บ้าแล้วทำไม ถึงยังไงฉันก็ยังรักเธอ
‘เขาว่ากันว่า คนบ้ามักตายยาก........ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงไม่คิดอะไรกับมัน.....แต่ตอนนี้...’
“มิโนรินน~~~~” ปัก!! ชายหนุ่มร่างเล็กหน้าตาน่ารักพุ่งออกมาจากซอกหลืบของกำแพงมาเกาะหลังของหญิงสาว เส้นผมสีดำสนิทยาวเหยียดตรงกระเพื่อมไปตามแรงกระแทก
“.......ทำอะไรของนาย......”สาวสวยร่างสูงโปร่งมองชายร่างเล็กหน้าหวานผู้มีเส้นผมตัดบ๊อบสั้นและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนด้วยสายตาเย็นชา
“หง่ะ.....อย่ามองเค๊าแบบนั้นซิ หรือว่า!หิวอยู่ซินะ!หน้าตาดูอารมณ์บูดแบบนี้ต้องหิวอยู่แน่ๆเลย! อะนี่!ลูกอม ”หนุ่มน้อยล้วงลูกอมหลากสีสันออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้หญิงสาวตรงหน้า
“ยูกิ....ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่างพกลูกอมเยอะขนาดนั้น มันจะทำให้นายฟันผุนะ”หญิงสาวตักเตือนชาย(หรือเด็ก)หนุ่มตรงหน้า ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าถูกคุณป้าข้างบ้านขอให้ช่วยดูแล เธอคงไม่มีวันไปยุ่งกับคนแบบนี้
“คุณป้าบอกให้ฉันดูแลนาย นายก็ควรที่จะฟังที่ฉันพูดบ้างนะ แล้วชุดนั่นมันอะไร”หญิงสาวขมวดคิ้วยุ่งมองดูชายหนุ่มที่อยู่ในชุด....นักเรียนหญิง....
“อ้อ!นี่เหรอ!ก็แบบว่า!นั่นไง! สาวน้อยมัธยมปลายสาวสวย2คนออกเดทหลังเลิกเรียน....อะไรแบบนั้นไง!” >< ฝ่ายชายที่ดี๊ด๊าเกินเหตุ แต่งเรื่องจิ้นไปเองเสร็จสรรพไม่กะให้ฝ่ายหญิงแสดงความเห็นใดๆทั้งสิ้น
“เฮ้อ....จะสายแล้วนะ” มิโนริเดินนำหน้าไปโดยไม่หันกลับมามองเพื่อนสมัยเด็กของตนอีก
“รอด้วยซิมิโนรินนน~~” >< แล้วยามเช้าของชายหนุ่มและหญิงสาวก็ผ่านไปอีกวันดังเช่นที่ผ่านๆมา
“มิโนริ มิโนริ” สาวน้อยร่างบางตัดผมบ๊อบสั้นเรียกเพื่อนสาวที่กำลังนั่งเก็บอุปกรณ์การเรียนเตรียมตัวพักกลางวัน
“ฮานะ? มีอะไรเหรอ?”หญิงสาวมองเพื่อนสาว
“คือว่านะ มีเรื่องอยากจะขอร้องหน่ะ...แบบว่า...ช่วยเอานี่ไปให้ยูกิคุงทีซิ!” >///< เพื่อนสาวยื่นซองจดหมายสีชมพูมาให้กับหญิงสาว มิโนรินมองซองที่อยู่ในมือของเพื่อนสาวซักพักก่อนจะรับมา
“แค่เอาไปให้ก็พอซินะ” เธอตอบกลับไปแค่นั้น แต่ไม่ได้รู้เลยว่าหลังจากนี้ สิ่งนี้เป็นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ต่างออกไป
*หลังเลิกเรียน*
“มิโนริน!กลับกันเถอะ!”ยูกิเปิดประตูแล้วก้าวเข้ามาที่โต๊ะของหญิงสาว ทุกวันชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายมารับหญิงสาวก่อนอยู่เสมอ
“นายไม่มีชมรมหรืออะไรพวกนั้นบ้างรึไง”หญิงสาวยังคงเก็บของต่อไปโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่ไม่รู้ว่ารอดตาอาจารในชุดแบบนั้นมาได้ยังไง
“อยู่กับมิโนรินสนุกกว่านี่ นี่ๆ วันนี้เราไปเดทกันนะ” ^^หนุ่มน้อยน่ารักยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับหญิงสาวแต่ก็ได้แต่เพียงสีหน้าเย็นชาที่กลับมา
