คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - ซุปเปอร์แมน {๑} มันมาพร้อมความหิวโหย
โรงอาหารในเวลาเที่ยงสิบของโรงเรียนตัวย่อส.ก บัดนี้เต็มไปด้วยนักเรียนกางเกงสีดำขาสั้นพร้อมเสื้อนักเรียนหลุดหลุ่ยเดินขวักไขว่เป็นว่าเล่น แน่นอนครับว่าทำไมที่โรงเรียนตัวย่อส.ค.จึงมีแต่คนใส่กางเกง ก็เพราะว่าที่นี้คือโรงเรียนชายล้วน !! สวรรค์ของชาวสีม่วงและพวกเก้งกวางตัวน้อยๆ ที่ต่างก็แห่กันมาเรียน -_- เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ถ้าหากท่านผู้อ่านจะเข้ามาในตัวโรงเรียนและมองซ้ายมองขวาก็จะเจอผู้ชายสองคนไซร้คอกันเป็นว่าเล่น หรือไม่ก็จับมือถือแขน มองตากันหวานฉ่ำจนขนหน้าแข้งลุก ท้ายที่สุดแล้ว โรงเรียนชายล้วนของเราก็มีคติประจำใจอยู่ข้อหนึ่ง ซึ่งจะปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่านักเรียนรุ่นต่อรุ่นจะไม่ทำมัน นั่นก็คือ...
‘มีแฟนเป็นผู้หญิงเสียสถาบัน ผู้ชายได้กันคือสวรรค์ของกู!!!!!’
ครับ -_- แต่ก็ใช่ว่านักเรียนทั้งโรงเรียนจะเป็นกระเทยไปซะหมด บางพวกบางกลุ่มก็เป็นนักเลงหัวไม้ ไม่ก็รังเกียจพวกผิดเพศ ไปจนถึงพวกเฉยๆ กับทุกอย่าง และผมก็เป็นหนึ่งในพวกคนที่เฉยๆ
ผมชื่อป้าย หรือนายเฌนธณัตช์ เพียงรัมพัฒน์ ทุกคนพอเห็นชื่อจริงของผมก็ถึงกับกุมขมับกับความยาวและอ่านยากของมัน เป็นคำถามโลกแตกอีกข้อที่ทุกคนจะต้องถามว่าผมไปได้ชื่อนี้มาได้ยังไง
อันนี้ต้องถามเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของผมเองครับ ว่าอุตริตั้งชื่อแบบนี้ได้ยังไง -_-
แปลกมากระทั้งชื่อเล่นของผม มันมาจากสถานที่ที่พ่อเจอแม่ผมครั้งแรก นั้นก็คือป้ายรถเมล์ ชื่อจริงๆ ของผมไม่ใช่แค่ป้าย เพราะมันต้องต่อคำว่าหน้าลงไปด้วย แต่เอาเถอะครับ แค่นี้ชื่อผมก็แปลกมากพอแล้ว ไม่ได้ต้องการเป็นที่จดจำเล้ย
ผมเป็นเด็กมอหกธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ต้องอ่านหนังสือเตรียมเข้ามหาลัยอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้สายตาของผมสั้นลงไปจนมองอะไรไม่ได้หากไม่ได้ใส่แว่นตา แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา แว่นสายตาไม่ได้ทำให้ความหล่อของผมลดระดับลงไปเลย
ทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้อาจจะสงสัย ทำไมคนแต่งถึงไล่ผมออกมาประจานตัวเองป่าวๆ แบบนี้ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อันนี้ต้องไปถามกันเอาเอง -_-
บัดนี้ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวอาหารจานด่วนแสนจะสิ้นคิดที่เด็กไทยทุกคนต้องเคยกินได้เสด็จมาอยู่ที่หน้าผมแล้ว พร้อมกับสหายคนสนิทอีกสองตัว พวกมันถือข้าวตัวเองและนั่งลงโต๊ะเดียวกันกับผม
