I Hate U - I Hate U นิยาย I Hate U : Dek-D.com - Writer

    I Hate U

    ไม่มีใครบอกได้ว่าโชคชะตานั้นสำคัญกับเราหรือไม่ เพราะมันขึ้นอยู่กับเรา ว่าจะให้ความสำคัญกับมันแค่ไหนต่างหาก

    ผู้เข้าชมรวม

    97

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    97

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 มิ.ย. 56 / 20:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น






     เรื่องนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับ One Direction เลย เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ เด็กลูกครึ่ง ออสเตรเลีย-
    ปากีสถาน ที่ได้มาเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศไทย ซึ่งแม่ของเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย 






    อย่าลืมแวะเข้ามาดูละ แล้วจะพยายามปั่น The truth in the dream ให้จบไวๆ เนื่องจากช่วงนี้ งานเยอะมากกกก เดี๋ยวก็เข้าค่ายเดี๋ยวก็ไปเที่ยว ไหนจะสอบอีก โอ๊ย! เยอะะะะะ   




    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ในคาบวิทยาศาตร์ ซึ่ง...

      “นี่ ทุกคนรู้ไหมประเทศ แอฟกานีสถาน ปากีสถาน อาหรับ พวกนี่อ่ะ เป็นประเทศที่ผมอยากไปอยู่มากเลย”คุณครูสอนวิทยาศาตร์ ที่อยู่ๆก็พูดเรื่องสังคมศึกษาขึ้นมา จารย์ๆหนูจะเรียนวิทย์!

      “ประเทศเขามีเมียได้มากกว่าหนึ่งคนใช่ไหมอาจารย์”เสียงเพื่อนหัวโจกที่สุดประจำห้อง ดังขึ้น

      “ถูกต้อง 10คะแนนสำหรับคำตอบ”กรี๊ด!!! ได้ไงเนี่ย อิตาป่าละเมาะ ฉันส่งงานเป็นสิบงาน กว่าจะได้ 10คะแนน  ฉันไม่ยอม

      “โหย ได้ไงอ่ะ อาจารย์ ให้มันง่ายไปรึเปล่า”เพื่อนในห้องต่างพากันค้าน รวมถึงฉันด้วย

      “เดี๋ยว ๆ ฟังก่อน ๆ ที่ผมให้เนี่ย มีเหตุผลนะ”ทุกคนเงียบตั้งใจฟัง เหตุผลที่เพี้ยนๆเหมือนแกแหละ

      “คือที่ผมให้คุณ เปรม 10 คะแนน หนึ่งความกล้า สองเขาพูดถูก เพราะที่ครูอยากไปอยู่ สามประเทศนี้ก็เพราะว่า  สามารถมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งคน

      “มันไม่เห็นแฟร์เลย อาจารย์”ฉันยื่นขึ้นตะโกนไปด้านหน้าอย่างดัง จนทุกคนหันมามองฉันเป็นทางเดียว

      “อธิบายสิ ทำไมเธอถึงคิดว่าไม่แฟร์”อาจารย์ป่าละเมาะ หรือ อาจารย์ ปรมะ ( ชื่อแรกมันคือฉายา ) พูดขึ้น

      “อาจารย์ก็รู้หนิค่ะ ว่าประเทศนั้นเขามีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งคน”

      “ครับ ผมรู้”

      “ค่ะ แล้วถ้าอาจารย์เป็นผู้หญิงพวกนั้น อาจารย์จะรู้สึกยังไงละค่ะ การที่เห็นสามีตัวเอง มีผู้หญิงคนอื่นอีกอ่ะ คิดดูสิค่ะ ไม่ต้องเป็นเหมือนผู้หญิงพวกนั้นก็ได้ค่ะ แค่ถ้าอาจารย์เห็นภรรยาของอาจารย์(ที่ซึ่งตอนนี้ไม่รู้มีรึเปล่า) แล้วอยู่ๆมาขออาจารย์มีสามีอีกคนอาจารย์จะยอมไหมล่ะค่ะ ”พูดจบทุกคนเงียบ แต่แล้วอยู่ๆอาจารย์ปรมะก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ

      “เธอชื่อเจน่าใช่ไหม!

