ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Attack On Titan Fic:Levi x Eren } My sweet puppy

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่สิบแปด ว่าที่?มือที่สาม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 778
      13
      24 ต.ค. 57

    บทที่สิบแปด ว่าที่?มือที่สาม

     

    เสียงฝนที่เทกระหน่ำและพายุที่โหมพัดอยู่ข้างนอกยังไม่น่ากลัวเท่าบรรยากาศในห้องพักตอนนี้

    “ฝนตกแรงจังเนอะ”

    ผมที่ไม่มีอะไรจะพูดได้แต่เปรยออกมาลอยๆ แต่ดูเหมือนเจ้าของห้องก็ไม่ได้ใส่ใจจะฟังเลย เจ้าตัวกลับเปิดประตูระเบียงออกไปยืนสูบบุหรี่ให้ฝนสาดเล่นหน้าตาเฉยจนแทบจะเปียกไปทั้งตัว แต่น่าสงสัยนะว่ามันสูบยี่ห้ออะไรโดนฝนแล้วก็ยังไม่ดับ

    “คือ.....จะเข้ามาสูบข้างในห้องก็ได้นะ ยังไงห้องนี้ก็ห้องนายนี่ ไม่ต้องเกรงใจก็ได้” ผมเอ่ยกับมันอีกครั้ง คราวนี้เหมือนฝ่ายนั้นจะมีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมานิดหน่อย

    “ไม่ได้เกรงใจ แค่เหม็นหน้าใครบางคน” อีกฝ่ายตอบขณะที่พ่นควันบุหรี่ออกมาวงใหญ่

     

    เออ!!! อย่างกับว่าทางนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างงั้นแหละ

    อยากจะตอบกลับไปอยู่หรอกนะ แต่เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าหาเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตเข้าไปอีก ผมตัดสินใจหุบปากนั่งเงียบๆอยู่นานพอดู แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวเปิดปากพูดออกไปเอง

    “นายย้ายมาที่นี่ทำไมอาร์มิน” อีกฝ่ายเงียบไปชั่วครู่ราวกับกำลังไตร่ตรองหาคำตอบที่ดีที่สุดอยู่

    “มาตามหาคน”

    “สำคัญมากเลยเหรอ.......”

    “สำคัญ ถ้าไม่ใช่เพราะคนๆนั้น ฉันคงไม่ได้เป็นฉันอย่างตอนนี้”

    “แล้วเจอรึยังล่ะ”

    “เจอแล้ว แต่ดันถูกคนอื่นสวมปลอกคอไปเสียก่อน.........น่าโมโหชะมัด”

    อาร์มินตอบขณะที่จิ๊ปากด้วยความไม่พอใจทอดสายตาไปยังระเบียงฝั่งทางห้องของเอเลนเงียบๆ

    มันคงจะหมายถึงเอเลนสินะ อยากรู้ชะมัดว่าสองคนนี้มันไปเกี่ยวพันกันตอนไหน เพราะตั้งแต่คบกันมาแน่ใจเลยว่าเอเลนไม่เคยพูดถึงอาร์มินมาก่อน แต่ตอนนี้มีเรื่องที่คาใจมากยิ่งกว่านั้นน่ะสิ

    “แม่นาย กำลังป่วยเหรอ” ผมลองเชิงเอ่ยถามออกไปเสียงเบา ไม่คิดว่าอาร์มินจะมีปฏิกิริยาขนาดนั้น

    เจ้าตัวโยนบุหรี่ทิ้งเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าถมึงทึง กระแทกประตูระเบียงปิดเสียงดังโครมใหญ่ ตรงมาคว้าคอผมแล้วบีบไว้แน่น

    “แกแอบสะกดรอยฉันเหรอ.......ใครอนุญาตให้แกทำแบบนั้นกัน” อาร์มินเอ่ยเสียงเย็นแรงมือที่บีบรอบลำคอทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้อง ผมพยายามแกะมือเขาออกซึ่งทำได้ยากยิ่ง ถึงจะตัวเล็กแค่นี้แต่อาร์มินก็แข็งแรงกว่าที่เห็นมาก

