ตอนที่ 35 : ตอนที่ 34
พูดออกไปแล้ว...ความรู้สึกของผม
ในที่สุดก็บอกให้อินรินทร์ได้รับรู้เสียที
หากแต่ หนึ่งวินาที สองวินาที และหลายวินาทีต่อมาอินรินทร์ก็ยังเงียบตาโตเบิ่งค้างมองผมราวกับช็อก เห็นแล้วทำเอาผมตกใจแกมขำ
คนอะไร ถูกบอกรักแล้วช็อกตาตั้งไปเลย
อินรินทร์ ๆ ดวงหน้าสวยแดงก่ำยังคงตกอยู่ในอาการตะลึง จนมชักห่วงขึ้นมาจริง ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า หรือบอกกันด้วยคำพูดไม่เข้าใจต้องแบบนี้
วิธีแก้อาการอาจจะไม่ได้ผลด้วยคำพูด ผมยิ้มใส่ตาอีกฝ่าย โน้มหน้าลงไปใกล้แกล้งจะจูบ ดวงตาอินรินทร์เบิกขยาย ผลักผมพัลวัลพลางร้องเสียงหลง
อีตาบ้า หัวหน้าบ้า ห้ามทำแบบนี้นะ
บรรยากาศระหว่างเราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ผมโล่งใจจนอดหัวเราะออกมาไม่ได้
อ้าว เห็นคุณช็อกตาตั้ง ผมก็นึกว่าต้องให้กระตุ้นน่ะสิ
อินรินทร์หน้าแดงแจ๋ ท่าทางขัดเขินไม่มั่นใจของหล่อนดูน่ารักไปอีกแบบ ผมชอบจัง
ปล่อยได้แล้ว
ปล่อยก็ได้ ผมคงยอมง่ายไป อินรินทร์ถึงได้มองผมเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ทั้งหน้าแดง ๆ เมื่อผมพูดต่อ แต่ต้องหลังจากตอบมาว่าที่คุณงอแงคอยหลบหน้าจนผมกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะคุณหึงผมกับเชอร์รี่ใช่มั้ย
จากพวงแก้ม รอยแดง ๆ เริ่มลามถึงใบหู ผมไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อนเลย
หนูอิน ผมกอดรัดคนพยายามหนีออกห่าง คนเราเนี่ยถ้าหึงมันต้องเริ่มจากรักก่อน ตกลงคุณหึงผมจริง ๆ ใช่หรือเปล่า
บ...บ้าน่า หลงตัวเองจริง ๆ เลยนะคุณเนี่ย ปากว่าแต่ไม่เต็มเสียงนักเรียกความหวังจะได้ฟังคำสารภาพความรู้สึกเรืองรองขึ้นแล้วพลันดับลงทันทีเพราะคนเจ้าเล่ห์ทำเป็นร้องทัก อ้าวพี่เหน่งมีอะไรเหรอคะ
ผมหันขวับ รีบปล่อยอินรินทร์ กว่าจะทันนึกได้ว่าตัวเองล็อกห้องไว้ดิบดีฝ่ายนั้นก็วิ่งหนีไปเปิดประตูเรียบร้อย
เดี๋ยวสิ จะไปไหนน่ะคุณ
ไป...เข้าห้องน้ำ ไม่ต้องตามมานะไม่งั้นฉันจะสร้างกระแสว่าคุณชอบถ้ำมอง
แล้วอินรินทร์ก็หนีไปจนได้ ผมส่ายหน้า เดินกลับมานั่งประจำที่ มองตรงไปยังโต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม หัวใจผมมันลอยข้ามฝั่งไปตั้งแต่เมื่อไหร่หนอ
เออจะคอยเก็บศพอยู่ตีนดอย
คำพูดของพี่เหน่งดังขึ้นมา คราวนั้นแกฟังธงว่าผมชอบอินรินทร์แน่ ๆ จนเกิดเป็นการท้าทายกันขึ้น ตายล่ะวา หัวใจผมโดนอินรินทร์ขโมยไปทั้งก้อนอย่างนี้แล้วผมจะเบี้ยวเรื่องวิ่งขึ้นลงดอยสุเทพยังไงดี!