      “ค่ะ”พูดจบฉันก็นั่งลง

      “ถ้าผมจะให้ A กับเธอคงไม่มีคนขัดนะ” ทุกคนเงียบไม่พูดอะไร มีเพียงเสียงปรบมือที่ดังทั่วห้อง

       

      หลังจากโรงเรียนเลิกฉันก็ตรงกลับบ้านทันที และก็ได้เกรด A ไปฟรีๆ กับวิชาวิทยาศาตร์ ที่ฉันไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับวิทย์เลยสักนิด

       “ไฮ ม๊ามี้! ”ฉันเดินเข้าไปกล่าวทักทายมี้ ที่นั่งอ่านข่าวอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

      “จ้า เจเก็บของเสร็จรีบลงมานะลูก”มี้ยิ้มให้ฉันก่อนที่จะหันไปเปิดข่าวดูต่อ

      “ค่ะ”และฉันก็เดินขึ้นห้องไป เปลี่ยนชุด และรีบลงไปข้างล่างตามที่มี้บอกทันที (ก็ฉันเป็นเด็กดีอ่ะ)

       

      “เจ น้าไลลารออยู่ที่บ้านน่ะ เขาจะชวนเจไปรับลูกชายที่สนามบินนะ”

      “แล้วทำไมเขาไม่ชวนสามีเขาอ่ะ”

      “แล้วถ้าสามีเขาอยู่จะชวนหนูไหมลูก”

      “แต่มี้น้าไลลาไม่มีลูกไม่ใช่หรอ”

      “ลูกเลี้ยง เห็นว่าพึ่งมาจากออสเตรเลียหรือที่ไหนสักที่นี่แหละ”

      และฉันก็ต้องยอมออกไปรับลูกชายน้าไลลาที่สนาบิน ระหว่างรอ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน และพอฉันออกจากห้องน้ำก็ไปเดินชนเข้ากับใครสักคนที่ตัวสูงมากๆ ผิวแทน ผมซอยยาวระต้นคอ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง ดูๆจากลักษณะ แล้วฉันคิดว่าไม่ใช่คนไทยแน่นอนเขาสวมแว่นอยู่เลยไม่เห็นหน้าชัดๆของเขา

      oops! ขอโทษค่ะ”ฉันพูดพรางหันขึ้นไปมองหน้าเขาอีกรอบให้ชัดเจน ก่อนที่เขาจะถอดแว่นออกมา

      “ไม่เป็นไร”โถ่! ลูกบังแถวไหนวะเนี่ย ฉันอุส่าห์ไม่อยากอคติกับฝ่ายใดแล้วนะ แต่พอเจอหน้าหมอนี่แล้วบวกกับที่ตาป่าละเมาะพูดแล้ว ฉันเลยแอบหมั่นไส้เล็กๆ

      และฉันก็รีบตีตัวออกห่างจากเขาทันที ก็คงมีเพียงเหตุผลเดียวฉันกลัวหมอนี่จะคิ้วแตก เพราะความแขกจ๋าของหมอนี่นี่และ

      “เฮ้! เดี๋ยวก่อน”ไอ่แขกคนนั้นเรียกฉัน แต่ฉันไม่ได้สนใจอะไร รีบวิ่งออกมา  และก็เจอน้าไลลาพอดี

       

      “น้าไลลาค่ะ”ฉันเรียกพรางเดินเข้าไปใกล้ๆ

      “จ้า ว่าไงลูก”

      “น้าเจอลูกชายรึยังอ่าค่ะ”

      “ยังเลย ..โทรมาพอดีเลย น้ารับโทรศัพท์ก่อนนะ”ว่าแล้วน้าไลลาก็เดินไปรับโทรศัพท์

      และสักพักน้าไลลาก็เดินกลับมา พร้อมกลับใครคนหนึ่ง คนที่ฉันเจอเมื่อกี๊

      “น้าไลลาอย่าบอกนะค่ะว่าหมอนี้เป็นลูกเลี้ยงน้าไลลา”

      “อ๋อ ใช่ ลูกน้าเอง พึ่งมาจากปากีสถานเมื่อกี๊เอง สอบได้ทุนมาเรียนแลกเปลี่ยน ปีนึง”น้าไลลาพูด