    “ข.......ขอ.....โทษ........ฉ......ขอ...โทษ” ผมพยายามเปล่งเสียงเพื่อพูดกับเขา อาร์มินคลายแรงมือออกเล็กน้อยแต่ยังไม่ปล่อยมือจากคอผมพร้อมกับที่ก้มหน้าลงกระซิบข้างหูผมไปด้วย

    “อย่ายุ่งเรื่องของฉันอีก เห็นแก่ที่แกเป็นเพื่อนเอเลนครั้งนี้จะละเว้นไว้ก็แล้วกัน” เมื่อพูดจบเขาถึงได้ยอมปล่อยมือจากผมสักที ทันทีที่เป็นอิสระผมก็รีบเบียดตัวชิดโซฟาถอยหนีให้ห่างจากเขาให้มากที่สุด

    “เห็นหน้าแกแล้วมันหงุดหงิดชะมัด” อาร์มินตวาดเสียงดังพร้อมกับสะบัดเสื้อที่เปียกโชกออกจากตัว แม้ร่างกายจะเล็กแต่กล้ามเนื้อแขนไหล่และหน้าท้องกลับได้รูปงดงามพอๆกับนักกีฬาที่ออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา

    “จะซุกหัวอยู่ตรงไหนก็ตามสบายก็แล้วกัน จัดการเอาเอง” เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน ผมได้แต่นั่งกอดเข่าซุกหน้าอยู่บนโซฟาเงียบๆ รู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางชะมัดได้แต่ถามตัวเองคนเดียวในความเงียบ

    “แล้วคืนนี้จะนอนยังไงกันล่ะ”

     

     

    “แจนใส่ได้ใช่มั้ย” เสียงเอเลนตะโกนถามมาจากหน้าห้องน้ำ

    “โอเคๆคับนิดหน่อยแต่ก็พอไหว” ผมตอบขณะที่เปิดประตูห้องน้ำออกไป ด้วยความที่ค้างที่นี่ทำให้เช้านี้ผมต้องยืมชุดนักเรียนของเอเลนใส่ มันตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อยแต่ก็โอเคนะ

    “หลบไปเกะกะ!!!” พี่เตี้ยเดินปึงปังหน้าบูดคาบแปรงสีฟันมาแต่เช้า หลังจากใช้เท้าเขี่ยผมออกจากประตูเบาๆก็ปิดประตูไล่หลังดัง ปัง!!!! ผมเลยแอบยกนิ้วกลางให้เสียเลยตอนที่เอเลนมันไม่เห็น

    “นอนไม่หลับเหรอแจน หน้าแกดูโรยๆนะ” เอเลนเอ่ยถามผมขณะที่เทนมใส่แก้วให้ด้วย.......อร้ากกกกกก ปรนนิบัติกันดีขนาดนี้อยากได้มาเป็นเมียชะมัด!!!!

    “ก็นิดหน่อยว่ะ” ผมตอบเลี่ยงๆ เมื่อคืนนี้หนาวจะตายผ้าห่มก็ไม่มีสักผืนใครจะไปหลับลง

    “อาร์มินล่ะ”

    “ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่รู้ว่ารีบไปไหนเหมือนกัน” ผมเห็นมันออกไปตั้งแต่เช้าจริงๆ ในเมื่อเจ้าตัวมันไม่ได้พูดอะไรผมก็ไม่อยากถามหรอก

    “อุตส่าห์ว่าจะชวนมากินข้าวเช้าด้วยกัน”

    “ไม่ต้องชวนหรอก เปลือง แค่มีม้ามากินด้วยก็เสียของจะแย่แล้ว บอกว่าเอาแค่หญ้าให้มันกินก็พอแล้ว”

    “ก็แล้วทำไมพี่ไม่แทะกระดูกเป็นอาหารเช้าเสียล่ะครับ”

    “จะกินกระดูกทำไม เมื่อคืนฉันกินเนื้อจนอิ่มแล้วนี่!!!” พี่เตี้ยมันตอบด้วยรอยยิ้มร้ายๆ แต่เอเลนกลับหน้าแดง

    อะไรวะ!!! อะไรวะเนี่ย!!! ชายแจนรับไม่ได้!!!!!

