ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Guardian of Dragon เทพกระบี่มังกรจอมราชันย์

    ลำดับตอนที่ #27 : บทที่ 27 อันอัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.99K
      68
      31 ส.ค. 60

    บทที่ 27 อันอัน


    เทพมังกรสาวยื่นฝ่ามือไปทาง เฟยเทพมังกรอีกตน ก่อนจะเกิดประกายแสงสีขาวพุ่งเข้าไปห้อมล้อมเทพมังกรที่บัดนี้ร่างกายยังคงมองเห็นได้อย่างเลือนราง พลันปรากฏกำแพงแสงขึ้นทั้งสี่ด้านรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส มันปกคลุมทั้งสี่ทิศของเทพมังกรดั่งเป็นเกราะกำแพงใสที่ดูเบาบาง


    เอาล่ะ ข้าได้สร้างกำแพงป้องกันการดูดกลืนพลังวิญญาณ เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนูเฟยดูดกลืนพลังวิญญาณจากนี้แห่งนี้จนหืดแห้งจนทำลายมิติแห่งนี้ไว้แล้ว เทพมังกรสาวกล่าวขึ้นดูสีหน้าท่าทางดูพึงพอใจกับสิ่งที่ตนเองทำ นางตวัดสายทางมาทางจินหลงอีกครั้ง


    ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่เจ้ามนุษย์ ไข่มุกมายาพวกนี้ข้าเป็นสร้างขึ้น และข้าต้องการทรัพยากรอย่างมากในการสร้างไข่มุกมายา พลันฝ่ามือเทพมังกรสาวปรากฏอะไรบางอย่างที่มีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมสีน้ำตาล


    สิ่งนี้เรียกว่า รากหยกศิลา มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดหยกศิลารวมถึงไข่มุกมายา ข้าได้พบเจอมันที่บึงมรกตแห่งนี้ แท้จริงแล้วหากปล่อยมันไว้เฉยๆมันก็สามารถก่อกำเนิดเป็นหยกศิลาได้ แต่ก็แน่นอนมันต้องใช้เวลาหลายเดือนหลายปีหรืออย่างไรข้าก็มิอาจรู้ แต่ตัวข้านั้นมีวิธีที่จะย่นระยะเวลา ทำให้สิ่งนี้ก่อกำเนิดทั้ง หยกศิลา และ ไข่มุกมายาได้จำนวนมาก โดยที่มิต้องรอเวลานานขนาดนั้น ซึ่งนอกจากสิ่งที่อยู่ในมือข้า ข้ายังต้องการอย่างอื่นอีก


    ท่านต้องการสิ่งใดหรือ


    น้ำมรกตศักดิ์สิทธิ์!”


    “!?


    ส่วนประกอบสำคัญคือ หนึ่งรากหยกศิลา สองพลังลมปราณธาตุแสงสว่าง  ซึ่งข้ามีทั้งสองอย่างแล้ว และสามน้ำมรกตศักดิ์สิทธิ์! แท้จริงแล้วน้ำมรกตศักดิ์นั้นหายากยิ่งกว่ารากหยกศิลาเสียอีก


    แล้วข้าจะหามันได้ที่ใด


    หึ ! มันอยู่ต่อหน้าเจ้าแล้วนั่นไง น้ำในบึงมรกตนั่นแหละ คือน้ำมรกตศักดิ์สิทธิ์! มิเช่นนั้นตัวข้าคงมิหลบมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้หรอก เจ้าโง่นางกล่าวด้วยเสียงแสดงซึ่งความหงุดหงิด 


    คำก็โง่สองคำก็โง่จินหลงได้แต่คิดเงียบๆ


    สิ่งที่เจ้าต้องทำคือ นำน้ำมรกตศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนั่นเข้ามาในมิติแห่งนี้ของเจ้า


    ทั้งหมดเลยหรือ! แล้วจะให้ข้านำมันไปไว้ที่ใด บึงมรกตนั่นใหญ่โตและกินพื้นที่กว้าง ทั้งข้ายังมิรู้ว่ามันมีความลึกเท่าใด หากจะนำมันเข้ามา มิติแห่งนี้มิต้องพบเจอกับน้ำท่วมบ่าเลยหรือ


