ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ของขวัญจากท่านชาย

    ลำดับตอนที่ #2 : THAILAND ONLY!!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 45
      2
      29 พ.ย. 54

                    “ถ้าคุณพูดแล้วไม่มีใครฟังคุณจะรู้สึกยังไง”

    วันก่อนครับ ผมได้นั่งรถกลับบ้านตามปกติเหมือนทุกวัน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณหกโมงเย็น ระหว่างทางผมได้เปิดวิทยุคลื่นความถี่ 87.75 ซึ่งขณะนั้นได้มีการถ่ายทอดการประชุมสภาอยู่ ระยะเวลาที่ผมเดินทางกลับบ้านนั้นใช้เวลาประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง สิ่งที่ผมได้ยินตลอดหนึ่งชั่วโมงนั้นก็คือ “ผมขอประท้วงท่านประธานครับ....” “ดิฉันขอใช้สิทธิพาดพิงคะ” สรุปวันนั้นผมกลับถึงบ้านผมยังไม่ได้ยินเนื้อหาสาระอะไรเลย ต่างคนต่างไม่ฟังกัน มัวแต่มาเถียงกันอยู่ว่าคุณพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ท่านประธานทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ให้คนนั้นคนนี้พูดไม่ได้นะ สรุปวันนั้นกว่าจะปิดการประชุมสภาก็เที่ยงคืนแล้วครับ อภิปรายแทบไม่ทันเลยทีเดียว

                    แล้วถ้าผมขอใช้สิทธิประท้วงบ้างละครับ ประท้วงทุกท่านที่เป็น ส.ส. จวบจนถึงประธานสภาที่เคารพรัก ผมก็เป็นเพียงแค่ประชาชนตาดำๆคนหนึ่งที่ไร้ความรู้ ความสามารถ แต่อยากบอกพวกท่านทั้งหลายครับว่าทำไมท่านไม่เลิกเถียงกันแล้วฟังคนอื่นเขาพูดละครับ เวลาหนึ่งชั่วโมงที่เสียไปกับการประท้วง(ถ้ารวมตั้งแต่เช้าคงเสียไปมากกว่านี้แน่) พวกท่านเอาเวลามาแบ่งกันพูดในเนื้อหาสาระไม่ดีกว่าหรอครับ ใครอยากพูดอะไร อยากบอกอะไรก็ให้เขาพูดกันไป ผมค่อนข้างมั่นใจครับว่าเวลาที่ท่านมานั่งประท้วงกันตลอดทั้งวันมันอาจจะเพียงพอให้ทุกคนได้พูด ผมเชื่อครับว่าประชาชนที่ฟังอยู่ทางบ้านมีวิจารณญาณในการรับฟัง มีสติปัญญาเพียงพอที่จะตัดสินใจได้ว่าจะฟังคำพูดของใคร นี่เป็นเพียงความคิดของจุดเล็กๆจุดหนึ่งในประเทศเท่านั้น ถ้าไปขัดกับความคิดใครผมก็ขออภัยโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

                    รู้สึกเราจะพูดถึงเรื่องการเมืองกันมากไปแล้ว ในชีวิตจริงมีคนหลายประเภทครับ และคนที่เราพบ รู้จัก หรืออาจจะเป็นตัวท่านเองที่ทำตัวเหมือนบรรดา ส.ส.ในสภาที่ผมกล่าวมาข้างต้น หรืออาจจะเป็นตัวผมเองก็ได้ที่ทำแบบนั้น หลายคนไม่ยอมฟังความคิดเห็นของผู้อื่น จมติดกับความคิดของตนเอง หรือมั่นใจในความคิดตัวเองมากเกินไป ผมจะเล่านิทานเซนเรื่องหนึ่งซึ่งผมได้อ่านมาจากหนังสือของนิ้วกลม

                    เรื่องมีอยู่ว่ามีอาจารย์เซนผู้หนึ่ง มีศิษย์มาขอเรียนวิชา อาจารย์จึงเทน้ำชาลงถ้วยเปล่า เมื่อเต็มแล้วยังไม่หยุดเท ศิษย์ทำหน้าฉงนแล้วได้ถามอาจารย์ว่า “ท่านอาจารย์ ชาล้นถ้วยแล้ว ท่านจะรินทำไมอีก” อาจารย์จึงบอกกับศิษย์ว่า “เจ้าก็เหมือนชาถ้วยนี้ เจ้ามาพร้อมกับอัตตาว่ามีชาอยู่เต็มถ้วยแล้วเจ้าจะเรียนรู้สิ่งใหม่ได้อย่างไร”

                    นิทานเรื่องนี้เปรียบสมองเรากับถ้วยชาใบหนึ่ง ให้เราพยายามที่จะเทน้ำชาออกจากถ้วยเสมออย่าให้มันเต็ม  และพร้อมเจอกับกาน้ำชาอันใหม่ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเราก็ยังพบคราบชาเกาะติดอยู่ที่ขอบถ้วย สิ่งที่เรารับมามันไม่หายไปไหนหรอกครับ ผู้นำที่ดีมักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นแล้วกลั่นกรองส่วนที่ดีนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ อันนี้เป็นอุปนิสัยที่ดีของผู้นำ

                    ในความคิดของผมอุปนิสัยนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกคนครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำ การที่เรารับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีอย่างที่ผมได้กล่าวมาแล้ว เราสามารถนำสิ่งมีคนอื่นบอกไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ แล้วนำไปพัฒนาความคิดของเรา ผมคิดว่าไม่มีใครที่จะคิดถูกเสมอหรอกครับไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารธุรกิจใหญ่โต คนจน คนรวย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ หรือเด็ก

                    บางคนโดนหัวหน้าว่ากล่าวตักเตือน หรือจะรวมไปถึงเด็กที่โดนผู้ใหญ่ว่าอยู่บ่อยๆ ผมเข้าใจครับว่าคนที่โดนว่าต้องมีความไม่พอใจบ้าง แต่คุณคงไม่รู้หรอกครับว่าคุณโชคดีสักเพียงใดที่มีคนว่ากล่าวตักเตือน คุณยังมีโอกาสทบทวนข้อผิดพลาดในชีวิต เพราะถ้าในอนาคตคุณเติบใหญ่ไปเป็นหัวหน้าคน หรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อคุณทำผิดพลาดคุณคงไม่มีใครมาว่ากล่าวตักเตือนอย่างนี้อีกแล้ว เรามายิ้มกันเถอะครับ ยิ้มเมื่อมีคนมาว่า มาตักเตือน ยิ้มด้วยความเต็มใจแล้วฟังความคิดเห็นผู้อื่นแล้วนำไปใช้ เพื่อไม่ให้คุณต้องทำผิดพลาดอีก

    “วันนี้คุณพร้อมจะฟังเสียงของคนอื่นหรือยัง”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×