงใสและเราสองแม่ลูกจะพากันเล่นของเล่นกันจนเธอเผลอหลับไป

     

    ทว่าคราวนี้กลับต่างออกไป... 

     

    เพรี้ยะ!! 

     

    ฝ่ามือของมารดาฟาดลงข้างแก้มเต็มแรงจนร่างเด็กน้อยกระเด็นออกมา เด็กสาวตัวสั่นเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตา​ของผู้เป็นมารดา มันไม่ได้ดูอ่อนโยนอย่างที่แล้วๆมา มันเต็มไปด้วยแรงไฟโทสะจนน่าหวาดผวา

    "แx่งเ​อ๊ย! ดันหลงเชื่อมันไปซะได้ แล้วจะทำยังไงกับนังเด็กนี่เ​ล​่​า!"

     

    ไอรินคลานหลบไปมุมห้องเพื่อหลีกหนีจากแรงอารมณ์​ของผู้เป็นมารดา นี่เป็นครั้งแรกของเด็กสาวที่พบเห็นด้านนี้ของหล่อนจึงไม่แปลกที่เด็กน้อยจะเกิดอาการหวาดผวาได้มากขนาดนี้ 

     

    ร่างของหญิงสาวพุ่งเข้ามาคร่อมตัวของเธอเอาไว้ มือหล่อนบีบแก้มของเด็กสาวบังคับให้หันมาสบตากันตรงๆ แม้จะพยายามขัดขืน​ทว่าปลายเล็บที่จิกลงมาบนเนื้อแก้มนั้นสร้างความเจ็บปวดเกินกว่าเด็กน้อยจะรับไหว เธอจำใจหันไปเผชิญหน้ากับมารดาที่เธอไม่คุ้นเคยอย่างไร้หนทาง

     

    "พ่อแกมันไม่โผล่หัวมาแล้ว! มันทิ้งเราแล้วได้ยินมั้ย!!"หล่อนตะโกนอัดหน้าเด็กน้อย น้ำตานองหน้าซึ่งฝ่ายไอริยน้อยก็ไม่ต่างกันฝ่ามือเล็กเอื้อมมาจับมือของมารดาเอ่ยเสียงสั่นเครือ​

     

    "ม ไม่มีพ่อก็ได้...เรา...มาอยู่ด้วยกันสองคนนะคะแม่"

     

    เธอเชื่อว่าถ้าเราสองแม่ลูกใช้ชีวิตกันสองคนโดยไม่มีชายคนนั้นได้แน่นอน

     

    ราตรีมองลูกสาวของตน ไอรินหลงคิดว่าแม่เธอคงเข้าใจแต่เปล่าเลย หล่อนกลับทวีความโกรธ​ขึ้นไปอีก"ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วฉันจะคลอดแกออกมาทำไมล่ะอิเด็กเ​วร!"

     

    วินาทีต่อมาเด็กน้อยก็รู้สึกได้ว่ามีของแข็งฟาดลงบนใบหน้าของเธอจากนั้นสติก็ดับวูบไป

     

    ทว่าความเจ็บที่ใบหน้าก็เทียบไม่ได้กับความเจ็บภายในใจสักนิด คำพูดที่ผู้เป็นแม่พล้ำบอกมาตลิดราวกับเป็นเพียงคำลวงที่มีไว้ใช้หลอกเธอเท่านั้น

     

    ไอรินก็ไม่ต่างอะไรจากตัวประกันที่แม่เก็บไว้เพื่อรอวันที่คนเป็นบิดาจะมารับตัวไป

     

    หากครานี้ชายคนนั้นไม่ได้ใยดีต่อเด็กสาวที่ไม่แม้จะได้พบหน้าคนนี้อีกแล้ว... 

     

    ราตรีจึงไม่จำเป็นต้องถนุถนอนเธออีกต่อไป... 

