สะกิดรัก  คนข้างบ้าน
            อากาศยามเช้าที่แสนสดชื่น  มีไออุ่นจากแสงตะวันที่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าออกมาได้เพียงเล็กน้อย  ฝูงนกตัวน้อย ๆ เริ่มออกหาอาหารเช้า  อีกทั้งหลายชีวิตบนพื้นโลกต่างตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาสูดอากาศบริสุทธ์เข้าให้เต็มปอด  รวมไปถึงหญิงสาววัยกระเตาะที่ก้าวโผล่พ้นจากรั้วบ้านออกมาพร้อมกับเจ้าตูม  สุนัขพันธุ์ผสมตัวเมียอวบอ้วนที่หล่อนเลี้ยงไว้  ตอนนี้ยังเช้ามากทำให้ที่สวนสาธารณะยังมีคนน้อยอยู่  มินวิ่งเหยาะ ๆ ไปตามทางลาดหินในสวนสาธารณะแห่งนี้  ผมที่ผูกเป็นหางม้าโบกสะบัดไปมาตามแรงวิ่ง  โดยมีเจ้าตูมวิ่งนำหน้าอย่างสบายอารมณ์  จนสายจูงสีส้มอ่อนของมันส่ายเป็นระลอก  สายลมพัดมาอ่อนๆ  พัดยอดไม้ข้างทางให้ปลิวไสวเหมือนดั่งใบไม้กำลังเต้นระบำอย่างสนุกสนาน  เสื้อขาวตัวหลวมกับกางเกงรัดรูปสีฟ้าอ่อนของหญิงสาวดูจะเข้ากับบรรยากาศในเช้าวันนี้ทีเดียว  เวลาผ่านไปจนตะวันเริ่มโผล่ขึ้นมาเหนือขอบฟ้ามากขึ้น  มินวิ่งเรียกเหงื่อได้มากทีเดียวก่อนจะเอ่ยปากกบเจ้าตูมแสนรู้
“กลับเถอะตูม  เราออกมากันนานมากแล้ว” 
“โฮ่ง ๆ  !!”  เจ้าตูมเห่ารับแล้ววิ่งเคียงคู่ไปกับนายสาว
ที่หน้าบ้าน  เจ้าตูมและมินต่างยืนนิ่งมองรถบรรทุกสีขาวหม่นคันใหญ่ที่ขนของมาเต็มคันรถจอดอยู่หน้าบ้านของเพื่อนบ้านด้วยความแปลกใจ
“ป้านวลจะย้ายบ้านเหรอ?”  มินพูดพึมพำถึงเพื่อนบ้านของเธอวัย  40  ปีที่รู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้วและสนิทสนมกับเธอมาก  เจ้าตูมใช้ปากงับสายจูงแล้วกระตุกขึ้น  หญิงสาวก้มลงมองสุนัขของตนด้วยความสงสัย
“อยากไปดูเหรอ?”  มินถาม  เจ้าตูมส่ายหางปุยของมันไปมาอย่างตื่นตัวแล้วออกวิ่งนำไป  ในที่สุดทั้งสองก็หยุดยืนสำรวจอยู่ที่ข้างรถบรรทุกคันนั้น
“เอ้า!!  รับดี ๆ นะ”  เสียงทุ้มๆ  นุ่มๆ ดังมาจากกองข้าวของที่มีอยู่เต็มคันรถแล้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำใบโตใบหนึ่งก็หล่นหวือลงมา
“ว้าย  !!”  มินร้องเสียงหลงแล้วรีบดึงเจ้าตูมออกมาให้พ้นวิถีของกระเป๋าลึกลับใบโตใบนั้น
“โฮ่ง ๆ !!”  เจ้าตูมเห่าบ้าคลั่งอย่างตกใจ
“โอ๊ะ !  โทษทีนะ  ผมนึกว่าคนขนของน่ะ”  ชายหนุ่มคนหนึ่งยื่นศีรษะออกมาจากกองสิ่งของที่อยู่บนรถเมื่อได้ยินเสียงร้อง  แล้วกระโดดตุบลงมา  เขาเสยผมดำขลับของเขาขึ้น  มองเห็นเม็ดเหงื่อผุดระยิบระยับบนใบหน้า
“จะทำอะไรหัดดูซะมั่งสิคุณ  คนกับหมาตัวเท่าอะไรดี  ไม่รู้จักระวังเอาซะเลย  ถ้าเกิดฉันกับเจ้าตูมคอหักตายขึ้นมานายจะว่ายังไง”  มินพูดอย่างหัวเสีย  โดยมีเจ้าตูมเห่าเป็นช่วงๆ คอยสนับสนุน
“ก็ว่าคุณคอหักน่ะสิ  จะให้บอกว่าคูณถูกรถชนรึไงครับ”
“นี่!!”  หญิงสาวหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธที่ถูกยั่วโมโหจากคนแปลกหน้า
“ก็ขอโทษแล้วไง”  ชายหนุ่มพูดอย่างเซ็ง ๆ ที่เกิดมีเรื่องกับคนปากจัดเสียแล้ว
“ขอโทษแล้วได้อะไรล่ะ  ขวัญกระเจิงหมดแล้วเนี้ย  ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก”
“ไม่เป็นอะไรเลยต่างหากล่ะ”
“เป็นสิ”
“เป็นตรงไหน”
“โฮ่ง ๆ!!!!!!!”เจ้าตูมเห่าขึ้น  เหมือนจะช่วยเจ้านายสาวด่าคู่อริ
“มีอะไรกันเหรอ?  เสียงดังเชียว........  อ้าว!  หนูมิน”  ป้านวล  สาวใหญ่วัย  40  ที่เป็นเพื่อนบ้านกับหญิงสาวโผล่ออกมาจากประตูบ้าน
                                                            ...................................