      “โรงเรียนไหน น้าอย่าบอกนะว่า

      “ไม่บอกก็ได้ว่าเป็นที่เดียวกันกับหนู แล้วหนูก็ต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดีด้วยนะ คอยดูแลลิซโซ่ตอนอยู่ โรงเรียน”พูดจบฉันแทบลงไปกลิ้งกับพื้น ฉันเกลียดคนปากีสถานขนาดนี้ แต่ฉันต้องมาเป็นเพื่อน กับหมอนี่ ที่มองยังไงก็แขก เกินคำบรรยาย   

      “จริงๆหรอค่ะ”ฉันค่อยๆพูด

      “จริงจ้า  อ้อ ลืมแนะนำ   ลิซโซ่ ฮามัด”นามสกุลก็กินขาดไปละ แขกจ๋าเลย (-_-;)

      “สวัสดีครับ”เขาพูดภาษาไทยนะ แต่ไม่ชัดเอามากๆเลย ฉันเลยตัดสินว่า ก่อนจะพูดอะไรควรระวังก่อน

      “หวัดดี”ฉันพูดก่อนจะฝืนยิ้มให้เขา

      “คุณชื่อ

      “เจน่า….

      “ยินดีที่ได้รู้จักเจน่า”เขาพูดพรางยื่นมือมา

      “ยินดีเช่นกัน” ฉันเลือกที่จะไหว้เขาแทนจับมือ

      “น้าว่าเราไปกันดีกว่า เดี๋ยวจะได้กลับบ้านดึกนะ” และเราก็กลับบ้านกัน

      พอถึงบ้านฉันก็ขึ้นห้องไป ทันที 

      นี่ฉันต้องเป็นเพื่อนกับอิบังนั่นจริงๆหรอเนี่ย ฉันคิดไม่ออกเลย ว่าถ้าเป็นเพื่อนกับเขาแล้วจะเป็นแบบไหน 

      “เจ”และอยู่ๆ เจเรมี่ก็เข้าห้องมา ในห้องฉัน (ได้ไง?) (เจเรมี่ พี่ชายฝาแฝดที่ไม่เหมือนกันเลยสักนิด)

      “ เจเรมี่ เข้าห้องฉันมาได้ไง”

      “ประตูไม่เห็นล๊อคนิ่”ก็ถูกของเขา

      “แล้วมีอะไร”

      “อ๋อ มี้ให้มาตามลงไปกินข้าวกับลูกชายน้าไลลา”

      “ไปบอกมี้ด้วย ว่า ฉันไม่ไป”

      “อ้าว งั้นเธอก็อาจจะอดได้ ไปเรียนออสเตรเลียนะ”

      “โอเค ฉันไปก็ได้”พูดจบฉันก็รีบวิ่งลงด้านล่างทันที เพราะว่ามี้เคยสัญญาว่าถ้าฉันเป็นเด็กดีจะส่งไปเรียน ออสเตรเลีย หรือไม่ก็ถ้าจบเทอมนี้ และมันก็เป็นประเทศที่ฉันใฝ่ฝันมานานแล้ว

       

      และทันทีที่ฉันลงไปถึง ณ ห้องรับประทานอาหาร หรือ ห้องครัวนั่นแหละ ก็เจอกับอิตาบัง ที่ตอนนี้เขาดูไม่เหมือนอาบังเลย แต่เขาดูดีมากกว่า ทำไม เมื่อตอนเย็นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันนะ แต่ชั่งเถอะ ฉันจะเผลอใจไม่ได้ เห้ย!! อย่าเต้นแรงดิวะ 

      โครม !

      “เจน่า ไม่เป็นนะลูก”น้าไลลาถาม  ก็ตอนที่ฉันเดินเข้ามาในห้องครัว เจออิตานั่น ฉันดันเดินสะดุดขาตัวเอง ล้ม หน้าอายชะมัด -_-

      “โอเค ค่ะ”และฉันก็ค่อยๆลุกขึ้น  แต่ไม่สำเร็จ กะอีแค่สะดุดขาตัวเอง มันเป็นถึงขนาดนี้เลยหรอ  ปวดเท้าชะมัด

      “ค่อยๆลุกนะ”เสียงที่ไม่ค่อยคุ้นหู พูดขึ้น

      “ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดและค่อยๆหันไปมองเขาช้าๆ “ลิซโซ่” ฉันเอ่ยชื่อเออกมาเบาๆ  ก่อนที่เขาจะค่อยๆพยุงฉันนั่งลงบนเก้าอี้