     

    เหตุการณ์​นั้นทำให้แม่ของเธอถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกายและทารุณกรรม​เด็กโดยผู้ที่ติดต่อให้ก็คือพี่แพร แต่ผ่านไปไม่นานมารดาของเธอก็ถูกปล่อยตัวออกมาและชีวิตของไอรินราวถูกพลิกผัน​

     

    มารดาหันมาดื่มเหล้าอย่างหนัก จนส่งผลกระทบ​ต่อร่างกายกระนั้นหล่อนก็ยังด่าทอ​ลูกสาวทุกวันไม่ขาดปาก ดูเหมือนในตอนนี้เธอจะถูกผู้เป็นมารดาเกลียดจนเข้าไส้เลยล่ะ... 

     

    ไม่เพียงมารดาที่เปลี่ยนไปแต่ผลจากถูกของแข็งฟาดที่ใบหน้าอย่างแรงและราตรีอาจฟาดมันซ้ำลงมาอีกหลายครั้งหลังที่ไอรินหมดสติไป ตอนนี้กล้ามเนื้อใบหน้าของเด็กสาวจึงไม่สามารถขยับได้ดั่งใจ

     

    หมอกล่าวว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าของเธ มีปัญหา จะว่ายิ้มก็ไม่ใช่จะบึ้งตึง​ก็ไม่เชิงซึ่งมันสร้างปัญหา​ในการเข้าสังคมให้ไอรินมากมายนัก

     

    จากเด็กสาวที่อัทธยาศัยดีร่าเริง​สดใส แปรผัน​เป็นเด็กหน้าบึ้งตึง​ตายด้านจนมิตรสหายเริ่มตีตัวออกห่าง

     

    ไอรินพยายามเล่นมุกตลกอย่างที่เคยทำ ทว่าแทนที่มันจะดูตลกขบขัน​กลับสร้างความหวาดกลัวให้คนรอบข้าง เธอเล่นมุกทั้งที่ใบหน้านิ่งสนิทจากมุกตลกโปกฮา​จึงกลายเป็นเรื่องเล่าชวนสยอง

     

    ไม่มีใครอ่านอารมณ์​ไอรินได้

     

    ไม่มีใครรับรู้ถึงอารมณ์​ที่เด็กสาวต้องการจะสื่อ

     

    ความโดดเดี่ยว​ที่ได้รับหลอมรวมให้ไอรินเปลี่ยนแปลงตนเอง สร้างกำแพงสูงเฉียดฟ้าหลบหนีจากคนรอบตัว

     

    ไอรินมุ่งเน้นไปที่การเรียนของเธอ เธอพยายามอย่างหนักเพื่อให้เกรดออกมาดี เกรดที่จะนำพาเธอไปสู่ชีวิตใหม่

     

    ในเวลาว่างจากการเรียนไอรินจะอ่านหนังสือหาข้อมูลในการย้่ยประเทศ ไม่ว่าจะเอกสารหรือกฎหมายต่างๆจนอายุเธอได้13ปี ความพยายามก้าวแรกก็สัมฤทธิ์​ผล

     

    ไอรินทำเรื่องมาเรียนต่อที่อเมริกาได้สำเร็จ ห่างใกล้จากผู้เป็นแม่ ห่างใกล้จากความทรงจำวัยเด็ก

     

    "จะไปไหนก็เรื่องของแกเ​ถ​อะ!" 

     

    "อืม" 

     

    แน่นอนถึงลูกสาวผู้เคยเป็นแก้วตาดวงใจกำลังจะย้ายไปอยู่ที่ไกลแสนใกล้ ราตรีก็หาได้สนใจไม่ ดีไม่ดีหล่อนอาจกำลังจะแช่งให้เครื่องบินมันระเบิดกลางอากาศ​อยู่ก็ได้ใครจะไปรู้

     

    "งั้นหนูไปนะ" 

     

    เป็นการบอกลาที่โคตรจะห่วยแตกเลยให้ตายเถอะ ถึงจะไม่ได้หวังอะไรไว้อยู่แล้วก็ตาม

     

    ภายในเครื่องบินเธอไม่ได้สนใจอะไรมากแค่นั่งรอเวลาที่เครื่องจะลงจอดเท่านั้น แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อทอร์นาโดลูกยักษ์ปรากฏขึ้นต่อหน้าประชากรที่อยู่ในตัวเครื่องเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังเข้ามาในโสตประสาท​ ไอรินนั่งจิกลงเบาะแน่นแอบสบถในใจ

     

    ไอ้กัปตัน​เครื่องมันไม่ดูจุดที่ควรบินเลยรึไงว​ะ!? 