    ไม่ทันที่จินหลงจะได้กล่าวอะไรต่อ เทพมังกรสาวทะยานไปที่กลางบึง พลันเกิดกระแสน้ำในบึงที่อยู่ตรงหน้าจินหลง ก่อนที่กระแสน้ำจะเริ่มลอยตัวขึ้นมาจากบึง สายน้ำทั้งหมดในบึงเกิดการปั่นป่วนมันค่อยๆลอยขึ้นสูงเป็นเส้นตรง ก่อนที่สายน้ำจะพุ่งออกไปรอบทิศทาง สายน้ำทั้งหมดราวกับถูกดูดออกจากบึงด้วยความเร็วมหาศาล มันพุ่งกระจายตัวออกไปราวกับเกิดฝนตกหนักในมิติแห่งนี้ สายน้ำทั้งหมดได้ไหลลงแม่น้ำและถูกผืนดินในมิติแห่งนี้ดูดซับลงไป ไม่นานน้ำทั้งหมดได้ถูกดูดออกไปจนหมด จากบึงกว้างใหญ่ที่เคยอยู่ตรงหน้าจินหลงกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่ไร้ซึ่งสายน้ำ


    ทีนี้เจ้าก็หยุดถามข้าและไปนำน้ำมรกตศักดิ์สิทธิ์เข้ามายังมิติแห่งนี้ได้แล้ว เจ้าแค่เปิดประตูเชื่อมต่อมิติแห่งนี้ ปักกระบี่ของเจ้าให้จมลงในน้ำและส่งพวกมันเข้ามา ที่เหลือข้าจะจัดการเอง จินหลงเพียงพยักหน้าเบาๆก่อนจะกลับออกไปนอกมิติกระบี่



     

    ริมบึงมรกต


                ท่ามกลางความเงียบสงัด และกลิ่นไอที่เต็มไปความตายและคละเคล้าไปกลิ่นคาวเลือด ภาพอันหน้าสยดสยองที่ใครเห็นก็ต้องอาเจียนออกมาเมื่อพบกับศพมากมายที่ร่างกายกลายสภาพเป็นสีม่วงทั้งยังชโลมไปด้วยเลือด จินหลงกลับออกจากมิติกระบี่ของเขา เขาปักกระบี่ไม้ลงที่ริมบึงมรกตก่อนจะทำการเปิดประตูเชื่อมมิติอีกครั้ง สายน้ำสีเขียวมรกตเริ่มหมุนเป็นเกลียวคลื่นก่อนจะถูกดูดและหายเข้าไปในกระบี่มิติ เนื่องจากขนาดที่ใหญ่โตของบึงมรกตมันจึงค่อนข้างใช้เวลานานในการดูดกลืนน้ำมรกตศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดให้เข้าไปอยู่ในกระบี่ ทางด้านของเทพมังกรสาวเมื่อเห็นน้ำมรกตศักดิ์สิทธิ์ที่เริ่มไหลเข้ามาในมิติ นางจึงใช้พลังลมปราณของนางควบคุมทิศทางการไหลของสายน้ำให้มุ่งตรงไปยังบึงขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า


                หยกศิลาและไข่มุกมายาที่เคยจมอยู่ใต้บึงมรกต บัดนี้จินหลงกลับได้เห็นมันอีกครั้ง เนื่องจากสายน้ำจากบึงมรกตเมื่อถูกดูดออกจนหมด กองภูเขาสมบัติตรงหน้าทำให้จินหลงตื่นเต้นอีกครั้ง ก่อนจะมีเสียงเทพมังกรสาวดังขึ้นมาผ่านกระแสจิต


                นำพวกมันทั้งหมดเข้ามาด้วยเมื่อได้ยินดังนั้นจินหลงจึงส่งไข่มุกมายาและหยกศิลาที่กองราวกับภูเขาเข้าไปในมิติอย่างรวดเร็ว


