เหยื่อสังเวยแห่งความตาย
....อย่าเข้ามาในนี้เด็ดขาดนะ
ผู้เข้าชมรวม
217
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นี่ คุณชายหรือคุณหญิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นน่ะ คุณนั้นแหละ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย...ได้ใช่ไหม งั้นฉันจะถามว่า เหตุใดกันที่ทำให้คุณพลัดหลงเข้ามาในนี้ นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคุณนะ...
เอาล่ะ ตอนนี้คุณคงสงสัยใช่มั้ยล่ะว่า ทำไมฉันถึงบอกว่านี่ไม่ใช่ที่สำหรับคุณ นั้นก็เป็นเพราะว่า...ณ ที่ต้นไม้แห่งนี้จะดูดกลืน... โอ๊ะ! ไม่ ไม่บอกดีกว่า มันก็แค่เรื่องไร้สาระอย่างหนึ่งเท่านั้นแหละ ทางที่ดีคุณควรกลับไปซะจะดีกว่า จริงๆ นะ มันเป็นทางเลือกที่ดีกว่า นี่ฉันหวังดีนะ คุณยังไม่กลับอีกเหรอ กลับสิ!
อืม ก็แล้วแต่นะ ฉันจะไม่บังคับคุณอีกแล้วล่ะ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย งั้นถ้าคุณสนใจที่จะว่าร่วมเวลาแห่งเรื่องเล่ากับฉันล่ะก็เชิญตามสบายเลยนะ ฉันจะได้มีเพื่อนด้วย เพราะฉันเล่านิทานให้ตัวเองฟังตลอดเลยล่ะนะ เอาล่ะ เชิญคุณนั่งตามสบาย หายใจเข้าหายใจออก... เดี๋ยวฉันจะเอาน้ำชามาเสิร์ฟให้นะ
มาแล้ว รู้อะไรไหมว่าถ้าคุณยังอยู่คุณอาจจะไม่ได้กลับออกไปก็ได้นะ นี่แค่เตือนเฉยๆ นะ ไม่ได้ขู่ ตอนนี้คุณคงจะเริ่มหงุดหงิดแล้วสินะ งั้นฉันจะเริ่มเล่านิทานไปพร้อมกับความหงุดหงิดของคุณเลยล่ะกันนะ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหนุ่มสาวคู่รักแสนหวานกันอยู่คู่หนึ่ง ฝ่ายชายชื่อ เซไมร์ เขาเป็นหนุ่มที่ร้องเพลงได้ไพเราะมาก แม้แต่หมู่นกยังบินมาฟังเขา ส่วนฝ่ายหญิงชื่อ เวียโรน่า เธอเป็นคนช่างเพ้อฝัน จินตนาการทำงานเร็วยิ่งกว่าแสง ทั้งคู่รักกันยิ่งกว่าอะไร ติดหนึบยิ่งกว่าตังเม
“ คุณรักผมหรือไม่? ” เซไมร์ถาม
“ รักสิ รักยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” เวียโรน่าตอบ “ แล้วคุณรักฉันหรือไม่? ”
“ รักสิ รักยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ” เขาตอบ
แต่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน พวกเขาไม่ยอมรับเรื่องการแต่งงานของทั้งสอง คู่รักแสนหวานจึงได้แอบแต่งงานกันซะเอง แต่เจ้าบ่าวเกิดหายตัวไปอย่างไร้สาเหตุ เจ้าสาวใจสลาย เธอแทบจะควักมีดขึ้นมาแท่งตัวเองด้วยซ้ำไป
