Fallen Angel ตำนานของเทพยูระ (Yaoi)
เรื่องราวเกี่ยวยูระ รัฐบาลฝ่ายเก็บกวาด ซึ่งความจริงแล้วเขาเป็นเทพที่ถูกเนรเทศจากแดนสวรรค์ให้มาจัดการเรื่องที่ตัวเขาก่อขึ้น...
ผู้เข้าชมรวม
249
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มนัก(อยาก)เขียนมือใหม่ใจเกินร้อยเพียงเท่านั้น
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ในตำนานบุรุษผู้มีนามว่า ‘เซเล่’ ชายหนุ่มผู้ที่เคยครอบครองปืนที่มีชื่อว่า ‘จัส’ ปืนมหัศจรรย์ที่ทรงอำนาจ และเขาได้ใช้ปีนมหัศจรรย์นี้ทำลายล้างองค์กรชั่วร้ายที่มีชื่อว่า ‘ยูโทเปีย’ องค์กรที่แสนชั่วร้ายที่สร้างปีศาจร้ายขึ้นมาทำความเสียหายให้โลกแห่งนี้ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ไม่มีใครรู้ว่าเซเล่ไปไหน แต่มีข่าวลือมาว่า เซเล่ ประกาศบอกว่า ‘อาวุธนั้นถูกเก็บซ่อนไว้ที่ไหนซักแห่งบนโลกใบนี้ หากใครอยากได้ก็จงตามหามันให้เจอสิ ’
เรื่องราวหลังจากนั้นก็ผ่านมา 300 ปีแล้ว
เด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีเงินดวงตานัยน์สีท้องนภา ยืนจ้องมองหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณผลไม้ ลำธารแม่น้ำที่ใสสะอาด อยู่บนหน้าผาสูงจ้องมองด้วยสายตาที่เยือกเย็น ใบหน้าของเด็กหนุ่มเรียบเฉยก่อนจะแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว เด็กหนุ่มกระโดดจากหน้าผาสูงลงมาอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยนิด
คนสองคนซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านที่ออกมาหาของป่ากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกปาก ไม่ทันระวังตัวแม้แต่เล็กน้อย เด็กหนุ่มที่ได้กระโดดลงมาจากหน้าผาได้เข้าจู่โจมคนสองคน ปลิดชีพพวกเขาภายในอึดใจเดียว เด็กหนุ่มผมสีเงินเก็บมีดที่เปื้อนเลือดนั้นเข้ากระเป๋าเพราะเลือดนั้นก็จะจ่างหายไปจากมีดเอง แล้วเด็กหนุ่มก็เดินลึกเข้าไปในป่า
เดินไม่นานเด็กหนุ่มผมสีเงินก็เดินออกมาพ้นป่าและเห็นหมู่บ้านที่เขาได้จ้องมองที่หน้าผา ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉย เดินเข้าไปในหมู่บ้านนั้นอย่างไม่เกรงกลัว
“เจ้าหนูแกเป็นคะ... อึก!”
ชายหนุ่มวัยกลางที่เห็นเด็กหนุ่มยังไม่ทันที่จะเอ่ยถามจบ เด็กหนุ่มผมสีเงินก็ปามีดธรรมดาใส่ชายคนนั้นแทงทะลุลำคอปลิดชีพชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มผมสีเงินยังคงเดินและมองหาอะไรบางอย่างในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่มีผู้คนในหมู่บ้านเลย พวกเขาหายไปไหนกัน คำถามถูกถามขึ้นภายในใจของเด็กหนุ่มผมสีเงิน ในขณะที่กำลังขุ่นคิดอยู่
“!?”
เด็กหนุ่มพลันหยุดชะงักนิ่ง และเงยคางของตนเล็กน้อยและใช้สายตานั้นมองไปข้างหลังโดยไม่ขยับคอของตนแต่ก็ไม่อาจจะมองเห็นบุคคลที่กำลังเอามีดจ่อคอของเขาได้อยู่ดี
“ปฏิกิริยาช้านะ ทิส”
เด็กหนุ่มอีกคนที่เอามีดจ่อคอเด็กหนุ่มผมสีเงินเจ้าของชื่อ ‘ทิส’ ได้เอ่ยพูดขึ้นมาและหัวเราะขบขันเล็กน้อยก่อนจะลดมีดและเก็บมัน ทิสหันไปมองเด็กหนุ่มที่ตัวสูงกว่าเขาเล็กน้อยเจ้าของเรือนผมสีทมิฬนัยน์ตาสีเลือดแดงฉาน
“ยูระ ทำไมนายถึง...”
“เพราะว่านายมาที่นี่ ฉันเลยตามมา”
เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทมิฬที่มีนามว่ายูระ ชิงตอบคำถามก่อนที่ทิสจะเอ่ยถามคำถามจบเสียก่อน ยูระปั้นยิ้มให้ทิสตามเคยก่อนจะมองไปรอบๆ และเข้าไปสำรวจศพชายหนุ่มที่ทิสเพิ่งจะปลิดชีพไป โดยไม่สนว่าทิสจะพูดอะไร
“ตามมาเหรอ? เดี๋ยว ยูระ!!”
“ดูท่าจะจริงสินะ ที่ว่าหมู่บ้านแห่งนี้เป็นคนขององค์กรยูโทเปีย”
ยูระเอ่ยอย่างเรียบเฉยและมองไปยังสัญลักษณ์ที่สลักบนตัวของศพชายหนุ่ม ก่อนจะหยิบกระดาษที่มีรูปร่างเป็นคนขึ้นมาและพึมพำอะไรซักอย่างก่อนจะโยนลงพื้น เมื่อพลันกระดาษจะตกถึงพื้นมันกับลอยขึ้นมาตบหัวยูระผู้ร่ายคาถาหนึ่งทีก่อนจะลอยไปทางตะวันออก
“ไอ้เจ้ากระดาษบ้า!!”
“คนบ้าชัดๆ ร่ายคาถาให้มันตบหัวก่อนไปส่งข่าวทุกครั้ง”
“ไม่ใช่!”
“นายมันโรคจิตโคตร M ชัดๆ ”
“ก็บอกว่าไม่ใช่!”
(M ย่อมาจาก Masochism คือความสุขหรือความพึงพอใจในความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับตน)
ในขณะที่ทั้งสองเถียงกันเรื่องที่ยูระร่ายคาถาผิดวิธีทำให้กระดาษภูตรับใช้ต้องตบหัวเขาก่อนทุกครั้งก่อนไปส่งข่าวตามที่ยูระผู้ร่ายคาถาต้องการอยู่นั้น พื้นดินก็สั่นไหว ทั้งสองหยุดเถียงและเงียบลงแล้วหยุดนิ่ง จู่ๆก็มีเงาคลุมบดบังแสงแดดของทั้งสอง
เมื่อเงยมองขึ้นไปก็พบกับปีศาจพืชขนาดใหญ่กำลังจ้องมองทั้งสองคน ทั้งสองคนตกตะลึงก่อนจะเรียกสติและรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว เมื่อปีศาจพืชเห็นอย่างนั้นก็รีบตามทั้งสองคนไป ทุกครั้งที่มันเคลื่อนที่พื้นดินก็สั่นไหว
“ทำอะไรซักอย่างสิ ทิส!!”
“แกนั่นล่ะ ไปให้มันเขมือบเคี้ยวซะไป”
“จะบ้าเหรอ!?”
“ก็เห็นนายชอบความเจ็บปวดไปให้มันกัดคงได้ความเจ็บปวดสมใจตัณหาของแก!”
“มันจะไม่ใช่แค่เจ็บ แต่ถ้าโดนกัดคงตายแน่นอน เจ้าบ้า!”
กรร!!!