    “กินเยอะๆระวังติดคอตายนะครับ”

    “หึ!!! ไม่มีทาง ทั้งนุ่มทั้งหวานจะติดคอได้ยังไง เนื้อชั้นดีขนาดนั้นชาตินี้แกไม่มีโอกาสได้แตะหรอก”

    ว้าก!!!!! จี้ใจดำกันเกินไปแล้วนะไอ้พี่เตี้ย

    “ผมว่าเรารีบกินกันเถอะครับ จบเรื่องเนื้อๆหนังๆนี้ดีกว่า” เอเลนกระแอมพร้อมกับเอ่ยเสียงเบาหน้าแดงนิดๆ

    แกยอมให้พี่เตี้ยมันกินไปแล้วเร๊อะ เอเลน!!!!!!

     

     

    คาบเรียนแรกของวันนี้ก็คือโฮมรูม ปกติแล้วก็จะไม่มีอะไรมากหรอกนอกจากอาจารย์เข้ามาบ่นนู่นบ่นนี่ แต่หัวข้อที่เขียนอยู่บนกระดานวันนี้ทำให้ทุกคนตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ

    งานวัฒนธรรมโรงเรียน

     

    “อาจารย์ครับ ไม่ใช่ว่างานวัฒนธรรมนี่จัดปลายเทอมเหรอครับ” หนึ่งในเพื่อนร่วมห้องยกมือเอ่ยถามขึ้น

    “ก็ปีก่อนๆมีเสียงติงมาจากพวกรุ่นพี่ของพวกเธอว่าใกล้สอบคัดเลือกมันทำให้สนุกได้ไม่เต็มที่ ปีนี้หลังจากที่ประชุมกันแล้วเราจึงได้ตกลงกันว่าจะเลื่อนจัดให้เร็วขึ้นเป็นปลายเดือนหน้านี้แทน......เอาล่ะ ว่าแต่ว่าห้องเราจะทำอะไรกันดี”

    “งานโรงเรียนอีกแล้วเหรอ เหมือนจะเพิ่งผ่านไปนี่เองนะ” ผมหันไปสะกิดแจนที่ฟุบหลับไปแล้วให้ลุกขึ้น

    “ว่าก็ว่าเถอะ ถ้าให้เหมือนปีก่อนก็ไม่เอานะ ฝันร้ายชัดๆ”

    แจนเอ่ยขณะที่เปิดปากหาว ว่าไปถึงงานวัฒนธรรมปีก่อนแล้วผมว่ามันสนุกดีออกนะ ห้องเราทำร้านน้ำชาสาวเมด แต่สาวเมดทั้งหมดกลับกลายเป็นเพื่อนผู้ชายที่ถูกจับซวยให้แต่งชุดเมด แจนก็ตกเป็นหนึ่งในพวกจับซวยนั้นด้วย เจ้าตัวโวยวายใหญ่ แต่ผมว่าน่ารักดีออกนะยังถ่ายรูปเก็บไว้อยู่เลย

    “ร้านน้ำชาหูแมวค่ะ” หนึ่งในเพื่อนร่วมห้องเสนอขึ้น แจนรีบออกตัวทันที

    “ไม่เบื่อบ้างรึไงไอ้ร้านน้ำชาน่ะ ปีก่อนก็ร้านน้ำชา ปีนี้ก็ยังจะเอาอีกเหรอ”

    “ก็สนุกดีนี่ คนเข้าร้านกันตั้งเยอะ ทำไมหรือนายกลัวว่าจะได้ใส่หูแมวรึไงแจน” เด็กสาวตอบกลับยิ้มๆขณะที่เพื่อนหัวเราะลั่น แจนออกท่าทางฟึดฟัดหน้าแดงนิดๆ แต่เนื่องจากว่ามีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยข้อเสนอนี้จึงเป็นอันตกไป

    “น่าจะหาอะไรที่มันไม่ซ้ำซาก แปลกๆมาทำกันดีกว่านะ” อาจารย์ประจำชั้นเปรยเสียงเบา ในฐานะที่ปรึกษาแกดูหนักใจกว่าพวกเราเสียอีก