                โอ้พระเจ้า บึงมรกตแห่งนี้มันลึกเท่าใดกันเนื่องจากจินหลงดูดกลืนกองไข่มุกมายาและหยกศิลาเป็นเวลานานแต่กองภูเขาตรงหน้านี้ราวกับไม่ลดลงเลย มันมีมากมายมหาศาลเลยทีเดียว ไม่นานกองภูเขาสมบัติตรงหน้าก็หายไปจนหมดเกลี้ยงและแม้ว่าจะมีไข่มุกมายาที่ยังคงหลบหนีตามสัญชาตญาณ จินหลงก็สามารถตามเก็บกวาดและเก็บเข้าวงแหวนมิติของเขาเล็กน้อย และที่เหลือเขาก็จัดการส่งเข้ามิติในกระบี่ทั้งหมด แม้ว่าเทพมังกรสาวจะเห็นว่ามีส่วนหนึ่งที่จินหลงเก็บเข้าไปในวงแหวนมิติแต่นางกลับมิได้ว่ากล่าวอะไรออกมา


                จินหลงหายตัวไปจากริมบึงมรกตอีกครั้งและเข้ามาในมิติกระบี่ของเขา ภาพตรงหน้าราวกับสวรรค์บนดิน มองไปรอบทิศทางปรากฏเห็นทั้งหยกศิลาและยิ่งไปกว่านั้นไข่มุกมายา ที่ล่องลอยบินว่อนไปทั่วอาณาเขตของมิติแห่งนี้ ทั้งยังบึงกว้างใหญ่ตรงหน้าที่เคยเป็นสีฟ้าสะอาดสดใส บัดนี้มันกลายเป็นสีเขียวมรกตแลดูวิจิตรสวยงามยิ่งกว่าเดิมทั้งยังสะท้อนซึ่งพลังวิญญาณเบาบางที่สามารถสัมผัสได้ ก่อนหน้านี้เขามิอาจสัมผัสได้ถึงความวิเศษของบึงมรกตเลย แต่เมื่อมันอยู่ในมิติแห่งนี้ จินหลงกลับสามารถสัมผัสถึงความวิเศษของมันได้อย่างชัดเจน แม้จะเบาบางก็สัมผัสได้ นี่สินะความวิเศษของน้ำมรกตศักดิ์สิทธิ์


                เอาล่ะ! ต่อจากนี้ข้าจะเป็นคนคอยสกัดไข่มุกมายาและส่งมันให้กับเจ้าหนูเฟยเอง เจ้ากลับออกไปได้ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ เจ้าก็ไม่ต้องเข้ามารบกวนข้าอีกเทพมังกรสาวพูดจบนางก็กวาดเอาหยกศิลาและไข่มุกมายาบางส่วนให้จมลงไปในบึงมรกตเบื้องหน้า


                ทำไมยังไม่ออกไป!” เมื่อเห็นว่าจินหลงยืนพะว้าพะวงไม่ยอมกลับออกไปนางจึงถามด้วยเสียงเย็น


                ข้าคิดว่าเราควรจะทราบนามซึ่งกันและกันก่อน ข้าหมายถึงข้าชื่อ ซุนจินหลง แล้วท่านเทพมังกรท่านมีนามว่ากระไรหรือจินหลงเกาหัวเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มเก้อไปยังเทพมังกรสาว


                อันอันนางตอบเพียงแค่นั้นและมิหันกลับมาสนใจจินหลงอีกเลย จินหลงจึงตัดสินใจกลับออกมาจากมิติกระบี่ เขาโผล่ออกมาที่ริมบึงอีกครั้ง พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกอยากจะอาเจียน ศพพวกนี้มันช่างเป็นภาพที่


                กึกกึก


                แกร๊ก


                ก่อนที่ความคิดอื่นๆจะตามมาจินหลงกลับได้ยินเสียงของการขยับตัวแม้จะเบาบางแต่มันเป็นเสียงของอะไรบางอย่างกระทบกับใบไม้เป็นแน่ จินหลงกวาดสายตามองไปยังรอบบริเวณ จินหลงสังเกตเห็นใครบางคนกำลังพยายามขยับตัว


                นั่นเขายังไม่สิ้นลม! เขายังมีชีวิตอยู่!


                เมื่อเห็นดังนั้นจินหลงจึงหยิบผ้าคลุมสีดำทิฬขึ้นมาปกปิดใบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะกระโดดหลบเข้าไปหลังพุ่มไม้ใหญ่ พลางส่งเสียงถามเทพมังกรสาว


                พี่หญิงอันอัน พิษม่วงมังกรของท่าน เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีคนรอดจากมันจินหลงส่งกระแสจิตเพื่อถามเทพมังกรสาว


                พี่หญิง!?”