“ค่อยพูดค่อยจากันดีกว่านะ”  ป้านวลพูดรอมชอม  เมื่อหนุ่มสาวเข้ามานั่งพักในบ้าน
“แล้วนี่ป้าขนอะไรกันเยอะแยะคะ”  มินพูดเปลี่ยนเรื่อง  แต่หน้าตายังบึ้งตึงไม่หาย
“อ้อ  คือป้าจะย้ายไปอยู่บ้านญาติที่ใกล้ที่ทำงานกว่านี้น่ะจ่ะ  บ้านหลังนี้มันไกลเกินไป  กว่าจะถึงที่ทำงานรถติดแย่  เดี๋ยวก็ไปทำงานสายกันพอดี  แต่ป้าเองก็เป็นห่วงทางนี้ก็เลยให้เจ้านัทหลานป้า  มาดูแลบ้านนี้แทน”  ป้านวลอธิบายฉะฉาน
“แล้วป้าจะกลับมาไหมคะ”
“ก็คงจะแวะมาดูอยู่เรื่อย ๆ แหละจ่ะ”
“หนูคงเหงาแย่เลย”  มินทำเสียงออดอ้อน  ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดที่หลานชายป้านวล
“หนูขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ”  มินบอก
ป้านวลทำหน้าแปลกใจแต่ก็ยกมือรับไหว้หญิงสาว  มินลุกพรวดขึ้น  แล้วมองไปทางนัทที่มองหล่อนไม่วางตา 
‘เสียมารยาท’  มินคิดในใจ  หญิงสาวรู้สึกไม่ถูกชะตากับชายหนุ่มเลย  ก่อนจะดึงเจ้าตูมออกมาจากบ้านป้านวลแล้วเดินเข้าบ้านของตนที่อยู่ติดกัน
              ทุกเช้าที่มินออกจากบ้านไปออกกำลังกายพร้อมเจ้าตูมหรือออกไปธุระต่าง ๆ นัทมักจะเข้ามาทักทายอย่างสนิทสนม  แต่หญิงสาวก็ไม่เคยจะพูดดีกับชายหนุ่มเท่าไรนัก
ป้านวลย้ายออกไปได้หลายเดือนแล้ว  ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวกับเพื่อนบ้านคนใหม่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นนัก
“คุณมินครับ  ผมทำกับข้าวมาฝาก”  นัทยิ้มอย่างไมตรี  พลางยื่นหม้อแกงจืดผักกาดขาวหอมฉุยข้ามรั้วบ้านต่ำ ๆ
“ชั้นทำกินเองได้ย่ะ”  มินสะบัดหน้าแล้วเดินเข้าบ้านไป
“ผมช่วยพาเจ้าตูมไปเดินเล่นนะครับ”  นัทยิ้มแป้น
“ไม่ใช่เรื่อง”  มินศอกกลับ  ชายหนุ่มยิ้มค้างเห็นฟันขาวครบสามสิบสองซี่
นัทพยายามตีสนิทกับมินทุกวิถีทาง  แต่ดูท่าว่าสาวเจ้าจะไม่อยากรู้จักมักคุ้นด้วย  โดยที่มินเองก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเธอถึงไม่ถูกหน้ากับเพื่อนบ้านหนุ่มคนนี้นัก
“คงเพราะชาติก่อนทำกรรมต่อกันไว้มั้ง  แถมตานั้นยังทำหน้ากวนโอ๊ยอีก”  หญิงสาวมักพูดกับตนเองในทำนองนี้เสมอ
วันนี้ป้านวลกลับมาเยี่ยมบ้าน  ชายหนุ่มจึงถือโอกาสปรึกษาผู้เป็นป้าในเรื่องที่ตนไม่เข้าใจมานาน
“ป้าครับ  ทำไมคุณมินถึงไม่ชอบหน้าผมนักล่ะครับ”
“คงเพราะแกเคยไปทำให้เค้าเคืองก่อนล่ะมั้ง”  ผู้อาวุโสกว่าออกความเห็น
“ทำยังไงเธอถึงจะยอมพูดดีกับผมล่ะครับป้า”
“ก็ทำดีกับเค้าให้มาก ๆ สิ”
“ผมทำทุกอย่างแล้วครับ  แต่ก็ยังไม่ได้ผลอยู่ดี”
“เอาน่า  แกทำดีกับหนูมินต่อไปเถอะ  ป้ารู้จักหนูมินดี  เธอเป็นคนดีมีน้ำใจ  เป็นคนอ่อนโยน  เธอไม่ใจแข็งไปตลอดชีวิตหรอกน่า”
“ครับป้า”
“แกชอบเค้าล่ะสิ”  ป้านวลถามยิ้ม ๆ
“ห่ะ...ก็.....  ไม่รู้สิฮะ”  นายนัทตอบเขิน ๆ
“ทำดีด้วย  อยากให้เขามาสนใจ  อย่างนี้มันผิดปกติหลานป้านะ”  ป้านวลแหย่จนชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ
“เค้าก็น่ารักดีหรอกนะครับ  แต่ปากจัดแล้วก็หยิ่งมากไปหน่อย”
“หนูมินเค้าเหมือนพ่อเค้าน่ะ  เป็นธรรมดา  แต่ถ้าเค้าเจอคนที่คุยถูกคอ  รับรองได้เลยว่าเธอจะแสดงออกให้เห็นถึงความดีของเธอเอง  ป้าเป็นเพื่อนบ้านเค้ามาก็นานโข  ถ้าแกรูจักเค้านานกว่านี้  แกก็จะรู้เอง  ยังไงเดี๋ยวป้าจะช่วยแกอีกแรงก็ได้”
นัทพยักหน้าหงึก ๆ ในใจครุ่นคิด
