ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Attack On Titan Fic:Levi x Eren } My sweet puppy

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่สิบเจ็ด เพื่อนบ้าน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 778
      15
      23 ก.ค. 57

    บทที่สิบเจ็ด เพื่อนบ้าน

     

    เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้นเด็กนักเรียนต่างพากันเก็บกระเป๋าแล้วทยอยออกจากห้องไปทีละคน สองคน อาร์มินเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มพวกนั้นด้วย

    “จะกลับแล้วเหรออาร์มิน” ผมหันไปทักก่อนที่เจ้าตัวเขาจะเดินพ้นประตูห้อง ขาเล็กๆสั้นๆนั่นไวชะมัด

    “มีธุระน่ะ ต้องรีบไป แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะเอเลน” อาร์มินหันมาโบกมือให้ก่อนจะเดินหายออกไป

    “น่าๆ อย่าสนใจมันมากนักเลยน่า วันนี้มีการ์ตูนออกใหม่ แกไปกับฉันนะ” แจนเดินเข้ามาล็อคคอผมแล้วลากให้ออกเดินไปด้วยกัน

    “แต่ฉันยังไม่ได้บอกพี่รีไวเลยนะ”

    “แล้วค่อยไลน์ไปบอกก็ได้น่า”

     

    และสุดท้ายผมก็ต้องถูกแจนลากมาถึงร้านหนังสือร้านประจำจนได้ ถ้าพี่รีไวโมโห ผมจะบอกให้มาจัดการกับแจนเลยคอยดูสิ ในขณะที่แจนกำลังตะลุยบุกโซนการ์ตูนผมก็เดินแยกออกมาอีกโซน คู่มือสำหรับเตรียมสอบวางเรียงรายกันจนเต็มชั้น แล้วเล่มไหนกันนะที่จะเหมาะกับคนเตรียมสอบแพทย์กัน

    “อืม......ความถนัดทางการแพทย์” ผมกำลังจะหยิบหนังสือปกสีม่วงที่มีรูปหมอโชว์หราอยู่บนหน้าปกออกมาแต่กลับมีเสียงทักจากด้านหลังขึ้นมาเสียก่อน

    “ถ้าความถนัดทางการแพทย์แล้วล่ะก็ เล่มนี้ดีกว่านะอ่านเข้าใจง่ายกว่า แล้วยังรวมความถนัดด้านทันตแพทย์เอาไว้ด้วย” หนังสือปกเขียวเรียบๆถูกยื่นมาให้ผม เมื่อเงยหน้าขึ้นผมก็เจอกับพี่ชายร่างสูงที่สูงมาก แถมยังมีหน้าตาท่าทางใจดีสุดๆไปเลยด้วย

    “ขอบคุณครับ” ผมตอบไปเบาๆขณะที่รับหนังสือมา

    “กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยเหรอ” พี่ชายคนนั้นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง เขาเป็นคนยิ้มเก่งจนผมถึงกับเผลอยิ้มตามเลยทีเดียว

    “เปล่าหรอกครับ ผมจะซื้อไปฝากพี่ชาย กว่าจะถึงเวลาของผมก็อีกตั้งสองปี”

    “แต่เตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็ดีนะ พอถึงเวลาจริงๆจะได้ไม่ลน”

    “จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจเลยครับว่าอยากจะเป็นอะไร”

    “ยังมีเวลาให้คิดอีกนานล่ะนะ”

    “ก็นั่นสินะครับ” ขณะที่กำลังคุยกับพี่ชายแปลกหน้าอยู่ ผมบังเอิญเหลือบไปเห็นแจนมันจ่ายเงินค่าหนังสือแล้วรีบวิ่งออกจากร้านไปทันที จะรีบไปไหนของมันกันเนี่ย

    “แจน!!! จะไปไหนนั่น” ผมตะโกนไล่หลังตามแจนที่วิ่งลิ่วห่างออกไปเรื่อยๆ

    “เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ แยกกันตรงนี้นะเอเลน เจอกันพรุ่งนี้”

    แจนมันหันมาโบกมือสั่งลากับผม ทั้งๆที่มันเป็นคนชวนผมมาเองแท้ๆ ผมจ่ายเงินค่าหนังสือและเดินออกจากร้านไปโดยที่ลืมพี่ชายแปลกหน้าผู้ใจดีคนนั้นไปสนิท รีบกลับบ้านไปทำอาหารรอพี่รีไวดีกว่า