    “บ้านผีสิง” จู่ๆอาร์มินก็เสนอขึ้น นักเรียนในห้องจึงหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว

    “ทำบ้านผีสิง ให้คนในห้องแต่งเป็นผีอะไรก็ได้ตามใจ แบบนั้นก็จะได้ไม่ต้องบังคับกันด้วย”

    “น่าสนุกนี่”

    “ไม่เลวเลยแฮะ”

    ดูเหมือนเพื่อนๆหลายคนก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยเลยทีเดียว

    “เอาล่ะ งั้นหัวข้องานวัฒนธรรมโรงเรียนปีนี้เอาเป็น บ้านผีสิง ก็แล้วกัน” อาจารย์กล่าวพร้อมกับเขียนหัวข้อลงบนกระดาน

    “เรามาคิดคอนเซ็ปต์คร่าวๆกันเถอะ!!!

     

    “ว้า!!!! จะเป็นผีอะไรดีล่ะเนี่ย” กลับกลายเป็นว่าหลังจากหมดคาบโฮมรูมทุกคนก็ดูจะตื่นเต้นกับงานวัฒนธรรมกันใหญ่แม้แต่แจนที่กำลังอึนๆยังตาสว่างไปกับเขาด้วย

    “แกจะแต่งเป็นอะไรวะเอเลน” แจนหันมาถามผม

    “ไม่รู้สิ อาร์มินล่ะ เสนอเองแบบนี้คิดไว้รึยัง” ผมหันไปถามคนที่นั่งข้างหลัง อาร์มินยิ้มรับ

    “ฉันคงไม่ล่ะ ขออยู่ฝ่ายสถานที่ดีกว่า”

    “ต้องแต่งเป็นผีเหรอ.......จะแต่งเป็นผีอะไรดีล่ะ” ปรึกษาพี่รีไวดีมั้ยนะ

    “ให้เป็นหน้าที่ของพวกพี่ก็ได้นะคะน้องเอเลน”

    ขณะที่คิดอะไรเพลินๆ เสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหูก็ทำเอาผมสะดุ้ง พี่สาวเอ บี ซี ที่ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตามานานเกาะหน้าต่างสลอนอยู่ข้างๆผมเอง

    “ได้ข่าวว่าห้องของน้องเอเลนจะทำบ้านผีสิงกันเหรอคะ” พี่สาวเอเอ่ยถามเสียงสั่นยื่นหน้าเข้ามายิ้มใกล้ๆ

    “ใช่ครับ”

    “กำลังหนักใจอยู่สินะคะว่าจะแต่งเป็นผีอะไรดี” พี่สาวบีก็เบียดตัวเข้ามาด้วยคน

    “ก็.....ครับ”

    “ให้พวกพี่จัดการให้มั้ยคะ” พี่สาวซีเสนอตัวให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

    “รบกวนมากไปมั้งครับเนี่ย”

    “ไม่เป็นไรค่ะ พวกพี่ยินดีช่วยเต็มที่” พี่สาวทั้งสามประสานเสียงยื่นตัวผ่านหน้าต่างเข้ามาใกล้ดวงตาเป็นประกาย ปิ๊งๆชอบกล

    “นะคะ น้องเอเลน วางใจพวกพี่ได้เลย”

    “เอ่อ.......ก็ได้ครับ” ด้วยเหตุผลและประการทั้งปวงผมไม่อาจปฏิเสธสายตาเว้าวอนของพวกเธอทั้งสามได้เลย

    “ว่าแต่ว่า......นี่มันระเบียงชั้นสามนะครับ พวกพี่ปีนหน้าต่างมากันแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอครับ” ผมนับถือความพยายามของพวกเธอจริงๆ

    “วางใจได้เลยนะคะน้องเอเลน ไว้พวกพี่จะจัดการให้เอง” พอพวกเธอทั้งสามกล่าวจบก็รีบไต่ระเบียงลงไปอย่างคล่องแคล่ว ก็ไม่รู้สิ จะไว้ใจพวกเธอได้แค่ไหนกันนะ

     