“ไอ้ป้าย มึงอ่านเคมีครูสมรยังวะ ?” ไอ้บัสถามขึ้นหลังจากที่ผมรับจานตัวเองมา เป็นหน้าที่ของไอ้บัสมันครับที่ต้องไปซื้อข้าวมาให้ผม เนื่องจากมันทำสมุดคณิตของผมหายเพราะเอาไปลอก เลยต้องไถ่โทษคืนเป็นเวลาสามเดือนแบบนี้แหละครับ
“ยังวะ มึงล่ะไอ้เอ๋อ” ผมส่ายหน้าและถามคนที่นั่งตรงข้าม อันที่จริงมันชื่อว่าไอ้เพียง แต่ว่าห้องผมมีคนชื่อเพียงสองคน เป็นหัวหน้าห้องผิวดำเลยเรียกมันว่าเพียงเข้ม กับไอ้เพียงเพื่อนผมโดนเรียกว่าเพียงเอ๋อเพราะมันใส่แว่น
“อ่านได้เท่าแมวดม -_-” มันตอบ ดูสีหน้าเหมือนจะปลงๆ กับเคมีเรื่องนี้ไป เพราะต่างคนต่างก็ไม่เข้าใจ หนำซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยากและหฤโหดสุดตีนด้วย
พวกผมสามคนก็นั่งเสวนากันไปเรื่อยถึงเรื่องที่เรียนต่อ ผมอยากเป็นหมอ ส่วนไอ้บัสมันจะเข้าบริหารอินเตอร์เพราะพ่อขอมา ไอ้เอ๋อมันดูๆ ก่อนว่าแอดติดไหนก็เรียนไป ดีไม่ดีมันก็ว่าจะไม่เรียนต่อ เพราะว่ามหาลัยไม่ตอบโจทย์ชีวิตของมัน -__- ดูมันพูด
สักพักเสียงเซ็งแซ่ก็ดังขึ้นผิดปกติ พวกผมหยุดบทสนทนาและหันไปมองตามเสียง เจอร่างของคนที่คุ้นตาคุ้นมือและคุ้นปาก (?) กำลังเดินมาทางโต๊ะพวกผม ตามตัวของเขามีคราบดินและเลือดเต็มไปหมด ไอ้บัสที่นั่งข้างๆ เหมือนจะรู้หน้าที่รีบเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งทางไอ้เพียงแทน ร่างนั้นเดินมาแล้วจมปุกลงข้างตัวผม ผมหันไปมองแล้วต้องขมวดคิ้ว ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาอีก ?
“...หิว” คนข้างตัวผมพูด ผมจับคางของมันแล้วเชิดหน้าขึ้น ริมฝีปากตอนนี้ช้ำที่มุมเป็นสีม่วง ที่แก้มมีเลือดติด และขอบตาเรียวดูช้ำๆ เหมือนโดนตี ผมถอนหายใจและลุกเพื่อช้อนตัวมันขึ้น ตอนนี้ที่โรงอาหารเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ ทุกอิริยาบถของผมถูกจับจ้อง แต่ผมหาได้แคร์ไม่ -_- มันเลยจุดๆ นั้นมาตั้งแต่ผมเดินร่วมทางกับหมอนี่แล้วครับ
“ไอ้บัสกูฝากเก็บจานและก็บอกครูสมรด้วยว่ากูไม่สบาย”
“แล้วมึงจะเข้าเรียนอีกป่ะวะ ?”
“ดูก่อนว่ะ ไม่รู้เพ้นท์มันจะปล่อยกูกลับมาเรียนเปล่า”
ผมเดินมาตามทางเดินไปห้องพยาบาลของโรงเรียน ระหว่างทางมีสายตาของรุ่นเพื่อนรุ่นน้องมองระแนว คนในอ้อมกอดผมก็ซุกหน้ากับไหล่และบ่นตลอดทางว่าหิว -_- ถ้าไม่เจ็บแบบนี้ผมก็จะพาไปแดกอะไรอยู่หรอกครับ
มาถึงห้องพยาบาลแล้วเหมือนที่คาด ไม่มีใครอยู่แม้กระทั้งอาจารย์ประจำห้อง ผมวางมันลงกับเตียงและเดินไปปิดประตู ไม่พอต้องล็อคด้วย -_- พอจัดการทุกอย่างเสร็จผมก็เดินไปเปิดตู้หาของทำแผลให้กับไอ้ตัวปัญหาที่ตอนนี้ลุกมองการกระทำของผมอยู่บนเตียงนั้นแหละ