     

    ยามเมื่อเด็กหนุ่มร่างบางหอบหนังสือเล่มโตเดินผ่านกระจกหน้าร้านไป สายตาคมยังคงจับจ้องใบหน้าขาวใสน่าเอ็นดูนั้นไม่วางตา มือใหญ่เผลอตัวยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บภาพเสี้ยวหน้าด้านข้างของเด็กหนุ่มไว้ได้พอดี แอบรู้สึกตกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกันว่าเป็นไปได้ขนาดนี้เชียวเหรอ แต่แค่นั้นยังไม่พอเจ้าตัวดันเซ็ทเป็นวอลเปเปอร์หน้าจอไปเรียบร้อย

    เบลทรูทได้แต่มองตามแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่เริ่มกลืนหายไปกับฝูงชน

    “ลืมถามชื่อเสียสนิท.......จะได้เจอกันอีกมั้ยน้า!!!

     

    แจนที่วิ่งกระหืดกระหอบมาแทบจะตลอดทางเกือบจะตัดใจย้อนกลับบ้านไปเสียแล้วเมื่อคลาดกับเป้าหมายที่ตนได้แอบตามมา

    “ขอบคุณมากครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ!!!

    แว่วเสียงกล่าวขอบคุณ อาร์มินที่ถือช่อดอกคาร์เนชั่นสีชมพูช่อเล็กก็เดินออกมาจากร้านดอกไม้ข้างทางซึ่งทำให้แจนต้องรีบหลบแทบไม่ทัน สีหน้าท่าทางของเจ้าตัวดูยิ้มแย้มจนเกินความจำเป็น

    อะไรกัน!!! มันจะไปหาสาวเหรอ......ถ้ามีแฟนอยู่แล้วจะมาเกาะแกะกับเอเลนเพื่ออะไรกันวะ......

    ตัดสินใจแอบตามต่อไปเงียบๆ บางทีอาจจะมีหลักฐานไว้แบล็คเมล์เจ้าหมอนี่ไม่ให้มายุ่งย่ามวุ่นวายกับเอเลนอีกก็ได้ แต่ยิ่งอาร์มินเดินไปไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งห่างจากเมืองออกไปทุกที

    ไม่เคยมาแถวนี้เลยแฮะ เจ้านั่นมันจะไปไหนกันแน่เนี่ย

    แจนยังคงสะกดรอยตามไปเรื่อยๆจนมาถึงสิ่งปลูกสร้างสีขาวขนาดใหญ่ ตึกชั้นเดียวที่ถูกสร้างเป็นแถวยาวถูกล้อมรอบไปด้วยรั้วรอบขอบชิดแน่นหนา อาคารแต่ละฝั่งถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจนและมีรั้วกั้น ที่สนามหญ้าหน้าอาคารมีผู้หญิงสวมชุดผู้ป่วยสีขาวหลายคนบ้างก็เดินเล่น นั่งเล่น บ้างก็กำลังพูดพึมพำอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว อาร์มินเดินเข้าไปในอาคารหลังนั้นในขณะที่แจนเริ่มลังเล เพราะป้ายที่หน้าประตูได้เขียนบอกเอาไว้ว่าสถานที่แห่งนี้คือ

     

    สถานบำบัดผู้ป่วยทางจิต

     

    อาร์มินเดินผ่านประตูรั้วที่ถูกปิดอย่างแน่นหนาเข้าไปยังส่วนที่เป็นสนามหญ้าเอาไว้นั่งเล่น เด็กหนุ่มเดินตรงเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนที่นั่งนิ่งอยู่บนม้านั่ง สีหน้าของเธอดูเลื่อนลอยและมองเหม่อ อาร์มินคุกเข่าลงนั่งตรงหน้าเธอแล้วกุมมือไว้แน่น

    “วันนี้อากาศดีนะครับ ผมซื้อดอกไม้มาฝากด้วย” มือเรียววางคาร์เนชั่นช่อเล็กลงบนมือของหญิงผู้นั้น เธอหันมามองสบตากับเด็กหนุ่มเพียงชั่วครู่ก่อนจะมองเลยผ่านไปไกล