    หลังเลิกเรียน

    ชายหนุ่มร่างสูงยืนนิ่งอยู่หน้าป้ายโรงเรียนไททันไฮสคูล เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากดดูภาพหน้าจอที่เป็นรูปเด็กหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง ตราสัญลักษณ์ปีกไขว้คู่ที่แขนเสื้อบ่งบอกให้รู้ว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่โรงเรียนนี้อย่างแน่นอน ไม่รู้แม้แต่ชื่อ แต่เพราะความอยากพบก็ทำให้เขาพาตัวเองมาถึงโรงเรียนแห่งนี้แล้ว ร่างสูงสูดหายใจลึกก่อนจะก้าวเท้าข้ามประตูเหล็กเข้าไป ช่วงเวลาใกล้เลิกเรียนแบบนี้น้อยคนนักที่จะออกมาเดินเพ่นพ่านกันอยู่ด้านนอก จะเห็นก็แต่หญิงสาวสามคนที่สุมหัวกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

    “หูแบบนี้ฉันว่ามันโอเคนะ”

    “ก็ได้แต่ต้องเป็นสีน้ำตาลอ่อน สีจะกลืนไปกับผมน้องพอดี”

    “หางล่ะ ต้องเอาหางด้วยใช่มั้ย เย็บติดกับกางเกงเหรอ”

    “ก็พอไหวอยู่นะ แต่ขอเป็นขาสั้นละกัน”

     

    ดูเหมือนพวกเธอจะกำลังสนใจระดมความคิดทำอะไรสักอย่างกันอยู่

    “ขอโทษนะครับ ขอรบกวนหน่อย”

     เสียงทุ้มที่เอ่ยแทรกขึ้นมาทำให้ทั้งสามสาวชะงัก เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าชายหนุ่มร่างสูงยืนค้อมตัวส่งยิ้มละมุนให้กับพวกเธออยู่ สาวม.ปลาย บีถึงกับทำกระดาษที่ร่างภาพลวกๆหลุดมือ

    หล่อ!!!!...........

    บรรยายได้คำเดียวสั้นๆ

    “ขอโทษที่รบกวนนะครับ ผมกำลังตามหาคนอยู่” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวด้วยท่าทางสุภาพ

    “ตามหาเนื้อคู่เหรอคะ” สาวม.ปลายบีแทบจะลุกยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มผู้นั้นหัวเราะเบาๆก่อนจะส่งภาพในมือถือไปให้พวกเธอดู

    “อาจจะใช่มั้งครับ ผมกำลังตามหาคนนี้อยู่”

    ทั้งสามก้มมองภาพในจอมือถือก่อนจะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

    น้องเอเลน!!!!

    พวกเธอหันไปสุมหัวกันทันที

    “เอาไงดี พี่ชายรูปหล่อมาตามหาน้องเอเลนอ่ะ”

    “บอกพี่รีไวก่อนมั้ย”

    “ไม่รู้เลยนะว่าจะหาน้องไปทำไมอ่ะ”

    “งั้นก็ถามสิ!!!” หลังจากพวกเธอปรึกษากันก็หันไปพูดกับชายหนุ่มอีกครั้ง

    “ตามหาเขาไปทำไมเหรอคะ”

    “คือ อยากจะรู้จักน่ะครับ”

    “ไม่รู้จักแต่แอบถ่ายรูปไว้นี่นะ!!!” สาวม.ปลายเอ โพล่งขึ้น เรดาร์ของเธอเริ่มทำงานตงิดๆ

    สตอล์กเกอร์ชัดๆ............

    “ฉันจะพาคุณไปพบเขาเองค่ะ” เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำชายคนนั้นออกไปเงียบๆ หลังจากที่เพื่อนสาวเอ ออกไปได้ไม่นาน เสียงเตือนข้อความไลน์ของบีและซีก็ดังขึ้น

    ไปหาน้องเอเลน พาน้องไปหาพี่รีไว เดี๋ยวนี้เลย!!!

     

    “สรุปว่ารู้จักใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามหญิงสาวที่เดินนำหน้า

    “คิดว่านะคะ เหมือนเคยเห็น” เธอกล่าวตอบเสียงเรียบ ในใจหมายมั่นเอาไว้

    ไม่ยอมให้เจอกันได้หรอก!!!