เสียงจามฮัดชิ้ว!  ดังจากนอกบ้านก่อนจะได้ยินเสียงหญิงสาวบ่นพึมพำว่าใครนินทาเธอ  ป้านวลกับนัทมองหน้ากันอมยิ้ม
“ป้าขา  หนูเห็นว่าป้ากลับมาแล้วเลยเอาขนมมาฝากค่ะ”  เสียงใส ๆ ดังขึ้น  มินก้าวเข้ามาในบ้านใบหน้ายิ้มแย้มแต่ไม่ยอมสบตากับนัทแม้แต่นิดเดียว
“ขอบใจมากนะจ๊ะ  รบกวนแย่เลย”  ป้านวลยิ้มแป้น  พลางเหลียวมองไปทางหลานชาย
“เดี๋ยวป้าจะเอาขนมเนี้ยไปเก็บ  พวกหลาน ๆ คุยกันตามสบายนะ”
“อ่ะ!  ไม่เป็นไรค่ะป้า  เดี๋ยวหนูเอาไปเก็บให้เอง”  มินแย้งขึ้น
“ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวป้าจัดการเอง  พวกหนูคุยกันตามสบายเถอะ”  ว่าแล้วสาวใหญ่ก็รีบเดินตัวปลิวออกจากห้องไป
ทำให้ความเงียบคลืบคลานเข้ามาทันทีที่ป้านวลเดินออกไป  ไม่มีใครจะปริปากพูดสักคน  ทำให้บรรยากาศดูอึมครึมน่าอึดอัด
“เอ่อ....คุณมินเรียนที่ธรรมศาสตร์ใช่ไหมครับ”  ในที่สุดเสียงของนัทก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ
“อืม”  มินตอบสั้น ๆ อย่างเสียไม่ได้
“เรียนอยู่ปี  3  สินะครับ  เห็นป้านวลเล่าให้ฟัง”  ชายหนุ่มยังชวนคุยเสียงใส
“อืม”
“ผมก็เรียนอยู่ปี  3  เหมือนกัน  เรียนด้านจิตวิทยาครับ”
“อืม”
“..................”
บรรยากาศวังเวงขึ้นมาอีก
“ปิดเรียนแล้ว  คุณมินไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนเหรอครับ”
“ไม่”
“สงกรานต์ที่จะถึงนี้ไม่ได้ไปเล่นกับใครเหรอครับ”
“ไม่”
“แล้ว........”
“นี่!  นายจะถามไปถึงไหนเนี้ย”  มินพูดขึ้นอย่างรู้สึกรำคาญนิด ๆ”
“ก็คุณไม่พูดอะไรนี่”  นัทเริ่มยิ้มออกเมื่อได้ยินประโยคยาว ๆ ของมินบ้าง
“เฮ้อ....อ...”  มินถอนหายใจยาวก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น  แต่ก็แอบแหล่ดูนัททางหางตา
“เป็นไงบ้างจ๊ะ”  ป้านวลโผล่เข้ามา  แล้วมองดูหลานชายตน  นัททำหน้าทะเล้น
“เห็นทีป้าต้องขอตัวกลับแล้วล่ะ”  ป้านวลเอ่ยขึ้น
“อ้าว!  ทำไมรีบกลับเร็วนักล่ะคะ”
“ป้ามีงานค้างน่ะ  ต้องรีบกลับไปเคลียร์  นี่ป้าก็แค่แวะมาดูความเป็นอยู่ของตานัทก็เท่านั้น”  ป้านวลพูดก่อนหยิบกระเป๋าถือแล้วเดินออกมาจากบ้าน  นัทกับมินเดินออกมาส่ง
“พยายามเข้านะ”  ป้านวลกระซิบหลานชาย
“ฮะ”  นัทรับคำเบา ๆ แล้วชำเลืองตามาทางมินอย่างมีความหมาย
“ถ้ายังไงป้าฝากหนู้มินช่วยดูแลตานัทให้ด้วยนะ”  ป้านวลฝากฝัง
“ได้ค่ะ”
“ป้าไปล่ะ”  ป้านวลก้าวขึ้นรถแท็กซี่ที่นัทโบกให้  ก่อนที่ทั้งคนทั้งรถที่ลับตาไปเมื่อถึงทางแยกของซอย
หญิงสาวรีบเดินกลับบ้านทันที  โดยที่นัทไม่ทันได้พูดอะไรกับเธอสักคำ
เช้าวันใหม่มินออกมานั่งเล่นกับเจ้าตูมที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน  แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่ม  หล่อนชะเง้อมองหาอย่างอดไม่ได้  และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใจไม่ดีเลยเมื่อไม่เห็นนัทเช่นทุกเช้าดังเคย
“ว้าย!!”  มินสะดุ้งเมื่อมองเห้นนัทโผล่พรวดขึ้นทันทีทันใดที่ริมรั้วตรงหน้าเธอ
“สวัสดีตอนเช้าครับ  วันนี้ไม่ไปเดินเล่นเหมือนปกติเลยนะครับ”  นัทยิ้มร่าเริงมาจากเหนือกำแพงรั้ว  หญิงสาวพยายามทำหน้าให้เป็นปกติโดยเร็ว
“กลัวเปียก”  มินตอบสั้น ๆ เช่นเคย
“นั่นสินะครับ  คนในซอยเค้าเล่นสาดน้ำกันเต็มไปหมด  ผมเลยไม่ค่อยกล้าออกไปไหนเหมือนกัน”
“ใครถาม”
“ประโยคบอกเล่า”  นัททำหน้ากวน  พอใจที่แหย่หญิงสาวให้โกรธได้
