คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : - ซุปเปอร์แมน {๒} อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ บอกที...
และผมก็โดดคาบบ่ายเรียบอย่างทีคาดจริงๆ ด้วยครับ -_- ผมกับเพ้นท์ตอนนี้อยู่ที่ห้างสรรพสินค้าห่างจากโรงเรียนไม่เท่าไหร่ และที่นี่ก็เห็นนักเรียนโรงเรียนผมประปรายไปทั่วเป็นเรื่องปกติ วันนี้เป็นวันพุธ จึงไม่แปลกถ้าจะมีคนโดดมาเที่ยว คงเป็นเพราะโปรโมชั่นของโรงหนังส่วนหนึ่ง
เพ้นท์เดินนำหน้าผมไป สายตาของเขาวอกแวกเหมือนไม่รู้จะกินอะไรดี ผมก็ได้แต่เดินตามไม่ทิ้งระยะห่างนัก คนตรงหน้าไม่แม้แต่จะสนใจผมที่เป็นคนพามา เขาเดินเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เหมือนโลกทั้งใบอยู่ในกำมือตัวเอง ไม่เคยให้ความสนใจกับใคร ไม่เคยเห็นใครสำคัญ...
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดและเซ็งกับการที่จะต้องตามใจแฟนตัวเอง ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมอยากจะปฏิเสธคำเชิญชวนต่างๆ ที่มาจากปากเพ้นท์ เพราะความที่ผมต้องอ่านหนังสือสอบหรือเปล่า ? หรือเป็นเพราะช่วงเวลาที่ไม่เหมือนกันของเราสองคน ผมเริ่มมีอาการน้อยใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หาเรื่องทะเลาะกับอะไรง่ายๆ และละเลยเรื่องบางอย่าง
หรือผมจะเบื่อเพ้นท์แล้ว ?
เป็นไปได้มากเลยล่ะ....
“ป้าย มึงอยากกินไรอ่ะ ?” เพ้นท์หยุดเดินแล้วหันมาถามผม ดูเหมือนว่าจะไม่มีร้านไหนเข้าตาเลยสักร้าน ผมยักไหล่และเดินเข้าร้านข้างๆ แบบสิ้นคิด ถ้าหูไม่หนวกก็คงได้ยินเสียงบ่นตามหลังเหมือนโดนขัดใจ ในเมื่อตัวเองหิวแล้วยังเรื่องมากชาตินี้จะได้กินมั้ยล่ะครับ ?
พนักงานสาวสวยเดินนำผมไปที่โต๊ะติดหน้าต่างเห็นวิวข้างนอก เพ้นท์ทิ้งตัวลงแรงๆ เรียกความสนใจจากผม ปากสีกุหลาบสวยเม้มและหันหน้าหนีอีก ผมถอนหายใจแรงๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เกิดความเงียบระหว่างเราสองคนจนกระทั่งเสียงมือถือผมดังขึ้น
‘iBUS’ ไอ้บัส ?
“มีไรวะ ?”
[วันนี้ไม่ได้สอบครูสมรนะมึง ครูเขาลาป่วย]
“เออ โชคดีไป มึงอยู่โรงเรียนหรือว่ากลับแล้ววะ” วันนี้ผมมีเรียนแค่สองคาบคือคาบอังกฤษกับเคมีครับ ถ้าไม่มีสอบก็กลับบ้านได้เร็วขึ้น
[รอไอ้เอ๋อเก็บของให้มึงอยู่เนี่ย แล้วเพ้นท์อยู่กับมึงล่ะสิ,,,]
“ทำหน้าหมาตายอยู่หน้ากูนี่แหละ” ผมมองหน้าไอ้เพ้นท์ เหมือนมันจะรู้ว่าผมคุยเรื่องมันอยู่ มันเลยเบ้หน้า ผมได้แต่ยิ้ม
‘มึงแหละตาย’ อ้าว... แฟนตายแล้วมีความสุขหรอมึง -_-
[แล้วของน้องล่ะมึง ? จะกลับมาเก็บรึไง]
“เออ แล้วของให้ใครเก็บวะ ?” ผมถามมัน
“นีมเก็บให้แล้ว” เพ้นท์ตอบ แต่สายตาไม่ได้ละจากเมนูอาหาร เขาสั่งไปสองสามอย่างเผื่อผมโดยไม่ได้ถาม แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ อะไรผมก็แดกได้หมดล่ะครับ -_-
“น้องนีมเก็บให้แล้ว มึงกลับเถอะ เป็นภาระมึงมากเกินไปแหละชีวิตกู”
[ไว้กูคิดบัญชีทีเดียวไงเพื่อนรัก... ไอ้เอ๋อเสร็จล่ะ กูวางนะมึง]
“เออๆ ขอบใจมากเว้ย”
[กองไว้แถวๆ นั้นแหละคุณป้ายหน้า ฮ่าๆๆๆ]
พอผมเก็บมือถือลง ก็สบตากับเพ้นท์พอดี ถ้าไม่ตาฝาด ผมเหมือนจะเห็นสายตาน้อยใจยังไงไม่รู้ แต่แค่แปปเดียวเท่านั้น
“มึงเป็นอะไรเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยปากหมาเลย...” อ้าว.. กูปากหมาแล้วมีความสุขสินะ -_-
“ไม่ดีรึไง เพ้นท์ไม่ชอบให้พี่กวนตีนซะหน่อย หรือว่าเปลี่ยนรสนิยมแล้วหรอ ?”