    “ตอนนี้ผมย้ายโรงเรียนแล้วนะครับ อยู่ไม่ไกลมาก วันนี้จะย้ายเข้าห้องพักใหม่ด้วย หลังจากนี้ผมคงมาที่นี่ได้ทุกวัน ดีใจมั้ยครับ” อาร์มินเงยหน้ากล่าวกับผู้หญิงคนนั้น น้ำแสงแหบแห้งฟังดูสั่นเครือ ดวงตากลมโตเคลือบไปด้วยหยดน้ำวาววับซึ่งเจ้าตัวพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้มันไหลออกมา

    ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน อายุค่อนข้างต่างกันมากแบบนั้นคงไม่ใช่แฟนแน่ๆ แต่ดูๆไปแล้วสองคนนั้นก็มีใบหน้าละม้ายคล้ายกันอยู่ไม่น้อย.... แจนครุ่นคิดขณะที่แอบขยับตัวเข้าไปใกล้ทั้งสองคนมากขึ้นเพื่อจะฟังบทสนทนาได้ถนัด

    “กินยาครบใช่มั้ยครับ ตอนกลางคืนนอนหลับดีรึเปล่า พักผ่อนเยอะๆนะครับ ไว้หายดีแล้วผมจะพาแม่ออกไปอยู่กับผม เงินที่ผู้ชายคนนั้นส่งมาให้ทุกเดือนผมยังเก็บไว้ทั้งหมด แม่ไม่ต้องห่วงว่าจะลำบากนะครับ หลังเลิกเรียนผมจะทำงานพิเศษเพิ่มด้วย แล้วพอเก็บเงินได้มากพอผมก็จะส่งคืนผู้ชายคนนั้นทั้งหมด ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเราอีก แม่ต้องรีบหายนะครับ” อาร์มินกุมมือของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาแนบแก้มขณะที่ซบหน้าลงกับตักของเธอ

    “ออกไปอยู่ด้วยกันนะครับ”

    น้ำตาหยดเล็กรินไหลอาบใบหน้าเรียวอย่างเงียบงัน อาร์มินโอบแขนกอดร่างผู้หญิงคนนั้นไว้แน่นแต่เธอกลับไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ

    “รีบๆหายนะครับแม่”

     

    แม้จะเปิดหน้าหนังสือทิ้งเอาไว้แต่แจนกลับไม่สามารถรวบรวมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้าได้เลย ภาพอาร์มินที่ร้องไห้ซุกตักมารดายังคงตามรบกวนจิตใจเขาไม่ห่าง

    เห็นแล้วก็รู้สึกหดหู่ไปด้วยแฮะ........

    ร่างสูงทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างเหนื่อยหน่าย พลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบราวกับคิดไม่ตก

    “เย็นชา ใสซื่อ เศร้าสร้อย........อย่างไหนที่เป็นตัวจริงของนายกันแน่วะ อาร์มิน”

     

    เสียงหม้อน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ กับกลิ่นหอมๆของซุปมิโสะลอยอวนออกไปไกลถึงหน้าประตู รีไวเดินตามกลิ่นหอมเข้าไปยังห้องครัวที่มีร่างเพรียวบางของน้องชาย(ไม่แท้)ที่ควบตำแหน่งคนรักหมาดๆสวมผ้ากันเปื้อนปรุงรสน้ำซุปในหม้ออยู่เพลินๆแม้แต่ตอนที่เขาเปิดประตูเข้าบ้านมาก็ยังไม่รู้สึกตัว พอมองเห็นหลังคอขาวๆที่โผล่พ้นเสื้อยืดสีเข้มออกมาก็อดไม่ได้ที่จะแทะเล็ม ฟันคมขบเม้มลงบนหลังคอขาวเนียนเข้าเต็มรัก แม้จะไม่ได้แรงมากแต่ก็ทำเอาคนที่กำลังจดจ่อกับการทำอาหารถึงกับร้องเสียงหลง

    “ตกใจหมดเลยครับ พี่กลับมาถึงนานแล้วหรือครับ”

    “ก็เพิ่งมาถึงนี่แหละ ทำอะไรอยู่ หอมดีนะ”

    “ซุปมิโสะครับ ผมทำข้าวห่อไข่ไว้แล้ว เลยคิดว่าจะทำซุปมิโสะเพิ่มอีกหน่อย” เอเลนตอบขณะที่ตักซุปในหม้อขึ้นมาชิม

    “ลองชิมดูสิครับ พี่ว่ารสชาติโอเครึเปล่า”