เสียงคำรามของปีศาจพืชทำให้ทั้งสองคนหันไปสนใจและก็พบว่ามันกำลังจะล้มมาทับ ทั้งสองคนจึงรีบวิ่งสุดแรงเกิดและวิ่งหนีรอดจากการที่ถูกปีศาจพืชขนาดใหญ่จะล้มทับเอาได้อย่างหวุดหวิด แต่ทำไมปีศาจถึงล้มลง? แถมยังไม่เห็นท่าทีว่าจะลุกขึ้นมาด้วย
ทั้งสองคนครุ่นคิดและเริ่มสังเกตเห็นเด็กหนุ่มที่มีรูปร่างส่วนสูงไม่ได้ต่างไปจากพวกเขาทั้งสองคน และคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งสองคนเป็นอย่างดี เมื่อเห็นชัดว่าเป็นใครทั้งสองก็เอ่ยเรียกนามคนที่เห็นพร้อมกันอย่างไม่นัดหมาย
“เทย์เรย์!”
“เรย์เทย์!”
เด็กหนุ่มนามว่าเทย์เรย์นั้นเสยผมสีน้ำเงินดุจน้ำทะเลลึกของตนก่อนจะจ้องมองไปยังยูระผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเสียงที่เรียกชื่อเขาอย่างผิดๆด้วยใบหน้าเรียบเฉยดุจน้ำแข็ง แต่ในใจของเขาคงเป็นทะเลเดือด จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างอดทน
“เทย์เรย์ ไม่ใช่ เรย์เทย์ ”
“เรย์เทย์ เทย์เรย์ มันก็เหมือนๆกัน”
“ไม่เหมือนกัน ชื่อของฉันคือ เทย์เรย์”
“เรียกยาก เรียก เละเทะ มันยังจะเรียกง่ายกว่าอีก”
“อย่ามาเปลี่ยนชื่อคนอื่นตามใจชอบนะ ฉันชื่อเทย์เรย์ ก็ต้องเรียกว่า เทย์เรย์ สิฟะ!!”
ทิสมองทั้งสองคนที่กำลังยืนเถียงเรื่องเดิมที่ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนกันเลยหรือเปล่าเขาก็ไม่ทราบ พอทั้งสองคน ยูระกับเทย์เรย์เจอกันทีไรก็จะเถียงเรื่องชื่อของเทย์เรย์อยู่นั่นละ ทิสเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาคิดขอบคุณเทย์เรย์ที่ไม่ต้องมาเถียงแข่งกับยูระ ผู้มีฉายาว่า ยูระนายจอมเถียง
เทย์เรย์นั้นก็ไม่ยอมแพ้ที่จะเถียงเรื่องชื่อของตนกับนายจอมเถียงอย่างยูระ เขาก็ยังคงเถียงแข่ง ถึงในใจของเขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจกับชื่อที่ผู้อุปการะตั้งให้เสียเท่าไร การที่เทย์เรย์เถียงกับยูระมันทำให้เขารู้สึกว่ามันเหมือนกับเถียงแข่งในใจของตนที่ไม่ยอมรับชื่อนี้เสียเท่าไรอย่างแปลกประหลาด และบอกไม่ถูก
“เฮ้ย!!”
ยูระและเทย์เรย์ที่กำลังเถียงกันอยู่นั้นก็หยุดและหันไปทางเสียงของทิสที่ร้องอุทานออกมา เมื่อหันไปทั้งสองคนก็พบกับเด็กหนุ่มผมสีขาวล้วนราวกับผมงอกที่ขึ้นเต็มหัว หรือดุจหิมะขาวบริสุทธิ์นั้นเองกำลังยืนอยู่กลางอากาศจ้องมองต่ำลงมาที่ยูระและเทย์เรย์ ในขณะที่ทิสนั้นถูกเถาวัลย์ของพืชปีศาจที่ลอยอยู่ข้างตัวของเด็กหนุ่มผมสีขาวคนนั้นพันขาแล้วห้อยหัวลงมา
“แกเป็นใครกัน!?”
เทย์เรย์ตะโกนถามเมื่อหันไปเห็นเด็กหนุ่มผมสีขาวซักพักหนึ่งเพราะมัวแต่สนใจทิสเล็กน้อย ในขณะที่ยูระเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก เด็กหนุ่มผมสีขาวหันไปมองยูระและยิ้มบางๆแต่เยือกเย็นให้ยูระ เทย์เรย์มองตามสายตาของเด็กหนุ่มสีขาวก็พบเห็นใบหน้าอารมณ์ที่เขาไม่เคยเห็นของยูระ ได้ปรากฏบนใบหน้าของยูระในตอนนี้
“โย...”
ชื่อของเด็กหนุ่มผมสีขาวถูกเรียกขานจากยูระอย่างแผ่วเบาราวกับพึมพำเรียกชื่อ เจ้าของชื่อนั้นก็ยกยิ้มบางๆขึ้นให้กับคนที่เรียกชื่อของเขา
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ พี่ยูระ”
“พี่เหรอ!?”
เทย์เรย์ตกใจกับการเรียกของเด็กหนุ่มแปลกหน้าสำหรับเขา เทย์เรย์หันไปมองยูระถึงจะไม่เอ่ยถามแต่ใบหน้าก็บอกได้ชัดว่าเทย์เรย์ต้องการถามอะไร โยได้ยกปืนสีดำหันไปทางเทย์เรย์ สายตาของโยนั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
“พี่ยูระเป็นของฉันเพียงคนเดียว”
โยเหนียวไกปืนกระบอกนั้น แต่สิ่งที่ออกมาจากปากกระบอกปืนคือไอสีดำที่พุ่งเข้าหาเทย์เรย์อย่างรวดเร็ว เทย์เรย์กระโดดหลบได้ทันอย่างเฉียดฉิว ไอสีดำนั้นก็ชนกับพื้นและสลายหายไป
“โย ปืนนั่น!!”
ยูระที่เห็นปืนในมือนั่นก็รู้สึกแปลกประหลาดจึงตะโกนและให้ความสนใจไปที่อาวุธที่โย เทย์เรย์ก็มองไปที่ปืนที่อยู่ในมือของโย และเมื่อสังเกตดีๆแล้ว ปืนที่อยู่ในมือของโย
“ปืนมหัศจรรย์ จัส!”
เทย์เรย์ตะโกนเมื่อเห็นว่าปืนที่อยู่ในมือของโยนั้นคือปืนอะไร
“มะ...ไม่จริงก็ฉันทำลายปืนนั่นไปแล้ว...”
“ใช่แล้ว พี่ทำลายมันได้แล้ว....ในความฝันล่ะนะ”
โยหัวเราะเล็กน้อยในลำคอและจ้องมองทั้งสองคนที่อยู่เบื้องล่างด้วยสายตาที่เยือกเย็นดุจคมมีดก็มิปาน ยูระก็ได้แต่นึกย้อนไปที่ๆเขาได้ทำลายปืนนั่นและจมอยู่ในความทรงจำ โยที่เห็นว่าพี่ของตนกำลังเหม่อคิดเรื่องปืนที่น่าจะทำลายไปแล้วก็แสยะยิ้มออกมาจนน่าขนลุก
“นี่!! แกคิดจะห้อยหัวคนอื่นอีกนานไหมฟะ!!”
ทิสที่โดนจับห้อยหัวอยู่นานก็หมดความอดทน ที่มือของทิสพลันมีแสงสว่าง และจู่ๆเถาวัลย์ที่มัดขาของเขาก็ขาดสะบั้น ในมือของทิสมีดาบยาวถืออยู่ ทิสที่ไม่มีรัดให้ลอยก็ร่วงลงมา แต่ทิสตีลังกาเอาเท้าเหยียบพื้นเป็นส่วนแรกของร่างกาย เขาหันคมดาบให้โย
โยที่เห็นว่าอยู่ที่นี่ไปคงไม่ได้อะไรมาก จึงหันหลังให้พวกเขาทั้งสาม ทิสที่หมดความอดทนได้เห็นการกระทำที่ไม่ควรทำเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูเขาก็ตะโกนถามอย่างหงุดหงิด
“นี่แกคิดจะดูถูกเหรอ!?”
