คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : - ซุปเปอร์แมน {๓} แววตาคู่เดิมที่เคยหวานอ่อน
“ตายละน้องป้าย ! ทำไมหนูเพ้นท์ถึงมีแผลเต็มแบบนั้นละลูก”
ผมประคองคนตัวเล็กไว้แล้วพาเดินเข้าบ้านช้าๆ แม่ผมเดินมาเปิดประตูให้และเรียกไอ้ปืนออกมาช่วย พอไอ้ปืนเห็นเพ้นท์ก็ชะงักค้างไปสักพักใหญ่ จนผมเรียกสติมันกลับมาเพราะเราสองคนจะล้มอยู่แล้ว แม่เคลียร์ของแถวๆ โซฟาออกแล้วให้ผมวางเพ้นท์ลง พ่อเห็นว่าใครเข้ามาเพิ่มก็เดินออกไปนอกบ้านทันที
“เกิดอะไรขึ้นคะหนูเพ้นท์” แม่ผมรับไหว้มัน และเอื้อมมือไปลูบหัวอย่างเอ็นดู
“เรื่องเดิมๆ ล่ะแม่ ผมเลยพาเพ้นท์มาบ้าน อยู่ที่นั่นไม่มีใครดูแลเลยสักคน”
“...ขอโทษนะครับ” เพ้นท์พูดค่อยๆ แม่ผมปัดมือแล้วบอกไม่เป็นไร ก่อนจะลุกไปเอาผ้าเช็ดหน้าและก็ยามาทาให้มัน เพราะว่ามันมีเรื่องบ่อยๆ ผมเลยชอบพามาทำแผลที่บ้าน ก็แม่ผมเป็นพยาบาลเลยมีอุปกรณ์พอได้ใช้ ส่วนเรื่องชีวิตของมัน ผมไม่ได้ไปยุ่งอะไรเลย ที่แม่ผมรู้นี่คงถามเองจากปากเพ้นท์หรือไม่ก็เล่าออกมาเองตอนผมไม่อยู่ด้วยละมั้งครับ เขาทั้งสองเลยเข้าใจกันแบบไม่ต้องพูดอะไร
“ใคร ?” คนตัวเล็กถาม ผมเงยหน้ามองตามมือของมันที่ชี้พี่ชายของผม ไอ้ปืนมองตาแป๋วอย่างกับเด็กไม่รู้อะไร
“เด็กที่พ่อเก็บได้น่ะ มีคนเอามาทิ้งไว้”
“ตลกหรอวะไอ้ห่านิ -_- พี่ชื่อปืน เป็นพี่ชายไอ้ปากสว่างที่นั่งนั่นแหละ น้องคงเป็น ... เอ่อ แฟนมันสินะ” ผมพยักหน้า เพ้นท์ก็ยกมือไว้มัน “อ่า ไม่ต้องๆ พี่ไม่ถือ คือกูจะบอกว่ามึงหาแฟนได้น่ารักมากน้องรัก”
ประโยคสุดท้ายหันมาพูดกับผม
“น่ารักมากจริงๆ ...” นั่น... ยังไม่หยุด
“ของกูครับปืน ของกู” ผมโอบไหล่ของเพ้นท์แล้วดึงหาตัว ไอ้ปืนเลิกคิ้วแซว แล้วยักไหล่เดินไปเอากะละมังจากแม่มา ผมบอกให้แม่กลับไปพาพ่อขึ้นบ้านเลย เพราะเดี๋ยวผมกับไอ้ปืน (ห่ะ ?) จะทำแผลให้น้องเอง
ครั้งแรกที่ครอบครัวผมรู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน แม่ตกใจมากแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคิดว่ายังไงซะโรงเรียนที่ผมอยู่ตั้งแต่มัธยมต้นก็เป็นชายล้วนอยู่แล้ว แต่พ่อของผมรับไม่ได้ พ่อไม่พูดกับผมเลยเรื่องนี้ แต่ก็ไม่เคยกีดกันผมกับเพ้นท์ แค่เวลาผมพาเพ้นท์มาบ้านพ่อจะไม่เคยอยู่ร่วมโต๊ะสักครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ้ปืนมันรู้จักเพ้นท์ แล้วดูสายตาเวลามันมองหน้าเพ้นท์นะ ........
