คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Special : ลูกแมว
ตอนพิเศษ : ลูกแมว
“ยังไม่นอนอีกหรือไง จะขยันเกินไปแล้วนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามร่างบางในชุดเสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงนอนขายาวที่กำลังง่วนอยู่กับการเปิดอีเมล์ดูเอกสาร ผ้าขนหนูสีขาวยังคงพาดอยู่บนไหล่ ในขณะที่ผมสั้นที่ควรจะถูกเช็ดจนเกือบแห้งแล้วกลับยังเปียกชื้นแนบศีรษะเล็กอยู่ จนคนที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จต้องเดินไปหยิบผ้าที่พาดอยู่บนไหล่เจ้าตัวมาเช็ดให้แทน
“อาบเสร็จแล้วเหรอ เร็วจัง” เอ่ยถามทั้งที่ตายังคงจ้องอยู่กับหน้าจอ นิ้วเรียวรัวคีย์บอร์ดร่างข้อความในอีเมล์
“เร็วอะไรกันนี่มันจะตีสองแล้วนะ” คนที่เช็ดผมให้บ่นออกมาเบาๆ
“อ้าวเหรอ งั้นขอส่งเมล์อีกแปบเดียวนะ จะส่งใบเสนอราคาให้ฝั่งโน้น เขาขอข้อมูลของล็อตใหม่” เมื่อพิมพ์เสร็จก็กดแนบไฟล์ ก่อนจะลองเปิดไฟล์ที่แนบขึ้นดูอีกครั้งเพื่อเช็คความถูกต้องและกดส่งอีเมล์ไปยังปลายทาง
หลายเดือนมาแล้วตั้งแต่ที่ฮยอกแจยอมเปิดใจเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟัง ทงเฮจึงเสนอแนะทางออกที่คิดว่าน่าจะดีกับทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือตัวฮยอกแจเอง โดยการให้ฮยอกแจช่วยกิจการทางบ้านในแบบที่สามารถทำได้และไม่ต้องทิ้งงานนักร้องในผับที่เจ้าตัวนั้นรักนักหนา นั่นก็คือการผันตัวเองมาเป็นฝ่ายขายให้กับไร่ชาคอยติดต่อหาตลาดใหม่ๆในแถบต่างประเทศโดยมีกูรูอย่างทงเฮเป็นคนช่วยสอนและแนะนำ ดังนั้นจึงเป็นปกติที่หลังจากกลับมาจากร้องเพลงแล้วจะเห็นร่างบางนั่งคร่ำเคร่งอยู่หน้าแลปท็อปเพราะเวลาช่วงนี้คือช่วงกลางวันของทางฝั่งอเมริกาซึ่งเป็นตลาดแรกที่เลือกจะไปเปิด และคนแนะนำก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนที่เคยไปเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างอี ทงเฮนั่นแหละ
ดวงตาคมมองเลยศีรษะเล็กไปยังหน้าจอเพื่อดูว่าอีกคนส่งเมล์และกดชัทดาวน์เครื่องเสร็จเรียบร้อยหรือยัง แต่ปรากฏว่าหน้าจอแลปท็อปกลับปรากฏตารางตัวเลขและกราฟเปรียบเทียบข้อมูลยอดขายของเดือนเก่าๆขึ้นมาแทน ทั้งที่เมื่อครู่บอกว่าขอส่งเมล์อีกแค่แปบเดียว ดังนั้นแผนเรียกร้องความสนใจแต่ได้กำไรเกินคุ้มจึงบังเกิดขึ้น
“....อื้อ....ทงเฮ..”