“หึ! นี่พี่ยูระฉันจะรอพี่อยู่ที่ๆเราเจอกันครั้งแรกละกันนะ”
เมื่อสิ้นคำร่างของโยก็พลันแตกสลายหายไป ราวกับไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น เมื่อโยไปแล้วยูระก็นั่งลงไปกองกับพื้นอย่างหมดแรง และพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่”
ในตอนนั้นยูระกำลังถือมีดเล็กซึ่งเป็นอาวุธมหัศจรรย์แต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร หันปลายคมมีดไปที่หญิงสาวผู้งดงามที่กำลังถือปืนและหันกระบอกปืนนั้นมาทางเขา
“นึกว่าใครที่ไหน ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเป็นสุนัขของรัฐบาล เนอะ ยูระคุง”
หญิงสาวมองยูระด้วยสายตาที่อ่อนโยนแต่มันดูราวกับว่าสายตาของหญิงสาวนั้นชั่งดูน่ากลัวเมื่อรวมเข้าไปรอยยิ้มที่ยกขึ้นบางๆของหญิงสาวด้วยแล้ว
“โทษทีนะที่เป็นหมาของรัฐบาล”
“ไม่ต้องหรอก ยูระคุงถ้าเธอสนใจจะมาอยู่กับฉันที่องค์กรที่ยิ่งใหญ่ของฉันอย่างยูโทเปียก็ได้นะ”
“ฉันไม่สนใจจะไปอยู่เป็นองค์กรไหนทั้งนั้นหรอก ฉันจะทำลายมันให้ดูเอง”
หญิงสาวส่ายหัวของตัวเองไปมาช้าๆและไม่ถี่มากซักสองสามครั้งก่อนจะมองไปยังยูระทั้งที่ยังหันกระบอกปืนไปที่ยูระ หญิงสาวแสยะยิ้มขึ้นมาก่อนจะเอาปืนที่หันไปทางยูระหันกระบอกปืนเข้าที่อกของตน ยูระที่เห็นอย่างนั้นก็ทำหน้าตกใจ ยูระไม่ได้ตกใจที่คิดว่าหญิงสาวจะฆ่าตัวเองตายหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แต่ปืนที่หญิงสาวถืออยู่นั้นคือปืนมหัศจรรย์ที่มีพลังอำนาจสูง
“นี่ยูระคุง เคยถามฉันสินะว่าไปเจอปืนนี้ที่ไหน”
หญิงสาววรรคช่วงและจ้องมองประสานสายตากับยูระในระยะที่ค่อนข้างไกล หญิงสาวหลับตาและเอ่ยประโยคถัดไปว่า
“ปืนมหัศจรรย์ที่มีชื่อว่าจัส ถูกเก็บซ่อนไว้ที่ไหนซักแห่งบนโลกใบนี้ มันถูกเล่ามาอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้ห่างไปไหนจากเซเล่เลยแม้แต่น้อย เข้าใจไหมละยูระคุง ฉันที่มีสายเลือดของเซเล่ มันก็อยู่ที่ตัวฉันอย่างไรละ!! ตอนที่ฉันหลับในวันหนึ่งฉันก็ฝันว่าฉันได้พบกับทวดปู่หรือก็คือเซเล่และเขาก็ได้มอบปืนนี้ให้กับฉันและก็เล่าเรื่องสนุกๆให้ฟังหนึ่งเรื่อง เมื่อฉันตื่นขึ้นมาก็พบว่าปืนกระบอกนี้ ปืนที่ทุกคนต่างใฝ่หานั้นได้อยู่ในมือของฉันแล้ว”
เมื่อหญิงสาวเล่าเรื่องจบก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงของเธอดังกึกก้องสะท้อนภายในสถานที่ที่ทั้งสองกับประจันหน้ากัน เมื่อหญิงสาวหยุดหัวเราะ เธอก็เบิกตากว้างจ้องมองยูระก่อนและฉับพลันนั้นเธอก็ใช้ปืนนั้นยิงเข้าอกของตน และก็เกิดเงาดำจากกลางหลังของหญิงสาว ในตอนนั้นเองที่มีปีกสีดำอย่างปีกค้างคาวงอกกลางหลังของหญิงสาว หญิงสาวหัวเราะอย่างยินดีและดูเหมือนเป็นการยินดีที่เสียสติ
“ในตอนนี้ฉันจะยิ่งใหญ่กว่าใคร เก่งกว่าใคร และก็เหนือกว่าใคร ฮ่าๆๆๆๆ”
ยูระได้แต่เบิกตากว้างและมองไปยังหญิงสาวที่เสียสติ ที่กำลังค่อยๆกลายสภาพจากมนุษย์เป็นตัวประหลาดอะไรซักอย่าง ผิวสีเนื้อของหญิงสาวก็เริ่มกลายเป็นสีดำ เส้นผมสีทับทิมของหญิงสาวก็ร่วงจนหมดสิ้น ดวงตาสีอำพันก็เป็นสีโลหิต ในตอนนี้หญิงสาวไม่มีสภาพเป็นมนุษย์เลยแม้แต่น้อยนิด
“อา...รู้สึกดีจริงๆ นี่สินะพลังของปืนมหัศจรรย์ จัส”
“หัดดูสาระรูปของตัวเองบ้างสิเฟ้ย!!”
ยูระรวมพลังของตนไว้ที่มีดและสร้างมันให้กลายเป็นดาบใหญ่ เป็นอาวุธประจำกายของเขา และกระโดดเข้าหาต่อสู้กับหญิงสาวที่กลายเป็นปีศาจไปแล้ว
ในตอนนั้นเป็นการต่อสู้ที่ยูระเกือบจะสิ้นชีวิตไปแล้ว เมื่อเขาชนะ ถึงจะเล็กน้อยแต่ยูระก็รวบรวมสติที่เหลืออยู่ถือมีดของตนและเดินไปยังที่มีแสงออร่าสีขาวดำเปล่งประกายออกมา และเมื่อเดินไปดูก็พบว่าปืนนั้นกำลังส่องแสงนั่นอยู่ ยูระรวมพลังสุดท้ายของตนไว้ที่มีดและใช้มีดนั้นแทงลงไปที่ปืนนั้นจนปืนแหลกสลายแตกเป็นชิ้นๆ หลังจากนั้นเขาก็หมดสติไปเป็นเวลาถึง 1 เดือนเต็ม
ยูระเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ให้ เทย์เรย์ และ ทิส ฟังในปัจจุบันหลังจากที่โยได้หายจากไปอยู่ที่ๆเขาบอกว่าพบกันครั้งแรกกับยูระ ทิสที่เพิ่งเข้ามาเป็นคนของรัฐบาลฝ่ายเก็บกวาดไม่ค่อยได้รู้เรื่องวีรกรรมยิ่งใหญ่ของยูระ จึงเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย แต่คำตอบก็ของยูระนั้นทิสก็น่าจะพอเดาได้ว่าเป็นอะไร
“อย่างนี้นี่เองแต่ทำไมปืนนั่นยังไปอยู่ที่น้องของนายได้ล่ะ?”
“ฉันก็ไม่รู้หรอก”
“แล้ว เทย์เรย์ทำไมถึงรู้จักปืนนั่นละ?”