“ผมเสี่ยงออกไปซื้อเค้กสตรอเบอรี่มา  เกือบโดนเขารดตัวเปียกซะแล้ว  คุณมากินด้วยกันไหม”  นัทชูกล่องเค้กใบใหญ่กล่องหนึ่งขึ้นมา
“ไม่ล่ะฉันไม่ค่อยชอบเท่าไร  ขอบคุณ”
แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังออกมาจากบ้านของมิน  หญิงสาวเดินเข้าไปรับสาย  นัทมองเจ้าตูมที่กำลังใช้เท้าเขี่ยลูกบอลเล่นฆ่าเวลา  ก่อนที่ลูกบอลจะกลิ้งตกจากโต๊ะหินอ่อนไป
สักครู่มินวิ่งหน้าตื่นออกมา  แล้วเข้ามาอุ้มเจ้าตูมไว้หมือนกลัวมันจะวิ่งหนีไป  ท่าทางร้อนรน
“มีอะไรเหรอครับ”  นัทถามอย่างสงสัย
“โฮ่ง!!”  เจ้าตูมเองก็คงจะสงสัยด้วยเช่นกัน
“พ่อโทรมา  บอกว่าจะมาเยี่ยม”  มินพูดตะกุกตะกัก
“พ่อกำลังจะมาถึง”  มินทำตาโตกว่าเดิม
นัทมองมินที่มีท่าทางวิตกกังวลอย่างไม่เข้าใจ
“พ่อไม่ชอบสุนัข  ถ้าท่านรูว่าฉันเลี้ยงเจ้าตูมไว้  พ่อต้องบอกให้ฉันเอามันไปทิ้งแน่ ๆ”  มินทำหน้าจะร้องไห้
“ทำไงดี”  มินหันมาถามนัท
“อิ๋ง ๆ”  เจ้าตูมเองก็คงจะหนักใจเช่นกัน
ทั้งหมดต่างยืนนิ่งครุ่นคิด
“เอามาฝากให้ผมเลี้ยงไว้ก่อนก็แล้วกัน”  ชายหนุ่มพดขึ้น
“คนในละแวกนี้ต่างก็กลับไปเยี่ยมบ้านในวันหยุดสงกรานต์กันหมดแล้ว  เหลือแต่ผมนี่แหละ”
หญิงสาวครุ่นคิดอย่างชั่งใจ
“งั้น.....ชั้นรบกวนด้วยนะ”  มินมองนัทอย่างเหลือที่พึ่งสุดท้าย
“เราต้องรีบขนของใช้ของเจ้าตูมออกมาให้เร็วที่สุดก่อนที่คุณพ่อคุณจะมาถึง”
“จริงสิ  เร็วเข้าคุณมาช่วยฉันขนหน่อย  มีเยอะสักหน่อยนะ”
เป็นช่วงนาทีที่วุ่นวาย  ทั้งสองต้องรีบทำงานอย่างเร่งด่วน  เจ้าตูมช่วยคาบถุงอาหารสุนัขเข้าไปไว้ในบ้านของนัทอย่างรู้หน้าที่
“ขอบใจนะ”  มินบอก  เมื่อของทั้งหมดของเจ้าตูมถูกยกเข้ามาไว้ในบ้านของเพื่อนบ้านคนใหม่เรียบร้อยแล้ว
“ชั้นคงจะขอฝากเจ้าตูมเอาไว้สักระยะหนึ่ง  จนกว่าคุณพ่อจะกลับ”  มินบอกพลางลูบหัวเจ้าตูมเบา ๆ  มันหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสของเจ้านาย
“ไม่เป็นไรหรอก”  นัทบอกอย่างจริงใจ
“เอาล่ะฉันต้องไปแล้ว  ขอปีนรั้วหน่อยนะ”  มินบอกก่อนจะวางเจ้าตูมลง  มันทำหน้าเศร้า  หูตก  มินปีนข้ามรั้วเตี้ย ๆ ออกไป  เจ้าตูมส่งเสียงครางงิ๋ง ๆ ตามหลังเจ้านายสาวไปอย่างเหงาหงอย  ชายหนุ่มเองก็มองตามหญิงสาวไปเช่นกัน  แล้วแอบยิ้มออกมาอย่างอดดีใจไม่ได้ที่ในที่สุดหญิงสาวก็เป็นญาตดีกับตน  เจ้าตูมมองนัทอย่างหึงหวงเจ้านาย  แล้วงับชายเสื้อยืดของชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ
          “ติ๊งต่อง ๆ”  เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น  ก่อนที่หญิงสาวจะวิ่งออกไปเปิด
          ชายวัยกลางคนรูปร่างใหญ่ท้วมก้าวเข้ามา  ในมืออวบอ้วนถือถุงของฝากมาเต็มสองมือ  เสื้อผ้าเปียกโชกมีน้ำหยดติ๋ง ๆ ตามพื้น  ใบหน้าอวบอูมมีแป้งสงกรานต์ประอยู่เต็มหน้า
หญิงสาวยิ้มต้อนรับแล้วเข้ามากอดพ่อของตนก่อนจะช่วยถือของในมือ  แล้วเดินนำเข้าบ้านไป  โดยหารู้ไม่ว่าตนถูกจ้องมองด้วยสายตาละห้อยจากชายหนุ่มคนหนึ่งและสุนัขตัวเมียตัวหนึ่งที่หน้าต่างบานหนึ่งของคนข้างบ้าน
“พ่อไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ  เปียกปอนมาแบบนี้”  หญิงสาวบอกผู้มาเยือนที่เสื้อผ้าเปียกจนแนบเนื้อเห็นพุงหนาเป็นชั้น ๆ
“พ่อล่ะเบื่อวัยรุ่นสมันนี้จริง ๆ บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าอย่าสาด  ดูสิเนี่ยเปียกไปหมด”  ประมวลบ่นกับลูกสาว  แล้วลูบแป้งสีขาวเหนียวหนืดออกจากใบหน้าอย่างอารมณ์เสีย
