ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Bad Boy เป็นของฉันได้ไหมนายตัวแสบ - HaeEun feat. WonKyu

    ลำดับตอนที่ #24 : Special : คนนี้ของผม (Valentine's Story)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 787
      9
      14 ก.พ. 60



    เท้าความกันนิดนึง เหตุการณ์ในตอนพิเศษนี้เป็นเหตุการณ์ปัจจุบันปี 2017  นั่นหมายความว่าทงเฮกับฮยอกแจคบกันได้เกือบสองปีแล้ว 


    ถ้าใครพอจะจำตอนพิเศษที่ชื่อ First Love ในท้ายเล่มได้ จะมีช่วงหนึ่งของการคุยกันตรงริมหาด Siesta Key Beach ที่อเมริกา  ที่ฮยอกแจบอกทงเฮว่า ขอโทษนะ แต่ขอเวลาผมอีกหน่อยแล้วกัน  ผมยังไม่ชินกับสถานะที่เราเป็นอยู่จริงๆ  และฮยอกแจก็ขอว่า คุณจะรับได้ถ้าที่ SWAG สถานะระหว่างผมกับคุณคือลูกจ้างในผับกับเพื่อนรุ่นพี่ของนายจ้าง  นั่นหมายถึงพ่อแบดบอยตัวดีของเราจะไม่บอกใครว่าคบกับทงเฮอยู่ 


    และทงเฮก็รับปาก ด้วยวางแผนไว้แล้วในใจว่า “อี ทงเฮ ยอมรับได้ถ้าฮยอกแจอยากให้สถานะของเขาทั้งสองที่ SWAG คือลูกจ้างในผับกับเพื่อนรุ่นพี่ของนายจ้างสัญญาเลยว่าเขาจะไม่บอกให้ใครรู้ นอกจากแจ็คสัน แจบอม ฮีชอล ซองกยูกับยงฮวาที่คิดว่าคงจะต้องรู้จากฮีชอลเร็วๆนี้ และพนักงานทุกคนใน SWAG


    สุดท้ายแล้วผ่านมา 2 ปี คนที่รับรู้สถานะของทงเฮก็ยังคงมีแค่ แจ็คสัน แจบอม สมาชิกวง Lucifer และพนักงานบางคนในผับเท่านั้น คราวนี้มาดูฤทธิ์ของคนไม่อยากเปิดเผยสถานะกันค่ะ ว่าจะทำยังไงถ้ามีคนอื่นทำท่าจะงาบคนของตัวเองไปแบบต่อหน้าต่อตา




    ตอนพิเศษ : คนนี้ของผม

    ( Valentine 's Story )








     

     

    February 12,  2017 (2 days before Valentine's Day)


    SWAG สถานบันเทิงชื่อดังในย่านฮงแดที่เหล่านักท่องราตรีหญิงชายรู้จักกันดี  ด้วยการจัดตกแต่งร้านที่ทันสมัย  บรรยากาศแสงสีข้างใน สไตล์เพลงที่เปิด จนกระทั่งถึงแรงดึงดูดสำคัญอย่างวงดนตรีที่ทางร้านจ้างมาเล่น ทำให้ถึงจะผ่านมาเกือบสามปีแล้ว แต่ SWAG  ยังคงเป็นผับชั้นนำที่มีคนกล่าวถึงเป็นลำดับต้น ๆ ไม่ต่างจากช่วงปีแรกที่เริ่มเปิดร้านเลยทีเดียว

     

    คืนวันอาทิตย์ปลายฤดูหนาว ค่ำคืนสุดท้ายแห่งสัปดาห์ที่ผู้คนต่างอยากฝังตัวหลับใหลอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นเพื่อเก็บแรงไว้ตื่นมารับมือกับกองงานในเช้าวันจันทร์  แต่ใครหลายคนก็เลือกจะฝากค่ำคืนสุดท้ายแห่งสัปดาห์ไว้กับสถานเริงรมย์ที่เต็มไปด้วยแสงไฟสีนวล เสียงเพลง และเหล่าผู้คนมากหน้าหลายตา

     

    อี ฮยอกแจก็เช่นกัน  เกือบสามปีมาแล้วที่ผู้ชายคนนี้เลือกใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งอยู่กับแสงสีในยามค่ำคืน  แม้ที่บ้านจะมีกิจการให้ทำและรอให้กลับไปช่วยพี่สาวบริหารธุรกิจของครอบครัวอยู่ก็ตาม แต่ฮยอกแจก็เลือกจะไป ๆ มา ๆ ระหว่างโซลกับเชจู ใช้เวลาในช่วงกลางวันและช่วงหลังจากเลิกร้องเพลงช่วยทำงานในด้านการตลาด  ถ้าถามว่าทำไม ? คำตอบก็คงเป็นเพราะเขารักในเสียงเพลงและรักที่จะอยู่กับใครอีกคนที่เป็นคนสำคัญของสถานที่แห่งนี้


    “ไอ้แจ็คสัน ไอ้คนเห็นแก่เงิน ไอ้คนไร้หัวใจ ไอ้คนไม่เคยมีเมีย ไอ้... เว้ย !!! ไม่รู้จะด่าแม่งยังไงแล้ว”


    โต๊ะด้านข้างเวทีติดกับหลังบาร์ยังคงเป็นโต๊ะประจำของนักดนตรีวง Lucifer   สำหรับนั่งดื่มพูดคุยรอเวลาขึ้นไปเซตเครื่องดนตรี  แต่ตอนนี้นักร้องนำของวงกำลังยกมือขึ้นมาขยี้ผมอย่างจนใจ  เขานั่งฟังเสียงด่าเสียงบ่นของมือกลองหน้าสวยประจำวงมาเกือบครึ่งชั่วโมงได้เแล้ว  ตั้งแต่แจ็คสันเจ้าของร้านเดินมาบอกว่าวันอังคารที่จะถึงนี้ให้ Lucifer เข้ามาเล่นดนตรีด้วย 


    SWAG  มีวงเล่นประจำ 2 วงคือ Lucifer กับ As Hell  ปกติแล้ว Lucifer จะเล่นแค่ช่วงห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดี-อาทิตย์เท่านั้น วันจันทร์เป็นวันปิดร้าน นอกนั้นเป็นคิวของ As Hell  วันพฤหัสบดี-อาทิตย์ช่วงสามทุ่มกับวันอังคารและพุธช่วงห้าทุ่ม มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทางร้านจะมีบ้างให้สลับวันกันเล่น ส่วนมากก็เป็นในช่วงเทศกาลต่าง ๆ อย่างคริสต์มาส ปีใหม่ ฮาโลวีน และก็วันสำคัญสำหรับวัยรุ่นอย่างวาเลนไทน์ 