“ก็ฉันเคยสู้กับผู้หญิงคนนั้นในวันเดียวกับที่ยูระปราบหัวหน้ายูโทเปียนั่น ถึงจะแพ้เพราะหญิงสาวคนนั้นใช้ปืนนั่นแค่เรียกอสูรออกมาก็เถอะ แต่มันก็เยอะนะ กว่าจะปราบหมดเล่นเอาฉันหมดแรงข้าวต้มไปเลย”
ทั้งสามก็เงียบลงปล่อยให้ความเงียบปกคลุม ยูระก็ได้แต่ครุ่นคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นทั้งๆที่คิดไปก็ไม่ได้คำตอบและเขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ในขณะที่เทย์เรย์เองก็เป็นเช่นเดียวกับยูระ แต่ทิสที่ได้แต่มองทั้งสองไปมาก็ทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามเรื่องที่แม้เทย์เรย์ก็ลืมที่จะถาม
“นี่ยูระ! แล้วโยเป็นน้องของนายนั่น พอจะรู้อะไรไหม?”
“ถึงจะบอกว่าเป็นน้องก็ไม่ใช่น้องแท้ แถมยังรู้จักเมื่อ...!”
จู่ๆยูระก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงนิ่งเงียบไป ปล่อยให้ทิสและเทย์เรย์มองหน้ากันนิดหน่อยก่อนจะมองไปที่ยูระ แต่ก็เอาแต่เงียบและเหมือนขครุ่นคิดอะไรบางอย่างอย่างเดียว จนเทย์เรย์ทนไม่ไหวจึงถามออกไปในคราวนี้
“มันหมายความว่าไงเล่าให้ฟังหน่อยสิ ยูระ”
“มันก็...”
เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนในตอนนั้นยูระใกล้จะถึงความจริงเรื่องของหัวหน้าของยูโทเปีย เขาได้ไปที่หมู่บ้านหนึ่งและได้ออกมาเดินเล่นในป่าจนมาเจอพุ่มไม้ของต้นดอกกุหลาบสีม่วงที่บานสง่างาม และมีทางที่เป็นทางเดินเข้าไปได้ ยูระจึงเดินเข้าไปตามทาง ทางที่มีต้นกุหลาบสีม่วงเป็นกำแพง เขาได้เดินไปตามทางจนเจอกับเด็กหนุ่มผมสีขาวกำลังนอนคดตัวอยู่กับพื้นหญ้าเขียวขจีและมีดอกกุหลาบสีม่วงวางไว้ข้างตัว
ยูระเดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆก่อนจะเขย่าปลุกร่างของเด็กหนุ่มคนนั้น เขย่าไปได้สองสามครั้งเขาก็ลืมตาตื่นขึ้นขยี้ตาหน่อยๆและมองไปยังชายหนุ่มที่ปลุกเขา
“มานอนอะไรตรงนี้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
ยูระเอ่ยขึ้นมา เด็กหนุ่มผมสีขาวก็มองชายหนุ่มคนนั้นอย่างงุนงงก่อนจะเอามือข้างซ้ายแตะที่ใบหน้าของยูระและลูบคลำที่แก้มของยูระ ซักพักหนึ่งก็เอามืออีกข้างลูบคลำอีกแก้มอีกข้างและทำตาเป็นเปล่งประกาย
“นุ่มจัง”
ยูระเองก็ไม่ได้ว่าอะไรและให้เด็กหนุ่มคนนั้นลูบคลำแก้มของตนไป ถึงจะคิดว่าเป็นเด็กหนุ่มผมสีขาวที่แปลกดี และเด็กหนุ่มคนนั้นก็วางมือตนแล้วจ้องตาประสานกับเขา และมองลึกเข้ามาในดวงตาของเขาอีกเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยถาม
“คุณเป็นใครเหรอ?”
“ยูระ”
ยูระตอบคำถามไปด้วยท่าทางที่เรียบเฉย เด็กหนุ่มผมขาวคนนั้นก็หยิบดอกกุหลาบสีม่วงที่ว่างข้างๆตัวหนึ่งดอกและยื่นให้ยูระพร้อมกับรอยยิ้ม
“ยูระฉันให้”
เด็กหนุ่มยื่นให้ในขณะที่ยูระลังเลที่จะรับดอกกุหลาบสีม่วงสด แต่ก็รับมาและมองดอกกุหลาบสีม่วงสดนั้นอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้คิดมาก และลอบคิดเกี่ยวกับควาหมายของดอกกุหลาบสีม่วงนิดหน่อยและเลิกความคิดไป
“โย..”
ยูระเลิกสนใจและหันไปมองเด็กหนุ่มสีขาวที่จู่ๆก็พูดอะไรออกมา เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส
“ชื่อของฉัน โย”
หลังจากตอนนี้ยูระก็มาหาโยบ่อยๆ เพราะเขาต้องอยู่ที่หมู่บ้านประมาณ 2 อาทิตย์ทุกครั้งที่เขาว่างหรือทำงานเล็กๆเสร็จก็จะมาหาโย เพื่อเล่นเป็นเพื่อนในยามว่างของยูระ รู้มาว่าโยก็อยู่ในหมู่บ้านแค่เข้ามาที่นี่ และโยก็เรียกที่นี่ว่าฐานทัพลับของโย ยูระเองก็ไม่ได้ว่าและคิดว่านี่หาเจอยากจริงนั่นละ ตอนเดินเข้ามาที่นี่รอบสองกว่าจะหาเจอก็เล่นเอาเหนื่อย
และในวันสุดท้ายเขาต้องจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปนั้น ยูระก็ได้มาหาโยตามปกติ และเล่าเรื่องที่จะต้องไปแล้ว และแน่นอนว่าโยไม่ยอม
“ไม่เอานะ ยูระ ไม่เอา อย่าไปนะ”
โยรีบกระโจนเข้ากอดยูระอย่างแน่นและร้องไห้ออกมา แล้วพูดอ้อนวอนไม่ยูระไป แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ยูระจะอยู่ต่อเพราะหน้าที่ของเขาในฐานะที่เป็นคนรัฐบาลฝ่ายเก็บกวาด
“โย ฉันขอสัญญาว่าถ้าฉันทำงานเสร็จแล้วจะมาอยู่กับโยนะ จะอยู่ด้วยในฐานะครอบครัวเดียวกันตามที่โยต้องการ”
“จริงนะ? ยูระจะเป็นครอบครัวเดียวกับฉันจริงๆนะ”
ยูระพยักหน้า เมื่อก่อนโยเคยขอว่าอยากเป็นครอบครัวเดียวกับยูระที่ไม่มีแม้แต่พ่อแม่หรือญาติ เขาถูกเลี้ยงและเติบโตให้เป็นสุนัขของรับบาลฝ่ายเก็บกวาดโดยตรง
“ถ้าอย่างนั้นยูระเป็นพี่ชายของฉันนะ”
“ก็เอาสิ”
ยูระลูบหัวของโยและยิ้มบางๆให้ ก่อนจะลุกและเดินจูงมือพาโยกลับหมู่บ้าน เมื่อเขาส่งถึงบ้านของโย ยูระก็จากโย ตอนที่เขากำลังออกเดินทางไปทำงานที่อื่นนั้น เขาได้หันหลังกลับไปดูที่หมู่บ้านที่เขากำลังจาก แต่พบว่าหมู่บ้านมีควันลอยขึ้นมา จึงรีบกลับไปที่นั่นก็พบว่า ถูกองค์กรยูโทเปียเข้าจู่โจมและพาเหล่าเด็กๆไป
โชคดีที่ยูระกลับมาและมุ่งไปยังบ้านของโย ในขณะที่โยกำลังถูกคนของยูโทเปียพาไป ยูระจัดการคนพวกนั้น และโผเข้ากอดโยแล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน โยได้ถูกช่วยเอาไว้ได้ แต่แล้ว...