“สงกรานต์ก็อย่างนี้แหละค่ะ  อย่าคิดมาเลย”  มินปรอบพ่อ
“แต่ตอนนี้หนูว่าพ่อไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ  ประเดี๋ยวหวัดจะกินเอานะ”
“อืม.....พ่อก็ว่างั้นแหละ”  ประมวลเดินออกไปจากห้องอย่างอุ้ยอ้าย  พร้อมทั้งบ่นพึมพำที่หญิงสาวฟังไม่ถนัด
“เจ้าตูมงอแงรึเปล่า”  มินถือโอกาสตอนที่ประมวลกำลังอาบน้ำ  ออกมาถามข่าวคราวสุนัขสุดที่รักที่ข้างรั้วบ้าน
“ทำรองเท้าผมรุ่งริ่งไปสองคู่เองไม่เป็นไรมากหรอก  ตอนนี้นอนหลับอยู่ในบ้าน”
“เหรอ  ยังไงก็ฝากดูแลด้วยก็แล้วกัน  คุณพ่อท่านคงอยู่ไม่นานเดี๋ยวท่านก็กลับแล้ว”
“อยู่นาน ๆ ก็ได้  เจ้าตูมมันก็น่ารักดี  แสนรู้ด้วย  แล้ว....มันยังทำให้ผมได้พูดคุยกับคุณมากขึ้นด้วย”  แต่ประโยคหลังดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ได้ยิน
“แล้วค่อยคุยกันใหม่”  มินพูดก่อนจะรีบร้อนเดินหายเข้าบ้านไป
“มิน!  ลูก!!  มานี่หน่อยสิ”  เสียงตะโกนดังรบกวนโสตประสาทของผู้คนในละแวกนั้นในเช้าวันหนึ่ง
“พ่อคะ  เบาๆ ก็ได้เกรงใจคนอื่นเค้า”  มินจ๊ปากปรามผู้เป็นพ่อ
“ไม่รู้ล่ะ  แต่พ่ออยากรู้ว่านี่มันอะไรกัน!!”  ประมวลพูดพร้อมชี้มือข้างที่ว่างจากถ้วยกาแฟไปที่ลูกบอลกลม ๆ ที่เจ้าตูมเคยเล่นเมื่อวันก่อนตกอยู่ใต้ม้าหินอ่อน
“มัน...เอ่อ.....กะ..ก็ลูกบอลไงคะ”  มินพูดอึกอัก
“ลูกเล่นบอลงั้นเหรอ  แถมยังลูกเล็กขี้ประติ๋วแค่เนี้ย”
“ไม่ใช่ของหนูหรอกค่ะ...คือ...ของเพื่อนบ้านน่ะค่ะ  เขาเลี้ยงหมาไว้แล้วมันคงกระเด็นมาทางนี้”
“หมาเหรอ!!  พ่อเกลียดหมาที่สุด  โยนไอ้ลูกบอลนี่ไปให้ไกล ๆ นะ”  ประมวลโวยวาย  มินโยนลูกบอลข้ามไปยังรั้วบ้านของนัท
“ไปล้างมือให้สะอาดด้วยนะ”  ประมวลบอกฉุน ๆ ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้แล้วจิบกาแฟร้อนตามเดิม  หญิงสาวแอบถอนหายใจ
“พ่อสังเกตว่าตั้งแต่พ่อมา  พ่อยังไม่เห็นพี่นวลเลย  เค้าไปไหนเสียล่ะ”  ประมวลถาม  เมื่อหญิงสาวไปล้างมือตามคำสั่งก่อนจะถือถาดอาหารเช้าออกมา
“ป้านวลย้ายไปอยู่บ้านญาติค่ะ  เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงาน”
“อ้าว!  แล้วบ้านหลังนี้ล่ะ”  ประมวลถาม  แล้วหันมาทำหน้าไม่ไว้ใจข้าวต้มปลาตรงหน้าที่มินยกมาให้อย่างกับกลัวว่าจะเห็นลูกบอลลูกนั้นอยู่ในชาม  แต่ก็ยอมซดเข้าปากไปคำใหญ่  ก่อนจะจิบกาแฟตามอีกเล็กน้อย
“ป้านวลให้หลานมาอยู่ดูแลค่ะ”  มินบอก  ประมวลชะงักมือที่กำลังตักข้าวต้มช้อนที่สอง  คิ้วขมวดจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน
“หญิงหรือชาย”
“ผู้ชายค่ะ”
“ชื่ออะไร”
“นัทค่ะ”
“อายุเท่าไร  ทำอาชีพอะไร  นิสัยเป็นยังไง  สนิทกันแค่ไหน  แล้วตอนนี้ไอ้นัทนั้นมันอยู่ไหน!”  ประมวลลุกพรวดขึ้นแล้วเดินตรงไปหาเพื่อนบ้านใหม่ทันที  มินตกใจและกำลังลังจะตามไปห้ามพ่อของตน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  มินสองจิตสองใจว่าจะตามพ่อของตนไปหรือจะรับโทรศัพท์ก่อนดี  ก่อนจะรีบวิ่งเข้าบ้านไปรับโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะ  มินพูดค่ะ..........ขอสายใครคะ.............สมหญิง?.....................ไม่มีคนชื่อสมหญิงหรอกนะคะ...................ที่นี่ไม่ใช่ขอนแก่นค่ะ  นี่กรุงเทพฯนะ.............หา!!  โทรผิด  ไปที่ชอบที่ชอบเถอะ!!!!!!!”  มินตะคอกและวางหูโทรศัพท์ดังโครมใหญ่อย่างเดือดดาลใจ