“ปืน ถ้ามึงยังเห็นกูเป็นน้องชาย เลิกมองหน้าแฟนแบบนั้นกูสักทีสิวะ -_-” ว่าแล้วก็ขอเอ็ดหน่อยเถอะ “มึงดูเพ้นท์ดิ หลบมึงจนจะกลืนไปกับโซฟาอยู่ละ เจ้าของเขาก็นั่งอยู่ โธ่”
“ฮ่าๆๆๆ ก็แฟนน้องนี่หว่า กูก็อยากมองหน้าชัดๆ เป็นธรรมดา แล้วมึงอะน้อยๆ หน่อย พูดอย่างกับน้องเขาเป็นสิ่งของ ไอ้ห่าน” มันเอี่ยวตัวโบกหัวผมที แอลกอฮอล์แทบจะราดขาสวยๆ
“เออ เดี๋ยวกูไปละ พรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวกับม.อีก วุ้ยยย ยังไม่ทันพัก ชีวิตก็วุ่นวายอีกแล้วกู” ปืนมันลุกเดินจากโซฟา ปิดปากหาววอดๆ ไป ผมยักไหล่แล้วหันกลับมาสนใจคนข้างๆแทน แผลช้ำที่หน้าไม่เยอะเท่าไหร่ ที่ต้นแขนและขาบาดไม่ลึกเหมือนจะถลอกเฉยๆ แต่ที่ผมเห็นแล้วเจ็บใจนี่คือรอยหยิกแดงเป็นจ้ำๆ อยากรู้จริงๆ ว่าคนๆ นี้คิดอะไรทำไมถึงยังทนแบบนี้
“เจ็บมั้ยเพ้นท์”
“เจ็บ”
“ทำไมถึงยังทนล่ะ?”
“เพราะกลัว...”
“หืม?”
“กลัวโดนส่งไปอเมริกา กลัวจะไม่ได้เจอมึงอีก กลัวจะทิ้งไอ้นีม กลัวไอ้พอชคุมเด็กไม่ได้ กลัว...ฮึก”
ผมนิ่ง ไม่ขยับ เพ้นท์เอามือสองข้างปิดหน้าไว้แล้วร้องไห้อีกครั้ง ขาขาวๆ ที่พาดบนตักผมตอนทำแผลเลื่อนเข้าหาตัวแล้วกอดซุกอยู่อย่างนั้น เสียงร้องไห้ของเพ้นท์ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงหายใจของผมเลย มีเพียงแค่ร่างที่สั่นขึ้นๆ ลงๆ เหมือนคนกลั้นสะอื้นเหมือนจะบอกว่าเจ้าของตัวรู้สึกแย่ขนาดไหน
“ไม่เป็นแบบนั้นหรอก”
ในที่สุดผมก็ตามหาเสียงของผมเจอ ที่ผมพูดอันที่จริงผมก็ไม่มั่นใจหรอก แต่เพราะความรู้สึกมันไปก่อน ใครๆ ก็รู้ว่าพ่อของเพ้นท์เป็นใครและทำอะไรได้บ้าง ผมที่เป็นคนนอกทำอะไรไม่ได้นอกจากพาเพ้นท์หลีกเลี่ยง อยากจะพาหนี แต่ติดที่เรายังคงเป็นเด็ก เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ทำอะไรโดยพลการไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ได้ อนาคตมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนอยากที่ตำรารัก หรือนิยายน้ำเน่าบอกไว้หรอกครับ
“ขึ้นห้องกันเถอะ” ผมดึงมือที่ปิดหน้าเพ้นท์ออกและดึงให้ลุกขึ้นไปข้างบนด้วยกัน เสียงร้องไห้หายไปแล้ว ผมนำหน้าเดินปิดไฟ และขึ้นบันไดไปห้องของผม พอเปิดประตูปะทะความเย็นของแอร์ที่ลืมปิดตั้งแต่ไปรับมา ผมดึงให้มันเข้ามาข้างในด้วยมือที่กุมไว้ไม่ยอมปล่อย ส่วนอีกข้างผมก็ปิดประตูพร้อมกดล็อคไว้..
สองขาเดินมาที่เตียงนอนติดกำแพง ผมนั่งลงก่อนและกระตุกแขนที่ยังจับกัน เพ้นท์นั่งลงข้างๆ บทสนทนายังคงต่อไม่ติด ผมคิดอะไรไม่ออก เราสองคนยังคงนั่งเงียบ
“กอดหน่อยดิ”
ไม่รู้ว่าเสียงใครที่พูดออกไป แต่ต่างคนก็รู้ความหมายของมันอยู่แล้ว ผมหันและเคลื่อนหาอีกคนที่อยู่ตรงหน้า ริมฝีปากบางสีช้ำเผยอรออยู่ สัมผัสห่างกันเพียงแค่หนึ่งลมหายใจหยุดผมให้คิดว่าหนังสือและชีทอีกเป็นกองที่ยังไม่ได้ระบายไฮไลท์ลงไป
แต่คิดอีกทีไอ้ที่อ่านไปสองสามรอบนั่นก็คงแทนกันได้น่ะนะ..