     

    ในเวลาไม่กี่นาทีเครื่องบินลำใหญ่ก็ถูกดูดเข้าไปในทอร์นาโดยักษ์และคงเป็นเรื่องยากที่ราวผู้โดยสารรวมถึงกัปตัน​เครื่องคงไม่ได้มีชีวิตรอดกลับมา

     

     

    เฮือก!? 

     

    ไอรินสะดุ้งเบิกตาโพล่ง ก่อนกวาดสายจามองรอบๆตัว ทุกอย่างดูปกติจนหน้าแปลก...ผู้คนต่างทำธุระส่วนตัวของตนเองโดยไม่สนอะไรราวกับว่าเรื่องที่เครื่องบินถูกดูดเข้าไปในทอร์นาโดยักษ์​นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

     

    "ฝัน?"นั่นเป็นสิ่งที่เธอคิดได้เพียงข้อเดียว แม้มันจะเหมือนจริงมากจนไม่สามารถเชื่อได้ว่าเป็นความฝัน แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ? ลุกขึ้นแล้วตะโกนถามคนในเครื่อง? จะโดนลากไปเก็บในห้องฉุกเฉินแทนเพราะคิดว่าสติไม่ดีแทนน่ะสิไม่ว่า

     

    ไม่นานหลังจากนั้นเครื่องก็ลงจอด ไอรินรีบมุ่งหน้าไปยังบ้านพักที่สั่งจองไว้ก่อนหน้าที่เธอจะมาซึ่งแน่นอนมันเป็นเงินของเธอทั้งหมด 

     

    ร่างบางหมุนตัวไปรอบๆ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายดูแปลกตา ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตัวสูงกว่าเธอมาก คงเพราะเธอเป็นคนเอเชียและมันคนละเรื่องกับคนยุโรปเลยล่ะนะ

     

    "ไอริน!! ไอรินจ๊ะ ทางนี้~"

     

    ภาษาประจำชาติร้องเรียกจากอีกฟาก​ น้ำเสียงช่างคุ้นหูจนน่าแปลกใจ เจ้าของชื่อพยายามเพ่งมอง​ไปยังต้นเสียงก็พบเข้ากับร่างของราตรีผู้เป็นมารดากำลังยืนโบกมือให้เธอพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาเนิ่นนาน

     

    ราตรียิ้มหวาน"ยินดีต้อนรับ​กลับบ้านนะลูกรัก~" 

     

    แม่เธอมาที่นี่ได้ยังไง?!?

     

    แล้วคนข้างๆหล่อนนั่นใคร!?

     

    เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่ยอมเดินมาสักทีทั้งสองจึงเดินเข้าไปหาแทนแต่เด็กสาวตรงหน้าก็ผละถอยออกไปด้วยใบหน้าสับสน บุคคล​ที่เดินเข้ามานั้นถึงจะเหมือนแม่ของเธอมากแต่กลับมีบางอย่างที่ต่างออกไป

     

    บรรยากาศ​รอบตัวนั้นราวกับย้อนกลับไปเมื่อ8ปีก่อน ในคราที่แม่ยังวาดฝันถึงชายคนนั้นอยู่

     

    แล้วชายข้างๆนี่... 

     

    บุรุษ​ร่างสูงดูมีภูมิฐาน​เลิกคิ้วเมื่อถูกจ้องตาไม่กระพริบ​ไม่นานเขาก็หลุดหัวเราะออกมา ยื่นมือขยี้หัวของเธอจนฟูฟ่อง​ไปหมด

     

    "อะไรยัยตัวแสบ ไปเที่ยวไม่กี่อาทิตย์​กลับมาก็ลืมพ่อไปแล้วหรือหืม? ว่าไง?"