“คนยิ่งกำลังรีบ ๆ ดันมาโทรผิดอะไรเอาตอนนี้....  โธ่!  นายนัทมิเละเป็นโจ๊กไปแล้วเหรอเนี่ย  แล้วเจ้าตูม.....  พ่อคงไม่จับยัดลงส้วมไปแล้วหรอกนะ”  มินพูดอย่างวิตกพลางวิ่งตัวปลิวไปทางบ้านนัทอย่างรีบร้อน
“พ่อคะ  อย่านะ!!!”  มินตะโกนสุดเสียงเมื่อก้าวผ่านประตูเข้าไปในบ้าน  ชีพจรเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
“อ้าวมิน!  ลูกมาทำอะไรเหรอ?”  ประมวลถาม  มินอ้าปากหวอเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ประมวลนั่งพิงโซฟาตัวนุ่มจนมันยุบฮวบตามน้ำหนักตัว  มือข้างซ้ายพาดคอชายหนุ่มเพื่อนบ้าน  ไม่มีร่องรอยการต่อสู้  แต่ตรงกันข้ามทั้งสองดูท่าทางเข้ากันได้ดีเกินคาด
“พ่อ  มะ...ไม่ได้....”  เธอพูดตะกุกตะกัก
“ไม่ได้อะไรเหรอ”  ประมวลถามอย่างแปลกใจ
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“ลูกรู้มั้ยเพื่อนบ้านคนนี้ของลูกคุยสนุกชะมัด  แถมยังรู้ใจพ่อไปหมดเสียทุกอย่าง  ถูกใจพ่อนัก”  ประมวลตีหลังนัทเสียงดังป้าบ!  จนนัทแทบกระอักแต่ยังคงยิ้มหน้าบาน
“แล้วอีกอย่าง  บ้านนี้เขาไม่ได้เลี้ยงหมาสักหน่อย”  ประมวลพูดเป็นเชิงต่อว่าลูกสาวแต่ไม่จริงจังนัก
“เหรอคะ”  มินยิ้มแห้ง ๆ ให้ผู้เป็นพ่อ  ก่อนจะได้รับสัญญาณใบ้จากนัทเป็นเชิงบอกว่า  ‘เอาเจ้าตูมไปซ่อนบนบ้านเรียบร้อยแล้ว’  ทำให้มินค่อยโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“อย่างนี้นะฉันจองนายไว้เป็นว่าที่ลูกเขยเลย  ไม่น่าเชื่อว่าพี่นวลจะมีหลานชายดีขนาดนี้  ฮ่า ๆ”  ไขมันที่คอขอประมวลกระเพื่อมเล็กน้อย
“โอ้  อย่าชมผมขนาดนั้นเลยครับ  ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”  นัทพูดถ่อมตน  สายตาชำเลืองมองหญิงสาวอย่างมีความนัย
“พรุ่งนี้ฉันก็จะกลับแล้ว  ยังไงก็ฝากดูแลยายมินด้วยก็แล้วกันนะ  เป็นสาวเป็นนางอยู่คนเดียวมันลำบาก  ชั้นเองก็เป็นห่วง”  ประมวลพูดอย่างอารมณ์ดี  ก่อนจะโน้มหัวอันกลมโตของตนไปที่ข้างหูของนัท  พลางกระซิบเสียงค่อย
“ดูแลยายหนูอย่าให้ผู้ชายคนอื่นมาแย่งไปได้ล่ะ  ชั้นยกให้นายแล้วนะ”  ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ
“ครับคุณลุง”  นัทตอบเบา ๆ
“ฮึ่ย!  เรียกคุณลุงได้ยังไง  ต้องเรียกว่า ‘คุณพ่อ’ สิ”
“คุณพ่อ!!!”  คราวนี้มินร้องขึ้น  หน้าแดงระเรื่อถึงใบหู
“อะไรกัน  ลูกกลับบ้าบไปไป๊  เดี๋ยวพ่อจะคุยกับพ่อนัทสักแป๊บก่อน  แหมลูกคนนี้ผู้ชายเขาจะพูดกัน  ผู้หญิงไม่เกี่ยวนะ  ไป ๆ กลับบ้านไปก่อน”  ประมวลโบกมือเป็นเชิงให้ออกไป
มินจำใจต้องเดินออกมา  ทั้งที่ยังงุนงงกับพฤติกรรมของบิดา
แล้วมินก็ได้ยินเสียงหัวเราะของประมวลดังลั่นอีกหลายครั้ง
หลังจากประมวลเดินทางกลับชนบทไปแล้ว  มินจึงรีบมารับเอาเจ้าตูมกลับไป  มันวิ่งไปรอบ ๆ ที่ที่มินยืนอยู่แล้วเห่าเสียงแหลมไม่หยุด  มินถือโอกาสถามเรื่องพ่อของตน
“ผมได้ยินพวกคุณคุยกันก็เลยรีบพาเจ้าตูมไปซ่อน  แล้วพ่อคุณก็โผล่มาพอดี  ท่านจ้องผมตาเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเชียว  แต่ดีนะที่ผมเรียนด้านจิตวิทยามา  เลยรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด”  นี่คือคำตอบจากชายหนุ่มข้างบ้าน  มินเองยังทึ่งในความสามารถของเขาซึ่งสามารถสยบพ่อผู้อารมณ์ร้ายของตนได้  แต่ก็ไม่แสดงอาการแต่อย่างใด
                                                      ...............................................