    รีไวคว้ามือเรียวที่ยื่นช้อนตักน้ำซุปมาถือไว้ รวบร่างบางเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแล้วทาบริมฝีปากประกบกลีบปากบาง ลิ้นอุ่นโลมเลียผ่านปากบางรุกไล้เข้าไปยังโพรงปากหวานสัมผัสหยอกเย้าเบาๆแล้วยิ้มกริ่ม มือใหญ่เช็ดปาดคราบน้ำใสบนมุมปากของเด็กน้อยในอ้อมกอดมาไล้เลียนิ้วเล่น

    “รสชาติใช้ได้แล้วล่ะ หวานกำลังดี”

    “ผมให้ชิมซุปนะครับ ไม่ใช่ชิมปากผมซักหน่อย” เอเลนปิดปากบ่นเสียงเบาขณะที่ทำหน้ามุ่ย

    “ก็ไม่บอกให้เคลียร์ว่าให้ชิมอะไร เห็นอะไรน่ากินพี่ก็จะชิมอันนั้นนั่นแหละ”

    “ไปอาบน้ำเถอะครับ แล้วจะได้ออกมากินข้าวกัน” ว่าพลางดันหลังคนชอบฉวยโอกาสให้หายเข้าห้องนอนไปเสียพ้นๆ พักหลังๆนี่ชักจะถูกรุกหนักขึ้นเรื่อยๆสิน่า

    ขณะที่กำลังเริ่มจัดอาหารขึ้นตั้งโต๊ะก็รู้สึกเหมือนว่าจะได้ยินเสียงดังตึงตังแว่วๆอยู่หน้าห้อง ตอนแรกว่าจะไม่สนใจแล้วแต่เสียงที่ดังเหมือนกับของหนักๆตกกระแทกพื้นแบบนั้น อาจจะมีใครเป็นอะไรก็ได้

     

    เมื่อผมเปิดประตูออกไปดูก็พบกล่องกระดาษใบใหญ่ที่ล้มคว่ำอยู่บนพื้น มีใครบางคนกำลังก้มๆเงยๆเก็บของที่หล่นเกลื่อนอยู่ใกล้ๆ

    “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ”

    “ไม่จำเป็น!!!

    ผมกำลังคิดจะเข้าไปช่วย แต่น้ำเสียงห้วนสั้นที่ฟังดูไม่สบอารมณ์แบบนั้นทำให้ผมไม่กล้าเข้าไปยุ่ง แต่เดี๋ยวนะ แผ่นหลังเล็กๆทรงผมทรงนั้นมันดูคุ้นๆแฮะ

    “อาร์มิน?”

    “อ....เอเลน!!!

    พอผมทักไปเจ้าของชื่อก็หันหน้าตื่นๆมาหาผมทันที เราต่างก็อึ้งกันไปชั่วครู่ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา

    “ที่แท้คนเช่าห้องคนใหม่ก็เป็นนายนี่เอง”

    “บังเอิญจริงนะ เอเลนก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ”

    “ก็นะ ห้องติดกันนี่แหละ แต่ตกใจเหมือนกันแฮะที่เป็นอาร์มิน”

    “ฉันก็ตกใจ.....ไม่สิ ดีใจมากกว่าน่ะนะ”

     

    ผมกับอาร์มินช่วยกันเก็บของที่เกลื่อนพื้นเข้าไปในห้องพักใหม่ นับว่าโชคดีที่ผมกับพี่รีไวเพิ่งจะช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดไปเมื่อไม่กี่วันห้องเลยอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้สุดๆ

    “มีของแค่นี้เองเหรอ”

    “ก็มีแต่ของใช้จำเป็นทั้งนั้นแหละอีกอย่างก็เพิ่งย้ายมาด้วย ยังไม่แน่ว่าจะอยู่นานแค่ไหน แต่ยังไงซะ อยู่ที่นี่ตอนนี้ก็สะดวกที่สุดแล้วล่ะ”

    อ้าว......ทั้งๆที่เพิ่งจะย้ายมาแท้ๆ อาร์มินยังจะย้ายไปที่อื่นอีกเหรอเนี่ย อยากจะถามเหตุผลอยู่หรอกนะ แต่ก็กลัวว่าจะละลาบละล้วงมากเกินไป

     

    “ก็นึกว่าหายไปไหน มาอยู่ที่นี่เอง” เสียงทักจากหน้าประตูทำให้ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆตกใจจนเผลอสะดุ้ง พี่รีไวที่ห้อยผ้าเช็ดตัวพาดคอสวมกางเกงนอนผ้าฝ้ายสีเข้มตัวเดียวเดินตามเข้ามาในห้อง