    “ใจคอจะนั่งด่าไปจนถึงห้าทุ่มเลยมั้ยเนี่ย”  ฮยอกแจแกว่งแก้วเหล้าในมือเล่นพร้อมกับแกว่งปากหาเรื่องให้ฮีชอลด่าไปในตัว  เอาจริง ๆ ก็ชินกันทั้งวงแล้วกับฝีปากมือกลอง

    “เออ.. กูจะด่าจนถึงพรุ่งนี้เช้า ไม่สิ...จะด่าไปจนถึงวันที่ 14 เลย   อุตส่าห์นัดกับไอ้ฮันไว้ดิบดีจะไปหาที่โรแมนติกเปลี่ยนบรรยากาศกันแล้วมึงดูไอ้สั้นแจ็คสันทำกับกู”

    “เปลี่ยนบรรยากาศหรือหาที่ซั่มกัน เอาดี ๆ”  ซองกยูแซวออกมา

    “ไอ้สัส !!  เปลี่ยนบรรยากาศเว้ย  นี่กูกะจองดินเนอร์บนเรือล่องแม่น้ำฮันด้วยนะมึง ดีนะยังไม่ได้โทรไปจอง” มือกลองหน้าสวยชี้หน้าด่าทั้งที่ในมือยังถือแก้วเหล้า

    “เอาน่า..นึกซะว่าช่วยค่าเทอมน้อง ๆ ยงฮวามัน ได้ตั้งสามเท่าของวันปกติ” ฮยอกแจว่า

    “กูออกให้ก็ได้หรอก จ่ายให้สี่เท่าเลยด้วย”

    “ไงล่ะ ป๋าซะด้วย”


    ยงฮวาหันไปยักคิ้วใส่ฮยอกแจหลังจากได้ยินคำพูดฮีชอล  เพราะอยู่กันมานานจนรู้นิสัยกันดี จริง ๆ แล้วทุกคนก็มองออกว่าฮีชอลไม่ได้โกรธเคืองอะไรแจ็คสันขนาดนั้น  แต่อาจจะแค่เสียดายที่แผนดินเนอร์ในวันวาเลนไทน์ต้องมาล่ม  ถ้าฮีชอลรู้สึกไม่โอเคกับการที่ต้องมาทำงานในวันที่ 14 จริง  เจ้าตัวคงปฏิเสธต่อหน้าแจ็คสันไปแล้วตอนที่ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาบอก


    “แล้วพี่ล่ะ ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนบ้างเหรอ วาเลนไทน์ทั้งทีต้องมาร้องเพลง” อยู่ ๆ ซองกยูก็หันมาตั้งคำถามใส่นักร้องนำของวง

    “เป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องอะไรวะ อยู่คอนโดกูก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว” ฮยอกแจขมวดคิ้วตอบด้วยความไม่เข้าใจ  ทำไมเขาจะต้องเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรด้วยก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่ง

    “วันวาเลนไทน์ทั้งที่พี่ไม่มีแผนอะไรบ้างเหรอ” ซองกยูยังคงสงสัย เป็นไปได้ยังไงที่คนเพิ่งคบกันใหม่ ๆ จะไม่มีแผนเดทในวันวาเลนไทน์

    “ต้องมีแผนอะไรด้วยเหรอวะ” ฮยอกแจยังคงไม่เข้าใจ  กับแค่วัน ๆ หนึ่งที่คนแห่เรียกมันว่าวันแห่งความรักนี่ต้องมีแผนอะไรด้วยเหรอ

    “มึงนี่มัน ไอ้ห่า...” ฮีชอลด่าออกมาอย่างอดไม่ได้

    “เอ้า ไม่มีแผนวันวาเลนไทน์ผิดตรงไหน” คนไม่คิดอะไรยังลอยหน้าลอยตาถามด้วยความไม่เข้าใจ

    “นี่มึงรักคุณทงเฮจริงป่ะเนี่ย” คราวนี้เป็นยงฮวาบ้างที่ออกปากถาม

    “รักไม่รักเกี่ยวอะไรกับวันวาเลนไทน์วะ” 


    ฮยอกแจยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ รู้สึกเหมือนยิ่งคุยยิ่งออกทะเล  จากประเด็นฮีชอลไม่พอใจแจ็คสันทำไมอยู่ดี ๆ กลายเป็นไอ้พวกนี้มาไล่บี้ให้เขาสำนึกกับการที่ไม่มีแผนอะไรในวันวาเลนไทน์ไปได้  ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับรักหรือไม่รักตรงไหน  ไม่มีเดทหรือไม่มีเซอร์ไพรส์กันวันวาเลนไทน์ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่รักกันนี่ 


    “แล้ววาเลนไทน์ปีที่แล้วพวกมึงฉลองอะไรกันมั่ง”  คราวนี้กูรูในด้านความรักเริ่มเปลี่ยนโหมดใหม่เป็นจริงจัง ฮีชอลรู้สึกคันปากเหมือนอยากสอนอะไรไอ้น้องรักนี่สักหน่อย

    “วาเลนไทน์ปีที่แล้วเหรอ” ฮยอกแจทำท่านึก


    “ก็ไม่มีอะไรพิเศษนะ  ไปกินข้าว เดินห้าง มาร้องเพลงที่นี่แล้วก็กลับคอนโด”    


    เท่าที่ฮยอกแจจำได้วาเลนไทน์ปีที่แล้วตรงกับวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันที่ทงเฮหยุดงานแต่ตอนกลางคืนเขาต้องมาร้องเพลงที่ร้าน สรุปแล้ววันนั้นก็เลยไม่ได้พากันไปไหนไกล  พวกเขาตื่นขึ้นมาในตอนสาย อยู่ด้วยกันที่คอนโดจนถึงเย็นก็ออกไปหาข้าวกินในห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ เดินเล่นฆ่าเวลาอีกหน่อยก็ได้เวลาต้องมาผับ  ร้องเพลงเสร็จก็พากันกลับคอนโด ทำทุกอย่างเหมือนชีวิตปกติ  เซอร์ไพรส์อะไรไม่มีทั้งนั้น 


    “แล้วคุณทงเฮเขาไม่ได้ซื้ออะไรให้พี่เลยเหรอ ดอกไม้? ของขวัญ?  คราวนี้เป็นคำถามจากซองกยู

    “ก็ไม่นี่  อ้อมีซื้อจิวให้ แต่มันก็ปกติไม่ได้พิเศษอะไร” ฮยอกแจจับที่หูซ้าย เพิ่งนึกได้ว่าวันนั้นทงเฮซื้อจิวใส่หูให้ด้วย  แต่มันก็ไม่ใช่เซอร์ไพรส์อะไรเพราะเขาเป็นคนลากทงเฮเข้าไปยืนดูในร้านเองตอนที่เดินเล่นแล้วเห็นว่าเครื่องประดับในร้านนั้นน่าสนใจ

    “มึงนี่นะ...” ฮีชอลส่ายหัวเอือมระอา

    “อะไรเล่า ก็มันไม่มีอะไรจริง ๆ นี่หว่า”

    “อย่าหาว่ากูสอนเลยนะ  แต่ในฐานะที่กูมีผัวมาก่อน....” 