                เอ่อข้าคิดชื่อของท่านนั้นไพเราะยิ่ง มันคงจะดีกว่าหากเรียกนามของท่านเช่นนี้


                หึ! พิษม่วงมังกรของข้า มันมิได้ทำให้ตายโดยทันที แต่มันจะค่อยๆกัดกินและสร้างความเจ็บปวดให้ผู้ที่โดนพิษเจ็บปวดโดยการเข้าไปทำลายทุกส่วนรวมถึงจุดชีพจรทุกจุด และตายลงอย่างช้าๆ ที่มันยังชีวิตอยู่อาจะเป็นเพราะมันสามารถทนความเจ็บปวดและสกัดกั้นการลุกลามของพิษม่วงมังกรได้ แต่ก็เท่านั้นไม่เกินสองชั่วยามหลังจากถูกพิษ หากมิได้รับการถอดถอนพิษออก มันก็ต้องตกตายอยู่ดี จินหลงถึงกับปาดเหงื่อ จินหลงเข้าใจว่าที่เขารอดพ้นจากพิษม่วงมังกร อาจเป็นเพราะมีจิตของอาจารย์เขาอยู่ พิษม่วงมังกรจึงมิอาจทำอันตรายต่อเขาได้


    จินหลงลอบเข้าไปใกล้กับร่างที่ยังคงต่อสู้กับพิษมังกรม่วง นั่นมันผู้อาวุโสเฉิน! เมื่อสังเกตดีดีแล้วจินหลงพบว่ามิใช่แต่เพียงผู้อาวุโสเฉินแต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยังมีผู้ฝึกยุทธ์อีกเกือบสิบคนที่ยังมิสิ้นลมหายใจ แต่พวกเขาทั้งหมดร่างกายล้วนเปลี่ยนเป็นสีม่วง ดวงตาแดงกล่ำ เหงื่อไหลท่วมร่างกาย ทั้งยังแสดงซึ่งสีหน้าของความเจ็บปวด ร่างกายเองก็กระตุกเนื่องจากพิษที่รุกคืบไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย แม้พวกเขาจะสามารถสกัดกั้นพิษบางส่วนได้ แต่ก็มิใช่ทั้งหมด พวกเขาได้แต่ฝืนทนความเจ็บปวดและมิสามารถขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย


    พี่หญิงอันอันข้าช่วยพวกเขาได้หรือไม่จินหลงถามขึ้นมา เมื่อเขาเห็นชัดแล้วว่าสองคนในนั้นคือ ผู้อาวุโสเฉิน และศิษย์หลักจากสำนักมังกรใต้หล้าที่ช่วยชีวิตเขาไว้ก่อนหน้านี้


    ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับของเทพมังกรสาว พลันเกิดความเงียบขึ้นมาช่วยขณะ จินหลงรู้ว่าเทพมังกรสาวนั้นเกลียดชังซึ่งมนุษย์ ถึงจะไม่ทราบเหตุผลแต่แท้จริงพวกเขาเองก็มีความผิดที่เข้ามาบุกรุกที่ของนาง และยังหวังครอบครองสมบัติของนางอีก มันสมควรซึ่งนางจะเกิดความโกรธและต้องการสังหารพวกเขา


    เทพมังกรสาวที่ทำการเชื่อมต่อจิตวิญญาณกับจินหลงนั้นสามารถล่วงรู้ความคิดขอจินหลงได้อย่างชัดเจน แท้จริงนางนั้นเกลียดชังมนุษย์ผู้มากด้วยความโลภ หลายพันปีมานี้นางพบเจอมนุษย์มามากมาย และมนุษย์พวกนั้นได้แสดงทั้งความโลภและตัณหาออกมาต่อหน้านาง ทำให้นางเกลียดชังและต้องการสังหารพวกมันทั้งหมดที่เข้ามายังที่ของนาง แต่เมื่อนางพบเจอกับจินหลง และเฟยอีกครั้งมันกลับทำให้นางหวนนึกถึงครั้นที่นางยังอยู่โลกปีศาจที่ผู้นำของนางเคยกล่าวกับนางว่า สัตว์อสูรอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ นั่นทำให้นางถอนหายใจออกมา