    “ผมยังเปียกอยู่เลยนะครับ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

    “เช็ดให้สิ”

    คนสั่งก็สั่งได้หน้าตาเฉย หัวตัวเองแท้ๆนะครับเนี่ย.......บ่นไปงั้นล่ะ สุดท้ายก็ทำให้อยู่ดี

     

    ขณะที่กำลังเล่นผมพี่รีไวเพลินๆ เสียงกระแอมที่ด้านหลังก็ทำให้ผมตกใจอีกรอบ.......ตายล่ะ ลืมไปเลยว่าอาร์มินก็อยู่ด้วย

    “สวัสดีครับ รุ่นพี่ เจอกันอีกแล้วนะครับ” เสียงทักเอื่อยเฉื่อยจากอาร์มินดูจะทำให้พี่รีไวไม่สบอารมณ์อยู่มาก

    “แกมาทำอะไร” น้ำเสียงทุ้มตวัดห้วนอย่างไม่ไว้หน้า

    “ผมก็จะมาอยู่ที่ห้องนี้ไงล่ะครับ ตกลงกับคุณน้าเจ้าของร้านขนมไว้แล้ว” อาร์มินตอบยิ้มๆ

    “ถ้ารู้ว่าเป็นแก ฉันจะไม่ให้เช่า”

    “ผมจ่ายค่ามัดจำไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ.......เสียใจด้วย”

     

    อ่า.......ไอ้บรรยากาศคุกรุ่นไม่สบอารมณ์นี่มันอะไรกันนะเนี่ย ผมได้แต่มองทั้งสองคนสลับกันไปมา บางทีอาจจะหิวกันอยู่ก็ได้

    “เอ่อ....คือ.....ข้าวเย็น!!! ใช่ ข้าวเย็น อาร์มินกินอะไรมารึยังล่ะ” ที่อารมณ์ไม่ดีนี่อาจจะหิวก็ได้นะ

    “ก็ยังนะ”

    “ไปกินด้วยกันสิ ฉันเพิ่งทำเสร็จพอดี”

    “แต่ทำไว้แค่สองที่ไม่ใช่เหรอ” พี่รีไวทักท้วงชักสีหน้าบึ้งหนักกว่าเก่า

    “ผมทำเพิ่มได้ครับ.....น่านะ ไปกินกันเถอะ” ผมรีบลากแขนพี่ชายร่างบึ้กกลับห้องไปก่อนที่จะมีการวางมวยกันเกิดขึ้น.......ความโมโหหิวมันน่ากลัวจริงแฮะ

    “ตามมานะอาร์มิน”

     

    ข้าวห่อไข่สามจานพร้อมกับมิโสะซุปถูกจัดขึ้นโต๊ะส่งกลิ่นหอมฉุย อาร์มินดูจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างในขณะที่พี่รีไวยังคงบูดบึ้งอยู่เช่นเดิม

    “อาหารง่ายๆนะ กินเลย” ผมหันไปพูดกับอาร์มิน ซึ่งเจ้าตัวก็รีบตอบรับกลับมาทันที

    “งั้นทานล่ะนะ!!!

    ในขณะที่พวกเรากำลังจะทานอาหารเย็นกัน เสียงออดรัวๆก็ดังขึ้น คนที่กล้ากดออดแบบนี้ผมรับรองได้เลยว่ามีคนเดียว เพียงแค่เปิดประตูเท่านั้นล่ะ ร่างสูงของเจ้าม้าเพื่อนสนิทก็โถมเข้ามากอดผมเต็มแรง

    “เอเลน!!!! เหนื่อยชะมัด ฉันปวดหัวไปหมดแล้วเนี่ย” แจนมันบ่นงุ๊งงิ๊ง เสียงอ่อนอยู่ข้างหู

    “แกหายไปไหนมาล่ะ อยู่ดีๆก็รีบแจ้นออกจากร้านไปเนี่ย”

    “ก็ฉันรีบสะกดรอยตาม อา.....ร์.......มิน!!! มาอยู่ที่นี่ได้ไงวะเนี่ย” แจนส่งเสียงโวยวายขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นแขกของผม

    “อาร์มินย้ายเข้ามาอยู่ห้องพี่รีไววันนี้นี่แหละ”

    “ห้องข้างกันนี่เหรอ”

    “ก็ใช่น่ะสิ จะมีห้องไหนล่ะ”

     