     

    อะไรน​ะ อีกทีซิ?

     

    พ่อ?

     

    เธอมีพ่อด้วย?(มีลูก หนูต้องมี...ไม่มีหนูเกิดไม่ได้นะเออ;;;)

     

    มีหรือไม่มีพ่อนั้นไม่สำศัญ...สำคัญ​ที่ว่าทำไมถึงพึ่งโผล่มาตอนนี้ แถมแม่ของเธอยังมาอยู่ที่นี่อีก...

     

    "ทำหน้าเด๋ออะไรล่ะเรา ป่ะ กลับบ้านกันดีกว่านะ"ผู้เป็นมารดายื่นมือมาจัดทรงผมที่ถูกยี้จนเละเทะเบาและจับมือเธอเดินไป โดยชายที่อ้างว่าเป็นบิดานั้นกำลังลากกระเป๋า​เดินตามมาติดๆ

     

    ไอรินทั้งอึ้ง ทั้งสับสน ไม่รู้หน้าหลังอะไรทั้งสิ้น จนเริ่มคิดว่าที่นี่อาจไม่ใช่ที่ๆเคยอยู่ ถ้าจะให้พูดคือสมพรปากแม่เธอแล้วล่ะ...

     

    ไอรินนั่งรถประจำตัวของครอบครัวมาจนถึงบ้านหลังหนึ่ง มันไม่ได้ใหญ่โตจนเรียกว่าคฤหาสน์​ได้ แต่ก็ใหญ่กว่าบ้านของคนปกติมากพอสมควรบ่งชี้ถึงฐานะของครอบครัวนี้ได้เป็นอย่างดี

     

    "ลงมาได้แล้วคนเก่ง เดี๋ยวเย็นนี้แม่ทำของโปรด​ให้กินนะ"ราตรีจูงมือเธอลงจากรถพาเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยกัน ด้านในถูกตกแต่งสวยงามมีรูปครอบครัวตั้งได้บนโต๊ะมันคือภาพของพวกเราสามคนทีาไอรินจำไม่ได้ว่าเคยถ่ายมันมาก่อน

     

    จนถึงตรงนี้ไอรินมั่นใจเกิน100%แล้วว่านี่ไม่ใช่โลกของเธอแน่นอน คำถามคือเธอมาที่นี่ได้ยังไง? เพราะทอร์นาโด​นั่นเหรอ? แล้วไอรินของโลกนี้อยู่ไหน?

     

    มื้อเย็นวันนั้นเป็นมื้ออาหารครบเครื่องในรอบหลายปีของไอรินเลยก็ว่าได้ และดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่สงสัยอะไรเกี่ยวกับสีหน้าของเธอซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าไอรินของโลกนี้ก็มีภาวะผิดปกติทางสีหน้าเหมือนกัน

     

    และนี่เป็นครั้งแรกที่ไอรินได้รู้ชื่อพ่อของตนเองเป็นครั้งแรก'วิลเลียม​ นิวเจน'​ นิวเจนที่เป็นนามสกุลแบบเดียวกับเธอ

     

    การเข้านอนของเธอทั้งสองก็เข้ามาบอกราตรีสวัสดิ์​ถึงเตียง เป็นภาพที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ในอดีตอาจมารดาก็บอกราตรีสวัสดิ์​เธอแต่หลังจากวันนั้นมันก็ไม่มีอีก

     

    ไม่รู้สิ...แต่ไอรินคิดว่าไหนๆเธอก็มาอยู่ที่นี่แล้ว

     

    ได้อยู่กับพ่อแม่ เป็นครอบครัวที่สมบู​รณ์...

