[SNSD] เมื่อสองเราได้พบกัน (Yoonseo)
เมื่อสองเราได้พบกันจาก ในวันนั้น ชีวิตฉันได้แปรเปลี่ยน เป็นชีวิตที่สดใส จากนี้ฉัน ขอสัญญา จะมอบใจไว้ รักเพียงแต่เธอ
ผู้เข้าชมรวม
940
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
"สิ่งที่มีค่ามากที่สุด มักจะมาหาเรายากเสมอ เพราะแบบนี้ไง มันถึงมีค่ามากที่สุด"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
(ลองคลิกฟังไปด้วยระหว่างอ่านฟิคนะจ๊ะ เพิ่มความจิ้น สนับสนุนโดยไรเตอร์เอง ^^)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ฉันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าคนๆนี้เข้ามาอยู่ในความคิดตั้งแต่เมื่อไร คงจะเป็นตอนนั้น ที่เราเจอกันครั้งแรก ตอนที่เราไม่แม้แต่จะคิด ว่าเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จนถึงทุกวันนี้
“คิดอะไรอยู่เหรอ จูฮยอน?” เขาเดินมาโอบฉันจากทางด้านหลัง เขาจะทำแบบนี้เสมอเวลาที่เราอยู่ด้วยกันสองคน โอบกอดฉันเพื่อให้ไออุ่นแก่ฉัน เมื่อก่อนเขาเป็นแบบไหน จนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังคงเหมือนเดิม ยุนอาของฉัน
“เปล่านี่คะ ยุนนั่นแหล่ะ มาตั้งแต่เมื่อไร?”
“มานานแล้วนานจนเห็นคนบางคนเหม่อคิดอะไรนั่นแหล่ะ” เขาคลายอ้อมกอดแล้วเดินหันมาเผชิญหน้ากันกับฉัน ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแฟนกันมานานแล้ว แต่มันก็ยังคงไม่ชินอยู่ดี กับการจ้องดวงตาคู่นั้นของเขา ดวงตาที่เขาใช้มองฉันแค่คนเดียว
“นี่ จูฮยอน ยุนมีเรื่องอะไรจะบอกล่ะ?”
“เรื่องอะไรคะ?” ยุนอายื่นกระดาษสีขาวมาให้กับฉัน อีกแล้วสินะ เกมส์หาสมบัติที่ทั้งเขาและฉันโปรดปราน เมื่อใดก็ตามที่ทั้งเขาและฉันต้องการจะบอกอะไรหรือให้อะไรกัน เรามักจะใช้เกมส์นี้ เพื่อให้เรารับรู้ว่าสิ่งที่จะได้นั้น มันควรค่ากับการ ตามหาแค่ไหน
“รีบหาให้เจอนะ ยุนอยากเห็นหน้าจูฮยอนตอนเห็นจะแย่” เขาพูดขำๆก่อนจะเดินหนีฉันออกมาจากห้องเพื่อให้ฉันได้หาสมบัติ ทำให้ฉันนึกถึงวันเก่าๆวันที่ฉันและเขา เราเจอกันครั้งแรก เมื่อ 5 ปีก่อน
.
.
.
.
.
“เอ่อ ขอโทษนะคะ? ห้องซ้อมดนตรีไปทางไหนคะ” ฉันในตอนนั้นก็ไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไร เป็นแค่คนธรรมดาที่บังเอิญได้ทุนเข้ามาเรียนในมหาลัยระดับประเทศ แล้วฉันก็ได้เจอกับเขา ที่ทางเดินนั้น เป็นครั้งแรก เขาเป็นคนดูดี ทั้งหน้าตา ท่าทาง และการวางตัว รวมๆแล้ว ยุนอาดูดีมากๆ ถ้าฉันจำไม่ผิดตอนนั้นเขายืนอยู่ตรงทางเดินที่จะขึ้นตึก สีหน้าที่เรียบเฉย ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆของเขา ทำให้เขาดูมีเสน่ห์ขึ้นมากทีเดียว
“อย่ามายุ่งกับฉัน” นั่นคือคำพูดเดียวของเขาที่ฉันได้ยิน ฉันที่ได้ฟังก็โมโหเขา เพราะฉันถามเขาดีๆแต่โดนกระทำกลับมาแบบนี้ฉันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
“นี่คุณ พูดดีๆกับคนอื่นเป็นไหมคะ?”