“ฉันต้องรีบกลับไปทำการบ้าน”หญิงสาวลุกออกจากโต๊ะและเดินจากไป เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามออกไปในทันที
“มิโนรินเนี่ย...ไม่ค่อยยิ้มเลยนะ..ทั้งที่เมื่อก่อนน่ารักกว่านี้แท้ๆ” -3-
“ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน”
“งืม...ใจร้ายชะมัด แต่เอาเถ๊อะ มิโนรินก็คือมิโนริน เป็นมิโนรินแบบนี้แหละดีแล้ว!อื้อ!”หญิงสาวเหลือบมองคนบ้าที่ชอบพูดเองเออเองแล้วแอบลอบถอนหายใจ
‘ฉันที่เป็นฉันอย่างนั้นเหรอ?’ ตลอดทางหญิงสาวเดินคิดถึงแต่คำพูดของชายหนุ่มจนมาถึงหน้าบ้านเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอลืมอะไรบางอย่าง
“ยูกิ”
“!!”ชายหนุ่มหันควับ!กลับมาอย่างเร็วทั้งๆที่หญิงสาวเพียงแค่เรียกชื่อเขาเบาๆ
เท่านั้น “อะไรเหรอมิโนริน!”ท่าทางดีใจเกิดเหตุ นั่นทำให้หญิงสาวได้แต่มองด้วยความไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าดีใจอะไร
“เพื่อนฉันฝากมาให้นาย”หญิงสาวยื่นซองจดหมายออกไปตรงหน้า ชายหนุ่มรับมาและสำรวจดูซักพักก่อนจะหน้าเจือลงไปเล็กน้อย
“มิโนรินคิดยังไงกับเจ้านี่เหรอ??”เขาถามหญิงสาวออกไป เธอรู้บ้างรึเปล่าว่าสิ่งนี้คืออะไร
“ก็ไม่คิดอะไรนี่” คำตอบของหญิงสาวแทบจะกลายเป็นคมมีดที่กรีดหัวใจของชายหนุ่ม....เธอไม่เคยสนใจเขาเลย
“เหรอ...ขอบคุณนะที่เอามาให้”ชายหนุ่มยิ้มเศร้าเล็กน้อยแล้วเดินจากไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
“.....”หญิงสาวได้แต่มองชายหนุ่มที่มีท่าทางแปลกๆไปก่อนจะตัดสินใจว่า “ช่างมันเถอะ...ยังไงคนธรรมดาก็คงไม่มีวันเข้าใจคนบ้าอยู่ดี” เธอพูดแค่นั้นแล้วเดินกลับเข้าบ้านไป
ในเช้าของวันต่อมา สิ่งที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกใจยิ่งกว่าอะไรก็คือชายหนุ่มหน้าหวานมาดเท่แบบผู้ชายที่ยืนรอเธออยู่ตรงหน้าประตูบ้าน
“ยู....กิ?”เธอเรียกชื่อของเพื่อนในวัยเด็กแบบไม่มั่นใจออกไป แต่ชายคนนั้นก็ยังหันกลับมา
“อรุณสวัสดิ์ มิโนริ”เขายิ้ม ทั้งๆที่เป็นยิ้มจากคนๆเดียวกันกับทุกวันแท้ๆแต่ความรู้สึกที่ได้รับนั้นกลับแตกต่าง
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ๆกลับมาแต่งตัวแบบผู้ชาย?”เธอถามสิ่งที่คิดออกไป แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มแทน
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวสายนะ”คราวนี้ฝ่ายที่เดินนำหน้ากลับเป็นยูกิ แต่เขาไม่ได้เดินนำไปเฉยๆ ช่วงที่หญิงสาวเดินตามไม่ทันเขาก็จะชะลอการเดินให้ช้าลงเพื่อรอเธอ เขาเดินมาส่งเธอที่ห้องเหมือนทุกเช้าแต่วันนี้หญิงสาวกลับรู้สึกอึกอัดเหมือนเดินมากับใครซักคนที่ไม่คุ้นเคย