      “ไม่เป็นไรแล้วนะ”มี้พูดขึ้น

      “ไม่เป็นแล้วค่ะ แค่ข้อเท้าเคล็คเอง”  ฉันพูดปนขำเล็กน้อย

      “ดีแล้ว ๆ พรุ่งนี้จะได้พา ลิซโซ่ไปทัวโรงเรียน”  น้าไลลาพูด

      “ห๊ะ! เจนยังต้องพาอิตานี่ เอ่อ ! … เค้าไปทัวโรงเรียนอีกหรอ”

      “ถูกต้องจ่ะ ก็พรุ่งนี้ เจเรมี่ ไม่อยู่ เจก็ต้องดูแลแทน”มี้พูด ทำร้ายจริงใจฉันจังเลย  ทีแรกก็กลัวว่าจะได้ฆ่าอิตานี่ แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนใจจะละลาย แล้วฉันจะอยู่กับเค้าได้ไงละ! โอ๊ย! เครียด

       “กรี๊ด!!! ใครอ่ะแก หล่อวะ”นังเจน เพื่อนสาวสุดติสของฉันเอง หล่อนสุดๆละ ในโรงเรียน

      “ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย ฉันยังหล่อกว่าอีก”และที เพื่อนชายแท้ ที่หล่ออย่างที่โม้จริงๆ แต่ก็พอๆกันกับลิซโซ่นั่นแหละ เอ๊ะ หรือลิซโซ่จะดูดีกว่า

      “รู้จักป่าววะ เจ”เจนถาม 

      ……รู้จัก”ฉันทำหน้าเบื่อโลกสุดๆ แพราะมีแต่คนสนใจอิตานั่นเลย ฉันเหมือนหมาหัวเน่า เลยต้องออกมาอยู่กับเพื่อน ซึ่งก่อนจะเข้าโรงเรียนมาเนี่ย ฉันมากับเขา พอเดินเข้าโรงเรียนมาเท่านั่นแหละ ก็โดนแยกกันเลย

      “จริงดิ แก  ชื่ออะไรวะ แล้วมาจากประเทศไหน ทำไมหน้าไม่ไทยเลย”เจนพูด

      “ลิซโซ่ ฮามัด  พึ่งกลับมาจากปากีสถาน”ฉันพูดเสียงเรียบพรางนั่งกดโทรศัพท์อยู่ ตอนนี้เที่ยงแล้วนะ แต่ฉันยังไม่กินข้าวเพราะ ซันไปซื้อข้าว ยังไม่มาเลย รอนานแล้วนะ

      “แขกไปไหมวะ”ทีพูดเสียงเซ็ง ๆ

      “ไม่หรอก แต่ฉันว่าโคตรแขกเลย แกไม่ชอบใช่ไหม เจ เดี๋ยวฉันจีบเอง”เจนพูดเองเออเอง!

      “เห้ย..มะ มา ม่ายยย”

      “เจมันไม่สนใจหรอก  มันเกลียดบังจะตาย  แกก็รู้”เห้ย! อย่าคิดเองเออเองดิวะ!

      “ใช่ไหม”

      “เฮ้ย! มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง”ซันเดินมาพร้อม จานข้าวสองใบ กับน้ำอีกสองแก้ว

      “อ้าวผมผิดหรอ”ซันผู้ชายที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม ไม่เคยพูด ฉัน เธอ แก มึ* กุ หรือคำหยาบใดๆทั้งสิ้น จนบางที ฉันรำคาญ เผลอด่าแรงๆไป แต่เขากลับยิ้มแล้วพูดแค่ว่า ‘ใจเย็นครับ’ ฉันละอยากจะกราบเขาแล้วบอกว่า ฆ่าตูที

      “ขอบใจนะ ซัน”ฉันพูดในขณะที่ ซันกำลังวางจานข้าวลงที่ด้านหน้าฉันและยิ้มให้

      “เห้ย ซันของฉันอ่า”เจนทุบโต๊ะเบาๆ

      “ของเจนอ่อ ไปซื้อเองสิ ผมซื้อให้แค่ เจน่า”พูดจบซันยิ้มและนั่งลงข้างฉัน

      “เจน่า” เสียงนี้ อีกแล้ว ลิซโซ่ ชัวร์ และฉันก็ค่อยๆหันไปช้า ๆ

      “มีอะไร”ฉันพูดเบาๆ

      “ฉันขอนั่งกินข้าวกับเธอได้ไหม……ไม่มีเพื่อนเลย”ลิซโซ่พูดพรางวางจานข้าวลง ด้านฝั่งตรงข้ามฉัน