โชคร้ายยิ่งนักในขณะที่ยูระจะพาโยไปที่ปลอดภัยนั้นโยก็ถูกดาบแทงทะลุกลางอก โดยฝีมือของคนของยูโทเปียและยูระก็เสียสติไปทำให้ฆ่าคนของยูโทเปียทั้งหมด คนในหมู่บ้านที่เป็นผู้ใหญ่เองก็ถูกฆ่าตายไปเยอะ เหล่าเด็กๆก็โดนเอาตัวไปเกือบหมดจนแทบจะไม่เหลือ ไฟที่ลุกไหม้ก็ถูกสายฝนตอนนั้นที่บังเอิญตกลงมาทำให้มอดดับไป แต่ชีวิตของโยคนที่เป็นน้องของยูระถึงจะไม่ใช่แท้ๆ ก็ได้มอดดับไปด้วยเช่นกัน
ถึงจะไม่นานเลย ยูระก็ดีใจที่ได้มีน้องชาย และคิดว่าที่นี่จะเป็นที่ๆเขาจะได้กลับมาและมีครอบครัวอย่างมีความสุขเมื่อโค่นล้มองค์กรที่ฟื้นคืนมาอย่างยูโทเปียได้ แต่มันกับหายไปกับตา ไม่มีวันฟื้นคืนมาได้เลย...
ยูระได้พาร่างไร้ลมหายใจของโยไปที่ๆเขาเจอกันครั้งแรกตรงนั้นถึงจะเป็นพื้นหญ้าแต่ก็มีสระน้ำที่ลึกประมาณ 3 เมตร แต่ก็ไม่ได้กว้างอะไรมากยูระได้วางร่างของโยที่ไร้ซึ่งลมหายใจลงไปในน้ำ ร่างของโยค่อยๆจมลงไปน้ำ ในขณะที่ยูระได้เพียงแค่มองร่างที่ค่อยๆจมลงไปเท่านั้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของยูระ
“โย..”
“จะบอกว่าคนที่ตายไป ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกเหรอ?”
“ก็คงอย่างนั้น แต่นั่นใช่โยหรือเปล่าฉันก็ไม่ได้ค่อยแน่ใจ...”
เมื่อฟังเรื่องราวจบ ทิสก็เอ่ยถามขึ้นมาและยูระได้แต่ตอบไปอย่างเศร้าสร้อย สีหน้าดูเจ็บปวด เทย์เรย์เองก็ยังจำเหตุการณ์ในตอนนั้นเพราะเทย์เรย์ในตอนนั้นเป็นคู่หูของยูระถึงปัจจุบัน ตอนนั้นเขาจำได้ว่าผู้ใหญ่ในหมู่บ้านตายเกือบหมดและเหล่าเด็กๆเองก็ถูกพาตัวไป จนเหลือเด็กแค่ 3 คนและสูญเสียพ่อแม่ไป รัฐบาลจึงเอาเด็กทั้งสามไปเลี้ยง เขารู้เพียงเท่านี้ และในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ตัวติดกับยูระเลยไม่รู้ยูระไปสนิทสนมกับเด็กคนนั้นตอนไหน และรับรู้เพียงแค่ว่ายูระโกรธจัดที่คงเห็นพวกยูโทเปียฆ่าพ่อแม่เด็กต่อหน้าต่อตากระมัง
“แปลว่าสถานที่พบกันครั้งแรกนั่นก็คือสวนดอกกุหลาบสีม่วงในป่านั่นเหรอ?”
“ก็คงอย่างนั้น และฉันคิดว่าฉันจะไปที่นั่นคนเดียว”
สิ้นประโยคของยูระ ทิสก็ตบหัวยูระอย่างแรงหนึ่งที ไปคนเดียว? ทั้งที่พวกเขาทั้งสองเป็นคู่หูกันนะเหรอ? ทั้งที่พวกเขาเป็นคนของรัฐบาลฝ่ายเก็บกวาดทีมสีแดงที่เป็นคู่หูกันเหรอ?
“ทำบ้าอะไรของนายกันทิส!”
“นายนั่นล่ะบ้า ฉันเป็นคู่หูของนายนะ!”
“ทีนายล่ะ ทิส นายมาที่นี่ทั้งที่ทิ้งฉันเอาไว้แล้วมาคนเดียว”
“ก็มาสืบอะไรนิดหน่อยก่อนจะบุกจริงเท่านั้นล่ะ”
“ทั้งที่เป็นตอนกลางวันเนี่ยนะ ถ้าจะสืบก็น่าจะสืบกลางคืนไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ก็มันเป็นวิธีของฉันนายไม่ต้องมายุ่งหรอก!”
“มันก็เหมือนกันล่ะ ครั้งนี้มันก็เป็นเรื่องของฉันนายไม่ต้องมายุ่งหรอก!”
ทิสเหมือนโดนเสยกลับอย่างแรง ทิสเองก็รู้อยู่แก่ใจเถียงหมอนี่ไม่เคยชนะเลยสักนิดจนคิดว่า ถ้าเจ้ายูระไปเถียงแข่งกับผู้หญิง ใครคนไหนจะชนะ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่อง
“เอาน่า ใจเย็นก่อนทั้งยูระ และ ทิสเลย”
เทย์เรย์ที่ฟังทั้งสองเถียงกันก็ประนีประนอมให้ทั้งสองเลิกเถียงกันเป็นทางอ้อมๆไป
“เอาเป็นว่า ยูระนายไปจัดการธุระของนายซะ”
“จะได้อย่างไรกัน? เทย์เรย์นายคิดว่าระบบคู่หูเป็นอย่างไรกัน”
“ถึงจะเป็นคู่หู แต่ก็มีบางเรื่องที่ต้องจัดการด้วยตัวเองบ้างนะ ทิสเข้าใจหน่อยสิ”
“เทย์เรย์ขอบใจนะ”
ยูระไม่รอช้ารีบวิ่งไปทางหมู่บ้านแห่งนั้น หมู่บ้านที่ยูระกับโยเจอกัน เมื่อเห็นว่ายูระรีบออกวิ่งทิสจะห้ามยูระ แต่เทย์เรย์ก็หยุดทิสไว้ก่อน...
“ปล่อยไปเถอะ เรามาจัดการที่นี่กัน”
“แต่ว่า!”
“เอาน่า เจ้ายูระเถียงเก่ง ถึกแล้วก็ตายยากนะ”
“นั่นพูดในฐานะของคู่หูเก่าเหรอ?”
“มันก็นะ...ชั่งเถอะ เรามาจัดการหมู่บ้านก่อนที่เจ้ากระดาษที่ยูระส่งไปจะเรียกรัฐบาลฝ่ายเก็บกวาดสีน้ำเงินจะมาดีกว่านะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นทิสก็เบะหน้านึกถึงคนที่ไม่อยากเจอขึ้นมา และก็ยอมทำตามที่เทย์เรย์พูดไปอย่างว่าง่ายโดยไม่มีข้อกังขาใดอีก
ทางด้านยูระที่รีบวิ่งออกมาเมื่อวิ่งมาได้ไกลก็หยุดวิ่งและคิดได้ว่าหมู่บ้านเขาต้องไปมันไกลจากที่นี่จะต้องใช้เวลาเดินทางไปกี่วันกัน?
“เดินมาทางนี้สิ”
ในขณะที่ยูระกำลังคิดก็ได้ยินเสียงโยเมื่อหันไปตามเสียงก็พบกับต้นไม้ที่มีโพรงขนาดใหญ่พอที่เขาจะรอดเข้าไปได้ เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอและเดินไปทางต้นไม้นั้น แล้วสำรวจโพรงนั่นก่อนจะเข้าไปและเมื่อเข้าไปเขาก็ตกลงไปในความมืด..