    ได้ฟังแล้วแจนก็ถึงกับเหงื่อตก พรหมจรรย์ของเอเลนตกอยู่ในอันตรายอย่างหมิ่นเหม่ นอกจากพี่เตี้ยจ้องจะกินมันแล้ว ยังถูกไอ้เตี้ยหน้าไหว้หลังหลอกอีกคนจ้องจะงาบอีก มีหมาป่าตั้งสองตัวที่จ้องตะครุบหมาโง่อย่างเอเลนแล้วม้าอย่างเขาจะเอาอะไรไปสู้ได้ ดีไม่ดี เกิดถูกกินเองขึ้นมาเรื่องมันจะแย่กว่าเดิมนี่สิ

    “ไหนๆก็มาแล้ว มากินข้าวกันก่อนเถอะ รอแป้บนะเดี๋ยวไปทำให้”

    “ค....คือว่า....ไม่.....เอ่อ......อืม.....ได้ๆ”

    ผมผลักแจนลงไปนั่งที่ว่างข้างอาร์มินแล้วเข้าครัวไปทำข้าวห่อไข่อีกจาน ถ้ารู้ว่าจะมากันเยอะแบบนี้ทำไว้เผื่อก็ดีหรอก........

    ส่วนสมรภูมิด้านนอกนั้น...........

    แจนเหลือบตามองเพื่อนร่างเล็กที่นั่งปั้นหน้ายิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันไปเหลือบตามองพี่ชายหน้านิ่งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

    ชะอุ่ย!!! ปกติพี่แกก็น่ากลัวอยู่แล้ว ตอนนี้ใบหน้าบูดบึ้งแบบคูณสิบนั้นยิ่งน่าขนลุกยิ่งกว่า มือเรียวคว้าเหยือกน้ำเทน้ำเย็นๆใส่แก้วให้กับเจ้าของบ้าน? ก่อนจะหันมาเทให้อาร์มิน และแก้วของตัวเองตามลำดับ

    “ร้อนจังเนอะ” ไม่มีอะไรจะพูดก็ได้แต่คุยเรื่องฟ้าเรื่องฝนไปเรื่อยเปื่อยพลางยกน้ำขึ้นจิบแก้เก้อ แต่ผู้ร่วมโต๊ะอีกสองคนก็ยังไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย

    เอเลน.....ออกมาเถอะ แกไม่ต้องประดิดประดอยอะไรมากก็ได้ แค่ข้าวเปล่าฉันก็รู้สึกอิ่มแล้วล่ะ

    “เสร็จแล้วๆ” เสียงเอเลนดังแว่วมาจากครัวพร้อมกับข้าวห่อไข่ไซส์พิเศษอีกจาน

    “น่าอร่อยแฮะ” ตอนที่เห็นเอเลนนั่งโต๊ะผมทบอยากก้มลงกอดขาด้วยความขอบคุณเลยทีเดียว

    “กินให้หมดนะ จานนี้ฉันทำให้แกพิเศษ” เอเลนมันหันมายิ้มให้ ผมได้แต่แอบสูดน้ำมูกด้วยความซึ้งใจเบาๆ

    “ขอบใจแกนะ ขอหอมแก้มสักทีได้มั้ยวะ” แม้เอเลนจะยังไม่ได้ตอบ แต่สายตาพี่เตี้ยและอาร์มินที่มองมาก็ตอบคำถามผมได้ดีแล้ว

    “คือ....เมื่อครู่นี่ล้อเล่นนะครับ”

     

    นอกจากบรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะอึมครึมสุดๆแล้ว สภาพอากาศข้างนอกยิ่งหนักกว่า จู่ๆฝนก็เทลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พายุพัดแรงเสียจนฝาถังขยะที่ตั้งอยู่ข้างทางปลิวว่อน

    “ไม่เห็นพยากรณ์อากาศว่าฝนจะตกเลยนี่นา” เอเลนมองลอดหน้าต่างออกไปดูสายฝนด้านนอก

    “แต่พี่ได้ยินข่าวว่าวันนี้พายุจะเข้า ดีไม่ดีคงตกถึงเช้า”

    “แล้วแกจะกลับได้เหรอแจน ฉันว่าแกค้างดีกว่า อย่าเพิ่งออกไปเลยอันตราย”

    “จะดีเหรอ ไม่รบกวนแกแย่เหรอ”

    “รบกวนสิ ห้องนอนมีห้องเดียว ถ้าจะนอน แกก็นอนข้างนอกนี่แหละเจ้าม้า”

    ใจร้ายชะมัด!!! ผมมองค้อนพี่ชายหน้านิ่งจนตาคว่ำ.....แต่เดี๋ยวนะ!!! ห้องนอนมีห้องเดียวเหรอ

    “แล้วพี่นอนที่ไหน”

    “ห้องเอเลน” เจ้าของเสียงทุ้มตอบยิ้มๆอย่างน่าหมั่นไส้

    ม่าย!!!!!!!!!