      ….ที่มันก็ว่างอยู่หนิ อยากนั่งก็นั่งดิ”ฉันพูดก่อนที่จะตักข้าวเข้าปาก

      “ขอบคุณนะ”เขาพูดจบก็นั่งลงและ ทานข้าวไป โดยปล่อยให้เจน เพื่อนฉันนั่งตาค้างไปเลย

       

      และในช่วงก่อนกลับบ้าน ฉันมีเรียนชุมนุม ซึ่งฉันอยู่ชุมนุมบาสเก็ตบอล ที่ไม่คิดว่า ลิซโซ่เขาก็อยู่ชุมนุมเดียวกันด้วย  ตัวเราเลยติดกันแจเลย แต่ฉันละอยากจะออกห่างจากเขาเหลือเกิน ก็คงมีเหตุผลเดียวนั่นแหละ คือ คนมองเยอะเกิน ยิ่งพวกเชียร์ๆทั้งหลายที่มีเป็นสิบ กรี๊ดอยู่นั่นแหละ ไม่เหนื่อยบ้างรึไงนะ ฉันละไม่เข้าใจจริงๆเลย

      “เจน่าอย่าเม่อสิ”เสียงลิซโซ่ที่ดังมาจากข้างสนามขณะที่ฉันกำลังซ้อมอยู่

      และทันใดนั้นเอง อยู่ๆ ลูกบาสก็ถูกส่งผ่านมาที่หน้าฉัน และฉันมั่นใจมาก ว่ายังไงวันนี้จมูกฉันต้องหัก แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีมือใครสักคนมาปัดมันออกไปก่อน 

      ฉันหันไปมองเขาช้าๆ เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้เลย ว่าต้องเป็น ซัน เพราะเขาก็อยู่ชมรมเดียวกันกับฉัน และเขาก็เป็นกรรมการด้วย เพราะงั้นไม่แปลกที่จะมาได้เร็วขนาดนี้

      “เธอโอเคนะ”เขายิ่งทำให้ฉันช๊อคเข้าไปใหญ่เลย เขาแทนฉันว่า เธอทั้งที่ตลอดที่เป็นเพื่อนกันมา 5 ปีไม่เคยพูด ฉัน เธอ กับฉันหรือใครๆเลย

      “ฉันโอเค ว่าแต่นายเถอะ ไปกินอะไรผิดมารึเปล่า”ฉันพูดพรางเลิกคิ้วสงสัยเบาๆ

      “ป่าวหนิครับ ผมปกติดี เจไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”ฉันยังดีใจไม่เสร็จ ก็เข้าสู่โหมดเดิมซะแล้ว

      “ขอบใจนะ”ฉันยิ้มให้เขา ก่อนที่จะมีใครสักคนวิ่งเข้ามาแบบหอบๆ

      “เธอโอเคนะ เจน่า”ลิซโซ่ถาม

      “ฉันโอเค ลิซโซ่ ฉันโอเค”พูดจบลิซโซ่ลูบหัวฉันเบาๆ  เขาลูบหัวฉันทำไมหว่า ?

      “ไม่เป็นไรแล้วนะ”ลิซโซ่ค่อยๆคลี้ยิ้มบางๆออกมา  ฉันเกลียดเวลาเขายิ้มที่สุดเลย ก็ยิ้มทีไร ฉันทำอะไรไม่ถูกทุกทีเลย

      และหลังจากหมดคาบ ซันก็มาส่งฉันที่บ้านโดยมีที ที่บ่นมาตลอดทั้งการเดินทางกลับบ้านมาเลย

      “เธอเล่นบาสยังไงให้เม่อได้ขนาดนี้ หะ เจ”