    “อูย เต็มปากเต็มคำ” ซองกยูทำหน้าล้อเลียน แต่สักพักก็ต้องหุบยิ้มเพราะโดนฮีชอลถลึงตาใส่

    “อย่าขัด กูจะเข้าโหมดจริงจัง”    พอรุ่นพี่ว่ามาแบบนั้นจากจะหัวเราะทุกคนเลยต้องกลั้นขำ นั่งมองหน้ากันรอฟังว่าฮีชอลจะว่ายังไงต่อ 


    การสนทนาระหว่างกันดำเนินไปจนกระทั่งใกล้ได้เวลาขึ้นแสดง ทั้งหมดจึงพากันขึ้นเซตเครื่องดนตรี  อีกไม่กี่นาทีหลังจากนั้นการแสดงสดของ Lucifer  ก็เริ่มขึ้น 


    เพียงแค่ได้ยินเสียงกลองเป็นจังหวะเหล่านักท่องราตรีก็กู่ร้องให้การต้อนรับเป็นอย่างดี นักร้องนำในมาดแบดบอยตัวร้ายยังคงเรียกเสียงกรี๊ดได้ถล่มทลายไม่ต่างจากทุกค่ำคืน   แต่จะมีกี่คนกันที่รู้ว่าผู้ชายที่วาดลวดลายอยู่บนเวทีพร้อมน้ำเสียงทรงพลังนั้นมีเจ้าของหัวใจจับจองแล้ว  และตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็กำลังยืนมองคนรักของเขาอยู่บนชั้นสองของ SWAG

     

       






    “จะดื่มอีกเหรอ” 


    อี ทงเฮส่งเสียงถามคนที่เดินแยกไปยังเคาน์เตอร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ ภายในคอนโด   เขาเพิ่งไปรับฮยอกแจกลับมาจาก SWAG  แม้คนรักจะบอกว่าไม่ต้องไปรับไปส่งก็ได้  ยังไงพวกเขาก็มีรถใช้กันคนละคันอยู่แล้ว  ทงเฮรู้ว่าฮยอกแจไม่อยากให้เขาต้องอดหลับอดนอนหลังจากทำงานมาตลอดวัน  แต่ถึงอย่างนั้นคนอย่างเขาก็มักจะมีข้ออ้างที่ทำให้ตัวเองไปโผล่หน้าใน SWAG ได้บ่อยๆ อยู่ดี 


    อย่างเช่นวันนี้ที่เขาเพิ่งกลับจากเดินทางไปเจรจาธุรกิจที่ปูซานตั้งแต่วันศุกร์  ทั้งที่เพิ่งจะลงเครื่องเมื่อตอนเย็นแต่แทนที่จะนอนเล่นพักผ่อนอยู่คอนโดเขากลับเสนอหน้าไป  SWAG ด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนักพอ ๆ กับปุยนุ่นอย่าง  “อยากดื่มวิสกี้แต่น้ำแข็งที่คอนโดหมด” 


    “ขออีกนิดแล้วกันนะครับ” 


    ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนถาม มือบางรินวิสกี้ใส่แก้วโดยไม่รอคำอนุญาต  รู้ว่าทงเฮไม่อยากให้ดื่มมากนัก  ปกติก่อนร้องเพลงก็นั่งดื่มกับพวกฮีชอลแทบทุกคืนอยู่แล้ว  แต่คืนนี้เหมือนมีบางเรื่องให้คิดเลยอยากนั่งดื่มต่ออีกสักหน่อย


    “คุณจะเอาด้วยมั้ย แต่ไม่มีน้ำแข็งนะ...ใช่มั้ย ?” ท้ายประโยคคนถามยกยิ้มล้อเลียนจนทงเฮหลุดขำ  ร่างหนาลุกจากโซฟาที่เพิ่งทิ้งตัวลงนั่งเดินมาหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะคว้าแก้วบรรจุวิสกี้ที่คนด้านในเคาน์เตอร์เพิ่งรินไว้ขึ้นจรดริมฝีปาก


    ของเหลวสีอัมพันถูกถ่ายเทจากแก้วลงสู่ลำคอจนกระทั่งเหลืออึกสุดท้าย ทงเฮวางแก้วในมือลง ใบหน้าคมยื่นเข้าไปใกล้คนในเคาน์เตอร์  ใกล้...จนกระทั่งรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน  ใกล้...จนกระทั่งริมฝีปากบางถูกแตะด้วยริมฝีปากของคนที่ยืนอยู่อีกฝั่ง  และใกล้...จนของเหลวสีอัมพันถูกถ่ายเทอีกครั้งจากปากสู่ปาก


    ฮยอกแจเก็บกวาดทุกหยาดหยดของเครื่องดื่มสีน้ำตาลใสด้วยการส่งปลายลิ้นเข้ารุกไล่คนป้อน  ก่อนจะถูกคนเริ่มเกมกวาดต้อนและรุกกลับทั้งปากทั้งมือ   ไม่ได้มีแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแบกความคิดถึงไว้เพียงลำพัง พวกเขากำลังสื่อสารกันด้วยภาษากายว่าต่างฝ่ายต่างคิดถึงกันขนาดไหนในช่วง 2-3 วันที่ไม่ได้เห็นหน้ากันเพราะอีกคนต้องไปทำงานต่างจังหวัด


    “ดื่มต่ออีกมั้ย”


    ทงเฮผละออกมาถามหลังจากละเลียดป้อนวิสกี้ให้อีกฝ่ายจนพอใจ  ไม่ว่าครั้งไหน ๆ จูบระหว่างพวกเขายังคงร้อนแรงอยู่เสมอ

     

    “ไม่แล้วละ  ผมจะไปอาบน้ำ ถ้าคุณง่วงก็นอนก่อนเลย”


    ทงเฮเกือบจะเชื่อในประโยคเหล่านั้นถ้าสายตาเขาไม่ได้สบกันและพบว่าแววตาฉ่ำน้ำคู่นั้นต้องการเขามากแค่ไหน  ฮยอกแจจบคำพูดด้วยการจุดยิ้มร้ายก่อนเจ้าตัวจะเดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตไปและถอดมันพาดทิ้งไว้กลางโซฟา   

    ทงเฮหันมองแผ่นหลังเปล่าเปลือยที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า และรู้ว่าอีกไม่ช้ากางเกงสกินนี่สีดำจะถูกเจ้าตัววางพาดไว้ที่ไหนสักแห่งแถวหน้าห้องน้ำ


    “ถ้าเข้านอนตอนนี้ก็ไม่ใช่อี ทงเฮแล้ว”

     





    ---------M-y--B-a-d--B-o-y--------





    February 13,  2017 (A day before Valentine's Day)


    “แหวน ?...เพิ่งแลกกันใส่ตอนวันเกิดทงเฮ”

    “ตุ๊กตา ?...มุ้งมิ้งไป”

    “ดอกไม้ ?...ดอกอะไรดี”

    “กุหลาบ ?...เกลื่อนไป คนให้กันทั้งเมือง”

    “ลิลลี่ ?...ก็สวยดีแต่เหม็นชิบหาย”

    “หรือจะทำเค้กให้ ?..ไม่ดีกว่า  ตุ๊ดไป”

    “เตรียมดินเนอร์ไว้เซอร์ไพรส์ ?.... ทำกับข้าวไม่เป็น”

    “คิดจนหัวจะแตกแล้วแม่งเอ๊ย !!!!!!   