“อย่ามายุ่งกับฉัน ออกไป!!!” เขาพูดทั้งน้ำตา ในตอนนั้นฉันได้แต่อึ้ง เพราะไม่คิดว่าเขาจะร้องไห้ออกมา ไม่นานยุนอาก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มือทั้งสองยกขึ้นปิดหน้า ปิดดวงตาที่กำลังร้องไห้
“ฉันอยากอยู่คนเดียว เธอออกไปให้พ้น!!” ยุนอาเริ่มฟูมฟายและร้องไห้อย่างหนัก ฉันที่เห็นว่าขืนปล่อยเขาไว้ตรงนี้ก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย จึงยื่นมือของฉันไปยังเขาที่นั่งอยู่
“ถ้าคุณต้องการเพื่อน ฉันจะเป็นให้ แต่แค่วันนี้วันเดียว”
“ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น” เขาเงยหน้าขึ้นมองฉัน ฉันยังจำสายตาของเขาได้ดี สายตาที่มองมายังฉันอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไร ฉันมองเขากลับเหมือนกัน แต่ฉันเลือกที่จะยิ้มให้เขา ฉันไม่รู้หรอกว่าคนๆนี้เจออะไรมาบ้าง แต่ฉันจะยิ้มให้เขา
“มาเถอะ ไปหาอะไรเย็นๆทานกัน” ฉันยังคงยื่นมืออยู่อย่างนั้น วินาทีแรกฉันคิดแล้วว่ายังไงๆยุนอาก็คงไม่ยอมจับมือฉันแน่ๆ แต่หลังจากนั้น เขาก็ยื่นมือขึ้นมา นาทีที่มือของเราสัมผัสกัน ฉันกลับรู้สึกมากมาย ฉันไม่รู้ว่ายุนอารู้สึกอย่างไร เพียงแต่ตัวฉันเองนั้นรู้สึกคุ้นเคยและมีความหวังดีลึกๆที่จะให้เขา
.
.
.
.
“หาเจอหรือยังเนี่ย?” ฉันในตอนนี้กำลังเดินไปยังโซฟาตัวที่เราใช้นั่งดูทีวีด้วยกันเป็นประจำ ก็เจอเข้ากับกระดาษอีกใบที่ซ่อนไว้ พอดีกับที่เขาเดินออกมาจากห้องครัว พร้อมกับแอปเปิ๊ลในมือที่มีรอยกัดไปแล้ว
“ยังเลยค่ะ ยุนน่ะชอบซ่อนไว้ลึก อย่างนี้จะหาเจอได้ยังไงล่ะคะ”
“ยิ่งหายากเท่าไร มันก็ยิ่งมีค่าไม่ใช่เหรอจูฮยอน” ฉันยิ้มสบตากับเขา ใช่แล้วล่ะคำพูดของเขาถูกต้องแล้ว ของยิ่งหายากมากเท่าไร เมื่อเราเจอมันแล้วมันจะยิ่งมีค่า เหมือนกับฉันและเขา ที่เราใช้เวลานานผ่านเรื่องราวมากมายจนมาเจอกัน
.
.
.
.
“นี่จูฮยอน วันนี้เธอมีเรียนอะไรหรือเปล่า?” หลังจากวันนั้น ฉันและยุนอาก็คบกันเป็นเพื่อนและรู้จักกันมาเรื่อยๆจนถึงขั้นสนิทกัน ฉันไม่รู้หรอกว่า เราสนิทกันมากขนาดนี้ได้ยังไง แต่สำหรับฉัน ความรู้สึกที่มีเขาเคียงข้าง มันคือสิ่งที่ฉันมีความสุขที่สุด
“ไม่มีแล้วล่ะ ว่าแต่ยุนเถอะมีเรียนอะไรอีกหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มีเหมือนกัน ถ้างั้นเราไปนั่งเล่นที่สวนของมหาลัยกันไหม?”