พอผมได้ทุกอย่างที่ต้องการก็มานั่งข้างๆ คนเจ็บที่เหมือนไม่เจ็บ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร มันก็กระโจนเข้ามาหาก่อนจะประกบปากเรียวช้ำกับผม เหมือนแม่เหล็กต่างขั้วเมื่อจูนกันแล้วก็แยกไม่ได้ ผมจูบตอบแทบจะทันที และดันมันลงกับเตียงพยาบาล ผมถอนริมฝีปากออกเบาๆ ก่อนจะลากลงไปถึงคอขาวๆ และกดเม้มให้เป็นรอยอย่างเคยชิน มือเรียวของคนข้างใต้เตะที่ข้างแก้มผมเชยขึ้นให้เงยหน้ามองมัน
“หิว”
-___________________________________________________
“เออ . พี่ก็หิว” แต่กูหิวคนละแบบกับมึง
“ป้าย กูหิวจริงๆ นะ เลิกกินกูแล้วพอทำแผลเสร็จพาไปกินข้าวด้วย” มันดิ้นขลุกขลักๆ และดันตัวผมออก อ้าวไอ้สัดนี่ ! มาจูบกูเอง ทำให้กูอารมณ์ขึ้นเองและจะหยุดง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ T0T ผมลุกขึ้นออกจากตัวมันและมองหน้า มันทำหน้ากวนตีนๆ ใส่ผมและเขยิบมาให้ทำแผลได้ง่ายๆ
นี่แหละครับแฟนผม -__________________________________-
ไม่เชื่อหรอครับ ? ‘น้องเพ้นท์’ ตัวจริงเสียงจริง แฟนสุดที่รักของนายป้ายคนนี้เลยครับ มีดีกรีเป็นหัวหน้านักเลงของโรงเรียนที่มีลูกสมุนอยู่ทั่วทุกมุมโลก -_- เพิ่งอยู่มอห้าแต่หน้าตาเหมือนเด็กมอต้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งๆ ที่มันออกจะมีเรื่องบ่อย ออกแดดไปสู้รบปรบตีนก็มาก ทำไมมันยังหน้าเด็ก ขาวน่าฟัดแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกัน บอกไปใครจะเชื่อครับ ว่าไอ้เพ้นท์คนนี้อายุย่างเข้าสิบแปดแล้ว แต่ที่ยังอยู่มอห้าก็เพราะว่ามันไปแลกเปลี่ยนที่สหรัฐมา เลยได้ซ้ำชั้นไปปีหนึ่ง เพราะความที่มันมีเส้นสายอยู่ด้วยมั้งครับ พอเวลาที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หรือไม่ก็ไม่ตีเด็กโรงเรียนไหนก็ไม่ขึ้นทันต์บนทุกที และยังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงปัจจุบัน -_-
แล้วเด็กเรียนดีอย่างผมกับนักเลงหัวไม้แบบเพ้นท์มาโคจรได้กันได้ยังไง -_- เรื่องมันก็ไม่ได้ยุ่งยากครับ ผมสุ่มเบอร์จากห้องทะเบียนเพราะช่วงนั้นสะดิ้งอยากมีแฟน เลยไปโทรติดไอ้เพ้นท์ที่เดินทางกลับมาจากเมกาพอดี ผมเลยคุยกับมันมาเรื่อยๆ อยู่ในโทรศัพท์นะครับ แม่งเสียงโคตรน่ารัก คำพูดคำจาไม่รุนแรง ที่สำคัญขี้อ้อนสัดหมามาก !! ตอนนั้นผมอินเลิฟโคตรครับ หลงรักไอ้เพ้นท์แบบลืมหูลืมตาไม่ขึ้นเลยทีเดียว แต่พอนัดเจอหน้ากัน ทำเอาผมแทบลมจับ !!! มันคือเฮียพิชญ์ที่ว่ากันว่าโหดจนขนาดรุ่นพี่ยังกลัว !
