The King of Dark continent - นิยาย The King of Dark continent : Dek-D.com - Writer
×

    The King of Dark continent

    เด็กสาวกับภาระที่ต้องแบกรับ หน้าที่ ครอบครัว และมิตรภาพ การแก้แค้น

    ผู้เข้าชมรวม

    53

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    53

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  17 ส.ค. 63 / 11:06 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    สายลมดึกหอมเอาหมอกทางเหนือมาล้อมรอบภูสูง คืนนี้เมฆหนาจับตัวเป็นกลุ่มก้อน แต่ก็ยังสามารถมองเห็นแสงเดือนแสงดาวภายใต้หมู่ไม้ได้อยู่ เวราส ...... กำลังก้าวย่างไปตามแนวหินกรวด ข้างธารน้ำสายเล็ก ต่ำลงไปเบื้องล่างหมาป่าสองตัวกำลังติดตามรอยมาอย่างประชั้นชิด บนก้อนหินใหญ่นั่นมันนั่งปรึกษากันอยู่ การรอจังหวะกับโอกาสเหมาะๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ค่อนข้างได้เปรียบสำหรับผู้ล่า เวราส ยังคงย่ำเท้าเล่นทรายอย่างเพลิดเพลิน สีจันทร์นวลฉายแสงลงมาทาบทากับแผงขนเป็นมันวาวตั้งแต่หัวจดปลายหาง ยิ่งทำให้มองเห็นทรวดทรง ที่อัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ มันเป็นม้าตัวสูงใหญ่ดูสง่างามยิ่ง

    “ นี่ก็ดึกแล้ว กลับบ้านดีกว่า เดี่ยวจะพลาด’’ เจ้าม้า บอกกับตัวเอง แล้ว ผละเดินออกห่างหมาป่าสองตัวนั้นไป จังหวะนี้มันลุกขึ้น เตรียมพร้อมในท่าหมอบมันเผยอริมฝีปากออกน้ำลายเหนียวหนืดไหลผ่านไรฟันและปอยขนขนหลอมแหลมอยู่รอบคางหยดย้อยลงบนก้อนหินดูสกปกน่าเกลียดยิ่ง มันกำลังจะกระโดดเข้าใส่เมื่อ เวราส เข้ามาอยู่ในระยะสังหารระหว่างทางแคบๆ แต่แล้วหมาสองตัวก็เปลี่ยนใจขึ้นมาอย่างกระทันหัน

    “ใครจะกล้า” มันว่า “เสียดายก็เสียดาย” มองตามหลังม้าหนุ่ม เดินข้ามทางน้ำ เข้าแนวหมู่ไม้หายไปในความมืด

    “ชิไอ้หมาป่าสองตัวนี้” ขณะเดินข้ามลำธารสายที่สอง มีดอกไม้กลางคืนโบกกลีบดอกเล่นน้ำค้างอยู่รอบๆรายทาง

    ในความมืดสลัว เจ้าม้าดูมีความสุขและรื่นเริงเมื่อมาถึงที่หมายแล้ว ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาไปตามดงหมอกกับหย่อมหญ้าขึ้นลูกเนินไป พร้อมกับเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

    “ วันนี้ก็เป็นดั่งทุกวันที่ผ่านมา

    ตะวันลูกเก่ากับวันใหม่

    รอคอยเวลายามรุ่งอรุณ ฮืม ฮืม ฮืม

    ระหว่างนี้ช่างแสนสุขเหลือเกิน

    ช่างมีความสุขเหลือเกิน

    คืนนี้มีผู้เฒ่า อยู่เป็นเพื่อนจันทร์

    และแสงนั่นจะนำทางหากมืดหม่น

    แสงนั้นจะเยียวยา แสงนั้นจะเยียวยา ฮืม ฮืม

    ความเป็นคน จะกลับมา จะกลับมา ”

    จากเสียงฮำเพลงนี้ ว่ากันว่าเป็นเสียงของพวกภูติป่า ยิ่งที่ใดมีความสุขสงบ ไม่มีมนุษย์เข้าไปวุ่นวายเหมือนในเมืองใหญ่ ที่นั่นก็จะปราศจากการตัดโครนต้นไม่ ขุดแร่ ระเบิดหิน หาก ไม่มีการทำลายบ้านของเหล่าภูติแล้ว ว่ากันว่าทั้งบทเพลงการร่ายรำอันแสนไพเราะจะดังแทรกผ่านผิวต้นไม้ ยอดหญ้า และก้อนหิน ออกมาตลอดทั้งคืน แต่ก็มีคนเล่าว่า ในดินแดนรกร้าง เต็มไปด้วยเสียงครวญคาง โหยหวนเงียบเหงาหว้าเหว่ ของพวกวิญญาณ ความรู้สึกเจ็บปวดทนข์ทุกดั่งถูกหอกแหลมคมปักทิมอกยามศึกสงครามของเหล่านักรบจะถูกกลั่นออกมาจากห่วงลึกที่สุดเหมือนความทุกข์ทรมานนั้นมันออกมาจากตัวเราเอง บางคนถึงกับฆ่าตัวตัวเพาะทนไม่ไหวและหลายคนก็กลายเป็นคนบ้า