        วันสงกรานต์ผ่านพ้นไปแล้ว  ฝนก็เริ่มโปรยปราย  และตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพราะย่างจะเข้าหน้าฝนแล้ว  แต่ชีวิตของคนข้างบ้านก็ยังคงดำเนินต่อไป  อีกทั้งความสัมพันธ์ของสองบ้านนี้ก็ดูจะไม่ตึงเครียดเหมือนแต่ก่อนเท่าไรนัก
“เปรี้ยง!!!”  ฟ้าร้องแสบแก้วหูในคืนวันหนึ่ง  ทำให้ไฟฟ้าดับไปทั้งซอย  ส่งผลให้หญิงสาวที่อยู่กับหมาตัวกระจ้อยเพียงลำพังต้องใจเสีย
“เปรี้ยง!!!!!!” 
“ว้าย!!!”
“โฮ่ง ๆ !!!”
เสียงฟ้าร้องอีกครั้งเหมือนตั้งใจจะข่มขวัญให้ทั้งคนทั้งหมาตกใจกลัวและร้องเสียงหลง
ทั้งหมาทั้งคนกอดกันกลมบนเตียงนอนในห้องนอนมืด ๆ มีผ้าห่มคลุมโปง
“ฟ้าใหม่ฝนใหม่นี่น่ากลัวจริง ๆ เนอะเจ้าตูม”  มินพูดกับเจ้าตูมเสียงสั่น
“อิ๋ง..ง...”  เจ้าตูมขานรับเหมือนจะเห็นด้วย  แล้วทันใดนั้นเองหญิงสาวก็ได้ยินเสียงแกรกกรากที่ประตูหน้าบ้านชั้นล่าง  หญิงสาวเลิกผ้าห่มออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่ง
“โจรรึเปล่า?”  มินพูดกับเจ้าตูมอย่างหวาด ๆ แต่ในใจก็ได้แต่คิดปลอบตัวเองว่าคงเป็นเสียงลมพัดกระทบกับบานหน้าต่างเท่านั้นหรอก  แต่เธอก็อดหวาดระแวงไม่ได้
“ไปดูกันไหม  ฉันอาจลืมล็อกประตูหน้าบ้านก็ได้
..ไฟฉายอยู่ไหนนะ”  มินคลำไปที่ลิ้นชักข้างเตียงแล้วเปิดออกเพื่อควานหากระบอกไฟฉาย
เสียงตึงตังเหมือนมีคนกำลังเดินอยู่ในบ้านทำให้หญิงสาวชะงัก  เจ้าตูมเองก็นิ่งฟัง หูทั้งสองของมันตั้งชันขึ้น  จมูกฟุดฟิดเหมือนจะดมหากลิ่นแปลกปลอม
เสียงต่าง ๆ เงียบไปแล้ว  ได้ยินก็แต่เพียงเสียงลมพัดสายฝนสาดกระทบกระจกหน้าต่าง  เสียงฟ้าร้องที่ดังอยู่ไกล ๆ และเสียงหัวใจตนเองที่เต้นระทึกเหมือนมีใครมาตีกลองอยู่ในห้อง
หัวใจของมินเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมาจากอก  มินกอดเจ้าตูมไว้แน่นในมือซ้าย  ก่อนจะเอื้อมมือขวาคลำสะเปะสะปะหาสิ่งของที่อยู่ใกล้มือมาเป็นอาวุธป้องกันตัวจากผู้รุกล้ำ  ลมที่พัดโหมกระหน่ำรุนแรงและเสียงสายฝนที่ตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา  กอปรกับไฟฟ้าที่ดับจนภายในบ้านมืดสนิททำให้บรรยากาศยิ่งดูน่ากลัวเหมือนยืนอยู่ในบ้านผีสิง
หญิงสาวพาร่างบางของตนไปที่ประตูห้องนอน  เสียงดังกุกกักอยู่ที่หน้าห้องนี่เอง  ใจของมินแทบตกไปอยู่ใต้ตาตุ่ม  ของแข็งในมือขวาที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรถูกจับให้กระชับขึ้น  แล้วประตูห้องนอนก็ถูกมือลึกลับดึงเปิดออกพร้อมกับแสงฟ้าแลบส่องผ่านบานหน้าต่างมากระทบกับเรือนผมที่มีหยดน้ำไหลย้อยและใบหน้าที่เปียกปอนน้ำฝนของผู้บุกรุกได้เลือนราง  แล้วเสียงประตูเปิดออกอย่างกะทันหัน  เสียงฟ้าร้อง  และเสียงร้องอย่างตกใจของทั้งคนทั้งหมาก็ร้องประสานเสียงกัน
“ปัง!!”
“เปรี้ยง!!!”
“กรี้ด!!!”
“บรู่ว...ว.........ว...ว..... !!!!!!!”