      ”ฉันเงียบไม่พูดอะไร

      “อย่าไปตะคอกใส่เจอย่างนั้นสิครับ ที”ซันที่ขับรถอยู่พูดเบาๆ และตั้งใจขับรถต่อ

      “ไม่ให้ว่าได้ไงล่ะ เล่นบาสมากี่ปีแล้ว”ที

      “แต่เจก็ไม่เป็นอะไรแล้วหนิครับ”ซัน

      “แล้วถ้าเธอเป็นอะไรไปล่ะ”ที

      “แล้วเจเป็นอะไรรึเปล่าล่ะครับ”ซัน

      “แต่ถ้ามัวแต่เม่ออยู่แบบนี้อีก ก็ไม่แน่หรอกนะ”ที

      “เจจะไม่เป็นอะไรแน่ ถ้าผมยังอยู่ชุมนุมนี้”

      “แล้วฉันจะคอยดู ไอ่คุณหนู”

      “คุณจะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะครับ แต่อย่าว่าเจก็พอ”

      “เลิกเถียงกันซะที ฉันรำคาญ”ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ก็จะไม่ให้ฉันเซ็งได้ไงล่ะ ก็เล่นเถียงกันมาจนถึงหน้าบ้านฉันแล้วเนี่ย

      “ผมไปส่งในบ้านนะ”ซันพูดพรางปลดเข็มขัด และเดินลงมาเปิดประตูให้ฉัน

      “ขอบคุณนะ”ฉันยิ้มให้เขาก่อนที่จะลงจากรถมา และพบกับลิซโซ่ที่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

      “เจ บายๆนะ//เจ บายๆนะ”ทีและซันพูพร้อมกัน และหันกลับไปมองหน้ากัน

      “ฉันพูดก่อน”

      “ผมพูดก่อน”ไม่ยอมใครจริงๆเลย สองคนนี้

      “พอกันทั้งคู่นั่นแหละ”และเสียงที่ทำให้เขาทั้งคู่เงียบไปเลย  และแน่นอนไม่ใช่เสียงฉัน

      “โหย ไอบังแกกล้าพูดแบบนี้เลยใช่ไหม”ทีพูดพรางเปิดประตูรถ ทำท่าจะมีเรื่องกับลิซโซ่ที่ดูงงๆกับการพูดของ ที และแน่นอนเขาฟังไม่ออก

      ฟุบ!

      ไม่ใช่เสียงอะไร เป็นเสียงที่ที อัดลิซโซ่ไป และเขาก็ไปกองอยู่กับพื้นแล้ว

      “ทีไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยหนิ”ฉันพูดพรางรีบวิ่งเข้าไปดูลิซโซ่ ที่ตอนนี้แก้มช้ำละ

      “นี่ เธอปกป้องมันหรอ”ทีพูดพรางเดินเข้ามาแล้วกระชากแขนฉันอย่างแรง

      “ที ปล่อย ฉันเจ็บนะ”ฉันพูดพรางสะบัดมือออก แต่ก็ไม่เป็นผล แรงทีเยอะจริง

      “ที! ผมว่าปล่อยเจเถอะ”ซันที่คำพูดกับหน้าตาสวนทางกันมาก น่าแหมือนกำลังโกรธอยู่แต่คำพูดแล้ว ดูอ่อนโยนมาก จนประมาณว่า เกินไปแล้ว

      “ไม่”ทีหันไปตะคอกใส่ ซัน

      เพี๊ยะ !

      “เลิกบ้าซะที”ฉันตบไปที่แผ่นน่าบางๆ ของทีสุดแรง จนเขาปล่อยมือจากฉัน และฉันก็วิ่งเข้าไปดูลิซโซ่ ที่ดูจะไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะทีเขาอยู่ชมรมมวยไทย และเป็นแชมป์เลยด้วย ฉันละสงสารลิซโซ่จริงๆ เพราะเวลาทีขึ้นที่ไร จำต้องมีเรื่องทุกที

      “ซันพาไอ่บ้านี่กลับไปที”ฉันพูดก่อนที่จะพยุงลิซโซ่เข้าบ้าน

      “ขอโทษนะ ขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วย”ฉันพูดหลังจากที่เขานั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว

      “ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง”ลิซโซ่พูดพรางจับแก้มตัวเองเบาๆ ตอนนี้แก้มเขาเปลี่ยนจากช้ำเป็นมีรอยเลือดบางๆอยู่