    ฮยอกแจคิดว่าเขาใกล้จะประสาทกินเต็มทีแล้วกับการนั่งคิดว่าจะเซอร์ไพรส์อะไรทงเฮดีในวันที่ 14 ที่จะถึงนี้ นี่ก็วันจันทร์ที่ 13 เข้าไปแล้ว   เมื่อคืนกะว่าร้องเพลงเสร็จแล้วจะนั่งคิดชิล ๆ อยู่ที่ผับต่อ  แต่พอเห็นว่าใครมานั่งรอเลยต้องพับความคิดเก็บไป 


    พอกลับมาถึงคอนโดได้ก็ไม่มีเวลาให้นั่งละเลียดเครื่องดื่มหรือคิดอะไร  คนที่ควรจะเหนื่อยจากการเดินทางและเข้านอนแต่หัวค่ำกลับทำเขาปั่นป่วนจนไม่เป็นอันทำอย่างอื่น   สุดท้ายนอกจากนึกอะไรไม่ออกแล้วยังถูกอีกฝ่ายสูบพลังงานแทบทั้งคืนอีกต่างหาก  กว่าจะลากสังขารลุกขึ้นมาได้วันที่ 13 ก็หมดไปแล้วครึ่งวัน


    “เหลืออีกครึ่งวันจะไปเตรียมอะไรทันวะ”


    ไม่น่าเลย...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เมื่อคืนเขาจะไม่เงี่ยหูฟังประโยคยาวเหยียดที่ฮีชอลเอามาพล่ามสอนในวงเหล้าเด็ดขาด  

     

    อย่าขัด กูจะเข้าโหมดจริงจัง....  กูกับไอ้ฮันคบกันมาจะสิบปีแล้ว  เห็นมันเป็นยังงั้นแต่วันสำคัญอย่างวันเกิดวันวาเลนไทน์มันไม่เคยลืม ถ้าไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรให้ มันก็พากูไปเที่ยวไปรำลึกความหลัง ไม่ก็พาไปที่ที่ไม่เคยไป  มึงรู้มั้ยทำไมมันต้องทำแบบนั้น มันบอกกับกูว่าเป็นการสร้างความทรงจำระหว่างกันแล้วก็ทำให้ชีวิตรักไม่น่าเบื่อจนเกินไป”

     

    “พอลองคิดย้อนกลับไปกูก็เห็นด้วยกับมัน  ตลอดหลายปีที่คบกันกูมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับมันหลายเรื่องจนนึกไม่ออกเลยว่าถ้าต้องเล่าให้ใครสักคนฟังกูต้องใช้เวลาเรียบเรียงเรื่องราวพวกนั้นนานขนาดไหน  แล้วเวลาที่กูทะเลาะกับมันไอ้สิ่งดี ๆ ที่พวกกูทำให้กันนี่แหละจะเป็นตัวฉุดรั้งให้พวกกูกลืนคำว่าเลิกกันลงคอไป”

     

    “อย่าไปมองว่าการแสดงออกเรื่องความรักเป็นเรื่องน่าอาย  แมน ๆ ก็โรแมนติกใส่กันได้  จะดินเนอร์ จะให้ของขวัญ ช่อดอกไม้มันทำได้หมด  ทำตอนที่ยังมีโอกาสได้ทำ  เพื่อวันนึงข้างหน้าจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าไม่เคยทำสิ่งดี ๆ ให้กันเลย” 

     

    ใครจะไปคิดว่าคนที่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ อย่างนั้นซ้ำยังชอบเอานิสัยคนรักมาบ่นให้ฟังบ่อย ๆ จะมีมุมลึกซึ้งที่ทำให้คนอย่างเขาต้องอึ้งและคิดตามเกือบทุกคำพูด  สุดท้ายอี ฮยอกแจเลยต้องมานั่งทึ้งหัวตัวเองเหมือนคนบ้า เอาแต่คิดว่าจะเซอร์ไพรส์อะไรทงเฮในวันแห่งความรักที่จะถึงดี เพื่อเหตุการณ์ที่เกิดในวันพรุ่งนี้จะได้กลายเป็นความทรงจำดี ๆ ร่วมกันในวันข้างหน้า

     





    ---------M-y--B-a-d--B-o-y--------






    February 14,  2017   (Valentine’s Day)

     

    สุดท้ายวันที่ 13 ก็หมดไปโดยที่ฮยอกแจยังคิดอะไรไม่ออก นักร้องนำคนเก่งลืมตาขึ้นมาบนเตียงด้วยเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ  ยงฮวาโทรมาบอกว่าวันนี้ช่วงบ่ายให้ออกไปซ้อมเพลงที่จะเล่นคืนนี้  ปกติแล้ว Lucifer จะเล่นแต่เพลงร็อคกับเพลงสนุกสนานแต่เพราะวันนี้เป็นวันแห่งความรักทั้งวงจึงลงความเห็นกันว่าควรเล่นเพลงแบบฟังสบาย ๆ ให้เข้ากับเทศกาล


    ฮยอกแจใช้เวลาไปกับการเช็คโน่นนี่ในโซเชียลอีกนิดหน่อยก่อนจะวางโทรศัพท์ลงกวาดตามองไปรอบห้องนอน ทงเฮออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว เหลือแค่เขาอยู่ในห้องเพียงลำพังกับความรู้สึกบางอย่าง 


    “ก็ปกติดี บางทีอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ คิดมากไม่เข้าเรื่อง”


    ฮยอกแจบอกกับตัวเองหลังจากลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินออกมานอกห้องนอน ทุกอย่างในคอนโดดูปกติดี ทงเฮไม่มีอะไรมาเซอร์ไพรส์กันเหมือนอย่างที่กลัวในทีแรก  เพราะไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลยกลัวว่าหากอีกฝ่ายมีเซอร์ไพรส์แล้วจะทำให้เขาต้องรู้สึกผิด 



    ผมทำน้ำผึ้งมะนาวไว้ให้ในตู้เย็น เมื่อคืนเสียงคุณหวานมากรู้ตัวมั้ย”