    “จะนอนเบียดกันสามคนก็คงไม่ไหวด้วยสิ” เอเลนพึมพำเสียงเบาอย่างครุ่นคิด

    “เดี๋ยวเอเลน อีกห้องมันก็ว่างไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องนอนด้วยกันล่ะ”

    “พี่รีไวบอกว่าหน้าต่างมันเสียน่ะ ยุงเยอะ เลยต้องนอนห้องฉันจนกว่าจะซ่อมเสร็จ” เอเลนตอบหน้าซื่อ ผมแทบอยากเอาหัวโขกพื้นตาย

    บังเอิญไปมั้ยเนี่ย!!!!!

    “งั้นคืนนี้ฝากแจนไว้ที่ห้องอาร์มินได้มั้ยล่ะ”

    “เอ๊ะ!!!!” ทั้งผมและอาร์มินถึงกับหลุดอุทานพร้อมกันเลยทีเดียว

    “ฉัน.....กลับได้น่า.....ม.....ไม่มีปัญหาหรอก” ผมตอบเสียงสั่น ให้ไปนอนกับอาร์มิน ตอนนี้เนี่ยนะ ไม่ไหวอ่ะ

    “ได้สิ......ถ้าเอเลนว่าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา” อาร์มินที่ก้มหน้านิ่งเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ แขนเรียววาดโอบรอบคอผมอย่างสนิทสนม.....เกินจำเป็น

    “ให้แจนค้างกับฉันสักคืนก็แล้วกัน!!!

    “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อค่ำนะ”

    “พรุ่งนี้ก็มากินด้วยกันอีกก็ได้ กินกันหลายคนอร่อยกว่า” เอเลนส่งยิ้มตาปิดไปให้ซึ่งอาร์มินก็ยิ้มรับ

    “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

    “ราตรีสวัสดิ์........ฝันดีนะแจน”

    เอเลนเอ่ยปิดท้ายเป็นอันส่งแขกเสร็จสิ้น ต่อไปก็เป็นงานเก็บล้าง กว่าจะเก็บกวาดทุกอย่างเสร็จก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว กลับออกมาจากครัวก็ยังเจอรีไวนั่งอยู่บนโซฟาที่เดิม มือใหญ่ตบปุๆบนที่ว่างข้างตัวส่งสัญญาณให้เข้าไปนั่งใกล้ๆ

    “ขยันจังนะครับ”

    “เมื่อวานไม่ได้อ่าน วันนี้ก็ต้องชดเชยกันหน่อย” วงแขนใหญ่เอื้อมมาโอบรอบเอวบางขณะที่โน้มกายลงมาใกล้จูบหน้าผากเนียน

    “แต่อ่านหนังสือจนเมื่อยแล้ว ขอคลายเครียดสักหน่อย” ริมฝีปากหยักได้รูปพรมจูบใบหน้าเนียนเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ร่างที่โถมลงมาทับนี่ใช่ว่าจะเบาเสียเมื่อไหร่

    “เดี๋ยวก่อนครับ.....ผมมีของจะให้” ต้องรีบเบรกเอาไว้ก่อน ไม่งั้นมีหวังคงเลยเถิดกันไปไกล มือเรียวหยิบหนังสือที่เพิ่งไปซื้อมาวันนี้แล้วยื่นให้

    “ไม่รู้ว่าใช้ได้รึเปล่า แต่มีคนบอกว่าเล่มนี้เหมาะกับคนเตรียมสอบหมอนะครับ”

    รีไวรับหนังสือไปเปิดดูคร่าวๆ รอยยิ้มน้อยๆตรงมุมปากบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังพึงพอใจมากทีเดียว

    “พี่กำลังหาอยู่เลย ขอบคุณนะครับคนดี” รวบร่างบางเข้ามากอดแล้วจุมพิตแก้มใสเร็วๆหนึ่งฟอด