      “ลิซโซ่นายกลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อไหร่”ฉันถามพรางหยิบแอลกอฮอมาทำแผลให้เขา

      “อ๋อ ตอนแรกผมเดินกลับบ้าน แล้วแพตตี้เธอก็ขี่รถผ่าน เลยแวะมาส่ง”แพตตี้ไหนวะ คงไม่ใช่ยัยแพตตี้สาวสวยเซ็กซี่ แต่โคตรหยิ่งหรอก(มั้ง) เพราะยัยนั่นหยิ่งจะตายไป ขนาดหนุ่มฮอตอย่างที ยังเคยโดนหล่อนปฏิเสธมาแล้วเลย

      “แพตตี้ไหนอ่ะ”ฉันหันไปถามอย่างสงสัย

      “ก็คนที่สวยๆ ท่าทางหยิ่งแต่แอบใจดี ขี่มินิสีแดง แล้วเธอก็อยู่ห้องเดียวกันกับผมด้วย”ชัดเจนมากยัยแพตตี้ที่ฉันคาดเดาไว้ตั้งแต่ทีแรก แล้วหล่อนยอมให้ลิซโซ่มาด้วยได้ไงนะ ก็หล่อนออกจะหยิ่งซะขนาดนั้นอ่ะ

      “แล้วนายรู้จักเธอได้ไง”

      “ตอนแรกก็ไม่รู้จักหรอก พึ่งจะรู้จักตอนที่ผมเดินกลับบ้าน แล้วอยู่ๆเธอก็ขี่รถมาจอดหน้าผม แล้วก็เรียกผมขึ้นรถ แล้วเธอก็บอกว่าเธอชื่อแพตตี้ แล้วเราก็คุยกันนิดหน่อย”

      “ใจง่าย ไปขึ้นรถกับเขาทั้งที่ไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร”ฉันพูด

      “ก็ผมไม่มีเพื่อนหนิ ถ้าจะหาเพื่อนสักคน คงไม่เสียหายหนิ”ลิซโซ่พูดและก้มหน้าลง

      “ก็ฉันนี่ไงเพื่อนนาย”

      “ไม่ เธอเป็นเพื่อนผมไม่ได้ เธอไม่ใช่เพื่อนผม”ลิซโซ่ค่อยๆหันหน้าขึ้นมามองฉัน

      หัวใจฉันมันตกลงไปที่ ตาตุ่มแล้ว ก็ไอ่คำว่า เธอเป็นเพื่อนผมไม่ได้ เธอไม่ใช่เพื่อนผมนี่แหละ เขาหมายความว่าไงอ่ะ แม้แต่เพื่อนเขาฉันยังเป็นไม่ได้เลยหรอเนี่ย ฉันเริ่มแน่ใจแล้วสิ ว่าที่ฉันเชื่อมาตลอดเรื่องของคนสัญชาตินี้ ว่าฉันจะไม่มีวันญาติดีกับเขาแน่ๆ

      และฉันก็รีบวิ่งขึ้นห้องมาพร้อมกับน้ำที่ไหลจรดแก้มทั้งสองข้างมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้เลยว่าควรจะทำอะไร ฉันควรดีใจไม่ใช่หรอ ก็ฉันไม่ชอบเขาหนิ แล้วทำไมรู้สึกเหมือนอยากตายๆไปเลย แบบนี้นะ

      และเมื่อฉันเริ่มตั้งสติได้ เริ่มห้ามน้ำตาให้หยุดไหลได้แล้ว ฉันก็ค่อยๆรวบรวมความกล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ว โทรหาเขา แต่ก่อนที่ฉันจะโทรหาเขาอยู่ๆมี้ก็โทรเข้ามาซะก่อนแล้วบอกว่า วันนี้มี้ไม่กลับบ้านนะ ลูก อยู่คนเดียวได้นะ ดึกๆเจเรมี่น่าจะกลับถึงบ้าน อย่าลืมทานข้าวนะ แค่นี้แหละ แล้วก็ตัดสายไปเลย และฉันก็กดไปที่เบอร์ห้องของเขา ลิซโซ่ ก็ฉันไม่มีบอร์เขาหนิ