เห็นไหมว่าเรื่องนี้มันไร้สาระขนาดไหน แต่ตอนนี้คุณไปไหนไม่ได้แล้วล่ะนะ มนุษย์เอ๋ย
คืนหนึ่งในยามเหมันต์ เวียโรน่าผู้น่าสงสารได้พบกับจุดจบ เธอได้ยืนเสียงเพลงบรรเลงดังมาจากห้องโถง
มาเถิดหนา ที่รักของข้า
มาเถิดหนา มาเถิดหนา มาเถิด ที่รักยิ่งข้า
ยังที่แห่งนี้ ข้าจะชี้ทางให้เจ้า
หมุนตัวตามเข็มนาฬิกาอีน
ก้าวเท้าออกทวี
แล้วมาเถิดหนา ยอดรักของข้า
เสียงเพลงดังก้องไปทั่ว เท่าเอาเวียโรน่าขวัญเสีย เธอเริ่มจินตนาการไปต่างๆ นานา ตามประสาคนช่างฝัน
“ แม่บ้านอาจจะร้องเพลงเล่นก็ได้นี่นา แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านนิ คนสวนก็ลาออกแล้ว พ่อแม่ก้ออกไปทำธุระต่างจังหวัดอีก แม่บ้านก็ออกไปข้างนอกอีก...แล้วใครร้องล่ะ แม้แต่เสียงเพลงก้ยังฟังไม่ออกด้วยซ้ำว่าผู้หญิงหรือผู้ชายร้อง..” เวียโรน่าพูดด้วยความกลัว “ จะว่าไปแล้ว เราไม่เห็นต้องไปใส่ใจเลยหนิ...แต่... ”
แต่ความกลัวและความกังวลทำให้ต้องเธอเริ่มตั้นใจฟังเสียงเพลงอีกครั้ง
มาเถิดหนา ที่รักของข้า
มาเถิดหนา มาเถิดหนา มาเถิด ที่รักยิ่งข้า
ยังที่แห่งนี้ ข้าจะชี้ทางให้เจ้า
หมุนตัวตามเข็มนาฬิกาอีน
ก้าวเท้าออกทวี
แล้วมาเถิดหนา ยอดรักของข้า
ถึงเวียโรน่าจะฟังซะกี่รอบเธอก็ไม่มีวันเข้าใจ แล้วคุณล่ะ ผู้ฟังของข้า เจ้าเข้าใจหรือไม่ หึหึ ถ้าไม่เข้าใจก็อย่าเพิ่งถามก็แล้วกัน เพราะอีกเดี๋ยวฉันก็จะตอบให้เอง
จิบชาก่อนไหม จะได้ผ่อนคลายลงบ้าง
ซู้ดดดด
ชาอร่อยดีนะ รู้ไหมว่ามันผสมอะไรลงไปบ้าง “ ใบชา ” คุณตอบใบชางั้นเหรอ นั้นเป็นคำตอบที่เบสิคมาก แต่ก็ถูก...ถูกแค่นิดหน่อย เพราะนอกจากจะมีใบชาแล้วยังมี... โอ๊ะ! ไม่บอกดีกว่าแฮะ ไม่งั้นคุณอาจจะพังเวลาแห่งเรื่องเล่าลงได้นะ เดี๋ยวได้มีเฮกันพอดี ฉันว่าเรามาตอบคำถามคุณกันดีกว่าเนอะ
เวียโรน่าเริ่มคิดที่จะหาต้นเสียง แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะมันดังมาจากทุกทิศทาง
“โธ่ เสียงมันดังมาจากไหนกันนะ...แล้วเมื่อไรพ่อแม่จะกลับมาเสียที ฮือ ฮือ..” เวียโรน่าเริ่มร้องไห้
คุณเห็นใช่ไหมว่าเวียโรน่าเป็นคนขวัญอ่อนและขี้กลัว จริงๆ มันก็เป็นกันเกือบทุกคนแหละ เพียงแต่ว่าบ้างคนก็กลัวมากกลัวน้อยไม่เท่ากันแค่นั้นเอง ขนาดฉันยังเป็นคนขี้กลัวเลย คุณเชื่อไหมล่ะ?