“ได้สิ” เขายิ้มด้วยความดีใจหลังจากที่ฉันตอบตกลง หลังๆมายุนอาชอบทำตัวแปลกๆ เขาชอบจ้องหน้าฉันนานๆ แถมยิ้มอะไรออกมาคนเดียว ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบนะที่เขาทำแบบนั้นแต่ฉันเขินมากกว่าที่ต้องโดนมองตลอดแบบนี้
หลังจากที่เราหาที่นั่งได้แล้ว ฉันและยุนอาก็วางสัมภาระลงข้างๆตัว ก่อนจะนั่งลงริมแม่น้ำ ใบหน้ายุนอาดูผ่อนคลายและสบายใจมาก จนฉันเห็นแล้วนึกหัวเราะออกมา เพราะยุนอาดูจะมีความสุขมากเกินไปหรือเปล่า
“นี่ยุน มีเรื่องอะไรเหรอคะ?ทำไมดูมีความสุขมากขนาดนั้น”
“อื้มมม จะว่าใช่ก็ได้นะ อ่ะนี่จูฮยอน ยุนให้” เขายื่นกระดาษสีขาวมาให้กับฉัน ฉันค่อยๆแกะมันออกเพื่ออ่านข้อความข้างใน
‘สมบัติล้ำค่า หาได้ทั่วไป แต่สมบัติของใจ อยู่ในสิ่งที่ใส่ ของๆฉัน’
ฉันอ่านข้อความแล้วก็พยายามถอดความหมาย สมบัติของใจ อยู่ในสิ่งที่ใส่ ของๆฉัน ถ้าฉันคือยุนอา เพราะฉะนั้นสิ่งที่ใส่ของๆยุนอาก็.....กระเป๋าสินะ!
ฉันรีบเปิดกระเป๋าของยุนอาแล้วก็เห็นกระดาษอีกใบ ฉันแกะมันอีกครั้ง แต่ในรอบนี้ฉันตื่นเต้นแปลกๆ มันจะเป็นข้อความแบบไหนกันนะ?
‘สิ่งที่มีค่าที่สุด ที่ทำให้ฉันมีชีวิต ทำให้ฉันหายใจและใช้รักใครสักคน’
ฉันอมยิ้มกับข้อความ สิ่งที่มีค่า ทำให้มีชีวิตและใช้รักใครสักคน......หัวใจสินะ
ฉันมองไปยังยุนอา ตอนนี้เขาจ้องมองมาที่ฉัน เขายิ้มอย่างอบอุ่น รอยยิ้มแบบนี้ที่ฉันชอบที่สุด ฉันเลื่อนสายตาลงมาที่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตของยุนอา ในนั้นมีกระดาษอีกใบ ฉันค่อยๆยื่นมือไปหยิบมันขึ้นมา กระดาษแผ่นนี้ไม่เหมือนกับแผ่นอื่นๆ มันไม่พับ ไม่มีรอยอะไรเลย มันเขียนว่า ‘ดูที่ปากของฉัน’
“ฉันรักเธอนะ จูฮยอน” ฉันมองไปที่เรียวปากได้รูปนั้น ที่ขยับเอ่ยคำรักออกมาให้ฉัน ฉันยิ้มมองไปที่เขา รอยยิ้มของเขาในวันนั้นไม่เปลี่ยนไปเลยจนมาถึงทุกวันนี้
.
.
.
ตอนนี้กระดาษสีขาวทั้งหมดนำทางให้ฉันออกมานอกระเบียงบ้าน ฉันมองหากระดาษอีกใบก็พบว่า มันถูกผูกติดไว้กับต้นไม้ ฉันก้มลงแกะมันออกมา กระดาษแผ่นนั้นเขียนว่า
‘การรอคอย ใกล้สิ้นสุดแล้ว สิ่งที่ฉันรอมาแสนนาน’
ฉันอ่านข้อความนี้อีกรอบ เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่เข้าใจความหมายของคำใบ้ที่ยุนอาเขียน การรอคอยอะไร อะไรคือสิ่งที่ยุนอารอคอยมาแสนนาน ฉันสงสัยได้ไม่นาน สายตาก็พลันไปเห็นอีกด้านของกระดาษ ยุนอาเขียนข้อความอีกข้อความนึงไว้
‘สิ่งที่มีค่าที่สุด ที่ทำให้ฉันมีชีวิต ทำให้ฉันหายใจและใช้รักใครสักคน’
ฉันยิ้มออกมา แต่ก็ยังคงมีความสงสัย มีวิธีเดียวที่จะแก้ความสงสัยนี้ได้ ไปถามตัวคนเขียนเอาเลยดีกว่าว่าหมายความว่าอย่างไร
“ยุนคะ? อยู่ไหนคะ?” ฉันเรียกเขาแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับเลย หรือว่าจะกลับไปแล้ว ไอ้เรื่องขี้แกล้งนี่เป็นนิสัยที่แก้ไม่ได้ของยุนอาจริงๆ นี่คงจะแกล้งให้หาสินะ ถ้าเจอตัวเมื่อไรล่ะก็น่าดู ว่าแล้วฉันก็กดโทรศัพท์เพื่อโทรหาคนขี้แกล้งที่คงหนีกลับบ้านไปแล้วจริงๆ
.