    โพสอิทสีเหลืองกับข้อความกำกวมที่ไม่รู้ว่าคนเขียนเป็นห่วงหรืออยากล้อเลียนเรื่องเมื่อคืนกันแน่ถูกแปะหราอยู่หน้าตู้เย็นต่อจากใบอื่น ๆ ที่ถูกแปะไว้ก่อนหน้านี้   ทงเฮยังคงเหมือนเดิมเสมอตั้งแต่วันแรกที่เขามานอนที่นี่จนถึงตอนนี้เจ้าตัวก็ยังสละเวลาตื่นมาทำอาหารเช้าไว้ให้เขาก่อนออกไปทำงานทุกวัน


    ฮยอกแจปล่อยโพสอิทสีเหลืองเอาไว้แบบนั้น  เขาชอบให้มันติดลามไปจนเต็มตู้แล้วค่อยแกะออกทีเดียว จำได้ว่าเพิ่งดึงออกไปเก็บเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนนี้มันลามมาจะครึ่งตู้เย็นอีกแล้ว  มือบางเปิดตู้เย็นหยิบนมกล่องออกมาแล้วพาตัวเองไปนั่งกินตรงโต๊ะอาหารกลางห้องครัวที่มีกล่องแซนวิชวางอยู่  เขารู้แล้วว่าจะเซอร์ไพรส์อะไรทงเฮดี  “บางสิ่งบางอย่างอาจดูธรรมดา แต่ว่า...มันมีความหมายในตัวของมัน”

     






    SWAG คืนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หนาแน่นไปด้วยผู้คน ด้วยโปรโมชั่นของทางร้านและการประชาสัมพันธ์ถึงนักร้องรับเชิญคนดังที่จะมาให้ความบันเทิงในค่ำคืนนี้ ทำให้ทุกพื้นที่ของร้านถูกจับจองจนแทบไม่มีที่เว้นว่าง ไม่ว่าแสงไฟจะสาดส่องไปทางไหนก็มองเห็นแต่เหล่าผีเสื้อราตรี


    คิวเล่นดนตรีของ Lucifer คืนนี้คือตอนห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน หลังจาก Lucifer เล่นเสร็จจะมีแขกรับเชิญพิเศษมาร้องต่อ  ฮยอกแจก็เพิ่งรู้จากยงฮวาเมื่อวานว่าคืนนี้จะมีนักร้องสาวอย่าง “คิม แทยอน” มาร้องเพลงที่นี่ด้วย  ไม่รู้ว่าแจ็คสันใช้เส้นใครถึงได้ตัวนักร้องดังของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่มาร้องเพลงให้ที่ร้านได้


    “แทยอนมาแล้ว !!!  ว่าแต่..ทำไมมาพร้อมคุณทงเฮวะ”


    ฮีชอลตบบ่าฮยอกแจรัว ๆ แบบไม่ยั้งแรง  เมื่อเห็นสาวนักร้องคนดังปรากฏตัวในผับ  ทั้งพนักงานทั้งนักเที่ยวต่างพากันแตกตื่นยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกันจ้าละหวั่น  แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น เพราะภาพที่สมาชิก Lucifer ทั้งโต๊ะเห็นคือแทยอนเดินเข้าผับมาพร้อมกับทงเฮ 


    “นั่นดิ  หรือเพราะรู้จักกับพี่ทงเฮถึงมาร้องเพลงให้”  ซองกยู

    “ก็อาจเป็นไปได้  แล้วเขาไม่ได้บอกมึงเหรอฮยอกแจ” ยงฮวา

    “กูก็เพิ่งเห็นพร้อมพวกมึงนี่แหละ”  คราวนี้เป็นฮยอกแจเองที่พูดอะไรออกมาบ้าง


    เขาก็เพิ่งเห็นพร้อมพวกนี้เหมือนกันเพราะฉะนั้นคงตอบคำถามอะไรใครไม่ได้ ทั้งที่เมื่อคืนก็นอนอยู่ข้างกันแต่ทงเฮไม่เห็นบอกอะไรสักอย่าง  ดูจากท่าทางของทั้งคู่แล้วคิดว่าน่าจะรู้จักกันมาก่อนและสนิทสนมกันพอสมควร ทงเฮพาแทยอนขึ้นไปนั่งที่โต๊ะประจำโซน VIP ชั้นบน  ร่างหนาไม่ได้เดินเข้ามาทักทายกัน ฝ่ายนั้นไม่แม้แต่จะหันมามองทางโต๊ะที่ฮยอกแจนั่งอยู่ด้วยซ้ำ   ก็ช่างสิ...ปกติก็ไม่ได้นั่งด้วยกันอยู่แล้ว 

     




    “เขามองมึงอ่ะฮยอกแจ” 

    “ใคร ?


    ถึงปากจะถามแต่กลับไม่รอคำตอบ ฮยอกแจตวัดสายตามองไปยังระเบียงชั้นบนตรงมุมที่คิดว่าใครคนนั้นน่าจะยืนอยู่  ทงเฮยืนอยู่บนนั้นจริง ๆ  แต่ข้าง ๆ กันมีใครอีกคนยืนอยู่ด้วย  เหอะ..พากันขึ้นไปชั้นบนตั้งนานสองนาน เพิ่งจะนึกได้หรือไงว่ามีเขานั่งอยู่ในผับนี้ด้วย 


    ทันทีที่สบตากันริมฝีปากของฝ่ายนั้นก็ยกยิ้มทักทายแต่แทนที่จะส่งยิ้มตอบกลับไปฮยอกแจกลับเบือนหน้าหนีแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม  อยู่ ๆ ก็เกิดไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาดื้อ ๆ   ไม่อยากจะคิดหรอกว่าที่เป็นอยู่เรียกว่าอาการน้อยใจ หึงหวง หรืออะไรก็ตามที่พวกผู้หญิงชอบเป็นกัน  แต่ตอนนี้อี ฮยอกแจกำลังเป็นอย่างนั้นอยู่จริง ๆ


    “มีสะบัดหน้าหนีด้วยเว้ย  งานนี้สงสัยมีหึง”


    ฮยอกแจไม่อยากต่อปากต่อคำกับฮีชอล  สถานการณ์อย่างนี้เถียงอะไรไปก็มีแต่จะเข้าตัว  เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูฆ่าเวลา  เอาจริง ๆ คือหยิบมาเปิดดูว่าทงเฮส่งข้อความอะไรมาบ้างหรือเปล่า  แล้วก็มีจริง ๆ

     

    DH Lee  - เป็นอะไรครับ

    Hyukjae - เป็นนักร้องนำวง Lucifer

    DH Lee  - อย่ากัดปากแบบนั้น

    Hyukjae - จะทำอะไรก็เรื่องของผม

    DH Lee  - ไม่รู้เหรอว่ามันน่าจูบ

    Hyukjae - ไปจูบคนอื่นเถอะ

     

    หลังจากกดมือถือต่อปากต่อคำกับคนบนชั้นสองอยู่ไม่กี่ประโยคฮยอกแจก็เบ้ปากใส่โทรศัพท์ก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋าดังเดิม  ว่าจะเก็บอาการแล้วนะ สุดท้ายก็มือลั่นส่งประโยคปัญญาอ่อนนั่นไปจนได้