ไม่นานที่เขารู้สึกเหมือนกำลังร่วงลงไปโดยไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดการร่วงลงไปสู่ความมืดนี้เมื่อใด แต่เมื่อรู้สึกว่าก้นของตนได้กระแทกกับพื้นก็รู้สึกเจ็บและเมื่อลืมตาก็พบกับหมู่บ้านที่ร้าง ไม่รู้สึกว่ามีคนอยู่เลย...
เขาสำรวจมองไปรอบๆก็พบว่าเป็นหมู่บ้านที่เขาเคยคิดที่จะมาอยู่อาศัยเมื่อกำจัดหัวหน้าและโค่นล้มคนขององค์กรยูโทเปีย ถึงตอนนี้จะสำเร็จแล้วที่กำจัดหัวหน้าของยูโทเปีย แต่ก็ยังมีฐานเล็กฐานน้อยของมันอยู่แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก
ตอนที่เขากำจัดหญิงสาวผู้เป็นหัวหน้าสูงสุดของยูโทเปียคนนั้นไปได้ ก็มีเรื่องที่เขายังคงสงสัยคาใจเกี่ยวกับเรื่องเล่าที่ทวดปู่ของเขา เซเล่ เล่าให้ฟัง และเรื่องที่เขาสืบมาได้ถึงจะ 300 ปี แต่เขารู้ความจริงเกี่ยวกับว่า เซเล่มีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับองค์กรยูโทเปีย เหมือนกับเซเล่เป็นคนของยูโทเปีย
เขาก้าวฝีเท้าไปยังสวนกุหลาบสีม่วงนั้นอย่างรวดเร็ว เขาอยากจะพิสูจน์ให้แน่ใจนั่นใช่โยจริงๆเหรอ? หรือเป็นอะไรกันแน่?
ไม่นานนักเขาก็มาถึง แต่ ยูระก็ต้องตกตะลึงกุหลาบสีม่วง... ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นต้นของดอกกุหลาบสีดำ นี่มันอะไรกันแน่? เกิดอะไรกับที่นี่กัน?
ยูระรีบเดินเข้าไปตามทางทันที และเมื่อสิ้นสุดปลายทางเขาก็พบกับเด็กหนุ่มผมสีขาวกำลังนอนคดตัวอยู่บนหญ้าสีเขียวขจี และมีดอกกุหลาบสีดำวางอยู่ข้างตัว มันราวกับเป็นเดจาวู
(เดจาวู คือเห็นสถานที่หรือเหตุการณ์ต่างๆ แล้วรู้สึกว่า เคยเห็น เคยทำ แบบนี้)
ยูระเดินเข้าไปและสำรวจมองก็ไม่พบเห็นปืนมหัศจรรย์ หรือว่าจะเก็บเอาไว้ในเสื้อ? ยูระนั่งลงกับพื้นแล้วทำการพลิกร่างของโยและสำรวจร่างของโย ในขณะที่มือของยูระไปแตะกับของแข็งที่คาดว่าน่าจะเป็นปืน มือของโยก็คว้าจับที่ข้อมือของยูระ
“เจอกันครั้งแรกมันไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ พี่ยูระ”
“โย...ส่งปืนนั่นมาซะ”
โยยิ้มและปล่อยมือของยูระและลุกขึ้นนั่งก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ และก็ค่อยเอาหน้าไปใกล้กับใบหูของยูระและพูดบางอย่างพร้อมกับเป่าหูใบๆ
“ไม่ได้หรอก”
ยูระที่โดนเป่าหูก็รู้สึกจักจี้จนถอยห่างมาเล็กน้อย โยที่เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะเบาๆ
“โย!”
ยูระไม่รอช้าให้โยหนีไปไหนรวบแขนทั้งสองข้างของโยและกดลงกับพื้นก่อนจะเอามืออีกข้างล้วงเข้าไปหยิบปืนที่ใส่ในเสื้อของโย
“ทำไมถึงอยากได้ปืนขนาดนั้นกันละ พี่ยูระ?”
“ฉันจะทำลายมัน!”
“ทั้งที่ปืนนี่ พี่ยูระเป็นคนขอมันให้ฟื้นคืนชีพฉันไม่ใช่เหรอ?”
“พูดอะไร?”
“ในตอนนั้น....”
ความจริงแล้ว... ย้อนไปเมื่อยูระชนะการต่อสู้ เขาหยิบปืนนั่นมา แต่เมื่อสัมผัสแล้วก็ยูระได้ยินเสียงดังเข้ามาในโสตประสาท เป็นเสียงของเขาเอง
“นายอยากจะใช้ชีวิตสงบสุขหลังจัดการหัวหน้าของยูโทเปียไปอยู่กับเด็กคนนั้นสินะ แต่คนตายไปแล้วไม่มีทางฟื้นคืนขึ้นมา แต่สิ่งที่อยู่ในมือของนายตอนนี้ทำได้นะ ฟื้นคืนชีพให้เด็กคนนั้นโดยที่นายเพียงแค่เล็งปากกระบอกไปที่หัวใจของนายและเหนียวไกสิ แล้วสิ่งที่นายหวังไว้ก็จะเป็นจริง”
ร่างของยูระที่กำลังจะไร้เรียวแรงเขาได้ทำตามที่เสียงนั้นบอก หันกระบอกปืนเข้าหัวใจของตนและเหนียวไก และจู่ๆก็มีบางอย่างเข้ามาในหัวของเขาเต็มไปหมด... ใบหน้าของชายคนนั้นคือคนที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เซเล่...
เซเล่กำลังคุยกับคนที่มีสัญลักษณ์ของยูโทเปียที่แก้มข้างซ้าย เซเล่เขาทำลายล้างหมู่บ้าน... ฆ่าคนในหมู่บ้าน แม้คนในหมู่จะร้องขอชีวิต เซเล่เขาพูดอะไร? เขา..
“ต้องฆ่ามากกว่านี้ ต้องมากกว่านี้ มันถึงจะพอสินะ จัส หึ! หึหึ ฮ่าๆๆๆๆ”
ความทรงจำของเซเล่ไหลเข้ามาในหัวของยูระ ความจริงได้ถูกเปิดเผยกับยูระในตอนนั้น ตั้งแต่เขาได้จัดการกับหัวหน้าของยูโทเปียไปแล้ว
ความจริงที่ว่า ปืนมหัศจรรย์นี้หากฆ่าคนมากๆตามที่ปืนพอใจแล้วจะสามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริงหนึ่งข้อไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม และสิ่งที่สังเวยเป็นสิ่งสุดท้ายคือชีวิตของหญิงสาวคนนั้น และสิ่งที่เซเล่ปรารถนาคือ การเป็นอมตะไม่แก่ไม่ตาย แต่เพราะว่าปืนมันยังไม่พอ เขาฆ่าคนของยูโทเปียไปมากมายด้วยอาวุธทรงพลัง อย่างปืนมหัศจรรย์ และนี่คือสิ่งที่คนรับรู้ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำไปก็เพื่อความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว ในตอนนั้นเซเล่คิดว่ามันพอที่จะทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริงแล้ว เขาจึงใช้มันเพื่อทำความปรารถนา แต่มันก็ไม่พอ มันจึงกลืนกินร่างของผู้ใช้เข้าไป...
และนี่ก็คือความจริงที่เคยเกิดขึ้นจริง ทุกสิ่งล้วนแต่เป็นเปลือกนอก ไม่ใช่ข้างในเลย ผู้คนเห็นเพียงแค่เห็นเปลือกนอกเพียงเท่านั้น และนี่คือสิ่งที่ยูระคิดเมื่อนึกออกถึงความจริงในตอนนั้น
และความจริง ความทรงจำของจริงของยูระก็เปิดออก เมื่อยูระใช้มัน โยก็ฟื้นคืนขึ้นมาและเขาก็มอบปืนให้โย แต่ก่อนจะมอบมัน โยจึงขอมันอีกอย่าง เป็นคำขอที่ไม่ได้จ่ายอะไรมาก ทำให้เปลี่ยนความจำไปว่าเป็นเขาทำลายปืนนั่นไปซะ และปืนมหัศจรรย์นั่นก็ทำให้ และไม่คิดจะกลืนกินผู้ใช้ของมันอย่างยูระเพราะคำขอที่ง่ายดายเช่นนี้
“ไม่...จริง...”