“ ฮือ ฮือ ฮึก...ฮือ ฮือ ” เวียโรน่าเริ่มร่ำไห้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเธอร้องไห้มากเท่าไร เสียงเพลงก็ดังขึ้นมากเท่านั้น เท่าเอาเวียโรน่าร้องไห้หนักกว่าเดิมซะอีก
“ ฮึก นี่ไม่ใช่เวลามานั่งร้องไห้นะ เวียโรน่า ” เธอกล่าวกับตัวเอง (เวียโรน่ามักจะตีกับตัวเองเสมอ ) “ ฉันจะลองฟังเพลงอีกที ”
มาเถิดหนา ที่รักของข้า
มาเถิดหนา มาเถิดหนา มาเถิด ที่รักยิ่งข้า
ยังที่แห่งนี้ ข้าจะชี้ทางให้เจ้า
หมุนตัวตามเข็มนาฬิกาอีน
ก้าวเท้าออกทวี
แล้วมาเถิดหนา ยอดรักของข้า
“อะไรคือหมุนตัวตามเข็มนาฬิกาอีน ” เวียโรน่าเริ่มถามตัวเอง “ และอะไรคือก้าวเท้าออกทวี”
เวียโรน่าเริ่มนั่งคิดไปเรื่อยๆ ในขณะที่เสียงเพลงเริ่มเบาลง... เบาลง... เบาลง... จนในที่สุดเธอก็คิดออก เธอนึกขึ้นได้ว่า อีน ในภาษาดัตช์ นั้นแปลว่า หนึ่ง ซึ่งเมื่อเอามารวมกับประโยคที่ว่า หมุนตัวตามเข็มนาฬิกา แล้วนั้นก็หมายความว่า ให้หมุนตัวตามเข็มนาฬิกาหนึ่งครั้ง และในท่อนที่ว่า ก้าวเท้าออกทวี ก็หมายความว่าให้เดินออกไปข้างหน้า 2 ก้าว เพราะคำว่า ทวี หมายถึง สอง
“ ถ้าทำตามแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นนะ โอ้ย ตื่นเต้น ตื่นเต้น ”
ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำเหมือนกับเวียโรน่าไหม สำหรับเธอแล้ว มันเป็นเรื่องน่าลองมาก ถึงจะกลัว แต่เธอก้ยังอยากลองอยู่ดี
แล้วเวียโรน่าก็เริ่มหมุนตัวตามเข้มนาฬิกา 1 ครั้ง และเดินไปข้างหน้า 2 ก้าว ตอนนี้เธอมาหยุดลงตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ กระจกนั้นสะท้อนตัวของเธอ ไม่มีอะไรผิดปติเลยแม้แต่น้อย ทำเอาเวียโรน่ายืนอึ้งอยู่นาน จนในที่สุดกระจกก็เกิดกระเพื่อมเหมือนมีคนหยดน้ำใส่ ตอนนี้ภาพสะท้อนของเวียโรน่าก็หายไป กลายเป็นภาพของชายหนุ่มหน้าเด็กคนหนึ่ง
“ เซไมร์! ” เวียโรน่าร้องเสียงหลง
“ ไง ยอดรักของข้า ” เซไมร์ทัก “ เจ้ายังไม่ลืมข้าใช่ไหม ”
“ ไม่ ข้าไม่มีวันลืมท่านแน่นอน ” เวียโรน่าเอามือไปแตะที่กระจก ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระจกเรื่อยๆ แล้วเธอก็หยุด
“ เกิดอะไรขึ้นน่ะ เซไมร์...” เวียโรน่าถาม
“ เรื่องมั้นยาวน่ะ ” เซไมร์ตอบ “ ว่าแต่เจ้าอยากมาหาข้าไหม ยอดรัก ”
มันดูเป็นเรื่องที่แปลกไหม ที่อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมาว่าจะไปอยู่ด้วยกันไหม หึหึ ใกล้ถึงตอนเด็ดแล้ว
“ อยากมากเลยล่ะ ” เวียโรน่าตอบ
หึหึ
“ งั้น... จูบข้าสิ ” เซไมร์พูด
อย่างอ้วกไหม อ้วกได้นะ แต่ระวังนะ ถ้าคุณอ้วก ผู้ปกครองคุณอาจจะดุซะยับเลยก็ได้ แต่คุณไม่ควรอ้วกนะ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องรัก แต่เป็นเรื่อง....