    จงใช้พลังของข้า และทำตามสิ่งที่ข้าจะบอกต่อไปนี้จินหลงเดินเข้าไปยังบริเวณที่ผู้อาวุโสเฉินนอนสั่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะก้มลงนั่งลงข้างๆร่างพร้อมกับยื่นฝ่ามือไปแตะที่แขนของผู้อาวุโส เทพมังกรสาวใช้กระแสจิตบอกวิธีการโคจรพลังไปยังจุดชีพจรต่างๆตามลำดับ และส่งพลังวิญญาณแสงสว่างของนางให้กับจินหลง แสงสว่างสีขาวเริ่มเข้าปกคลุมตัวผู้อาวุโสเฉินอย่างเชื่องช้า ก่อนจะครอบคลุมทั่วของร่าง ไม่นานร่างกายสีม่วงของผู้อาวุโสเริ่มแปรเปลี่ยนกลับเป็นสภาพปกติโดยไล่ขึ้นจากจุดที่พิษไหลเข้าไปก่อนจะไล่ไปทั่วบริเวณร่างกาย จนสุดท้ายมิหลงเหลือพิษม่วงมังกรปรากฏทั้งภายนอกและภายในร่างกายเลยแม้แต่น้อย


    ผู้อาวุโสที่ยังคงต่อสู้กับความเจ็บปวด เขาพยายามสกัดกั้นพิษมิให้แพร่กระจายแต่ก็พบว่าทำได้เพียงประวิงเวลาแต่เพียงเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเริ่มหมดหวัง เขากลับรู้สึกได้ถึงกระแสลมปราณอันอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ารอบตัวเข้าก่อนจะกระจายไปทั่วตัว ราวกับมันเข้าไล่สังหารพิษร้ายที่อยู่ในร่างกายของเขา ทำให้ความเจ็บปวดต่างๆเริ่มจางลง ดวงตาที่พร่ามัวเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง เมื่อเขากระพริบตาเพื่อปรับสายตาและขยับกายขึ้นเขาสังเกตเห็นชายชุดดำที่ปกปิดใบหน้า


    ชายคนนี้คือคนที่มีเรื่องกับพวกคนของสำนักมังกรใต้หล้านี่! แน่นอนเขาเองก็เห็นเหตุการณ์นั้น แต่เขาไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายกับคนของสำนักมังกรใต้หล้าจึงเพียงแค่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ แต่ชายคนนี้กลับยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทั้งยังสามารถถอนพิษร้ายออกจากร่างกายของเขาได้


    ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือข้า หากมีสิ่งใดสามารถตอบแทนท่านได้โปรดบอกข้าเถิด ผู้อาวุโสเฉินกล่าวขึ้นด้วยความซาบซึ้ง ชายตรงหน้ามิได้กล่าวอะไรขึ้นมา แต่กลับหยิบไข่มุกมายาขึ้นมาจำนวนหนึ่งละส่งมันให้กับเขาแทน และหันหลังก้าวเดินออกไป


    จินหลงเดินมาหยุดตรงหน้าของศิษย์หลักสำนักมังกรใต้หล้าคนที่เคยช่วยเขาไว้ ชายตรงหน้าบัดนี้ยังคงกัดฟันสู้กับพิษร้าย เมื่อเห็นจินหลงเขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ดวงตาจะพร่ามัวแต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือชายตรงหน้ามิได้ถูกพิษและร่างกายเองก็ดูปกติ จินหลงทำเช่นเดียวกับที่ทำกับผู้อาวุโสเฉิน เมื่อศิษย์คนนั้นกลับมาเป็นปกติ จินหลงก็มอบไข่มุกมายาให้เช่นเดียวกัน


    ผู้อาวุโสเฉินที่ขยับตัวได้ตามเข้ามาสมทบ เมื่อเขาสำรวจและพบว่านอกจากเขาแล้วทุกคนในตระกูลเฉินล้วนสิ้นลมหายใจกันหมดแล้ว เขาจึงเดินเข้ามาช่วยประคองศิษย์หลักของสำนักมังกรใต้หล้าที่ถูกช่วยชีวิตโดยชายชุดดำคนเดียวกัน


    เรามิมีสิ่งใดติดค้างกันอีก จินหลงผู้ด้วยเสียงเรียบก่อนจะละสายตาออกจากคนทั้งสอง เดินตรงไปยังอีกคนที่อยู่ไม่ไกลและยังคงมีลมหายใจ เมื่อจินหลงเดินเข้าไปใกล้ พลันแววตาของจินหลงก็เปลี่ยนไปทันที แทนที่จินหลงจะก้มตัวลงไปเพื่อรักษาชายตรงหน้า แต่สิ่งที่จินหลงกลับทำให้ทั้งผู้อาวุโสเฉินและศิษย์หลักคนนั้นต้องตกตะลึง


    ตึง!