ยูระถึงจะจำได้แต่ก็ไม่ค่อยเชื่อตนเองจึงพูดออกมาทั้งน้ำตาที่ไหลพรากอาบแก้ม โยที่เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มอ่อนโยนให้ยูระ
“เป็นจริงสิ และปืนนี่ก็อยู่กับผมมาตลอด โดยที่ผมเองก็เติมเต็มมันด้วยเช่นกัน”
ยูระเบิกตากว้างก่อนจะกล้ำกลืนถามคำถามที่ไม่อยากได้คำตอบที่ไม่ดีเท่าไรจากปากโยออกมา
“นายฆ่าคนเหรอ?”
“ใช่แล้ว แต่ผมฆ่าคนของยูโทเปียนะ เพื่อพี่ยูระ”
ยูระที่หมดเรียวแรงไม่มีเรียวแรงเพราะจิตใจก็ปล่อยมือที่รวบแขนทั้งสองข้างโยไว้ โยที่ถูกปลดปล่อยก็ลุกขึ้นแค่ท่อนบนเพราะท่อนล่างถูกยูระนั่งทับอยู่ โยใช้มือของตนลูบไปที่แก้มของยูระ
“นุ่มจัง”
ยูระได้แต่เงียบ ไม่พูดอะไรสีหน้าราวกับคนไร้วิญญาณ
“ไม่เอาน่า พี่ยูระอยู่ด้วยกันกับฉันเถอะนะ”
โยพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบดอกกุหลาบสีดำและยื่นให้ยูระ ยูระก็มองก่อนจะรับมันมาพร้อมกันนั้นเขาก็ทำหน้าเข้มแข็งจนโยตกใจชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ยูระหยิบปืนนั่นมาและถอยห่างโยอย่างรวดเร็ว
“จะไปไหนเหรอ? พี่ยูระ อยู่กับฉันเถอะนะ ฉันรอมาตั้ง 2 ปีแล้วนะ”
“เราจะอยู่ด้วยกันแน่”
ยูระก้มมองปืนก่อนจะหยิบมีดคู่กายของตนออกมา
“จะทำอะไรน่ะ? พี่ยูระ”
“ก็ทำให้ความทรงจำที่ทำลายปืนนั่นมันเป็นจริง!!”
“หยุดนะ!!”
ยูระรวมพลังไปที่มีดและวางปืนและใช้มีดนั่นแทงไปที่ปืนทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โยที่รีบลุกและวิ่งเพื่อไปเอาปืนนั่นก็ไม่อาจจะไปถึงได้ทัน และแน่นอนว่ามันจะต้องเป็นเหมือนกับในความทรงจำจอมปลอมที่สร้างขึ้น ปืนนั่นถูกทำลาย แตกหักเป็นสองซีก
ในขณะที่ปืนกำลังค่อยสลายไป ยูระก็มองโยที่กำลังค่อยๆสลายไปเช่นกัน
“ทำไมกัน? ทั้งที่ฉันคืนชีพขึ้นมาแล้วนะ พี่ยูระ!”
“เพราะว่านายไม่ใช่...โย!”
โยเบิกตากว้างและก็สลายหายไป ปืนเองก็สลายไปเช่นกัน ยูระหันไปมองต้นของดอกกุหลาบ และดอกกุหลาบกำลังค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นสีแดงสด
“ฉันไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ว่านายเป็นดอกกุหลาบหรอกนะ โย...”
ยูระพูดขึ้นมา พร้อมกันนั้นสายลมก็พัดมา กลีบกุหลาบสีแดงรวมกันเป็นเรือนร่างของเด็กหนุ่มที่ยูระคงจะคุ้นตาอย่างดี รวมกันเป็นเด็กหนุ่มผมสีขาวที่อยู่ข้างหลังของยูระ
“รู้ได้อย่างไรกันว่านั่นไม่ใช่ฉัน ยูระ”
เด็กหนุ่มผมสีขาวเอ่ยถามและมองแผ่นหลังของยูระ ยูระนั่งลงแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า
“กลิ่น... โยที่ไม่มีกลิ่นไม่มีทางใช่โย”
“ทำไมล่ะ?”
“น่าแปลกทั้งที่พุ่มกุหลาบออกจะบานขนาดนี้ ทั้งที่มีคนออกมาหาของป่าตลอดจะไม่มีใครมาเจอที่นี่เลยมันก็แปลก และก็ในตอนที่อยู่หมู่บ้านนี้นายก็พลาดไปเรื่องคือ นายลืมสร้างร่างของตนตอนที่ตามฉันในหมู่บ้าน ถึงจะมองไม่เห็นแต่ก็ได้กลิ่นนะ”
โยหน้าแดงขึ้นมาทันที และเสมองไปทางอื่นถึงยูระจะหันหลังให้เขาก็ตาม แต่ก็ไม่กล้ามองไปที่ยูระเลยซักนิด
“ตะ...แต่ว่า....”
“ฉันรู้เมื่อ 1 ปีก่อนว่ามีตำราเกี่ยวกับปีศาจดอกกุหลาบอยู่ และมันทำให้ทุกอย่างที่ฉันสงสัยเกี่ยวกับนายหายไปหมดทุกอย่างไม่มีเหลือ”
โยหันไปมองแผ่นหลังของยูระอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปสองสามก้าวก่อนจะรีบวิ่งไปโอบกอดคอของยูระ แล้วกระซิบที่ข้างหูของยูระด้วยความรู้สึกทั้งเขินอายและดีใจ ว่า
“รัก...”
ยูระไม่พูดอะไรและหันไปมองโยและลูบหัวอย่างอ่อนโยน
“ไม่ได้อยากเป็นน้องของยูระ แต่อยากเป็นคนสำคัญ...เพียงคนเดียว”
น้ำตาของโยเริ่มออล้นออกมา โยคลายกอดของตน ยูระเองก็หันไปทางโยและโอบกอดโยเอาไว้ในอ้อมอกของตน
“ก็เป็นอยู่แล้วนี่...”
และยูระเอาหน้าของตนเข้าไปใกล้ก่อนจะประกบริมฝีปากของตนเข้ากับโยอย่างอ่อนโยน ตอนแรกโยก็ตกใจเบิกตากว้างก่อนจะหลับตาลงเหมือนกับยูระ...
ทางด้านเทย์เรย์และทิส ทั้งสองคนจัดการจับคนในหมู่บ้านที่เป็นคนของยูโทเปียไว้ ถึงจะฆ่าคนไปบ้างเพราะขัดขืนสู้กับทั้งสองคน
“จัดการเรียบเลย...”
เสียงของเด็กสาวทำให้ทั้งสองคนหันไปมองก็พบกับเด็กสาวคุ้นหูคุ้นตาดี เธอกระโดดลงมาจากหลังคาบ้านแล้วเดินเข้ามาหาทั้งสองคนทั้งที่ใบหน้าของเธอดูง่วงนอน
“ริน เธอสายประจำเลยนะ”
“ก็เปล่านี่ นี่เพิ่งเริ่มแผนเสียด้วยซ้ำ พวกนายต่างหากที่เริ่มแผนกันเองตามใจชอบ แถมเทย์เรย์ยังทิ้งฉันที่เป็นคู่หูอีก ใจร้าย...”