แล้วเวียโรน่าก้ยื่นหน้าเข้าไปจูบเซไมร์โดยไม่ลังเล แต่ว่าเธอไม่สามารถสัมผัสริมฝีปากเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะมีกระจกกั้นไว้ แต่เธอก็ไม่ใส่ใจ เธอหลับตาลงปล่อยความรู้สึกรักใคร่ไปที่ริมฝีปากทั้งหมด
จนกระทั่งปากของเธอเริ่มสัมผัสริมฝีปากของเซไมร์ไปเรื่อยๆ เพราะกระจกเริ่มจางหายไปพร้อมๆ กับห้องของเธอ
บัดนี้ห้องของเธอได้กลายเป็นเพียงทุ่งหญ้ากว้างและมีเพียงต้นไม้หนึ่งต้นไปเสียแล้ว แถมตอนนี้เซไมร์ก็กอดเธอสียด้วย เวียโรน่าเริ่มผละออกจากริมฝีปากของเซไมร์ พลางจ้องหน้าเขา ในตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดเซียว ปากดำทมิฬ ทำเอาเวียโรน่าตัวสั่นเลยทีเดียว
“ เสียใจด้วยนะ ที่ฉันไม่สามารถอยู่กับเธอได้แล้ว ” เซไมร์พูด
“ ทำไมล่ะ ”
“ มานี่สิ แล้วจะรู้ ” แล้วเซไมร์ก็พาเวียโรน่าเดินไปที่ต้นไม้ข้างๆ พอเวียโรน่ามองขึ้นไปตรงกิ่งไม้ เธอก็พบเชือกที่ใช้สำหรับแขวนคอมัดติดไว้กับกิ่งไม้ เธอขนลุกซู่ แล้วค่อยๆ หันไปมองเซไมร์
“ มาแลกชีวิตกันเถอะนะ ” เขายิ้มแสยะ
“ อะ เอ๋!?! ”
แล้วเชือกสำหรับแขวนคอก็เลื่อนตัวลงมารอบคอของเวียโรน่าและดึงตัวเธอขึ้น เชือกเริ่มเคลื่อนตัวด้วยมนตร์สะกดบางอย่างมามัดคอเธอไว้
“ อ๊าาาาาาา ....”
เสียงเธอเริ่มจางลงเรื่อยๆ ก่อนที่เธอจะตายหรือหลับลง เธอก็เห็นภาพคนรักที่เริ่มหล่อขึ้นเรื่อยๆ ผิวที่ซีดเซียวของเขาเริ่มคล่ำขึ้น ริมฝีปากอันดำทมิฬก็กลายเป็นสีแดงสด
และเรื่องก็จบด้วยการที่ตัวฉันตาย คุณคงจะถามว่า ห๊ะ! คุณตายเหรอ? ใช่ไหมล่ะ หึหึ
ฉันบอกว่าให้คุณออกไปแล้วไง สาวน้อย/หนุ่มน้อยที่โง่เขลา มาแรกชีวิตกันเถอะ ไม่ต้องห่วง การตายไม่เจ็บหรอก มาสิ มาแขวนคอคายต้นไม้นี่ ฉันจะได้กลับไปเป็นมนุษย์ และคุณก็จะได้ตายและต้องหาเหยื่อคนใหม่เพื่อจะได้กลับไปมีชีวิตอีกครั้ง หึหึ.... กรี๊ดสิ กรีดร้องออกมาเลย
ผลงานอื่นๆ ของ D.R.amethyst ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ D.R.amethyst
ความคิดเห็น