“อยู่ๆเกินเป็นบ้าอะไรขึ้นมานะ” เธอมองตามแผ่นหลังที่ดูแล้วเหมือนจะกว้างกว่าที่เคยรู้สึกทั้งๆที่มันก็เป็นแบบนั้นมาตลอด “สงสัยเพราะอยู่ๆก็กลับมาแต่งตัวแบบปกตินั่นแหละ เฮ้อ...เรียนดีกว่าเรา”เธอรีบเดินเข้าห้องเรียนไปและพยายามที่จะไม่สนใจความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นกับเธอ
เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก โรงเรียนเลิกแล้ว....เพราะว่ามิโนริไม่อยากจะรู้สึกอึดอัดเหมือนเมื่อเช้าอีกจึงรีบเก็บของและไม่รอชายหนุ่มมารับอีกต่อไป เธอเดินออกจากห้องเรียนอย่างเงียบเชียบโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวและตรงกลับบ้านทันที
น่าแปลกที่พอแค่ไม่มีชายหนุ่มคอยพูดมากอยู่ข้างๆแล้วแทนที่หญิงสาวจะสบายใจแต่กลับรู้สึกโหวงๆขึ้นมาแทน เธอรู้สึกเหมือนกับขาดอะไรบางอย่างไป ในขณะที่เดินคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นเธอไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าตอนนี้รอบด้านของเธอถูกล้อมไปด้วยผู้ชายแปลกหน้ามากหน้าหลายตา สร้างความกังวลใจหน้ากับหญิงสาว
“พวกคุณเป็นใคร ” หญิงสาวถามออกไป คิ้วของเธอแทบจะขมวดเข้าด้วยกันจนเป็นปม
“เฮ้ๆไม่เอาน่า เดินคนเดียวแบบนี้มันอันตรายนะสาวน้อย~”
‘ประโยคผู้ร้ายเบซิกชัดๆ’ หญิงสาวเปลี่ยนจากการขมวดคิ้วมาเป็นมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างเซ็งจิตอย่างหามิได้
“ถ้าพวกคุณว่างขนาดมาหาเรื่องผู้หญิงละก็เอาเวลาไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์กว่านี้ไม่ดีกว่าหรือค่ะ”
“ห๊า?? นี่คิดจะลองดีกับเรารึไง!”ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าแล้วจ้องหญิงสาวอย่างเอาเรื่อง
“ก็แค่พูดความจริง” หญิงสาวตอบอย่างท้าทาย
“เฮ้ย!พวกเรา!ยัยนี่มันคิดจะหาเรื่องกับพวกเราว่ะ!!ฮ่าๆๆๆๆดูสารรูปตัวเองหน่อยมั้ยยสาวน้อยยย ห๊า!!!”ชายคนนั้นพุ่งเข้ามาจิกหัวของหญิงสาวแล้วกระชากเข้าไปหาตัวอย่างเต็มแรง
“โอ๊ย!!!”หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด เธอพยายามแกะมือของชายตรงหน้าออก “ปล่อยฉัน!”เธอตวาดกลับไป
“อะไร๊!เมื่อกี้ยังปากเก่งอยู่เลยนี่หว่า~~~ทำไมไม่หือต่อละห๊า!”คราวนี้มันกระชากหัวของหญิงสาวส่ายไปทางโน้นทีทางนี้ที ทำให้หญิงสาวได้แต่เซไปตามแรงของมัน
‘แรงเยอะจัง....’หญิงสาวพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายแต่ก็แทบไม่เป็นผล
“จำไว้นะสาวน้อยถ้าคิดจะหาเรื่องกับใครละก็ ถ้าไม่แน่จริงก็อย่างอวดดี!!”ชายคนนั้นจิกหัวของเธอแหงนไปด้านหลังและตบหน้าของเธอเข้าไปหนึ่งฉาด! แรงที่ถูกส่งมานั้นมากพอที่จะทำให้ผิวหนังบางๆตรงมุมปากแตกออกเสียงหัวเราะน่ารังเกียจดังไปทั่วรอบด้านการรับรู้ของเธอ แต่น่าแปลกตรงที่ว่าในตอนที่เธอกำลังจะสิ้นสติ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะได้ยินเสียงของใครบางคนที่คุ้นเคยแต่กลับดุดันและน่ากลัวกว่าที่เคยได้ยิน