     

    งั้นจะเป็นอะไรมั้ยหากเธอจะลองกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง? เหมือนเมื่อแปดปีก่อน

     

    "คิดถึงทั้งคู่จังเลยค่ะ~"ไอรินโอบรอบคอของทั้งสองคนจนสองร่างนั้นล้มระเนระนาด​ลงมาบนเตียงกว้าง

     

    ราตรีหัวเราะ"อะไรของเ​ร​า​เ​นี่​ย!"

     

    "ที่รักๆคุณทับแขนผ๊ม!"

     

    เสียงหัวเราะของคู่สามีประสานกัน โดยมีลูกน้อยของพวกเขาหลับตาพริ้มซึมซับ​ความรู้สึกในตอนที่ให้มากที่สุด 

     

    ไอรินภาวนาในใจไม่ให้สิ่งเหล่านี้เป็นความฝัน... 

     

    ไม่งั้นมันคงทรมาน​น่าดู​เลยล่ะ... 

     

    เด็กสาวผลอยหลับไปในที่สุด สองสามีภรรยาค่อยๆจัดท่านอนของเธอให้เรียบร้อยก่อนวิลเลียมผู้เป็นพ่อจะช้อนตัวเด็กสาวขึ้นแนบอก พยายามไม่ทำให้เด็กสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมา

     

    ทั้งสองเดินไปที่รถขันเดิมและขับออกไปจากตัวบ้านทันที

     

    ราตรีรับเด็กสาวมาไว้ในอ้อมแขนแทนผู้เป็นสามีก้มมองลูกสาวไปพลางหัวเราะเสียงหวาน

     

    "นอนได้นอนดีนะเด็กคนนี้นิ" 

     

    "เพราะแบบนั้นแกถึงได้แข็งแรงแบบนี้ไงล่ะ กินครบ5หมู่ น้ำดื่มตลอดแถมเรายังพาไปออกกำลังกายกันบ่อยๆด้วย"วิลเลียมกล่าวพลางหัวเราะร่วน พวงมาลัยหักโค้งไปบนถนนอีกเส้นซึ่งไร้วี่แวว​ของรถยนต์​และแสงไฟ

     

    เขายกยิ้ม"คราวนี้คงได้ราคาดีกว่าคราวที่แล้วแน่ๆ"

     

     

     

     

    อืม...

     

    ไอรินส่งเสียงงึมงำเบาๆเมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป ก่อนร่างน้อยจะสะลึมสะลือ​ตื่นขึ้นมาในความมืด

     

    เธอหันซ้ายแลขวา รอบกายมืดสนิท​จะว่ายังมืดอยู่ก็ไม่น่าใช่ หากเป็นแบบนั้นก็ควรจะมีแสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างมาบ้าง ทว่านี่กลับมืดสนิทราวกับเป็นห้องปิดตาย... 

     

    พรึบ!

     

    จู่ๆแสงไฟก็สว่างว๊าบจนคนอายุน้อยต้องยกมือมาบังไว้เพราะปรับสายตาไม่ทัน และเมื่อมองไปรอบๆก็พบว่าตอนนี้เธออยู่ในห้องสี่เหลี่ยม​โล่งๆด้านหน้ามีบานกระจกกั้นไว้เหมือนพวกห้องทดลองที่เคยดูในหนังไม่มีผิด

     

    นอกกระจกนั้นมีบุคคลแปลกหน้ายืนอยู่3-4คน ทว่านอกจากนั้นไอรินก็พบกับคนคุ้นเคยยืนเคียงกันอยู่ไม่ห่างนัก

     

    ไม่รอช้าไอรินร้องถามทันที"พ่อคะ! แม่คะ!นี่มันอะไรกันคะ!?" 

     

    ผู้เป็นมารดาทรุดเข่าลงร่างนั้นสั่นระริกทว่าไม่ทันไรเสียงหัวเราะก็ดังแทรก หล่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับลูกสาวตนเองด้วยรอยยิ้ม​บิดเบี้ยว​

     

    "ฮ​ะ​ฮ​่​า! เอาจริงดิ!? อยู่ในสภาพแบบนั้นแล้วยังไม่รู้จริงดิ!?" 