คนที่กำลังดูงานอยู่ร้องท้วงเมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นชื้นของริมฝีปากที่ประทับอยู่บนต้นคอด้านหลังกับมือหนาข้างหนึ่งที่เลื้อยหายเข้าไปในคอเสื้อ มือบางข้างที่ไม่ได้จับเมาส์วางทาบลงบนข้อมือหนาคล้ายจะยื้อมือนั้นไว้ แต่ก็กลายเป็นว่าทำได้แค่จับข้อมืออีกคนเอาไว้เฉยๆ ในขณะที่ปลายนิ้วของคนเจ้าเล่ห์นั้นเลื่อนต่ำลงไปจนถึงบางสิ่งที่ไวต่อความรู้สึก
“ครับ”
น้ำเสียงทุ้มกระซิบตอบรับเบาๆอยู่ข้างหู
ก่อนที่ปากหยักจะเลาะเล็มไปเรื่อยตั้งแต่ใบหูไล่กลับลงมาที่ลำคออีกครั้ง
ไม่มีการขบเม้มหรือดูดดึง มันก็แค่การคลอเคลียด้วยริมฝีปากสลับกับการส่งปลายลิ้นออกมาแตะผิวเนื้อ
พ่นลมหายใจร้อนๆเป่ารดให้อีกคนสยิวเล่น มุมปากหยักยกยิ้มร้ายเมื่ออากัปกิริยาของคนตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
จากที่ย่นคอหนีในตอนแรกก็กลายเป็นเอียงคอให้ปากกับจมูกเขาสัมผัสได้ง่ายขึ้น
ไหนจะจังหวะการหายใจที่เริ่มถี่และแรงขึ้นนี่อีก ก็บอกแล้วว่าฮยอกแจน่ะ “ความรู้สึกไว”
“ท...ทงเฮ....เดี๋ยวก่อน ดู...ข..ข้อมูลแปบ...นึง” ถึงสติจะเริ่มเตลิดไปตามการนำพาแต่ว่าฮยอกแจก็ยังพยายามจะหยุดอีกคนไว้ แม้น้ำเสียงนั้นจะไร้ซึ่งน้ำหนักก็ตามที
“ก็ดูไปสิ”
“...ท..ทงเฮ..อ๊ะ...เดี๋ยว...”
ปากบอกให้ดู แต่อะไรคือการที่ปลายนิ้วหยอกล้ออยู่กับยอดอก ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็เลื้อยหายเข้าไปในขอบเกงเกงนอน ไหนจะรีมฝีปากกับจมูกโด่งที่ลากไล้อยู่แถวลำคอและทำท่าว่าจะเลื่อนลงต่ำไปข้างหน้าเรื่อยๆนี่อีก พนักพิงเก้าอี้ที่คั่นกลางแผ่นหลังของเขากับกายหนาของคนข้างหลังอยู่นี้ช่างไม่ได้ช่วยขวางกั้นอะไรจากคนเจ้าเล่ห์ได้สักนิด ตอนนี้อย่าไปว่าถึงดูข้อมูลเลย แค่จะคลิ๊กปิดโปรแกรมยังยาก
มือเรียวทั้งไล่จับมือหนา
ทั้งจะผลักใบหน้าหล่อนั้นออก
แต่ไม่ทันไรก็ต้องเปลี่ยนมาเกาะยึดพนักพักแขนตรงข้างเก้าอี้ไว้แทนเพราะแรงสัมผัสจากตรงส่วนล่างของมือหนา
“ให้ตายเหอะ...อี ทงเฮนี่มันเหลือเกินจริงๆ”
--------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------
ภาพของคนรักที่ยืนอยู่ในครัวหันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์ สองมือหยิบจับโน่นนี่ด้วยความคล่องแคล่วเช่นเคย เรียกรอยยิ้มแห่งความสุขสดใสให้ปรากฏอยู่บนใบหน้าเรียว นานแค่ไหนแล้วนะที่อี ฮยอกแจได้เฝ้ามองภาพนี้ตลอดแทบทุกวันหยุด หากเป็นวันทำงานทงเฮก็จะตื่นมาทำมันแต่เช้าและวางไว้ให้ ไม่ในตู้เย็นก็บนโต๊ะอาหาร โพสอิสท์สีเหลืองติดเต็มจนลามมาครึ่งบานประตูตู้เย็นแล้ว