“มันไม่เหมือนมึง”
“ถ้าพี่ปากหมาแล้วน้องเพ้นท์ของพี่พูดมากขึ้นอีกวันละสิบประโยคพี่จะปากหมาทุกวินาทีเลยครับ”
“ตลก -_-”
“ฮามากสินะ -_-”
“สุดตีน...”
นี่กูต้องหัวเราะมั้ย ?
ชีวิตนายป้ายนี่แสนรันทด ~ นอกจากแฟนจะไม่สมประกอบแล้วยังเมนส์ไม่มาอีก -_-
“อย่าด่ากูในใจ”
“ให้พี่ด่าต่อหน้าเลยดีมั้ยครับ ? ซึ่งๆ หน้าเลย” ผมยักคิ้วกวนตีนไปอีกสองที เพ้นท์ค้อนใส่ผมและเล่นสงครามตีนใต้โต๊ะ -_- จนข้าวของเรามาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ต่างฝ่ายต่างก็กินเงียบๆ เพ้นท์เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ นี่ยังดีนะที่มีโต้ตอบบ้าง ลูกน้องของเพ้นท์บางคนแถบจะคารวะผมที่สามารถทำให้รุ่นพี่ของพวกมันแหกปากพูดได้ -_- มันเป็นคนที่สั่งคนด้วยสายตา ถึงดูมีอิทธิพลไงครับ และไม่ชอบอธิบาย แต่ชอบฟังคนอธิบาย มีอะไรไม่เคยบอก ถึงว่าผมไม่เคยได้เข้าไปรับรู้อะไรในใจของมันเลย
แต่ข้อดีที่ไม่พูดไม่ได้คือ มันไม่โกหกและอยากรู้อะไรถามอย่าคิดไปเอง ถ้ากล้าถาม เพ้นท์ก็กล้าตอบ (แต่ใครจะกล้าครับ -_-) เป็นคนไม่คิดมาก และบางทีก็คิดน้อยเกินไป เอาแต่ใจแต่มีเหตุผล ทุกๆ อย่างที่รวมเป็นคนๆ เดียวเหมือนเป็นสิ่งหายาก คนนอกใครมันจะรู้ว่าเด็กมอห้าหน้าตาประถมแบบนี้จะคุมคนได้เกือบร้อยเพราะคำพูดไม่กี่คำและการกระทำที่ดูเหมือนไร้เหตุผล
ถ้าไม่รวมที่เพ้นท์พาผมโดดเรียน และเอาแต่ใจตัวเองนะ ถือว่าเป็นแฟนที่ใครทิ้งโคตรควายเลยครับ...