เพ้นท์ = พิชญ์
ชีวิต = วอดวาย -____________________________-
แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่เพ้นท์มันชอบมีเรื่อง และไม่ค่อยเข้าเรียน แต่ทุกอย่างระหว่างผมกับมันก็ปกติดี ผมขอมันคบแบบเกรียนๆ มันก็คบกับผมแบบเกรียนๆ -_- เมื่อเวลาที่มันโดนซ้อมหรือว่าไปซ้อมคนอื่นแล้วได้แผลมา มันจะไปตามผมที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโรงเรียนให้มาทำแผลให้ คนอื่นไม่มีสิทธิทำครับ หน้าที่นี้เป็นของผมคนเดียว โคตรน่าภูมิใจเลย
เพ้นท์เป็นคนหน้าตาน่ารักครับ มันเตี้ยกว่าผมไม่กี่เซนต์ซึ่งถือว่าสูงนะ แต่ตัวมันจะเล็กๆ บางๆ เหมือนลูกคุณหนู ผมยาวระคอ ปากสีกุหลาบและดวงตาเรียวสวย ที่สำคัญ มันโคตรขาวครับ !!! ขาวแบบโคตรๆ เหมือนมันแดกผงซักฟอกเป็นอาหารหลัก ทำให้องค์ประกอบทุกอย่างลงตัวคล้ายๆ กับสมการเคมี เห็นเถื่อนๆ อย่างมันก็มีคนหมายปองเยอะครับ -__________- แต่เพราะกิตติศักดิ์ความน่ากลัวของมันกระจายกว้างจนไม่มีใครโง่มาจีบแบบผม (กูขอโทษที่กูโง่เอง -/\-)
“วันนี้ไปตีใครมา” ผมถามขึ้นทำลายความเงียบ และกดสำลีลงที่มุมปากของมันเบาๆ มันนิ่วหน้าเพราะความเย็นจากแอลกอฮอล์ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรผม
“เพ้นท์ พี่ถามว่าไปมีเรื่องกับใคร -_-”
“แคร์ด้วยไง ? ทำแผลไปเหอะน่า” น้องมันตอบมาหน้าเฉยๆ และเขยิบมาใกล้ขึ้นอีก จนแทบจะปีนขึ้นมานิ่งบนตักผมอยู่แล้ว
อย่างที่เล่าไปแหละครับ ผมคุยกับมันทางโทรศัพท์มาโดยตลอด และไม่รู้จักหน้าจริงๆ ของมัน เลยทำให้สรรพนามของผมเป็นพี่และเรียกมันว่าเพ้นท์มาตลอด จนขนาดคบกันแล้ว รู้ว่าแล้วอายุเท่ากันผมก็ไม่เลิกเรียก เหมือนจะเป็นชื่อเฉพาะที่ผมเรียกได้คนเดียวเท่านั้นด้วย เพราะคนส่วนมากเขาจะเรียนว่าพิชญ์ที่เป็นชื่อจริงมันซะมากกว่า
แต่ไม่ใช่กับน้องเพ้นท์ครับ -_- เพ้นท์มันกลับแทนว่ากูมึงมาตลอด มันบอกว่าดูสนิทกันดี ตั้งแต่วันที่เจอหน้ากัน น้องเพ้นท์คนน่ารักของผมก็ตายหายไป เหลือแต่ไอ้เพ้นท์ที่หน้าตาเหมือนกันไว้ให้แทน _-_
“อ่ะ เสร็จแล้ว” ผมติดพาสเตอร์ลงที่แก้มของเพ้นท์เป็นอันเสร็จ มันหอมแก้มผมเหมือนทุกครั้ง -/- และลุกเอาของไปเก็บเอง ผมมองตามแผ่นหลังบางไป
“พี่ไม่ชอบให้เพ้นท์มีเรื่องเลยว่ะ เจ็บตัวไม่พอการเรียนยังเสียอีก...”
ตึง !!!!!