เวลาผ่านไปได้สักครู่ใหญ่  น้ำตาหญิงสาวไหลพรากอย่างห้ามไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้มาเยือน  เจ้าตูมนอนหมอบอยู่ข้าง ๆ
“ตาบ้านัท  คนผีทะเล  คนบ้า  โรคจิต  คนน่าเกลียด  ทำฉันตกใจหมด”  มินพูดเสียงสั่นเครือ  น้ำตาแห่งความตกใจอย่างที่สุดยังไม่เหือดหายไปจากแก้มขาวผ่องของเธอ  ตัวของหญิงสาวสั่นระริกอยู่ในอ้อมแขน  นัทยิ่งกอดกระชับแน่นขึ้นเหมือนกลัวว่าขวัญของหญิงสาวจะหลุดลอยหนีไปในความมืด
“ผมขอโทษนะ  ผมแค่กลัวว่าคุณจะกลัวที่อยู่ลำพังในคืนฟ้าฝนน่ากลัวขนาดนี้  ผมเลยเข้ามาดู  เห็นประตูหน้าบ้านไม่ได้ล็อก  คุณรู้ไหมผมกลัวมากว่าคุณจะตกอยู่ในอันตรายเลยรีบขึ้นมาดู”
“เลยโผล่มาเงียบ ๆ งั้นสิ  ฉันไม่ทำหัวนายแตกเป็นสองเสี่ยงก็บุญโขแล้ว”  มินยึดเสื้อที่เปียกโชกน้ำฝนของนัทไว้แน่น  มีโคมไฟแบบตั้งโต๊ะนอนแอ้งแม้งอยู่ไม่ไกลออกไป
“คุณทั้งอ่อนไหว  ทั้งบอบบาง  และต้องการให้คนปกป้องขนาดนี้  ขอให้ผมได้ดูแลคุณตลอดไปจะได้ไหม”  นัทพูดเสียงจริงจังพลางลูบเรือนผมที่ยาวสลวยของหญิงสาวอย่างเบามือและทะนุถนอม  มินค่อย ๆ มองหน้าขึ้นมอง
“แต่ฉันปากร้ายนะ”
“ไม่เป็นไร”  นัทส่ายหน้าประกอบคำพูด
“ฉันไม่สวยเลย”  มินพูดอย่างไม่มั่นใจ  มุมปากของนัทกระตุกยิ้มก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้ม ๆ ที่อ่อนโยน  นุ่มนวล
“คุณสวยมาก  น่ารักมากด้วย”  มินแอบอมยิ้ม
“ฉันขี้แย  แล้วก็ขี้ตกใจ”
“ผมจะคอยเช็ดน้ำตา  แล้วก็ปลอบใจคุณเอง”
“ฉันเป็นลูกมีพ่อนะ  แล้วท่านก็ดุมากด้วย”
“พ่อคุณยกคุณให้ผมแล้ว”
“และที่สำคัญ......ฉันเป็นคนขี้หึงนะ”
“ถ้าผมนอกใจคุณ  ผมยอมให้คุณจับน้องชายผมเฉือนให้เป็ดกินได้เลย”
หญิงสาวหัวเราะน้อย ๆ จนร่างบางในชุดนอนเบาบางสั่นเทิ้ม
“งั้นก็..............ฝากด้วยนะ”  หญิงสาวพูดอย่างเขินอาย  หน้าแดงระเรื่อในความมืด
คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้น  ริมฝีปากของชายหนุ่มกระตุกแย้มออกมา  เขายิ่งกอดกระชับวงแขนแน่นยิ่งกว่าเดิม  เจ้าตูมกระโดดไปมารอบ ๆ และเห่าเสียงแหลมอย่างมีความสุข  มันเข้ามาเลียหน้าที่เปียกชื้นของนัทจนเปียกไปยิ่งกว่าเดิม  ฝนค่อย ๆ ซาเม็ดลงและหยุดตกในที่สุด  ท้องฟ้าเริ่มเปิดเหมือนเต็มใจและเป็นใจต้อนรับความรักที่บริสุทธิ์ของทั้งสองคน
นับแต่นั้นเป็นต้นมาชีวิตของคนข้างบ้านทั้งสองก็ดำเนินไปอย่างปกติสุขและได้เปลี่ยนจากคำว่าเพื่อนบ้านหรือคนข้างบ้านมาเป็นคำว่า ‘คนรัก’ แทน  ด้วยการโอบอุ้มของไออุ่นจากรักที่คนทั้งสองมีให้แก่กันและกันตราบชั่วนิรันดร์
                                                              ..................................................
มุมนักเขียน
            เรื่องสั้นแต่คงยาวไปนิดนะคะ  ^.^  แต่รับรองว่าเนื้อหาในเรื่องจะทำให้นักอ่านอมยิ้มไปกับความน่ารักของชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้อย่างแน่นอน..... 
            amilla  ขอยอมรับเลยว่า  กว่าจะแต่งเรื่องนี้จบก็แทบตายเหมือนกัน  T_T  แต่เพื่อท่านผู้อ่านผู้น่ารัก  amilla  สู้ตายค่ะ
            ครั้งนี้  amilla  มีข่าวดีมาบอก....ก.......ก............ก!!!!!!  ว่าตอนนี้  amilla  กำลังนำเรื่องใหม่มาลงให้อ่านกันค่ะ  บอกเลยละกันว่า  \"เรื่องม่านหัวใจ\"  รับรองว่านักอ่านทุกท่านต้องชอบแน่นอน ^_^  อย่าลืมเข้ามาโหวทและให้คะแนนหน่อยนะคะ.
            และอย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของ  amilla  ด้วยนะคะ  ขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลยละกันนะค้า.....
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น