ผมกดจูบลงและแทรกลิ้นหาบางอย่างที่อยู่ข้างใน เอียงหน้าให้รับสัมผัสลึกซึ้งลงไปอีก ราวกับว่าอยากจะจมไปกับรสจูบหวานแสนคุ้ยเคยนี้ มือผลักอีกฝ่ายลงกับเตียงนุ่ม ละออกมากจากสิ่งที่ดูดความเห็นแก่เรียนนั้นเพราะอีกคนเริ่มหมดอากาศหายใจ
ลมร้อนเป่าหน้าผม สายตายังคงจ้องมองกลีบปากสีสวยช่ำไปด้วยน้ำลายของใครสักคน มือเกลี่ยแก้มใสและไวกว่าความคิด ผมกดจมูกสูดความหอมแบบเด็กๆ จนชุ่มปอด มือดึงข้อมือเล็กสองข้างของอีกคนขึ้นคล้องคอตัวเอง และกลับมาสนใจริมฝีปากนี้อีกครั้ง
“พี่ป้าย..”
“ครับผม”
ผมคงให้พูดได้แค่นั้น เลื่อนตัวขึ้นมาประกบชิมความหวานครั้งแล้วครั้งเล่า มือของผมเลิกเสื้อนักเรียนขึ้นจนสัมผัสได้ถึงผิวสีขาว เพียงแค่จับเอวบางก็เหมือนจะเปราะได้ตลอดเวลา ฝามือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วและเริ่มทำการปลดปราการออกที่ละขั้น กระดุมนักเรียนดูจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าใดนัก
หลังจากแลกเอมไซม์กันจนจุใจ ผมก็เลื่อนไล้ตามพวงแก้มและลำคอระหง ร่างบางเชิดหน้าหลุดเสียงครางต่ำทุกครั้งที่ผมบดลงไปสร้างรอยสีกุหลาบ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก..
“อ่ะ......”
ผมรู้สึกถึงแรงกดที่ท้ายทอยเพราะเผลอตั้งใจเลียสะกิดยอดอกสีน้ำตาลของคนข้างล่าง รู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาเลยขบเม็ดนั้นจนเพ้นท์ร้องครางหวานหู ทั้งยังดันตัวเบียดหาริมฝีปากของผมอีก สองมือโอบเข้าที่เอวและดันให้ลุกขึ้นตามทั้งๆ ที่ปากยังไม่ว่างนั้นแหละ ตอนนี้เลยกลายเป็นมันนั่งตักผมและเหมือนจะรู้ว่าต้องทำอะไร มือเล็กเริ่มถอดเสื้อออกซะไม่เกะกะและถอดเข็มขัดกับกางเกงสีดำนั้นด้วย
ผมละออกมามองผลงานที่ฝากไว้บนเรือนร่างขาว ตอนนี้กลับแดงชมพูไปทั้งตัวยิ่งเร่งให้อารมณ์จากที่ครุ่กกรุ่นกลายเป็นพลุ่งพล่านได้ไม่ยาก ดวงตากลมดุสบกับผมที่ยิ้มกรุ่มกริ่มแบบปิดไม่มิด สองมือถลกเสื้อของตัวเองออกและถอดกางเกงไร้ประโยชน์ไว้ไกลๆ
“เขินชะมัด”
เสียงหวานร้องงุบงิบแต่ก็ไม่พ้นที่ผมจะได้ยิน คำน่ารักๆ หลุดออกมายังทำให้ผมได้ใจ เรืองรางขาวเนียนต้องกับแสงไฟตั้งโต๊ะสีส้มนวลแล้วยิ่งน่าฟัดเข้าไปใหญ่ เพ้นท์เขยิบถอยหลังแต่ผมก็คงไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก
เราสองคนเอนตัวลงเตียงหนาที่รองรับ ผมรั้งเอวบางดันส่วนแข็งขืนของผมให้รู้ว่าอยากขนาดไหน ช้อนขาเรียวที่เต็มไปด้วยรอยแผลขึ้นพาดไว้กับเอวตัวเอง ไม่ลืมที่จะเอาหมอนมารองข้างใต้ การจัดท่าเหล่านี้อยู่ในสายตาของเพ้นท์ทั้งหมด มันเบือนหน้าหนีซ่อนดวงหน้าแดงแทบจะสุก ผมก้มลงไปจูบปากเรียวอีกครั้งก่อนจะนำส่วนตื่นตัวของตัวเองแนบทาบทับไว้....
“อ่า ป้าย อืมมมม.... อึก”
ให้ตายเถอะ ทำไมเพ้นท์โคตรจะมีอิทธิพลกับผมขนาดนี้
------------- 60% ----------------
อีก 40% คงไม่ต้องบอกเนอะว่าคืออะไร 55555
ไว้เดี๋ยวเคลียร์ตอนหลักแล้วจะมาต่อ ‘อะไรต่อมิอะไร’ ให้จบนะคะ
หายไปนาน แต่คราวนี้กลับมาแล้ว (:
Mdr .
ความคิดเห็น