เป็นอันว่าปฏิบัติการเค้นคำสารภาพรักจากปากอินรินทร์ไม่เป็นสำเร็จเนื่องจากหลังจากนั้นงานสุมหัวก็ถล่มทับเราทั้งคู่แทบหาเวลาคุยกันเรื่องทั่วไปไม่ได้นอกจากเรื่องงาน ผมนึกชอบอินรินทร์ขึ้นมาอีกอย่างก็คราวนี้เพราะเมื่อถึงเวลาจริงจังหล่อนก็ตัดทุกอย่างทิ้งยิ่งกว่ากรรไกรตัดเส้นด้ายหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานสถานเดียว ถ้าขืนหล่อนเป็นคนแยกงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันไม่ได้แล้วความรู้สึกที่ผมมีให้คงลดทอนไปเหมือนกันในเมื่อถึงอย่างไรเราก็เป็นเพื่อนร่วมงาน นอกจากอยู่บริษัทเดียวกันยังทีมเดียวกันและผมเป็นหัวหน้าโดยตรงของหล่อนด้วย การแยกแยะขาดจากกันได้เป็นผลดีต่อเราทั้งคู่เพราะหาไม่งานคงติดขัดถึงขั้นพังเอาง่าย ๆ ถ้าวันใดวันหนึ่งทะเลาะกันเรื่องส่วนตัว
งานเสร็จเอาตอนค่ำ ผมหมายใจจะล็อกตัวอินรินทร์ไว้เพื่อสะสางคำถามคั่งค้าง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหล่อนขับรถมาด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่คงจะหาเรื่องพาไปส่งบ้านเสียเลย แต่พอคลาดสายตานิดเดียวคุณอินรินทร์คนดีเธอก็หายจ้อยหนีกลับไปก่อนได้อย่างหวุดหวิด
ระหว่างขับรถกลับบ้านผมร่ำ ๆ จะแวะบ้านอินรินทร์อยู่หลายยกแต่สุดท้ายก็มุ่งกลับบ้านตัวเองรวดเดียว บ้านหลังใหญ่ที่ผมครอบครองเพียงคนเดียววันนี้สว่างไสวขึ้นผิดตา ความรู้สึกทุรนทุรายเหมือนคนใกล้คลั่งอย่างหลายวันก่อนไม่หลงเหลือ ทุกพื้นที่ความรู้สึกมีแต่อิ่มเอมพองฟู
ผมหาข้าวเย็นกินมาเรียบร้อยจากนอกบ้านเพราะขี้เกียจทนกินฝีมือทำอาหารระดับกันตายของตัวเอง พอถึงบ้านจึงไม่มีอะไรทำมากไปกว่ารดน้ำต้นไม้พอไม่ให้มันเหี่ยวเฉาแล้วก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนชุดใหม่แทนที่ชุดเดิมที่ใส่มาทั้งวัน
มืดมากแล้ว เข็มยาวนาฬิกาบนผนังชี้เลขสองส่วนเข็มสั้นชี้เลขเก้า ผมเหลือบมองกลับมาจากระเบียงนอกห้องนอนนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าสามทุ่มกว่าอย่างนี้ใครอีกคนหลับหรือยัง ถ้าหากยังตอนนี้กำลังคิดอะไร ใช่คิดถึงกันหรือเปล่า
ผมยิ้มขำตัวเอง เออหนอไอ้ต้นฝน แกนี่มันเป็นมากจริง ๆ ว่าแต่ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะที่ความรู้สึกหวาน ๆ นี่เริ่มขึ้น
คิดแล้วภาพอดีตวันแรกพบอินรินทร์ก็ค่อยชัดเจนขึ้น จำได้ว่าผมโมโหสุดขีดเมื่อรู้ว่าหล่อนเป็นเด็กเส้นที่ผมสุดจะแอนตี้ และเพราะผมคอยตั้งแง่เราถึงทะเลาะกันเรื่อยมา ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าเวลาเหล่านั้นทำให้ผมได้เรียนรู้ตัวตนอินรินทร์มากขึ้น ๆ
เห็นอย่างนี้จริง ๆ แล้วผมเป็นคนบ้างาน นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้วสิ่งที่อินรินทร์ขโมยหัวใจผมไปได้ก็คงเพราะความมุ่งมั่นของหล่อนนั่นเอง แม้ผมจะแอนตี้มากแค่ไหนผู้หญิงคนนั้นนอกจากไม่ถอยยังลงมือทำเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ผมเห็น ผมสนิทกับเพื่อนร่วมงานมานับไม่ถ้วนแต่เพิ่งมีอินรินทร์คนแรกที่เป็นลูกน้องสายตรง ทำงานใกล้ชิดชนิดเงยหน้ามาครั้งใดก็เจอ ผมเห็นหน้าอินรินทร์มากกว่าเห็นหน้าตัวเองในกระจกเสียอีก ทุกอย่างมันรวมกันขนาดนี้ผมถึงได้...