“เสียการเรียนกูหรือตัวเองล่ะ ?” เพ้นท์ปิดตู้ยาแรงๆ และถามคำถามที่ตอบยากสำหรับผม ยอมรับครับว่าพอมันมีเรื่องผมก็ต้องมาดูแลมัน และเรียนไม่รู้เรื่อง แต่ผมก็เป็นห่วงมันมาก ไม่ว่าวันคาบนั้นจะสำคัญขนาดไหนผมก็มาดูแลมันจนได้
“พี่ห่วงเพ้นท์นะ” ผมพูดก่อนอะไรจะแย่มากกว่านี้ เพ้นท์เดินสองขุมเข้ามาหาผมและขึ้นนั่งคร่อมผมไว้ในท่าหวาดเสียว -_- ทำไมถึงเป็นคนที่ชอบยั่วคนอื่นซะจริงๆ
“กูกลัวจะไม่ได้เป็นคนสำคัญ กูกลัวว่ามึงจะเมินกู กูเลยหาเรื่องให้มึงมาหา ...ไม่ได้ใช่มั้ย ?” มันเอนตัวลงมาซบกับอกผมและกระซิบเสียงอ้อน ไอ้ห่าลาก !!!!! ยั่วกูขนาดนี้กูจะรอดมั้ยครับ T_____T
“ปะ ปกติพี่กับเพ้นท์ก็อยู่ด้วยกันนี่”
“มันไม่เหมือนกันซะหน่อย...” ก่อนที่จะพูดจบประโยคดี ผมก็กดริมฝีปากกับมันแล้ว ไอ้เด็กนี้แม่งอ่อยผมซะขนาดนี้คงปล่อยไม่ได้แล้วล่ะครับ แขนเรียวโอบรอบคอไว้ ผมค่อยๆ เปลี่ยนท่าให้เราสองคนนอนลงกับเตียงพยาบาลอีกครั้ง ผมจับขามันชันขึ้นข้างหนึ่งจะได้ถนัดๆ และมือก็ทำหน้าทีปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออก เพ้นท์ถอนปากออกเพื่อโกยเอาอากาศให้มากที่สุดและไม่พอยังเอียงคอให้ผมลงไปรุกล้ำด้วย
ผิวของมันนุ่มและหอมเหมือนผิวเด็ก ผมบอกแล้วว่าไม่เหมือนกันกับตัวจริงที่ชอบหาเรื่องและมีบาดแผลเต็มตัวไปหมด ผมก้มลงไปสูดเอาความหอมจนชุ่มปอด มือที่ปลดกระดุมเสร็จก็เลื่อนลงไปที่ขอบกางเกงนักเรียนสีดำ ก่อนที่มือเรียวจะจับมือผมไว้
“ป้าย เดี๋ยวก่อนกูหิวข้าว...”
อะไร๊ของมึงอีกกกกกกกกกกกกกกกกกกก T_____________________________T
ผมทำไม่สนใจเสียงหวานนั้นได้แต่เงยหน้าไปประกบปากหยุดบ่นให้ผมหมดอารมณ์อีกครั้ง มือที่โอบคอผมไว้ตอนนี้ผลักผมออก เป็นสัญญาณว่าผมคงยังไม่ได้แดกมันแน่ๆ -_-
“ฮึ่ย !!!!! พี่งอนโคตรว่ะเพ้นท์ !!!!!!!” ผมผละตัวออกและลุกขึ้นนั่งกอดอกไม่สนใจมัน เพ้นท์ได้แต่หัวเราะและติดกระดุมเสื้อตัวเองไปพลางๆ ผมเลยเดินไปเปิดตู้เย็นห้องพยาบาลหาน้ำเย็นมาดับร้อนก่อนที่จะทนไม่ไหวจับมันปล้ำจริงๆ ให้ตายสิ -_-
เล่นมาทำให้อยากสองรอบ กูไม่ได้แดกสักรอบ !!!!!
“เอาน่า เดี๋ยวพากูไปกินข้าวเสร็จแล้วค่อยว่ากันก็ได้ไง” เพ้นท์เดินเข้ามาหาและยกยิ้มกวนตีนใส่ผม
“เหอะ ! คงจะมีครั้งหน้าวะ เล่นเสียอารมณ์ขนาดนี้” ผมหน้ามุ่ยใส่ มันเห็นก็หัวเราะไม่เกรงใจและลากผมให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน มีลางให้เห็นแล้วครับ ว่าผมจะต้องโดดไปอยู่กับเพ้นท์ทั้งวัน
เฮ้อ... แล้วเกรดกูจะรอดมั้ยวะ ?
-----------------------------
เห้ย . ทำไมไอ้ป้ายถึงไม่เป็นในแบบที่ว่างไว้ล่ะคะ ?
ทำไมป้ายถึงหื่นจับแบบนี้ T_T (สตั้นไปสองวิ)
แต่ว่าน้องเพ้นท์ยังอยู่ในรูปแบบที่วางไว้อยู่นะ โชคดีไป 555555555
ตอนแรกเป็นพาร์ทของป้ายเนอะ ออกแนวแนะนำตัวมากกว่า
ตอนที่สองจะเป็นของน้องเพ้นท์
ดูสิว่าน้องคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้ยั่วป้ายของเราซะขนาดนี้ 5555555555
ภาษาของหอมอาจจะไม่โอเค ไม่สวย แต่ว่าแต่งมาจากใจเลยนะ (:
ช่วยๆ กันเป็นหูเป็นตาเน้อออ
- Mdr .
ความคิดเห็น