“เฮีย เฮียพิชญ์ !!!!” เสียงของเด็กผู้ชายคนนึงดังอยู่หน้าร้าน เพ้นท์ที่ได้ยินชื่อตัวเองก็หันขวับไปมองทันที ไอ้เด็กนั่นเมื่อเห็นเพ้นท์ก็บุกเข้ามาให้ร้าน สภาพเหมือนวิ่งตามหาของอะไรสักอย่าง ผมคิดว่าคงจะตามหาคนตรงหน้าผมแน่ๆ
“เฮียครับ ไอ้พวกเด็กโรงเอ็กซ์มันหมู่ใส่พี่นีมครับเฮีย ตอนนี้พี่พอชเขาไปช่วยแล้ว ผมเลยวิ่งมาบอกเฮียก่อน”
“เล่นเพื่อนสนิทเลยหรอวะ...” ไอ้เพ้นท์เบิกตากว้าง กัดฟันกรอดควบคุมอารมณ์และลุกขึ้นเดินออกจากร้าน ผมวางแบงค์พันไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งตามไปพร้อมไอ้เด็กที่มาบอกข่าว
“เพ้นท์ !” ผมวิ่งไปแล้วกระชากแขนให้หันกลับมา “พี่คิดว่าไอ้พอชมันคงช่วยแล้วแหละ ไม่ต้องไปหรอก ไม่อยากให้เจ็บตัวแล้ว”
“นีมเป็นเพื่อนกู” เพ้นท์พูดเสียงเย็นและดึงแขนตัวเองออก ผมดึงเข้ามาหาตัวอีก พูดเน้นๆ ชัดๆ ทีละพยางค์
“ไม่ อยาก ให้ เจ็บ ตัว”
“อย่าทำตัวไร้เหตุผล ป้าย...ปล่อย !” มันกระชากเสียงและผลักผมออก ผมนิ่งไป สายตามองตามร่างบางของคนที่เป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาวิ่งห่างจากตัวเองไปเรื่อยๆ ได้เด็กนั่นก็วิ่งตามลูกพี่ของตัวเองไป
...ไม่เคยแคร์ตัวเอง
แคร์ความรู้สึกคนอื่น
แต่ไม่แคร์ความรู้สึกของผม...
แล้วผมก็กลับบ้านมาคนเดียว ตอนกลับพ่อก็พาผมไปรับไอ้ปืนที่สนามบินด้วย ปืนเป็นพี่ชายผมครับ ครอบครัวเรามีสี่คน พ่อแม่ไอ้ปืนแล้วก็ผม -_- พี่มันเรียนเก่งโคตร พ่อเลยส่งมันไปเรียนอยู่แคนาดากับป้า แล้วตอนนี้ก็จะต่อมหาลัยที่ไทย ไม่เจอกันนานยอมรับครับว่าคิดถึงมันมาก ผมกับปืนสนิทกันมากแต่เด็ก พอมันไม่อยู่ให้เล่นด้วยก็เงียบไปเลยชีวิตผม แต่บางทีผมก็อิจฉามันมากนะ เพราะแม่ชอบชมนั่นชมนี่ และให้ผมเอามันเป็นแบบอย่าง โถ แม่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่มันซะแล้ว -_-
“ป้ายทำไรวะ” ไอ้ปืนมันปิดประตูห้องผมเข้ามา ไร้มารยาทสัสหมามาก...
“อยู่แคนาดาป้าไม่ได้สอนหรอวะให้เคาะประตูก่อนเข้าห้องคนอื่น -_-”
“กูลืมไว้ที่แคนาดาว่ะ ขี้เกียจกลับไปเอา” พี่มันยิ้มแล้วเดินมานั่งที่เตียง ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จเลยไม่ได้ไปคุยอะไรกับมันเลย ไอ้ปืนมันนอนแผ่หลากับเตียงแล้วดิ้นไปดิ้นมา
“ไทยแลนด์แอมคัมแบคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค ~” ไอ้ปืนมันสะเดิดขึ้นแล้วชูมือตะโกนเสียงดัง
“กูรู้แล้วววววว ! มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย”
“ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้ป้ายมึงรู้มั้ยว่าพี่ชายมึงเนี่ย เกือบตายในดงฝรั่งแล้วนะครับ โธ่ กูเอาชีวิตรอดกลับมาทั้งทีน่าจะดีใจกับกูหน่อย” มันเขย่าตัวผมไปมา ผมก็ยิ้มแล้วก็หัวเราะกับมัน มันเล่าให้ฟังตั้งแต่วันแรกที่ไป จนกระทั้งถึงวันที่มันเข้าโรงเรียนและวันที่ป้ามันลืมมันไว้ บางช่วงก็เศร้าซะจนสงสาร บางทีมันก็เกรียนซะจนสงสัยว่าคนที่อยู่ด้วยทนได้ไง สักพักแม่ก็ตะโกนให้พวกผมลงไปกินข้าว ผมก็เลยลากมันลงไปด้วย
บรรยากาศเดิมๆ กลับมาแล้วครับ หลังจากที่ไม่มีไอ้ปืนมาจ้อให้ฟังมาสามปีแล้ว วันนี้มันกลับมาก็จ้อหนักซะจนพ่อดุเข้าให้ พ่อผมเป็นตำรวจเลยทำให้แกดูเครียดๆ หน่อย พอผมทานอะไรเสร็จผมก็ขอตัวขึ้นมาอ่านหนังสือก่อน คงต้องรีบเก็บเนื้อหาแล้วล่ะครับ เดี๋ยวจะพลาดอะไรสำคัญไป
ผมเข้ามาในห้องและเปิดเพลงฟังเบาๆ ให้สมองมันรัน แต่ในใจก็เป็นห่วงเพ้นท์อยู่ เลยอดไม่ได้ที่จะโทรหา ผมกดโทรออกรอสักพักไอ้ตัวปัญหาก็รับ...