ทงเฮใส่ใจเขาเสมอตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาขออาศัยเพื่อลี้ภัย จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขายืนอยู่ที่นี่ในฐานะคนรักอีกคนก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย
“ทำอะไรกินเอ่ยคุณพ่อครัว” ชะโงกหน้าเข้าไปถามทั้งที่พอจะเดาออกอยู่แล้ว เพราะอีกคนกำลังตักข้าวเกลี่ยลงบนแผ่นสาหร่าย
“คิมบับไง เห็นวันนั้นบ่นอยากกิน” ตอบเสร็จก็ขโมยหอมแก้มคนถามไปที
“แล้วในหม้อนั่นล่ะ” รีบเปลี่ยนไปถามถึงเมนูในหม้อที่กำลังเดือดจนไอลอยออกมาเพราะคุณพ่อครัวเปิดฝาแง้มไว้ไม่ให้น้ำแกงเดือดจนล้น ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าสองสามวันที่แล้วเคยบ่นว่าอยากกินคิมบับ
“ซุปกิมจิ” คนตอบตอบยิ้มๆ ก็เพราะคนถามนั่นแหละที่บ่นว่าอยากกินพร้อมกับที่บ่นอยากกินคิมบับเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ขยันจังล่ะ ตื่นมาทำแต่เช้าเชียว” พูดพลางเดินไปชะโงกดูหม้อซุป
ก็รู้หรอกนะว่าอีกคนน่ารักขนาดไหน
ที่จำได้ว่าเขาบ่นอยากกิน แถมยังตื่นมาทำให้แต่เช้าอีกต่างหาก แต่จะให้เอ่ยชมออกไปก็ยังไงอยู่ ให้มาพูดหวานๆเลี่ยนๆแบบ “น่ารักจังเลย
จำได้ด้วย” อะไรแบบนี้มันก็ไม่ชินจริงๆ
“ไม่เช้าแล้วนะ นี่เที่ยงกว่าแล้ว” ทงเฮหันมาบอกพร้อมกับรอยยิ้มล้อเลียนคนตื่นสาย
“กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแล้วเถอะ”
สะบัดเสียงใส่ก่อนจะเดินหนีออกมาจากห้องครัว พร้อมกับคาดโทษพ่อครัวตัวดีอยู่ในใจ ทำเป็นเดินเข้ามาถามว่ายังไม่นอนอีกเหรอ
นึกว่าจะเป็นห่วงเป็นใยที่ไหนได้
ขนาดแลปท็อปที่เปิดค้างไว้แบตหมดจนหน้าจอดับไปตั้งนานแล้ว คนหื่นกามก็ยังไม่ปล่อยให้เขาได้นอนเลย กว่าจะได้ออกจากห้องทำงานก็ฟาดไปเกือบเช้า ยังจะมีหน้ามาล้อเลียนที่เขาตื่นสายอีก
ก็ใครล่ะทำให้อดหลับอดนอน
แต่จะว่าไป...ทั้งที่เข้านอนพร้อมๆกันแต่อีกคนก็ยังตื่นเช้ามาทำโน่นนี่นั่นก่อนเขาได้ทุกวัน ไม่รู้ว่าอี ทงเฮนี่เป็นคนหรือหุ่นยนต์
“ฮยอกแจอาบน้ำเลยนะ จะเสร็จแล้ว” เดินคิดอยู่เพลินๆ เสียงทุ้มก็ตะโกนไล่หลังออกมาจากห้องครัว
“คร๊าบ.....คุณพ่อ” ตอบกลับประชดออกไป ก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำ
“คืนนี้พวกไอ้จุนซูจะมา สงสัยคงลากยาวไปจนผับปิดโน่นละมั้ง ถ้าคุณจะไปก็...เดี๋ยวแยกกันไป ตอนกลับจะได้กลับก่อนได้เลยไม่ต้องรอ”
ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาบอกทงเฮที่นั่งอยู่หัวโต๊ะซึ่งเป็นที่ประจำในการทานอาหารระหว่างเขาทั้งคู่ถึงการมาเยือนของจุนซูและกลุ่มเพื่อนซี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งสำหรับจุนซูนั้นทงเฮเคยได้เจอมาแล้ว 2-3 ครั้งเพราะไอ้เพื่อนตัวแสบเคยมาดื่มที่ SWAG กับเขาอยู่บ้าง แต่สำหรับยูชอนที่เริ่มบริหารงานของบริษัทที่บ้าน กับยุนโฮและแจจุงที่ไปเรียนต่อโทที่อเมริกานั้นทงเฮยังไม่เคยได้เจอ