     

    "แม่หมายความว่ายังไง..."

     

    "เอาล่ะเพื่อลูกสาวผู้โง่เขลา​ของเรา ขอแนะนำให้รู้จักพวกเขา องค์กร​'ไฮดร้า'​ผู้จะยิ่งใหญ่กว่าผู้ใดในโลก~"วิลเลียมผายมือ​ไปทางกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างๆ 

     

    สองสามีภรรยาคู่นี้นั้นมีอาชีพเป็นนักธุรกิจส่วนตัวเป็นฉากบังหน้าการผลิตตัวทดลองให้กับองค์กรไฮดร้า ทั้งสองคนจะให้กำเนิดทายาทออกมาและขายต่อให้กับองค์กรไฮดร้า

     

    ปกติเด็กจะถูกขายตั้งแต่ช่วงอายุ5-6ปี ทว่าตัวทดลองก่อนหน้านั้นอึดทึกทนกว่าที่คิดจึงกินเวลามาจนไอรินอายุ13ปี ช่วงที่เด็กสาวขออนุญาต​พวกเขาไปเที่ยวต่างประเทศคราแรกพวกเขากระวนกระวาย​แทบบ้าเมื่อเด็กสาวกลับมาช้ากว่ากำหน​ดการ​ นั่นจึงเป็นสาเหตุ​ว่าทำไม่พวกเขาถึงได้ดูดีใจโอเวอร์ขนาดนั้นยามเห็นไอรินเดินลงจากเครื่อง

     

    เด็กสาวฟังจบแล้วแทบสิ้นสติ"...ไม่"

     

    เธอควรตกใจอะไรก่อนดีระหว่างองค์กรอันตราย​ในภาพยนตร์​มี่เคยดูนั้นมีอยู่จริง กับ... 

     

    ครอบครัวที่เธอหวังไว้ว่าจะใช้ชีวิตไปด้วยกันอย่างมีความสุขหักหลังเธอ... 

     

    นี่เธอโลกสวยไปเหรอ? แค่เห็นเป็นพ่อแม่...แค่เห็นว่าพวกท่านทำดีกับเธอ...ก็เชื่อซะสนิทใจ...

     

    โอเค เธอขอถอนคำพูด

     

    ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นความฝันด้วยเถอะ

     

    เพราะการถูกหักหลังแบบนี้มันทรมาน​กว่าเยอะเลย...

     

    ราตรีมองลูกสาวที่หลับตาราวกับยอมรับชะตากรรมตนเองก็ยกยิ้มหวานอย่างที่เคยทำมาตลอดพลางโบกมือบ๊ายบายคุณลูกสาว"บุญ​คุณ​ตลอดมาของหนู ถูกใช้เรียบร้อย​แล้วนะไอริน เงินที่ได้มาก้อนนี้จะทำให้พ่อกับแม่อยู่สบาย"

     

    กล่าวจบทั้งคู่พากันเดินจากไปและไม่หันกลับมาอีก นั่นยิ่งย้ำเตือนว่าทั้งคู่ไม่มีเยื่อใย​ต่อไอรินเลยแม้แต่น้อย

     

    และหลังจากนั้นไอรินก็รับรู้ได้ถึงคำว่านรกบนดิน


     

    วันแรกพวกไฮดร้าจับเธอยัดเข้าไปในเครื่องบ้างอย่างซึ่งหากมันทำงานภายในจะดูดเอาออกซิเจน​ออกไปจนหมด เธออ้าปากพะงาบๆเป็นปลาขาดน้ำพยายามตะเกียกตะกาย​ออกมา แต่ก็ถูกจับมัดแขนมัดขาจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

     

    วันที่สอง พวกนั้นฉีดบางอย่างเข้ามาในตัวของเธอ ร่างกายเธอบิดเร้าเหมือนจะขาดใจก่อนจะถูกจับเข้าไปในเครื่องนั่นอีก

     