    ดินแดน มิสซิปส์รี่ ตอนนี่เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชิวิตที่ค่อนข้างหลากหลายทั้งมนุษย์คนเมือง คนป่า ชนที่ราบ คนแคะ และเหล่าภูตป่า ยิ่งผืนดินกินอาณาเขตกว้างมากเท่าไหร่ความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธ์ก็ยิ่งมีมากขึ้น ทางตอนใต้ไกลออกไปอีกฝั่งท้องทะเล คือดินแดนแห่งไฟ ภูเขาท้องทุ่งถูกปกคุมด้วยลาวา ความร้อนระอุพร้อมจะเกรี้ยวกราดได้เสมอตาแก่ขี้เหล้าบอกว่าตัวเองเคยไปที่นั่นมันมีผีคอยจ้องเอาชีวิตผู้คนอยู่ตลอดเวลา อย่างว่าเราจะเชื่ออะไรมากกับคนเมาแต่สิ่งที่เป็นจริงและมีความน่าเชื่อถือมากกว่าคือฝั่งทางเหนือและตะวันตกเดอะเอิร์ทแผ่นดินแห่งความเหน็บหนาวที่คงความคฤโหดชนิดที่ว่า มีกลุ่มคนยืนแข็งทั้งหมู่บ้านมาแล้ว เขาว่า อย่าหยุดการเคลื่อนไหวเพาะถ้าเจ้ายืนนิ่งเพียงเสี้ยววินาที เจ้าจะถูกความหนาวฆ่าได้

    ต้นโอ๊คโบราณขนาดใหญ่ยืนต้นตระหง่านดูน่าเกรงขามภายใต้กิ่งก้านมีที่ว่างพอให้แสงจันทร์ส่องทะรุแทรกผ่านใบลงสู่พื้นดินได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น

    “ เวราส เจ้ายังอยู่ใช้ไหม คืนนี้หวังว่าเจ้าคงไม่หนีเที่ยวหรอกนะ เอาหละเจ้านอนได้แล้วเพาะข้างก็ต้องพักผ่อน “ เสียงของชายคนหนึ่งดังออกมาจากบ้านไม้ เวลายิ่งดึกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหนาวมากขึ้นเท่านั้น แสงไฟที่เล็ดลอดออกมากทางรอยแตกของประตูค่อยๆหรี่แส่งลง จนในที่สุดความมืดก็ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มภาคภูมิ