    “เดี๋ยวไปห้องน้ำแป๊บนึงนะ”

    “กลับมาเร็ว ๆ นะมึงเดี๋ยวจะขึ้นแล้ว”




    หลังจากพยักหน้ารับรู้คำพูดของยงฮวาร่างบางก็ลุกขึ้นเดินหายออกมาจากโต๊ะ  ตั้งใจว่าจะไปเข้าห้องน้ำแล้วหลังจากนั้นจะออกไปยืนสูดอากาศข้างนอกตรงหลังร้านสักหน่อย  แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอย่างที่ใจคิดเพราะพอออกมาจากห้องน้ำภาพบางอย่างก็หยุดจังหวะการก้าวเดินเอาไว้กะทันหัน


    ทงเฮกับนักร้องสาวคนนั้นกำลังยืนคุยกันอยู่ตรงทางเดินที่เชื่อมระหว่างหน้าห้องน้ำกับทางแยกออกไปหลังร้าน คนรักของเขายืนหันข้างกอดอกใช้ไหล่พิงผนังทางเดิน มีฝ่ายหญิงยืนอยู่ตรงหน้าไม่ห่างกัน และเพราะทงเฮยืนหันหลังฝ่ายนั้นเลยมองไม่เห็นเขา  ผิดกับแทยอนที่หันหน้ามาเต็ม ๆ พอได้สบตากันเจ้าหล่อนก็เริ่มเล่นละครบทนางร้ายในละครทันที  เธอทำเป็นเสียหลักเหมือนจะล้มลงแล้วส่งมือออกไปคว้าไหล่ทงเฮเอาไว้เพื่อพยุงตัว


    ฮยอกแจเหยียดยิ้มให้อีกฝ่าย ในตอนแรกเขาคิดว่าจะทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินกลับเข้าร้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่ภาพของทงเฮที่เปลี่ยนจากยืนกอดอกมาเป็นโอบเอวเจ้าหล่อนไว้แถมยังอ้อยอิ่งไม่ยอมปล่อยออกแม้ว่าแทยอนจะยืนได้แล้ว  ซ้ำยังไม่ถือเนื้อถือตัวปล่อยให้อีกฝ่ายวางมืออยู่บนไหล่แบบนั้นอยู่นานสองนานทำเอาเขาหัวร้อนจนอยากพ่นไฟ

     

    ไวเท่าใจคิดสองขาพาตัวเองก้าวเข้าไปหยุดยืนอยู่ด้านข้างระหว่างคนทั้งคู่ ฮยอกแจปลายตามองทงเฮเล็กน้อยก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับฝ่ายหญิงที่แสร้งทำเป็นตกอกตกใจกับการมาของเขา  นึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจว่าถ้าแทยอนเป็นผู้ชายเขาคงส่งหมัดไปฟาดปากเข้าให้แล้ว  แต่นี่เจ้าหล่อนเป็นผู้หญิง เพราะฉะนั้นทางเลือกจึงมีไม่มากนัก


    ริมฝีปากบางจุดยิ้มร้ายให้นักร้องสาวคนดัง ฮยอกแจเท้าแขนข้างหนึ่งลงกับผนังกั้นกลางระหว่างคนทั้งคู่ ก่อนจะกระซิบคำบางคำข้างหูหญิงสาวที่เป็นส่วนเกิน


    “ขอโทษนะครับคุณสุภาพสตรี แต่...ผู้ชายคนนี้ของผม”


    ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าชิวิตนี้จะต้องมาทำอะไรที่ไม่ใช่สไตล์แบบนี้  ถ้าไอ้พวกนั้นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอยู่ว่าเขามาออกตัวแรงแย่งทงเฮกับผู้หญิงเหมือนพวกนางร้ายในละครทีวีแย่งพระเอกพวกมันได้ล้อกันจนกระทั่งลูกชายใครสักคนเข้ากรมแน่ ๆ


    “ว่ายังไงคะทงเฮ  เขาบอกคุณเป็นของเขา”  หญิงสาวตัวต้นเหตุยังคงยิ้มระรื่นไม่ได้สะทกสะท้านกับถ้อยคำที่ฮยอกแจกรอกเข้าหู  ใบหน้าสวยเอียงถามด้วยท่าทีน่ารักแต่ตรงข้ามกันมันน่าหมั่นไส้ในสายตาฮยอกแจ

    “ก็ตามนั้นแหละครับ”  ทงเฮยิ้มระรื่นตอบรับคำถามไม่ต่างกัน


    “น่าเสียดายจังค่ะ” 


    สาวเจ้าว่าทิ้งท้ายก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นจรดริมฝีปากตัวเองแล้วแตะไปที่แก้มทงเฮ ทั้งที่มือฮยอกแจยังกั้นกับกำแพงขวางทั้งสองคนเอาไว้ 


    แทยอนเดินจากไปแล้ว  แต่รอยยิ้มที่เจ้าหล่อนฝากเอาไว้ทำเอานักร้องหนุ่มยืนกัดฟันข่มอารมณ์โกรธ นึกโทษทงเฮอยู่ในใจว่าอยู่ต่อหน้าเขาแท้ ๆ กล้าปล่อยให้ผู้หญิงทำแบบนี้ใส่ได้ยังไง  ไม่อยากจะพูดจะเสวนาอะไรอีกแล้วฮยอกแจหมุนตัวจะเดินกลับเข้าข้างในร้าน


    “เดี๋ยวสิ”  ทงเฮรั้งแขนคนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเอาไว้

    “มีอะไร”  ฮยอกแจหันมากระชากเสียงใส่แบบไม่คิดเก็บอารมณ์


    ถึงความผิดของทงเฮจะลดลงบ้างในตอนที่แทยอนถามแล้วคนรักของเขายอมรับความจริงก็เถอะ  แล้วยังไงล่ะ ?  ถ้าเมื่อกี้เขาไม่ได้มาเห็นทั้งคู่ก่อนก็ไม่อยากนึกเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 


    “ผมดีใจนะที่คุณหึงผม”  ทงเฮบอกออกมาพร้อมรอยยิ้ม 

    “พูดบ้าอะไรของคุณ”  ฮยอกแจยังคงเหวี่ยงใส่ ไม่สนใจว่าทงเฮจะพูดบ้าอะไร  ร่างบางสะบัดแขนออกตั้งท่าจะเดินหนีแต่ทงเฮไวกว่า ร่างหนาคว้าแขนฮยอกแจไว้แล้วส่งมืออีกข้างไปเท้าบนกำแพงกั้นไม่ให้ฮยอกแจเดินหนีไปข้างหน้า  พอร่างบางหันกลับมาก็เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ทงเฮกักอีกคนไว้กับผนัง