[...ป้าย]
“หืม... เพ้นท์อยู่ไหน ?”
[อยู่บ้าน ป้าย... มาหาหน่อยได้มั้ย ฮึก... เจ็บ] เสียงมันสั่นๆ และมีเสียงสะอื้นตามมาด้วยทำให้ผมร้อนรนผิดปกติ
“เพ้นท์ ! เป็นอะไรบอกพี่ดิ เจ็บมากหรอ ? ทายายังวะ !”
[เจ็บ... อึก ฮือ พี่ป้าย มาหาเพ้นท์หน่อย ฮือ...]
ติ๊ด !
เพราะสรรพนามที่ไม่ได้ยินมานานจากปากแฟน ผมเลยบึ้งลงมาจากห้องและคว้าเอากุญแจมอไซด์เตรียมออกไปข้างนอกทันที พ่อถามแต่ผมแค่บอกว่าจะไปหาแฟนและไม่มีใครห้ามผมอีก ผมเลยบิดออกมากจากบ้าน โดยไม่ลืมเอากล่องยามาทำแผลให้เพ้นท์ด้วย
ขอล่ะ..
ขออย่าให้เป็นแบบที่ผมคิดเลย
ไม่ถึงยี่สิบนาที ผมก็มาอยู่ที่บ้านเพ้นท์แล้ว บ้านหลังโตที่ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นตอนนี้เงียบอย่างกับไม่มีคนอยู่ พี่ดินคนสวนของบ้านพอเห็นผมก็เปิดประตูอย่างรู้งาน ผมได้แต่ขอบคุณและวิ่งเข้าไปในบ้านหลังนั้น พอผมเดินขึ้นบันไดบ้านก็ได้สวนกับผู้หญิงคนนึงซึ่งเธอเป็นแม่เลี้ยงของเพ้นท์
“มาหาไอ้เด็กนั้นล่ะสิ หึ ! ไอ้พวกวิปริตผิดเพศ” เธอพูดขึ้นจงใจจะให้ผมได้ยิน ผมหยุดวิ่งและหันไปมองหน้าที่โปะด้วยรองพื้นหนาสามสิบเมตรนั้น ใบหนาที่เหมือนแม่มดใจร้ายในนิทานผุดขึ้นมาในหัวผมอย่างไม่นึกสงสัย ก่อนจะตอกคำพูดแรงๆ ใส่เพื่อย้ำถึงสันดานดิบของเธอ
“วิปริตก็ยังดีกว่าคนที่ดัดจริตยกตัวเองให้เหนือคนอื่นทั้งๆ ที่รากเหง้าก็ไม่ได้ต่างกันหรอกนะครับ ผมล่ะสงสัยคุณลุงจริงๆ ว่าไป ‘ขุด’ เอาคนแบบคุณมาเป็นภรรยาได้ยังไง สงสัยตอน ‘ซื้อ’ ไม่ได้คิดล่ะสิครับ...”
ส่งท้ายด้วยรอยยิ้มแบบพระเอกการ์ตูนตาหวาน (:
ที่มีเอฟเฟ็กต์เป็นเสียงกรี๊ดประกอบ...