“พวกแก!!ปล่อยเธอเดียวนี้น่ะ!!!”ชายหนุ่มหน้าหวานตะโกนใส่พวกนักเลงโตจนแทบจะเป็นคำราม!เขากระโจนเข้ามากลางวงอย่างไม่ลังเลและต่อยชายที่จิกผมของหญิงสาวอยู่คว่ำลงไปและรับร่างของหญิงสาวที่ถูกปล่อยเป็นอิสระ
“แก!!”ชายคนนั้นเช็ดมุมปากที่มีเลือดซิบๆเขามองเลือดของตนเองแล้วสบถออกมาก่อนจะพุ่งกระโจนเข้าไปหมายจะต่อยชายผู้มาใหม่ให้คว่ำ แต่ซ้ำร้ายที่ชายหนุ่มกลับโอบร่างของหญิงสาวไว้แล้วเบี่ยงตัวหลบไปอย่างง่ายดายเลยส่งผลให้เจ้านักเลงน่ารังเกียจนั่นหน้าไถลไปกับพื้นแทน เรียกเสียงหัวเราะจากลูกน้องของตนเองและรอยยิ้มเย้ยหยันจากเขาได้ไม่ยาก
“พวกแกหัวเราะอะไรกัน!!!”นักเลงโตหน้าทิ่มยังคงทำท่าวางกล้ามแล้วหันไปตวาดใส่ลูกน้อง“ถ้าว่างขนาดมายืนหัวเราะก็ไปกระทืบมันให้ตายเซ่!!”เขาชี้ไปทางชายหนุ่มที่กำลังประคองหญิงสาว เหล่าบรรดาลิ่วล้อทั้งหลายทำตามคำสั่งทันที พวกเขากระโจนเข้าไปมะรุมมะตุ้มกับชายหนุ่มที่พยายามกอดหญิงสาวเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เธอบาดเจ็บไปมากกว่านี้แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามจะสวนกลับไปเท่าที่ทำได้ ทั้งสองฝ่ายสู้กันแบบนั้นอยู่นานจนในที่สุดก็มีพลเมืองดีที่ไปเรียกตำรวจที่อยู่ใกล้ๆให้เข้ามาคุมสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้
“เจ้าหนู ไม่เป็นไรนะ ” ตำรวจที่มาใหม่เข้าไปถามไถ่อาการณ์ของยูกิทันที ร่างกายของเขาสะบักสะบอมเต็มไปด้วยบาดแผลแต่ก็ยังคงกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น
“ชะ...ช่วยดู...อาการ...ของเธอที”เขาขยับปากพูดอย่างยากลำบาก ใบหน้าของเขามีแต่รอยฟกช้ำ
“เข้าใจแล้ว เธอไปทำแผลเถอะ ใครก็ได้!ช่วยเอากล่องปฐมพยาบาลมาที!”นายตำรวจคนนั้นหันไปตะโกนกับคนที่จะเข้ามาสมทบด้านหลังแล้ววิ่งตามกลุ่มนักเลงที่วิ่งกระเจิงหนีไป
“ยะ....ยูกิ”เสียงเรียกแผ่วเบาของหญิงสาวเรียกความสนใจของชายหนุ่มให้หันไปดู เธอมองมาทางเขาราวกับจะขอโทษ
“มิโนรินเนี่ย ชอบหาเรื่องใส่ตัวเกินคาดนะ”เขาพูดติดตลก แต่แล้ววินาทีต่อมาเข้าก็
ต้องเสียใจกับการที่พูดออกไปเพราะแผลที่ได้รับมาทำให้แสบไปหมด
“ตาบ้ายูกิ...”มิโนริเขยิบเข้ามาหาชายหนุ่ม เธอแตะเบาๆที่แก้มของเขาแล้วสำรวจดูแผลรอบๆตัวเขา
“ขอโทษนะ”เธอกล่าวอย่างสำนึกผิด
“คราวหลังก็อย่าทำอะไรบ้าๆซิ”ชายหนุ่มยิ้มอย่างเหนื่อยใจแล้วก็ต้องกลับไปแสบแผลที่ปากอีกครั้ง
‘ทั้งๆที่โทรมไปทั้งตัวแท้ๆ แต่ฉันกลับรู้สึกว่านายเท่เป็นบ้าเลย’หญิงสาวลอบยิ้มอยู่ในใจ
“รู้รึเปล่าว่าเมื่อก่อนมีคนเคยพูดไว้ว่า คนบ้ามักตายยาก” หญิงสาวเหลือบมองชายหนุ่มเล็กน้อยแล้วยิ้มออกมา “ฉันว่าบางที คนที่พูดนั่นอาจจะพูดถูกก็ได้”หญิงสาวยิ้มแล้วโผกอดร่างของชายก่อนจะกระซิบข้างหูของเขาอย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณนะ ตาบ้าของฉัน”
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น