    “ไม่มีอะไรอย่างที่คิดหรอก  ยังไงคนคนเดียวที่ผมอยากจูบก็ยังเป็นคุณอยู่ดี”  ฮยอกแจแทบจะเชื่อเสียงกระซิบแหบพร่าชิดริมฝีปากนั่นแล้ว ถ้าไม่ติดว่าภาพรอยยิ้มของแทยอนยังคงติดตาอยู่

    “เหอะ” เขาแค่นเสียงใส่ทงเฮ

    “ผมพูดจริง เชื่อเถอะไม่มีใครสำคัญกับผมเท่าคุณอีกแล้ว” ทงเฮย้ำคำอีกครั้งชิดริมฝีปากตรงที่เดิม


    ฮยอกแจคิดว่าระยะห่างขนาดนี้ถ้าใครสักคนขยับเพียงนิดเดียวปากของพวกเขาคงแตะกัน  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดขยับออก  เขากำลังชั่งใจว่าจะเชื่อคำพูดอีกฝ่ายดีมั้ย   ที่ผ่านมาทงเฮไม่เคยนอกลู่นอกทาง ถ้าจะมีบ้างก็คงเป็นเขานี่แหละที่ชอบมองสาว ๆ ในผับ


    ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นเตือนว่ามีสายโทรเข้า ไม่ต้องหยิบออกมาดูยังรู้เลยว่าหนึ่งใน Lucifer ต้องโทรมาตามแน่เพราะเขาหายมานานแล้ว


    “ช่างหัวมันแล้วกัน” 


    ร่างบางสบถออกมา ก่อนจะคว้าคอเสื้อคนตรงหน้าแล้วหมุนอีกฝ่ายเข้าผนัง ฮยอกแจเท้ามือลงกับผืนกำแพงโน้มใบหน้าเข้าหา ไม่ต้องใช้เวลาคิดหรือตัดสินใจอะไรอีกแล้ว  ในวินาทีที่ริมฝีปากของพวกเขาแตะกันคำถามร้อยพันถูกสลัดหายไปจนหมด เรื่องแทยอนเอาไว้ทีหลังแล้วกันในเมื่อทงเฮอยากให้เขาเชื่อมั่นว่ามันไม่มีอะไร เขาก็เชื่ออย่างนั้นตามที่คนตรงหน้าบอก  ยังไงพวกเขาก็มีเวลาตอบคำถามกันอีกทั้งคืนหลังจากนี้


    “พอใจหรือยัง”


    อี ทงเฮทำตัวเป็นผู้ตามที่ดี  ร่างหนาปล่อยให้แบดบอยตัวร้ายของเขารุกจูบจนพอใจแล้วเป็นฝ่ายผละออกไปเอง   พอริมฝีปากเคลื่อนห่างออกจากกันเสียงทุ้มก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดูกึ่งพอใจ 


    “ไม่รู้”  ร่างบางตอบกลับเสียงห้วน ผ่อนลมหายใจเข้าออกแรง ๆ ตอนนี้ไม่ได้สับสนแต่เหมือนจะมีอารมณ์บางอย่างเพิ่มเติมเข้ามาหลังจากจูบกัน 


    “ถ้างั้นก็อีกที” 


    สิ้นสุดน้ำเสียงทุ้มคนออกความเห็นก็กระชับโอบเอวอีกคนเข้าหา ปรับองศาใบหน้าให้พอดีแล้วเป็นฝ่ายแตะปากเคล้าคลึงริมฝีปากบาง ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป มันดูเชื่องช้า อ้อยอิ่งจนคนรอรู้สึกขัดใจ แต่ถึงอย่างนั้นฮยอกแจก็คิดว่าการละเลียดกวาดชิมความหวานซึ่งกันและกันที่ทงเฮเป็นคนชักนำก็ช่วยดับไฟในกายที่ร่ำร้องจะลุกโชนอยู่เมื่อครู่ได้ในระดับหนึ่ง  ไม่ร้อนแรง แต่ลึกซึ้ง...อ่อนหวาน

     

     





    “มาถึงช่วงสุดท้ายของ Lucifer ในค่ำคืนนี้แล้วนะครับ ขอบคุณทุกคนมากที่สนุกสนานไปด้วยกันตลอดชั่วโมงที่ผ่านมา  แต่ว่าความสนุกของทุกคนจะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้  เพราะว่าคืนนี้ SWAG จะมีนักร้องสาวเสียงดีจากค่ายเพลงยักษ์ใหญ่มาร้องเพลงให้ทุกคนฟัง  รู้กันแล้วใช่มั้ยครับว่าเป็นใคร” 

    “คิม แทยอน !!!!

     

    พอสิ้นเสียงถามจากนักร้องนำวง Lucifer เสียงตอบรับด้านล่างก็ตะโกนชื่อนักร้องสาวจนดังก้องไปทั่วทั้งผับ  ฮยอกแจแกล้งเอามือกางติดกับใบหูแล้วเล่นกับคนดูให้เอ่ยชื่อคิม แทยอนอีกครั้ง


    “ใครนะครับผมไม่ได้ยินเลย”

    “คิม แทยอน !!!!” แล้วก็ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี


    “ใช่แล้วละครับ  วันนี้ทางผับของเราได้รับเกียรติจากคุณคิม แทยอนมาร้องเพลงมอบความสุขให้กับทุกคนในวันแห่งความรัก”


    ฮยอกแจเฉลยออกมาอีกครั้ง มือบางข้างหนึ่งที่ไม่ได้จับไมค์เอื้อมไปรับกีตาร์จากซองกยู ก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ทรงสูงตรงกลางเวทีที่ยงฮวาเพิ่งลากออกมาให้  เพราะเพลงสุดท้ายเขาจะเป็นคนเล่นกีตาร์และร้องเอง


    “แต่ก่อนจะไปพบกับคุณคิม แทยอน  Lucifer ของเรามีบทเพลงสุดท้ายจะมามอบให้ทุกคน  ผมเคยร้องเพลงนี้แล้วครั้งหนึ่งที่นี่เมื่อสองปีที่แล้ว  และวันนี้ผมจะร้องเพลงนี้อีกครั้งเพื่อมอบเป็นของขวัญในวันแห่งความรักให้กับทุกคน และเพื่อส่งความในใจของผมถึงใครคนหนึ่ง...อีกครั้ง  I’m Your



    Well you done done me and you bet I felt it.

     I tried to be chill but you’re so hot that I melted

    I fell right through the cracks. and now I’m trying to get back

    .

    .

    .

    .