ถึงประโยคที่เด็กสาวพูดจะยาวแต่น้ำเสียงที่พูดนั้นช้าและมันทำให้ทั้งสองรู้สึกหวั่นๆกับน้ำเสียงของเด็กสาวคนนี้ เธอมองคนที่โดนมัดจับไว้โดยเทย์เรย์และทิสแล้วเอียงคอเล็กน้อยพอน่ารัก
“น้อยจัง คนที่ฆ่าไปก็น้อยด้วย...”
“รู้สึกว่าเจ้าพืชใหญ่นั่นจะจับคนที่นี่กินไปเยอะ”
“อย่างนั้นเหรอ”
เด็กสาวยิ้มและเงยหน้ามองท้องฟ้า ในขณะที่เทย์เรย์กับทิสพูดคุยกันไป เธอพึมพำออกมาอย่าแผ่วเบา
“ดูท่าคงไม่ถึงทีที่ฉันต้องออกโล่งสินะ แล้วก็คงต้องแจ้งเรื่องนี้ให้พวกรัฐบาลฝ่ายปราบมารรู้เรื่องด้วยสิ”
“เมื้อตะกี้เธอพูดอะไรเปล่า? ริน”
เทย์เรย์ที่รู้สึกได้ยินคำพูดของรินพูดอะไรบางอย่างก็เอ่ยถามอย่างสงสัยโดยเลิกสนทนากับทิสชั่วขณะ รินหันไปมองเทย์เรย์และส่ายหัวและหยิบกระดาษรูปคนและร่ายคาถาเมื่อร่ายเสร็จมันก็มุ่งหน้าไปทางตะวันตก
“เธอแจ้งไปไหนกันริน? ต้องไปทางตะวันออกนะ”
“มีเรื่องต้องแจ้งทางตะวันตก”
รินหยิบกระดาษอีกแผ่นขึ้นมาให้เทย์เรย์ดู
“จะใช้แผ่นนี้ต่างหากส่งทางตะวันออก”
กระดาษที่ลอยไปทางตะวันตกก็ลอยไปที่ฝ่ามือของชายหนุ่มวัยกลางคนที่นั่งหลบแดดบนกิ่งไม้ใหญ่ของต้นไม้ขนาดใหญ่ กระดาษรูปร่างคนกลายเป็นกระดาษแผ่นสีเหลี่ยมมีตัวอักษรเขียนไว้เยอะมาก
ชายวัยกลางคนอ่านมันและยิ้ม
“เทพกับปีศาจเหรอ? ก็ไม่เลวหรอกนะ กระมัง”
ชายวัยกลางคนยิ้มและหัวเราะอย่างสนุก
แถมทิ้งทายช่วงพิเศษ ความจริงที่ยูระยังไม่รู้และมีมนุษย์ไม่กี่คนที่รู้ และข้อมูลเบื้องต้นของเรื่อง?
รัฐบาลมีทั้งหมด 7 ฝ่ายได้แก่
1.ฝ่ายเอกสาร ทำหน้าที่รับเรื่องต่างๆที่คนแจ้งมา และแยกงานให้เหมาะแก่ฝ่ายต่างๆ
2.ฝ่ายข่าวสารข้อมูล ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลแบบไหน
3.ฝ่ายกักขัง ทำหน้าที่ดูแลนักโทษที่ถูกจับมา
4.ฝ่ายบริหาร ทำหน้าที่เป็นหน้าเป็นของรัฐบาล คอยตอบคำถามของผุ้คนที่ต้องการข่าวสารของรัฐบาล
5.ฝ่ายปราบมาร ทำหน้าที่ กำจัดปีศาจ และเป็นฝ่ายที่น้อยคนนักจะรู้จัก จนหลายคนที่ไม่รู้ เข้าใจว่ารัฐบาลมีแค่ 6 ฝ่ายเท่านั้น
6.ฝ่ายเก็บกวาด ทำหน้าที่ทำลายคนที่เป็นเป้าหมายหรือองค์กร กลุ่มคน ที่เป็นเป้าหมาย ค่อนข้างเน้นฆ่าเป็นหลัก
7.ฝ่ายปราบปราม ทำหน้าที่เหมือนฝ่ายเก็บกวาด แต่ค่อนข้างเน้นจับกุมเป็นหลัก
อาวุธมหัศจรรย์นั้นเป็นอาวุธที่เหล่าเทพสร้างขึ้น แต่แล้วมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นมีเทพตนหนึ่งได้สร้างอาวุธแล้วเกิดความผิดพลาดไม่คาดคิดว่าอาวุธจะมีจิตใจแห่งตัณหา ปกติอาวุธมหัศจรรย์จะไม่มีจิตใจแห่งตัณหา มีเพียงแค่ตอบสนองความตัณหาของผู้ใช้เท่านั้น
และเทพองค์นั้นเป็นที่รู้จักในนามของเทพตนอื่นว่า ยูระ เขาได้สร้างอาวุธต้องห้ามขึ้น เขาจึงถูกลบความทรงจำตอนเป็นเทพและลงมาโลกมนุษย์เพื่อทำลายอาวุธ เขาเปรียบเหมือนเทพตกสวรรค์ แต่เขาก็มีสิทธิ์กลับไปยังแดนเทพได้ หากความทรงจำตอนเป็นเทพอยู่ แต่ในปัจจุบันเขาก็จำไม่ได้
ในตอนนั้นเองฝ่ายปราบมารเองได้รู้ถึงการมีตัวตนของปีศาจกุหลาบจึงจะไปจัดการ แต่รินผู้เป็นเทพที่ทำหน้าที่จับตามองยูระ รู้สึกว่ายูระเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเจอปีศาจกุหลาบจึงขอร้องว่าอย่ากำจัดและติดสินบนเอาไว้เล็กน้อย ฝ่ายปราบมารจึงทำเป็นไม่เห็นไป เพราะอย่างไร ปีศาจกุหลาบนั้นก็ไม่ได้ก่อความเสียหายอะไร
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ความรู้สึกตอนเขียนบอกตามตรง คือมันแบบว่าเรียกได้ว่าแถไปเรื่อยๆ =w= คนหลายคนสงสัยแถอะไรของนักเขียนคนนี้วะ? คือตอนแรกวางไว้ว่าและเกี่ยวเทพสร้างอาวุธผิดพลาด ซึ่งเทพสร้างอาวุธให้มนุษย์ใช้เพื่อกำจัดลบล้างคนไม่ดี แต่เทพองค์หนึ่งทำผิดพลาดสร้างอาวุธที่มีจิตตัณหาขึ้นมา เท่านี้ แล้วเราคิดไว้ว่าเทย์เรย์เป็นผู้หญิงหรือก็คือนางเอก แต่ไปมาๆทำไมมันกลายเป็นผู้ชายไม่รู้... ก็เลยเอาวะออกทะเลไปนิดหน่อยชั่งมันไม่มีนางเอกชั่งหัวมัน เอาละงานนี้เข้าสู่ช่วงยูระกับโย แต่พบว่ามีตัวเลือกขึ้นมาใน ว่าจะน้องชายแท้ๆหรือจะเอาน้องชายไม่แท้ =__= และจิตใจเอนไปทางน้องชายไม่แท้ และเรื่องก็ดำเนินไป แถๆ จริงๆและงานนี้ =w= แต่จู่ๆนักเขียนเกิดอาการอยากเขียนเรื่องรัก =[ ]=! มันจึงกลาย Yaoi ไปโดยปริยาย อยากบอกว่าเราเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเขียนอะไรฟะ?
เอาล่ะเท่านี้ล่ะ บ่นให้ฟัง // หลบทุกอย่างที่คนอ่านไม่พอใจปามา =w= แล้วเผ่นโลด >0<
ผลงานอื่นๆ ของ akariyakami ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ akariyakami
ความคิดเห็น