    แดดยามเช้าช่างอ่อนแรงปวกเปลียกเหลือเกินเมื่อฤดูหนาวกำลังมาถึง ทั่วทั้งหุบเขา เริ่มมีน้ำแข็งเกาะเป็นหย่อมๆ จากยอดโอ๊คสูงชะลูดลงมาสู่โคลบต้น ประกอบด้วยแขนงรากหยาบกร้านโผล่พ้นดินแหว่งเหว้าไปตามทรวดทรงตามแต่หัวใจแห่งรากจะซอนไซน์ไป รากฝั่งทางทิศตะวันออกยื่นยาวออกมาขนานกันเป็นรูปสามเหลื่อมมีบ้านไม้หลังหนึ่งถูกสร้างขึ้นบนรากนั้น ในยามนี่หากมองจากที่ไกลๆแทบไม่เหลือสภาพความเป็นตัวบ้านให้เห็นด้วยว่าเหล่าเครือไม้พากันออกดอกสีขาวอมชมพูบานสะพั่งคลุมหลังคาบางเครือห้อยย้อยลงสู่พื้นดินช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่ง จะว่ามันไม่น่าอยู่ก็ไม่ใช่แม้บ้านบนภูสูงหลังนี้จะตั้งอยู่ใต้ร่มไม้อย่างโดดเดี่ยวทรามกลางความเงียบงันที่นานๆที่จะมีคนมาเยี่ยมเยือนก็ตาม หากได้เปิดประตูเข้าไปข้างในจะเห็นผนังออกสีส้มอ่อนเป็นดินเผาฝังหินหลากสีเม็ดเล็กใหญ่ไล่ระดับสวยงามมีของตกแต่งคือชุดตั้งเทียนเสียบติดผนัง ส่วนสองห้องนอนอยู่ทางซ้ายของโถงทางเดิน มีเตียงทำจากไม้ซีดานผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่มสีเทานุ่มๆพับเก็บเรียบร้อยผนังข้างเตียงนอนมีที่แขวนผ้า หีบเก็บของ ชุดโต๊ะอาวุธ ค้อน ขวาน มีดสั้น เครื่องหนัง และดาบเล่มยาวอยู่ในฝักสีดำไม่มีลวดลายใดๆ มีของจุกจิกหลายอย่างที่นานๆครั้งเจ้าของจะเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ส่วนห้องครัวเปิดโล่งกับห้องโถง มีโต๊ะตู้สำหรับใส่อาหาร จำพวก ขนมปัง เนย ชีส ผลไม่สด และอบแห้ง จำพวกเบอร์รี่ แอปเปิ้ล เห็ดสด หัวมันและเตาผิงไฟอุ่น เนื้อตากแห้งและของกินอื่นๆที่กล่าวมาไม่หมดซึ่งมีมากโขเลยที่เดียวโดยเฉพาะไวท์ ในถังไม้ที่เขาชอบนั่งจิบทุกๆคืนก่อนนอน ....ของกินทั้งหลายแหล่ส่วนมากถูกส่งมาจากเมืองใหญ่ บางอย่างเขาเป็นคนหามาเอง เพียงแค่นี่ก็เพียงพอสำหรับเขา โดยไม่ต้องดิ้นรนหาเสบียงกักตุนเขาก็สามารถมีชีวิตโดยไม่ต้องอดตายเหมือนพวกไร้บ้านจนสิ้นฤดูหนาวแล้วหละ

    แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ .....แรงพอละลายเกล็ดน้ำแข็งบางๆให้กลายเป็นหยดน้ำไหลผ่านกลิ่งกล้านหมู่ไม้ใบหญ้าอยู่เนืองๆ

    “ บทเพลงจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจเรา สำหรับเช้านี้ ” เจ้าของเสียงนั้งอยู่ที่มุมจิบน้ำชาเป็นประจำทุกเช้า ควันไฟในเตาผิงกับกลิ่งอายอันหอมกลุ่นของชาดอกโดริส ร้อนๆช่างเข้ากับบรรยากาศอันเย็นชื้นในยามรุ่งอรุณยิ่ง

    ( ดอกโดริส เป็นชาชั้นเลิศหนึ่งในหกชาที่เขาชอบดื่ม โดริสจะขึ้นข้างลำธาร นำเอาดอกสีขาวติดใบอ่อนมาอบไอน้ำเพื่อลดความขมของชาในหม้อดินทิ้งไว้สักพักก็เอามาชงดื่มได้แล้ว บางคนจะชอบแบบดอกสดๆต้มในกาน้ำร้อนก็จะได้รสชาติเข้มไปอีกแบบ แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพาะกลิ่นหอมไม่ค่อยจะมี ชาอีกห้าชนิดที่เหลือ คือ ซิโอร่า ชาดู ค่อนไปทางหวานนิดๆ เบอร์ดารูส ชาดอกใบชาว สองอย่างนี้ก็รสชาติดีไม่แพ้กัน ดอกออกสีเหลืองใบขาวกลิ่นดอกสดหอมอบอวนหากดื่มในช่วงฤดูร้อนหละก็เลิศรสที่เดียว สุดท้ายคือ ชาดอกเห็ดดอกเล็กมากมีหลายสีชนิดนี้ค่อนข้างหายากว่ากันว่าจะหาได้ต้องเข้าไปเอาในดินแดนภูติเท่านั้น แล้เขาก็ชอบอย่างหลังนี้มาก )

    ควันจากปาองยาสูบถูกพ่นออกมานอกหน้าต่างลอยหานไปในอากาศเสียงไฟกินฟืนในเตาแตกเสมือนจะจงใจทำลายความเงียบของการสนทนาไปชั่วขณะ

    “ วันนี้เป็นวันที่ดี ” เวย์ คลาสไวท์ เอ่ยปากกับ ไซแอนท์ โค หนึ่งในสหายที่คบหาสมาคมด้วย

    “ ช่วงนี้มีเรื่องยุ่งๆ ข้าคงมีเวลาไปร่วมงานเลี้ยงอยู่หรอก ” เขาว่ามาอีก เวย์เป็นชายหนุ่มอยู่ในวัยยี่สิบต้นแต่ ไซ แอนท์โค แก่กว่าห้าปี เวย์ มีผมหยักศกดกดำสั้นปะบ่าใบหน้าเกรี้ยงเกลาคิ้วหนามีดวงตาค่อนข้างแข็งกร้าว ที่บ้านนี้ดูสงบสุขเขาชอบใช่ชีวิตสันโดษไม่ต้องตื่นมาแต่เช้าเพื่อเจอความวุ่นวายกับผู้คน และตาแก่นั้น กับพวกก็หายหน้าไปนาน