     

    น้ำเสียงแหบที่ถูกปรับให้เจือความหวานขับขานบทเพลงรักดังก้องกังวานไปทั่วทั้งผับ เพลงอะคูสติกฟังสบายกึ่งช้ากึ่งเร็วที่คนฟังสามารถโยกตัวตามได้ทำให้ลูกค้าแทบทั้งผับเอียงซ้ายเอียงขวาไปตามท่วงทำนอง  มันเป็นภาพชวนมอง  แต่ในสายตาของผู้เป็นนักร้องแล้วกลับมีเพียงคนคนเดียวที่ฮยอกแจมองหา  ผู้ชายคนนั้นที่เป็นเจ้าของบทเพลงนี้  อี ทงเฮควรจะได้ยืนมองเขาร้องเพลงจากบนชั้นสอง แต่ตอนนี้ฮยอกแจกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้ชายคนนั้น

     


    So I won’t hesitate no more, no more  It cannot wait, I’m sure
    There’s no need to complicate, Our time is short  This is our fate, I’m yours


    บทเพลงยังคงถูกขับขานไปเรื่อย ๆ ฮยอกแจขับร้องและสร้างท่วงทำนองด้วยเสียงกีตาร์จากในมือ ในความสลัวของแสงไฟดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองเห็นดวงสปอตไลท์ถูกสาดส่องไปยังมุมหนึ่งของร้าน และผู้ชายคนนั้นที่เขามองหามาตลอดทั้งเพลงก็ปรากฏตัวอยู่ในสายตา  


    อี ทงเฮค่อย ๆ เดินช้า ๆ ตามแสงจากสปอตไลท์มาทางหน้าเวที ในมือของร่างหนามีดอกไม้ช่อใหญ่  ดอกกุหลาบสีแดงที่ฮยอกแจจำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับมัน ดอกไม้ที่มาพร้อมกับข้อความสั้น ๆ ในการ์ดว่า I wanna “love” you  ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือจงใจ แต่จะเป็นแบบไหนมันก็ดีต่อใจของฮยอกแจทั้งนั้น

     


    guess what i’ma saying is there ain’t no better reason

    To rid yourself of vanity and just go with the seasons

    It’s what we aim to do. Our name is our virtue

     


    เสียงขับขานสุดท้ายสิ้นสุดลงพร้อมกับมาถึงของคนที่หอบช่อดอกไม้  ฮยอกแจลงจากเก้าอี้เอื้อมมือไปรับช่อกุหลาบเอาไว้แล้วพูดคำขอบคุณเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน


    “ขอบคุณครับ”

    “อ่านการ์ดแล้วอย่าเขวี้ยงมันลงถังขยะอีกล่ะ”


    ทงเฮกระซิบตอบรับคำขอบคุณด้วยประโยคล้อเลียนเสียงเบา เท่านี้ฮยอกแจก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ความบังเอิญ  ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่คิดว่าการสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันไม่จำเป็นต้องสรรหาสิ่งต่าง ๆให้วุ่นวาย  แค่ทำในแบบเดิมที่เคยทำก็ได้  แค่ทำมันออกมาจากหัวใจก็เพียงพอ 



    “บางสิ่งบางอย่างอาจดูธรรมดา แต่ว่า...มันมีความหมายในตัวของมัน”

     


    ทงเฮหันหลังเดินออกห่างไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงนักร้องนำยืนอยู่คนเดียวกลางเวที  ฮยอกแจหันกลับไปปลดไมค์ออกจากขาตั้ง  เขามีบางอย่างอยากจะพูดกับคนฟังอีกนิดหน่อย


    “ขอบคุณมากครับ คืนนี้ผมมีความสุขมากและหวังว่าทุกคนก็คงจะมีความสุขเช่นกัน อย่าลืมหันไปบอกรักคนข้าง ๆ หรือถ้าไม่ได้มาด้วยกันคืนนี้ก็อย่าลืมกลับไปกระซิบข้างหูว่าคุณรักเขามากขนาดไหน  เพราะผมเองก็กำลังจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน”


    ตลอดสองปีที่คบกันมีเพียงทงเฮเท่านั้นที่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ให้คนอื่นรับรู้  คิดแล้วก็น่าตลกทั้งที่เขาเป็นคนห้ามไม่ให้ทงเฮบอกใคร  แต่พอมีคนอื่นเข้าใกล้อีกฝ่ายเขาก็ทำเป็นไม่พอใจและแสดงความเป็นเจ้าของออกมา  วันนี้เขาเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกของทงเฮที่ผ่านมาเป็นยังไง 


    ถ้าทงเฮอยากบอกให้คนทั้งโลกฟังว่าเจ้าตัวเป็นคนรักของเขา   จากนี้เขาก็จะบอกกับคนทั้งโลกเช่นกันว่าอี ฮยอกแจเป็นคนรักของทงเฮ

     





    “ผมรักคุณครับ....ทงเฮ”





     

    ----------------- The End -------------------

     



    Special x 2

     



    “คนนั้นน่ะเหรอ หวานใจของนาย”

    “รู้หรือไงว่าคนไหน”

    “ถ้าแสบ ๆ ร้าย ๆ ตามที่แจ็คสันบอก ก็น่าจะเป็นเสื้อแจ็คเกตสีดำ”

    “เก่งนี่  งั้นช่วยอะไรอย่างสิ”

    “อะไร ?

    “ทำให้เขาหึงฉันหน่อย ทำได้มั้ย”

    “นี่ใครจ๊ะ คิม แทยอนนะ เดี๋ยวรู้เลย”

     

    และทั้งหมดนี้คือบทสนทนาของคนที่ยืนอยู่บนระเบียงโซน VIP ชั้นบน   บทสนทนาที่คนนั่งอยู่โต๊ะชั้นล่างติดกับบาร์ไม่มีทางได้ยินเลยว่าสองเพื่อนซี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกาคุยอะไรกัน

     






    -------------- The End Of My Bad Boy -----------------

     




    พี่ทงเฮก็ยังเป็นพี่ทงเฮเหมือนเดิม นิดหน่อยพี่เขาก็เอาค่ะ  หลังจากต้องคบกันเงียบ ๆ มานาน  ในที่สุดก็วันที่พี่เขารอคอยก็มาถึง  วันที่พี่เขาได้ประกาศให้โลกรู้ว่าคนนี้แหละเมียพี่เขา

     

    Happy Valentine’s Day ค่ะคนอ่านฟิคของ Heechul เลิฟเวอร์ทุกคน  ดีใจที่ได้กลับมาเขียนสเปฯมายแบดบอยอีกครั้ง เราเองก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน  พอดีวันนั้นมีคนอ่านขอมาเลยคิดว่าก็ดีเหมือนกันนะไม่ได้เขียนเรื่องนี้นานแล้ว  อ่านแล้วชอบหรือไม่ชอบยังไงก็บอกกันทิ้งไว้ในคอมเม้นท์นะคะ เราจะรออ่าน

     

    ขอบคุณ Patchara_J ที่จุดประกายและอีก 16 คอมเมนท์ที่บอกกับเราว่ารออ่าน ถ้าไม่มี 17 คนนี้ สเปฯในวันนี้ก็คงไม่เกิด ^^


    แทกเดิม #ฟิคมายแบดบอย




    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×