     

    “เธอไปหาน้องเอเลนนะ ฉันจะไปตามรุ่นพี่ เจอกันที่หน้าอาคาร” สาว ม.ปลายบีกล่าวกับซี ก่อนที่ทั้งสองจะแยกกันออกไป

     

    หลังจากเดินวนเวียนอยู่หลายรอบก็เป็นอีกครั้งที่เบลทรูทต้องเอ่ยปากถามซ้ำค้ำเดิม

    “แน่ใจนะครับว่ารู้จัก”

    “กำลังพยายามนึกอยู่ค่ะ เหมือนจะคุ้นๆ” เอตอบเลี่ยงๆ เธอคงบ่ายเบี่ยงไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

    “มีเรื่องด่วนอะไรกันรึเปล่าครับ ทำไมจู่ๆพี่รีไวถึงได้ให้พี่มาตามผม” เสียงเอเลนดังแว่วมาจากทางแยกข้างหน้า เอรีบกลับหลังหันทันที

    “เหมือนจะเป็นทางนั้นมากกว่านะ” เธอพยายามผลักเบลทรูทให้หันหลังกลับ แต่ชายหนุ่มก็ขืนตัวไว้

    “แต่เราเพิ่งจะเดินมาจากทางนั้นเองนะครับ”

    “เอ่อ.....คือ....อ๊ะ นั่น!!!” เธอแสร้งโวยวายโบกไม้โบกมือไปด้านหลังทำให้เบลทรูทต้องหันมองตาม จังหวะนั้นบีก็ลากเอเลนเดินผ่านทางแยกไปพอดี

    “เจอแล้วหรือครับ”

    “นั่น........เหมือนจะไม่ใช่ค่ะ ฉันจะพาคุณไปที่ห้องน้องก็แล้วกัน”

    ระหว่างที่เธอพาชายหนุ่มร่างสูงเดินเลียบไปริมระเบียง เธอก็ได้ยินเสียงเขาตะโกนขึ้นด้วยความตื่นเต้น

    “เดี๋ยว!!!ผมเจอแล้ว”

    ด้านหน้าอาคารเรียน บีและซีพาพี่รีไวและน้องเอเลนมาเจอกันแล้ว สองคนนั้นพยายามหาทางหลอกล่อให้สองหนุ่มออกไปจากโรงเรียนให้เร็วที่สุด แต่ว่าที่?มือที่สามก็บังเอิญเห็นแล้วเช่นกัน

    ชิ_หายล่ะ!!!

    ชายหนุ่มร่างสูงวิ่งปึงปังออกไปตามระเบียงแล้วไม่ยอมฟังเสียงห้ามของเธอเลย แบบนี้ต้องได้เจอกันแน่ๆ สายตาพลันเหลือบไปเห็นบันไดทางขึ้นที่เดินผ่านมาพอดี

    ไม่มีทางเลือกแล้ว

    “อ้าก!!!!

    เธอร้องตะโกนขึ้นด้วยเสียงดังลั่นก่อนจะกระโดดทิ้งตัวลงจากบันไดห้าขั้นรวด เสียงร้องและเสียงกระแทกอย่างรุนแรงทำให้เบลทรูทหยุดฝีเท้าลง

    “เฮ้ย!!!!

     

     

    เสียงร้องตะโกนที่ได้ยินมาแว่วๆด้วยความเจ็บปวดทำให้ซีและบีนิ่งไปสามวิ นั่นเป็นเสียงร้องของเพื่อนเธอไม่ผิดแน่

    “ไปเถอะค่ะ รุ่นพี่รีบพาน้องเอเลนกลับไปก่อนเถอะค่ะ พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้พายุจะเข้าอีกนะคะ” พี่สาวซีเอ่ยขณะที่รุนหลังผมกับพี่รีไวออกจากโรงเรียนไป

    “ฉันไม่เห็นจะได้ยินข่าวว่าพายุจะเข้าสักนิด” พี่รีไวตอบอย่างงงๆ ผมเองก็ไม่เห็นจะได้ยินข่าวนั้นเลยเหมือนกัน