      ฉันรออยู่สักพักก่อนที่เขาจะรับ

      (สวัสดีครับ) ลิซโซ่พูด ภาษาไทยชัดเจน

      “มาหาฉันที่บ้านหน่อยสิ”ฉันพูดเบาๆ และพยายามข่มไม่ให้น้ำตาไหลอีก

      (ขอโทษนะ ผมมีแขก แต่ถ้ายังไงเดี๋ยวผมไปหา )

      “ไม่เป็นไร ถ้านายมีแขก ฉันไม่รบกวนก็ได้”พูดจบฉันก็วางสายไปเลย

      และฉันก็เดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อเช็คข่าวสารอะไรบ้าง เพราะฉันไม่อยากคิดเรื่องเมื่อเย็น ยิ่งคิดน้ำตาเจ้ากรรมมันก็ไหลไม่หยุดเลย

      แต่อ้าว! เห้ย ใครปิดเร้าเตอร์วะ

      และฉันก็จำต้องลงไปด้านล่างเพื่อไปเปิดเร้าเตอร์อินเตอร์เน็ต

      ฉันเดินลงไปเปิดเร้าเตอร์เสร็จก็ขึ้นห้องไปทันที เพราะช่วงนี้ อาการเย็นมาก เพราะมันอยู่ในช่วงต้นฤดูหนาว  คนโสดก็จำต้องนอนกอดตัวเองต่อไป

      อยู่คนเดียว…’ฉันร้องเพลงลั่นขณะที่กำลัง เดินขึ้นบันไดไป  เพราะถึงยังไงก็ไม่มีใครได้ยิน นอกซะจากคนในบ้านแต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในบ้านเลย ก็ไม่ต้องกลัว

      อยู่ลำพังหว่าเว้!!!!!!’ ฉันตะโกนสุดเสียง พร้อมกับน้ำตา ที่ค่อยๆไหลออกมาด้วย  เป็นไรของฉันเนี่ย

      “มาอยู่เป็นเพื่อนแล้วนี่ไง”เห้ย! เสียงใครอ่า

      และฉันก็รีบหันขวับไปทันที

      “ลิซโซ่!”ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆ

      “ผมไม่รู้ว่า เธออยู่บ้านคนเดียว ขอโทษนะ”ลิซโซ่พูดจบก็ค่อยๆเดินเข้ามาโอบฉัน ก่อนที่จะผละกอดและยิ้มให้

      “แค่นายมาฉันก็ดีใจแล้ว”และอยู่ๆน้ำตามันก็ไหลมาหนักกว่าเดิม

      “อย่าร้องไห้สิ”เขาลูบหัวฉันเบาๆ  “ลงไปข้างล่างดีกว่า ผมอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง จนกว่าเจเรมี่จะมาเลย” ฉันยิ้มแทนคำพูดและเดินลงไปด้านล่าง

       

      “บอก ผมได้ไหม ว่าเธอเป็นอะไร”ลิซโซ่ถามพรางทัดผมให้ฉัน

      “ก็นายบอกว่าฉันเป็นเพื่อนนายไม่ได้ ฉันไม่ใช่เพื่อนนาย”พูดจบฉันพยายามกลั้นน้ำตาและก้มหน้า  ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เสยคาง ฉันขึ้นเบาๆ 

      “ที่ผมบอกว่า เธอเป็นเพื่อนผมไม่ได้ เธอไม่ใช่เพื่อนผมเนี่ย เพราะผมไม่รู้สึกกับเธอแค่เพื่อน ผมรู้สึกกับเธอมากกว่านั้น เจน่า”

      “แล้วทำไมนายไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้”ฉันว่า

      “ผมก็คิดว่าเธอจะรู้”เขาพูดพรางยิ้มแบบมีเลศนัย

      “ยิ้มอะไรย่ะ”ว่าแล้วฉันก็ทุบอกเขาเบาๆ

      “ก็เธอสวยอ่ะ”

      “ปากหวาน”

      “รู้ได้ไง”

      “ก็นี่ไง”พูดจบฉันก็จุ๊บเบาๆที่ปากเขา (แอบหื่น) ก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมา และกระซิบข้างหูเขาเบาๆ

      “ฉันรักนายนะ”

      “ผมรักกว่า”พูดจบเขาก็สวมกอดฉันแบบจริงจัง เล่นเอาฉันเกือบหายใจไม่ออกเลย

       

       

      THE END

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×