ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ของขวัญจากท่านชาย

    ลำดับตอนที่ #3 : ชีวิตนี้ต้องไม่รู้จัก “พอ”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 32
      1
      3 ธ.ค. 54

                    เซเว่นหลอกผม !!!

    หลังจากมหาอุทกภัยผ่านพ้นไป มหาลัยผมได้มีมหกรรมทำความสะอาดครั้งใหญ่เกิดขึ้น แน่นอนในฐานะคนเบื่อการอยู่บ้านคนหนึ่งมีหรือจะไม่ไป หลังจากที่การทำความสะอาดได้ผ่านพ้นไป ผมได้นั่งรถเมล์โดยสารไปลงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ด้วยความเหนื่อยบวกกับการที่แดดร้อนปรี๊ด ผมได้แวะเข้าไปเพื่อซื้อเครื่องดื่มที่ซุ้มหมายเลขเจ็ดแถวนั้น

    “พี่ครับมีเป๊ปซี่ไหมครับ” ผมเปิดบทสนทนากับพนักงานผู้หญิงใส่ชุดสีเขียว

    เขาหันมายิ้มให้ผมแล้วบอกผมว่า “ไม่มีคะ รับโค้กแทนได้ไหมคะ”

    จังหวะนั้นผมไม่เรื่องมากครับ ผมยิ้มตอบเขาไปแล้วถามพนักงานท่าทางใจดีคนนั้น “เย็นไหมครับ”

    “เย็นคะ” นี่คือคำตอบที่ผมได้รับ

    ผมรับขวดโค้กพร้อมชำระเงิน จากนั้นผมค่อยๆเปิดฝา หยิบหลอดขึ้นมาแล้วดูดด้วยความชื่นใจ เมื่อน้ำอัดลมสีดำสัมผัสกับปากผมหยดแรกผมอยากจะเสียงร้องดังๆว่า “พระเจ้า โค้กมันไม่เย็น” นี่เป็นเพียงความทุกข์เล็กที่เกิดจากการผิดหวังในชีวิตผม แต่ผมต้องขอขอบคุณโคคา-โคล่าที่สอนให้ผมรู้ว่าเราไม่สามารถได้ทุกสิ่งที่เราต้องการ

     

    ไม่มีใครหรอกครับที่ไม่เคยผิดหวัง เมื่อเราผิดหวังสิ่งที่ตามมาก็คือความทุกข์ คุณควรยอมรับสัจจะธรรมที่ว่าไม่มีอะไรที่ได้ดังใจเราไปเสียทุกเรื่อง เมื่อเรานำความทุกข์ที่เกิดจากการผิดหวังครั้งนี้มาสังเคราะห์ดูแล้วจะพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากความจริงกับความอยากของเรามันเดินสวนทางกัน

     

    “ความอยาก” เป็นกิเลสที่มนุษย์อย่างเรายากที่จะหลีกเลี่ยง อยากได้ อยากเป็น อยากมีล้วนเป็นบ่อเกิดแห่งการเกิดทุกข์ทั้งสิ้น สิ่งที่จะทำให้เราทุกข์เนื่องจากความอยากได้น้องที่สุดมันคือคำว่า “พอ” พอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีแล้วชีวิตคุณจะมีความสุข

     

    ชีวิตนี้ต้องไม่รู้จัก “พอ” นี่เป็นหัวเรื่องที่ผมอยากจะบอกทุกคนในวันนี้ หลายท่านอาจจะคิดในใจว่า แล้วที่มึงบอกมาตอนแรกให้รู้จักพอ จะเอ่ยขึ้นมาเพื่ออะไร ในความคิดของผม ผมมองว่าคนเราทุกคนจะมีโลกอยู่สองใบซึ่งเป็นโลกคู่ขนานกันอยู่ โลกใบแรกผมขอเรียกมันว่าจิต ส่วนโลกอีกใบผมจะเรียกมันว่ากาย เรื่องที่พูดมาข้างต้นเป็นเพียงวิธีหนึ่งในโลกใบแรกอย่างมีความสุขเท่านั้น

     

    ผมอยากให้ท่านอ่านสองประโยคนี้ “ผมจะเป็นคนดี” กับ “ผมเป็นคนดี” ประโยคทั้งสองดูคล้ายกันมากแต่ความนัยนั้นแตกต่างกันมากเช่นกัน ผมอยากให้พวกเราคิดอย่างประโยคแรก “ผมจะเป็นคนดี” ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้ท่านไม่ดี ท่านอาจจะดีอยู่แล้วก็ได้ แต่ท่าน จะ ต้องดีขึ้นอีก ส่วนอีกประโยคหนึ่ง “ผมเป็นคนดี” ประโยคนี้มีความหมายที่หยุดนิ่งไม่มีการพัฒนาเหมือนประโยคแรก คิดว่าเราดีอยู่แล้วจึงไม่มีการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

     

    ดังนั้นเราอย่าเพิ่ง พอ ครับ เราต้องพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ ให้คิดเสมอว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ เมื่อคนเราหยุดพัฒนาตนเองแล้วคนนั้นก็จะเปรียบเสมือนคนที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง เพราะคนที่ตายไปแล้วจะไม่สามารถพัฒนาอะไรได้อีก

    ผมอยากจะบอกทุกท่านที่กำลังอ่านอย่างนี้ครับว่า“คนเราควรพอใจในสิ่งที่ตนเองมี แต่อย่าพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น” เพียงแค่นี้ชีวิตคุณก็จะเป็นสุขและประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นความคิดของผมเป็นผู้เดียว อาจจะคิดผิดบ้างถูกบ้างคงต้องใช้วิจารณญาณของทุกท่านเป็นผู้ตัดสิน

    ปล.ผมต้องขอขอบคุณแสงแดด พนักงานเซเว่น และบริษัทโคคา-โคล่าอีกครั้ง เพราะถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านี้บทความนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×