    วันที่สามไอรินถูกจับถ่วงน้ำปล่อยแช่ไว้แบบนั้นจนเธอแทบขาดใจตาย แต่ก่อนที่จะได้ลาโลกร่างก็ถูกฉุดขึ้นมาห้อยต่องแต่งกลางอากาศ​ไม่ถึง10วินาที ก่อนจะจับถ่วงน้ำอีกครั้ง สลับแบบนี้อยู่หนึ่งวันเต็ม

     

    วันที่สีไอรินจับไข้อย่างหนักเหตุจากการโดนจับถ่วง นั่นเหมือนจะเป็นวันพักผ่อนสำหรับเธอก็ไม่กลาย

     

    วนลูป​แบบนี้อยู่หนึ่งปีเต็ม พลกำลังของไอรินเพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิมไม่ทราบว่าเป็นผลจากการทดลองวิปริต​ของพวกไฮดร้าหรือเปล่า แต่เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่มีโอกาส​ได้หยุดพักอีกเลย

     

    จนวันหนึ่งไอดร้าก็เอาบางสิ่งมาฝั่งในหัวเธอ มันเป็นเศษหินเม็ดเล็กสองเม็ด อันหนึ่งสีแดงสดใสอีกอันสีฟ้าส่องสว่าง​ แต่ไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงรู้สึกไม่ดีกับมันเลยสักนิด คราวนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่ตัวทดลองอย่างเธอเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง

     

    การผ่าตัดเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะตัวทดลองไม่ยอมให้ความร่วมมือจึงจำเป็นต้องผ่าตัดสดๆ เสียงกรีดร้องไม่ได้ทำให้การผ่าตัดหยุดลงมันยังคงดำเนินต่อไป

     

    "อ้ากกก​ก​!!!! เจ็บ!! ป​ล่อ​ย​!!!"

     

    ฉับพลันคลื่นพลังสีม่วงถูกปล่อยออกมาจากตัวของเด็กสาว ร่างของพวกเขากระเด็นไปคนละทิศละทาง​ ทั่วทั้งตัวโฉกเลือดร่างกายบิดเบี้ยว​ชวนให้อาเจียน

     

    ไอรินเบิกตากว้างสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวบวกกับความเจ็บปวดที่ยังไม่จางหาย สิ่งรอบตัวของเธอเริ่มถูกบิดงอ เสียงโวยวายของพวกไฮดร้าไม่ได้เข้ามาในโสตประสาท​ของไอรินแม้แต่นิด ตอนนี้แค่เสียงหัวใจตัวเองเธอยังไม่ได้ด้วยซ้ำ

     

    เรื่องราวต่างๆพรั่งพรูเข้ามาจนหัวแทบจะระเบิด เข็มยาสลบที่ถูกยิงเข้ามาหมายจะจัดการความบ้าคลั่ง​นี้ถูกทำให้สลายไปกับตา

     

    ก่อนที่จะมีใครสังเวย​ชีวิตให้กับพลังอำนาจนี้ เด็กสาวที่ถูกความทรงจำและพลังงานบางอย่างไหลเข้าสู่ร่างกายก็หงายหลังสลบเหมือด​ไปในที่สุด

     

    แน่นอนเหตุการณ์​ครั้งนี้ถูกกล้องวงจรปิด​ของไฮดร้าถ่ายเก็บไว้หมดแล้ว... 

     

     

     

     

    -----------------------------------

     

    จบไปแล้วกับการรีไรท์​ตอนแรก~ต่างจากก่อนหน้าม่ะ? ต่างแหละ

     

    ชีวิตไอรินนี่มันเหมือนหนีเสือปะจระเข้จริงๆ ซวยซ้ำซวยซ้อนอุตส่าห์ไว้ใจจะใช้ชีวิตกับพ่อแม่เวอร์ชั่นใหม่ก็ดันโดนหักหลังอีก โถ่วๆ

     

    1 คอมเมนท์​ 100 กำลัง​ใจ

    อย่าลืมเมนท์กันเยอะๆนะ~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×