    “เอาเป็นว่าออกไปกันก่อนเถอะค่ะ พายุจะเข้ารึไม่เข้าก็ค่อยว่ากันอีกที เดินทางปลอดภัยนะคะ” ทั้งพี่สาวซีและบีเล่นผลักดันพวกเราจนออกพ้นประตูโรงเรียนมาได้ในที่สุด

    “พวกพี่ๆเขาแปลกๆนะครับ” ผมหันไปพูดกับพี่รีไว

    “พวกนั้นมันแปลกจนเป็นปกติอยู่แล้วนี่” พี่รีไวตอบก่อนจะหันมาจับมือผมแล้วลากให้ออกเดินไปด้วยกัน

    “ยังเย็นอยู่ แวะไปหาคุณนายแม่หน่อยดีกว่า”

     

    ส่วนสาวม.ปลายบีและซี หลังจากส่งรีไวและเอเลนออกพ้นประตูโรงเรียนเสร็จพวกเธอก็ย้อนกลับมาที่อาคารเรียนของพวกปีหนึ่งอีกครั้ง สองสาวยืนสงบนิ่งกำมือวางทาบลงบนหัวใจไว้อาลัยให้แก่เพื่อนสาวที่ยอมพลีชีพในปฏิบัติการครั้งนี้ทั้งน้ำตา

    “ในฐานะหัวหน้าขบวนการองครักษ์พิทักษ์รีเอ เธอทำดีที่สุดแล้ว”

    ในขณะที่ทั้งสองกำลังยืนนิ่งไว้อาลัย ก็ได้มีเสียงโอดครวญดังขึ้นมาจากในอาคารอีกครั้ง

    “อ้าก!!!!!เจ็บโว้ยยยยยยยยยยยย”

    “อยู่นิ่งๆสิครับ ยิ่งคุณดิ้นมันก็ยิ่งเจ็บอยู่แล้ว”

    เสียงทุ้มสุภาพของชายหนุ่มที่ติดจะโมโหหน่อยๆตะโกนแข่งกับเสียงเธอ เพียงไม่นานชายหนุ่มร่างสูงแปลกหน้าก็ได้อุ้มเอออกมาจากอาคารเรียน เขาเดินตรงมาที่ซีและบีก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เอือมระอาอย่างปิดไม่มิด

    “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าห้องพยาบาลไปทางไหนครับ”

     

    ระหว่างที่เรากำลังเดินไปที่ร้านของคุณนายแม่ด้วยกัน ตอนนั้นผมเห็นสาวๆกลุ่มใหญ่กำลังจับกลุ่มมุงดูป้ายปิดประกาศเม้าท์มอยกันหัวเราะคิกคัก เหมือนจะได้ยินพวกเธอพูดถึง โนเนม รึอะไรสักอย่าง ด้วยความสนใจผมจึงหยุดมอง พี่รีไวที่จูงมือผมไว้ก็จำต้องหยุดตามไปด้วย

    “มีอะไรเหรอ เอเลน”

    “เปล่าฮะ ผมแค่สงสัย พวกพี่สาวเขามุงดูอะไรกันอยู่”

     

    รีไวมองผ่านกลุ่มหญิงสาวเหล่านั้นเข้าไปก็เจอกับแผ่นป้ายโปรโมทสีขาวคุ้นตา

    “ไม่มีอะไรหรอก อย่าสนใจเลย” เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับลากเด็กหนุ่มคนรักให้ออกเดินไปด้วยกันอีกครั้ง

     

    “นี่ ฉีกไปได้มั้ย” หนึ่งในกลุ่มเด็กสาวเอ่ยขึ้น

    “ใครเขาจะกล้า ถ่ายรูปไปก็พอ” เพื่อนในกลุ่มเอ่ยขณะที่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพโปรโมทนั้นไปก่อนที่พวกเธอจะพากันสลายตัว โปสเตอร์โปรโมทสีขาวจึงปรากฏเด่นหราขึ้นอีกครั้ง

     

     

    ‘No Name……….Coming Soon!’

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×