    “ทั้งร้านเหลือแค่สองเล่มเองนะครับ”

    “ได้ยินนานาบะบ่นเหมือนกันว่าหาซื้อไม่ได้เลย”

    “พอดีไปเจอพี่ชายใจดีคนหนึ่งเขาแนะนำให้น่ะครับ”

    “พี่ชายใจดีที่ไหนกัน” ใบหน้าคมขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจ

    “ก็ไม่รู้จักหรอกครับ แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้นเอง”

    มือใหญ่กดแผ่นอกบางดันร่างโปรงให้นอนราบลงกับโซฟาก่อนจะตามขึ้นไปคร่อมทับ จมูกคนสันได้รูปซุกไซร้สูดดมซอกคอขาวเนียนเบาๆ ลมหายใจอุ่นๆที่รินรดทำให้ร่างบางหลุดหัวเราะด้วยความจั๊กจี้

    “ทำอะไรครับเนี่ย”

    “กำลังพิสูจน์”

    “พิสูจน์อะไรกันครับ”

    “พิสูจน์ว่ามีตัวผู้ตัวไหนมันมาทำกลิ่นสกปรกติดไว้รึเปล่า”

    “พี่ไม่ใช่หมาสักหน่อยนี่ครับ”

    “พี่เป็นหมาป่า แล้วเอเลนของพี่ก็ออกจะฟีโรโมนแรงขนาดนี้ ถ้าไม่แสดงความเป็นเจ้าของไว้เดี๋ยวตัวอื่นมันจะคาบไปกินเสียก่อน” มือใหญ่ถลกเสื้อยืดตัวบาง เผยให้เห็นแผ่นอกเรียบเนียน ยอดอกสีหวานเมื่อถูกสัมผัสเบาๆก็แข็งขืนขึ้นมาเป็นไตไวต่อการสัมผัส เอเลนถึงกับต้องกัดริมฝีปากของตนไว้แน่นยามเมื่อใบหน้าคมคายก้มลงประชิดพรมจูบหน้าท้องแบนราบไล่เรื่อยขึ้นไปหายอดอกสีสวย

    หรือว่าคืนนี้.......พี่รีไวจะทำจริงๆ!!!!

    ฟันคมขอบกัดลงบนยอดอกด้านซ้ายด้วยแรงที่ไม่เบานัก เอเลนถึงกับสะดุ้ง จะว่าเจ็บมั้ยก็ไม่ แต่มันกลับรู้สึกชวนสะท้านไปทั้งตัวมากกว่า

    “ให้คนอื่นมันรู้ว่าคนนี้พี่จอง”

    นัยน์ตาคมเข้มมองสบกับนัยน์ตากลมโตสีเขียวมรกตของเด็กน้อยใต้ร่างนิ่งงัน มือเรียวยกขึ้นลูบไล้ใบหน้ารูปสลักของชายหนุ่มเบาๆพลางกระซิบเสียงแผ่ว

    “ยังไงผมก็เป็นของพี่คนเดียวอยู่แล้วล่ะครับ”

    รู้สึกเอ็นดูจนต้องก้มลงจุมพิตกลีบปากบางที่พร่ำกระซิบคำหวานให้ฟัง เด็กคนนี้มักมีเรื่องมาทำให้เขาชื่นใจได้เสมอ แขนใหญ่รวบกอดพลิกจับร่างบางที่นอนใต้ร่างให้ขึ้นมานอนซบอก มือใหญ่ลูบไล้กลุ่มผมนุ่มมือเบาๆขณะที่หยิบหนังสือเล่มใหม่ขึ้นมาอ่าน

    “บอกไว้ก่อนว่าถ้าหนีไป พี่ก็จะไปลากกลับมาจนได้.......หนีพี่ไม่พ้นหรอกนะ”

    “ก็คงหนีไปไหนไม่พ้นอยู่แล้วล่ะครับ”

    “เด็กดี” มือใหญ่ยีกลุ่มผมนุ่มขณะที่ก้มลงจูบหน้าผากเนียน ก่อนจะหันไปสนใจตำราเตรียมสอบแพทย์ในมือ

    เอเลนหลับตาพริ้มนอนซุกอกของพี่ชายข้างห้องที่พ่วงตำแหน่งคนรักเข้าไปด้วย

    ถึงขนาดนี้แล้วก็คงไม่ไปไหนอีก ขอซบอกแน่นๆอุ่นๆแบบนี้ตลอดไปดีกว่า..........


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×