ใช่เหรอไอ้ต้นฝน
ผมเบรคตัวเองในใจเหมือนจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วกำลังหาข้ออ้างแก้เขิน เพราะใกล้ชิดกันมันก็ใช่ เพราะนิสัยหลายอย่างของเราเข้ากันได้มันก็ใช่ แต่อย่างไรก็ไม่อาจกลบความจริงที่ว่า
ผมชอบอินรินทร์ตั้งแต่แรกเห็น!
ลมหายใจผมชะงักไปชั่วคราว รู้สึกเก้อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกที่สุดท้ายคนพิเศษในใจก็ไม่พ้นเป็นเด็กเส้น เข้าตำราเกลียดยังไงได้ยังงั้น
ผมเสมองดาว คืนนี้เดือนมืดพระจันทร์จึงหลบอยู่หลังท้องฟ้าสีดำ ดวงดาวเลยได้ทีอวดแสงประชันกันทั่วฟ้า ดวงตาของคนอินเลิฟมันเป็นอย่างนี้นี่เองมองอะไรก็เป็นหน้าใครอีกคนเรื่อยไป
ดาวระยิบระยับเต็มฟ้ารวมขึ้นเป็นหน้าอินรินทร์แถมเป็นหน้าทะเล้นตอนยิ้มยั่วซะด้วย ผมเผลอหัวเราะออกมากับความเพี้ยนของตัวเองซ้ำยังบ้าพอจะพูดกับดาวหน้าตาเหมือนอินรินทร์
หัวเราะเยาะกันล่ะสิที่ผมดันหลงรักเด็กเส้นอย่างคุณเข้าจนได้
...รัก...
อืม ความรู้สึกของผมต่ออินรินทร์มันเป็นอย่างนั้น พอรู้ใจตัวเองก็แทบจะทนอยู่เฉยไม่ไหว ไม่อยากแม้แต่จะนอนคิดถึงเงียบ ๆ คนเดียวอยู่อย่างนี้
เพราะความที่รักเสียงเพลง แทบทุกมุมในบ้านจึงมีเครื่องเสียงตั้งอยู่ ในห้องนอนก็เช่นกัน ผมเดินกลับเข้าไปในห้อง รื้อซีดีเพลงในชั้นข้างในเครื่องเล่นออกมาหาเพลง ๆ หนึ่ง
นี่ล่ะ
ซีดีแผ่นนี้ค่อนข้างเก่า เดิมเป็นแผ่นของพี่บัว พอจะเดินทางไปต่างประเทศข้าวของบางอย่างเอาติดตัวไปมากก็เกะกะจึงโละมาให้น้องชายอย่างผม
เครื่องเล่นพร้อมแล้ว ซีดีใส่เข้าไปเรียบร้อย หวังก็แค่ขอให้อินรินทร์ยังไม่นอน ผมกดโทรศัพท์ต่อสายถึงหล่อนเร็วเท่าใจคิด เสียงใส ๆ ตอบรับมาพอให้ได้หายคิดถึง เสียดายก็แต่ไม่ได้เห็นหน้า
ฮัลโหล คุณฆนากรมีอะไรหรือเปล่า
อินรินทร์พูดอยู่หลายครั้งแต่ผมไม่ตอบ สิ่งที่ผมจะพูดอยู่ในเพลงที่ดังขึ้นนี้ทั้งหมดแล้ว
อยากจะฟังซักที คำที่อยู่ในใจของเธอ เมื่อไหร่จะได้ฟัง
ฟ้าคืนเกลื่อนด้วยดาว หรือเธอฝากดาวบอกฉัน แต่จะรู้ไหมดวงไหน
ฉันรู้ว่าเรารักกัน และฉันก็ต้องการฟัง
คำว่ารักจากปากของเธอเท่านั้น อย่ากลัวอย่าอายเลยเธอ