    จินหลงกระทืบเท้าลงไปยังหน้าอกของชายตรงหน้า จนจมลงไปกับพื้นอย่างรุนแรงและเกิดหลุมลึกพร้อมกับรอยแตกร้าวกระจายเป็นวงกว้าง ชายที่นอนอยู่ถึงกับเบิกตากว้างค้างและกระอักเลือดขึ้นมา มันอ้าปากค้างราวกับจะส่งเสียงแต่มิอาจทำได้ ไม่เพียงแค่นั้นจินหลงยังกระทืบลงไปยังแขนทั้งสองข้างและขาทั้งสองข้างของชายตรงหน้า จนมันหักและแตกละเอียด!


    ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย แต่ข้าจะให้เจ้าได้ทรมานกับพิษ และตายอย่างทุกข์ทรมานที่สุด ให้สมกับสิ่งที่ตระกูลของเจ้าได้เคยทำไว้!” จินหลงกล่าวขึ้นด้วยเสียงเหี้ยม! ชายตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นมันคือคนของตระกูลจ้าว คนที่ก่อนหน้ามีเรื่องกับผู้อาวุโสเฉินและนำพาคนของตระกูลจ้าวข่มเหงคนของตระกูลเฉิน ทั้งยังเป็นคนที่ส่งชายชุดดำมาทำร้ายพี่น้องของเขา!


    เมื่อพูดจบจินหลงก็ทะยานตัวออกไปจากป่ามรกตทันที ทิ้งให้ทั้งผู้อาวุโสเฉินและศิษย์ของสำนักมังกรใต้หล้าต้องมองตาม


    ผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นใครกัน ท่านทราบหรือไม่ ศิษย์คนนั้นหันไปถามผู้อาวุโสเฉิน


    ข้าก็มิทราบเช่นกันผู้อาวุโสเฉินตอบกลับ ก่อนจะมองไปยังบึงมรกตที่บัดนี้ไม่มีสายน้ำหลงเหลืออยู่เลย แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นเขาก็มิอาจล่วงรู้ได้เลย เนื่องจากตอนที่พวกเขาได้รับพิษและต่อสูกับพิษอยู่นั้นราวกับประสาททั้งห้าถูกทำลาย เขามิสามารถรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เลย


    ข้าว่า เรารีบออกจาป่าแห่งนี้เถิด ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังสำนักมังกรใต้หล้าเองผู้อาวุโสเฉินกล่าวขึ้นทั้งยังประคองศิษย์คนนั้นให้ลุกตาม เนื่องจากศิษย์สำนักมังกรใต้หล้าคนนี้มีการบ่มเพาะที่อ่อนด้อยกว่าตน ทั้งยังดูราวกับมิอาจขยับเขยื้อนตัวได้ เขาจึงอาสาที่จะพากลับไปส่งยังสำนัก พวกเขาไม่ควรจะอยู่ที่นี่ป่าแห่งนี้นาน เนื่องจากอาจจะมีพวกสัตว์อสูร หรือหากสตรีคนนั้นหวนกลับมายังที่แห่งนี้ พวกเขาคงมิอาจรอดพ้นจากประตูแห่งความตายได้เช่นคราวนี้อีก


    ทั้งสองคนมิอาจทำสิ่งใดได้มากกว่านี้อีกแล้ว ทั้งผู้ฝึกวรยุทธ์ทุกคนล้วนได้ตายลงรวมถึงผู้อาวุโสตระกูลจ้าวคนนั้นเองก็ได้ตายลงแล้วเช่นกัน พวกเขาจึงตัดสินใจรีบทะยานออกจากป่ามรกตแห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้











    มุมนักเขียน : เดี๋ยวๆจริงๆแล้วตัวเอกของเราก็โหดเป็นนะคะ ฮ่าๆ และแล้ว ก็ใกล้ถึงเวลา.... เตรียมปั๊มตัง เติมทรู  หึหึ!



    นาแน่นจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×