    “ คงไม่ใช่เรื่องร้ายๆอย่างว่า สงครามมันจบแล้ว เวย์และข้าก็มีภาระ ในฐานะโค เรื่องเล่าต่างๆข้าฟังมาเยอะแต่ละวันมันมีมากกว่าอายุข้าซะอีกและข้าคิดว่าเจ้าจะว่างเพื่อข้าสหาย ” ไซแอนท์ โค ทักท่วงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ คลาส ปฏิเสธคำเชิญ

    “ สงครามเกิดได้ทุกเมื่อ มีบางอย่างทางใต้ที่ผิดปกติ ...อย่างน้อยข้าก็ไม่มีเหตุผลอะไรในเมื่อทุกอย่างยังราบรื่นอยู่ ไม่มีใครเชื่อว่าหมาสองขามีอยู่จริง นอกจากพวกทางเหนือที่เคยสู้รบกับพวกมันใช่เจ้าอาจสงสัยว่าคนทางเหนือเป็นใคร พวกเข้าก็อยู่ในเรื่องที่ตาเฒ่าเคยเล่าให้เจ้าฟังยังไงหละ ข้าเริ่มเลอะเทอะแล้วสิ ” เวย์ หัวเราะ หึ หึ

    “ ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอเหมือนอย่างที่เจ้าบอก พวกคนเมืองเล่นลิ้นกับเราและข้าก็โง่เขลา อ่า....โทษทีสหายแล้วสารนั้นต้องขออภัยอย่าว่าข้าสอดรู้เลย ข้าเห็นเจ้านั่งมองนานแล้ว ” ไซแอนท์ โค ถามอย่างสงสัย

    “ แผ่นที่มิสซิปส์รี่ ตาแก่ส่งมาให้ข้าบอกว่าข้าควรศึกษามันการรู้จักเส้นทางและผังเมืองมันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และขาก็ต้องทำงานหนักอยู่กับเรื่องพวกนี้ตาแก่บ้านั้นเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เด็ก ”

    “ เขาเหมือนพ่อเจ้า ”

    “ คงงั้น ” เวย์ สูบปล่องยาแล้วพ่นควันออก ท่านลุงหายไปนาน จดหมายฉบับล่าสุดที่ส่งมาบอก ให้รออยู่ที่บ้าน

    “ ข้าต้องขอตัวแล้วหละ ปู่ข้าขี้บ่นและข้าก็จะโดนสวดยับถ้ายังไม่กลับไปหาเขา เอ่อ เขาอยากให้เจ้ากับท่านลุงไปร่วมงานเลี้ยงจริงๆนะ ว่าจะขึ้นมาลากเจ้าลงไปเองแต่ข้าคิดว่าคงหมดแรงตายก่อนถึงตีนเขาแน่ๆ” ไซแอนท์ โค ลุกขึ้น

    “ อ่า” เวย์ หัวเราะและโบกมือลา ดูดยาสูบพ่นควันออกมองตามหลังสหายขี่ม้าลงเนินเขาไป

    ................................................................................................................................

    ข้างทางที่ไซแอนท์ โค ควบม้าผ่านหมาป่าสองตัวนั้นกำลังมุ่งหน้าลงไปทางตอนใต้ กลิ่นเหล็กดำถูกลาวาเผา สิ่งนี่แหละที่พวกมันตามหาและไม่รอช้าข่าวจะถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว ในวันนั้นหมาหลายตัวจากทุกที่มารวมตัว มันหอนรับกันไประยะบนหน้าผานั้นหมาตัวใหญ่คือจ่าฝูง ลุงโอรี หยุดม้าเพื่อฟังเสียงเบื่องหน้าเป็นเขตชุมชนหน้าด่านมองเห็นแสงจากครบไฟอยู่ไกลๆ แกรู้สึกหวั่นใจมีบางอย่างผิดปกติ เสียงหมาหอนคล้ายกับลางบอกเหตุว่ามันไม่สู่ดีนัก หมามาเป็นฝูงและพวกมันต่างจากหมาป่าทั่วไปแกสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวเพื่อนที่แยกตัวออกไปทำธุระยังไม่กลับมา จุดนัดพบคือริมน้ำนอกเมืองการอดทนรอคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้และพวกหมาก็ยังคงเสียงหอนอยู่  

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น