ไม่ต้องฝากลมฟ้าดาวได้ไหมเธอ อยากจะฟังเสียงเธอว่ารักกัน
แต่ว่าหากเธอนั้นอายถ้าพูดมัน จะหลับตาแล้วฟังไม่มองเธอ ได้โปรดบอกกับฉัน
เก็บในใจไม่ดี รู้หรือเปล่าว่าคนที่เธอ นั้นรักเขารอฟัง
แม้เธอฝากกับดาว หรือว่าฝากลมบอกฉัน ก็ไม่ซึ้งเข้าใจไหม
ฉันรู้ว่าเรารักกัน และฉันก็ต้องการฟัง
คำว่ารักจากปากของเธอเท่านั้น อย่ากลัวอย่าอายเลยเธอ
ไม่ต้องฝากลมฟ้าดาวได้ไหมเธอ อยากจะฟังเสียงเธอว่ารักกัน
แต่ว่าหากเธอนั้นอายถ้าพูดมัน จะหลับตาแล้วฟังไม่มองเธอ ได้โปรดบอกกับฉัน
ไม่ต้องฝากลมฟ้าดาวได้ไหมเธอ อยากจะฟังเสียงเธอว่ารักกัน
แต่ว่าหากเธอนั้นอายถ้าพูดมัน จะหลับตาแล้วฟังไม่มองเธอ ได้โปรดบอกกับฉัน
ได้โปรดบอกกับฉัน...ได้โปรดบอกกับฉัน...ได้โปรดบอกกับฉัน
เพลงจบลง ผมแนบโทรศัพท์กับหู อินรินทร์ยังไม่ตัดสายเชื่อว่ายังคงฟังอยู่ ผมไม่รู้ว่าหล่อนกำลังทำหน้าแบบไหนเมื่ออยู่ดี ๆ คู่กัดก็ดันมาบอกรักกันดื้อ ๆ แล้วยังอยากได้ยินหล่อนบอกกันสักครั้งด้วยว่ารู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า
เหมือนอย่างในเพลง ถ้าไม่กล้าบอกกันตรง ๆ หรือแม้ไม่กล้าให้ผมเห็นหน้าตอนสารภาพรักผมก็ยอม ขอแค่พูดให้ฟังสักครั้ง
หนูอิน ตอนนี้ผมหลับตาอยู่ คุณมีอะไรจะพูดไหมครับ
เพื่ออรรถรสในการอ่านและความหวานที่มากขึ้น
กรุณากดเพลงฟังตามไปด้วย ^__^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หนูอินจะพูดไหมนี่
โห บทจะหวานะพี่ต้นฝน 555
อยากอ่านตอนวิ่งขึ้นดอย แล้วค่ะ
มาทวงนิยายคร้าบบบบ
แบบว่าอยากรู้ว่าหนูอินจะอึ้ง จะเอ๋อ รึจะรับรักดี
ต้นฝนสู้ๆๆๆ รู้ว่ารักต้องเดินหน้าเต็มที่
กองเชียร์เอาใจช่วยเต็มที่
แล้วก้อรอลุ้นว่าจะปีนดอยไหวรึป่าว...หุหุ
มุกนี้ คิดได้ไงเนี่ย
"ผมหลับตาแล้วนะหนูอิน"
พี่ต้นฝนคิดว่าหนูอินจะพูดว่าไรคะ ><
จะมีใครมาเปิดเพลงอ้อนแบบนี้มั้ยนะ ?
ระดับความเขินพุ่งปรี๊ดเลยจ้า น่ารักๆๆๆๆ>/////////
อ่านต่อตอนต่อไปอยากรู้จะเป็นยังไง
อยากเจอแบบนี้มั้งจังเลยอะ ชีวิตจริงจะมีอย่างนี้ไหมน่า
ขอบคุณมากนะคะ
อิอิ
รายงานตัวค่ะ เรื่องนี้ก็น่าอ่านเหมือนเดิมนะคะ
เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ค่ะ..