ผมวิ่งขึ้นมาจนถึงหน้าห้องเพ้นท์และผลักประตูเข้าไปโดยไม่ได้ขอคนข้างใน ก่อนจะปิดและล็อคเพื่อความสบายใจ ข้างในห้องเงียบมาก เงียบจนผมได้ยินเสียงคนร้องไห้ ผมเดินตามเสียงไปจนได้เจอกับเจ้าของเสียงนั่น
“เพ้นท์...” พูดไม่ออก ครับ นี่คืออาการของคนที่เจอสภาพคนที่ตัวเองรักตอนนี้กำลังนั่งซุกตัวร้องไห้อยู่ข้างเตียง ตามลำตัวมีรอยแผลที่ไม่รู้ว่ามาจากการชกต่อยหรือว่าจากเมียพ่อบังเกิดเกล้ากันแน่ ที่แขนทั้งสองข้างเห็นชัดๆ ว่าเป็นรอยหยิกและรอยเล็บข่วน จิกทั้งหลาย ผมกำมือแน่นและกระชากร่างบางให้เข้ามาซุกในอ้อมกอดของตัวเอง
“ฮือๆๆๆๆๆ ป้าย เพ้นท์กลัวพ่อ กลัวยัยนั่นฟ้องพ่อ ฮือๆๆ ฮึก ไม่เอาแล้ว ฮือๆๆๆ” เพ้นท์ปล่อยโฮใส่ผม เขากอดผมแน่นเหมือนหาที่พึ่งสุดท้าย ผมลูบหัวเบาๆ และพูดปลอบเหมือนที่เคยทำ ทำไมจะไม่รู้ครับว่านี่เป็นฝีมือใคร ก็ยัยแม่เลี้ยงซาตานนั่นแหละครับ ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกลับมาบ้านวันนี้ เพราะปกติเธอจะไม่อยู่ที่นี้ สงสัยกลับมาเห็นเพ้นท์ในสภาพที่เพิ่งซ้อมรบเสร็จและขู่ว่าจะไปฟ้องคุณลุง
ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ ผมก็ไม่รู้ว่าทั้งๆ ที่คุณลุงเห็นอยู่ว่าภรรยาใหม่ทำร้ายลูกตัวเองแบบนี้แล้วทำไมถึงไม่ห้าม ไม่ว่า หรือไม่เลิกกันไปเลย
ผมลูบหลังเพ้นท์แล้วพร่ำบอกว่าไม่เป็นไรซ้ำๆ ให้เขารู้ว่าผมยังอยู่ แล้วรั้งให้เงยหน้าขึ้นมองผม ตากลมโตของมันแทบจะบวมติดกันจนผมไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากการชกต่อยหรือว่าร้องไห้หนักกันแน่ ผมถอนหายใจอีกครั้งแล้วช้อนตัวเพื่อที่จะพากลับบ้านของตัวเอง ผมไม่ยอมให้เพ้นท์อยู่ที่นี่หรอก ใครจะดูแลกัน แม่บ้านที่อยู่ที่นี่ก็แทบจะผันตัวเองเป็นสาวใช้ของแม่เลี้ยงคนนั้นไปแล้ว บ้านหลังนี้เพ้นท์เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ฉะนั้น กลับบ้านผมแล้วให้แม่ผมช่วยทำแผลดีกว่า ผมจะได้ดูแลด้วย
ไม่ให้คลาดสายตา ไม่ให้พลาด... เหมือนครั้งนี้อีก
“กลับบ้านกันนะ”
บ้าน... ที่เป็นบ้านจริงๆ
-----------------------------
ทำไมดราม่าค่ะ ? 55555555555
โอย แต่งดราม่าไม่ขึ้น ทำไงๆ T^T
พาร์กนี้ป้ายน้อยของเรายังไม่ค่อยเกรียนนะครับ และก็ยังเป็นตอนหน่วงๆ หัวใจอีก
เร็วๆ นี้แหละค่ะ หอมจะทำให้ทุกคนหน่วงมากกว่าเดิม (?)
หรือว่าอาจจะยิ้มหน้าบานก็ได้ (:
เตรียมตัวเตรียมใจกันนะคะทุกคน
ปล. ขอโทษที่อัพช้านะคะ T^T ต่อไปจะพัฒนาแล้วค้า
- Mdr .
ความคิดเห็น