.
.
พรหมลิขิต ตลอดชีวิตฉันเชื่อว่ามี
ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบสักที
เหมือนดังความฝัน
รักแท้จริง คือคำที่รอมาเนิ่นนาน
ขอบคุณคนบนฟ้า
ที่ให้เธอมาเจอฉัน ให้ฉันมีเธอ
เมื่อสองเราได้พบกันจาก ในวันนั้น
ชีวิตฉันได้แปรเปลี่ยน เป็นชีวิตที่สดใส
จากนี้ฉัน ขอสัญญา จะมอบใจไว้ รักเพียงแต่เธอ
ความรักเธอที่ให้มาจะ นานสักเพียงไหน
อยู่เหนือกาลละเวลา ยังมั่นคงทุกอย่างเสมอ
จะรักเธอที่สุด จนถึงวันสิ้นสุด ลมหายใจ
.
.
.
เสียงเพลงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้น แต่นี่ไม่ใช่เสียงที่ยุนอาใช้ประจำ ฉันพยายามฟังเพื่อหาที่มาว่าอยู่ตรงไหน ฉันเดินตามเสียงเพลงนั้นไปเรื่อยๆ จนเห็นยุนอาที่ยืนอยู่หน้าบ้าน เขายังยิ้มในแบบของเขา ฉันมองก่อนจะอมยิ้มตาม ฉันเดินไปหาเขา บัดนี้เสียงเพลงหยุดลงแล้ว เขาค่อยๆคุกเข่าลง ใบหน้าของเขาเงยขึ้นเพื่อมองฉัน สองมือของเขากำลังขยับเพื่อเปิดสิ่งๆนั้น
“จูฮยอน แต่งงานกันนะ” ฉันรับรู้ได้ดีถึงความรู้สึกของยุนอา ทุกการกระทำ ทุกคำพูดที่รวมเป็นคนๆนี้ ที่ฉันรัก เขาค่อยๆยืนขึ้น สายตามของเขาที่จ้องเข้ามาในตาของฉัน สายตาที่ฉันชอบที่สุด
“ค่ะ” ฉันพูดได้แค่คำนี้เท่านั้น เพราะน้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เรื่อยๆ เขาหัวเราะก่อนจะดึงฉันมากอด เขาลูบหัวฉันเบาๆ ก่อนจะกระซิบข้างๆหูฉัน
“ขอบคุณนะจูฮยอน ที่เข้ามาในชีวิตของยุน คนที่ทำให้ยุนเข้าใจคำว่า สิ่งที่ได้มายากที่สุด เมื่อไรได้มันมาครอบครองแล้ว มันจะมีค่ามากที่สุด คือจูฮยอนนะ” ฉันพูดอะไรไม่ออกทำได้แค่พยักหน้าอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ยุนอยากให้จูฮยอนรู้ไว้นะ ว่าจูฮยอนคือสื่งที่มีค่าที่สุดของยุน ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งคนบนฟ้านั่น ที่ดลใจให้เรามาเจอกัน”
“เหมือนกันนะคะ” ฉันพยายามพูดออกมาเป็นคำพูด แต่ก็ฟังไม่ออกอยู่ดีเพราะฉันกำลังร้องไห้ ยุนอาเองก็กำลังหัวเราะฉันที่ร้องไห้จนพูดไม่รูเรื่อง
“ถ้างั้นแหวนวงนี้ยุนจองไว้ก่อนนะ แล้วจะให้ป๊ากับแม่มาเคลียร์” เขาสวมแหวนให้ฉันก่อนที่เราจะหัวเราะออกมาพร้อมกันกับคำพูดของเขา แหวนทองคำขาววงกะทัดรัด เป็นแหวนเรียบๆแต่ความหมายในตัวมันนั้น ฉันเข้าใจมันดีที่สุด
“ยุนคะ ขอบคุณนะคะ ที่ทำเพื่อกันขนาดนี้” เราสวมกอดกันอีกครั้ง กอดที่แสนอบอุ่นของยุนอา คนที่ฉันรักมากที่สุด
“ฉันรักคุณนะคะ”
ผลงานอื่นๆ ของ Thegib1010 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Thegib1010
ความคิดเห็น