“เอางั้นเหรอ แล้วถ้าเมาจะกลับยังไง” น้ำเสียงแสดงถึงความกังวลอย่างชัดเจน
“พูดผิดให้พูดใหม่ นี่ใคร อี ฮยอกแจนะ ระดับนี้ไม่มีเมา” นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเอง ทำหน้ามั่นใจเต็มที่ จนอีกคนได้แต่ส่ายหัวขำๆกับท่าทางนั้น
“งั้นก็ตามใจ แต่ขับกลับไม่ไหวก็โทรมาแล้วกัน อย่าฝืน” ถึงจะตามใจคนที่อยากอยู่สนุกต่อกับเพื่อนแต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี แต่ครั้นจะนั่งรอกลับพร้อมกันก็จะทำให้ฮยอกแจอึดอัดและหมดสนุกกับเพื่อนเปล่าๆ
“อืม” รับคำไปเพียงเท่านั้นเพื่อให้อีกคนคลายกังวล แต่ในใจก็ยังมุ่งมั่นว่ายังไงคืนนี้จะขับรถกลับมาเองอยู่ดี ไม่จอดทิ้งไว้ที่ผับแน่ เพราะพรุ่งนี้มีบางอย่างที่จะต้องทำ
หลังจากมื้ออาหารเช้าควบกลางวันผ่านพ้นไปทั้งคู่ก็ใช้เวลาในวันหยุดร่วมกันอย่างเคย ทงเฮหยิบเอาแลปท็อปมาเปิดดูงานตรงโซฟากลางห้องสลับกับการดูทีวีและหันมองคนข้างๆที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เป็นระยะ นานเข้าก็เอียงตัวมาซบ ชะโงกมองจอว่าอีกคนทำอะไรอยู่ ก่อนจะได้รับแรงผลักให้กลับไปนั่งตัวตรงอยู่ตรงหน้าแลปท็อปดังเดิม แต่สักพักก็เขยิบเข้ามาใหม่ แกล้งเขี่ยผมอีกคนเล่นบ้าง แอบขโมยหอมแก้มบ้าง ก่อนจะโดนผลักออกตามด้วยหลังมือที่ฟาดไปบนหน้าท้องแกร่ง เมื่อเจ้าของใบหน้าจับได้ว่าจมูกโด่งๆของคนหื่นกามเริ่มจะเลื้อยจากแก้มลงไปแถวคอ
จนเวลาล่วงเข้ายามค่ำคืนจึงพากันอาบน้ำแต่งตัวออกไปหาอะไรกินข้างนอก จากนั้นก็เลยไปยัง SWAG ด้วยพาหนะใครพาหนะมันตามที่ได้ตกลงกันไว้
--------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------
SWAG ในยามค่ำคืนวันเสาร์ยังคงไม่ต่างไปจากเดิม นักท่องราตรียังคงแวะเวียนมาเหยียบยืนกันเต็มฟลอร์หน้าเวที รวมไปถึงโต๊ะนั่งทั้งชั้นล่างชั้นบนก็เต็มแน่น เนื่องจากความนิยมในตัวผับที่นับวันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น และยิ่งเป็นคืนวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างศุกร์เสาร์ด้วยแล้วเหล่าผีเสื้อราตรีก็ยิ่งเบียดเสียดกันมากเป็นพิเศษ
ชั้นล่างด้านข้างคือมุมที่จุนซูเป็นคนเลือกให้ทั้งกลุ่มสิงสถิตอยู่ โดยให้เหตุผลว่า “ไม่อยากไปนั่งข้างบน มันดูผู้ดีเกินไป ไม่หนุกหนาน” ดังนั้นตอนนี้ชายหนุ่มทั้งห้าคนจึงนั่งเบียดเสียดกับผู้คนอยู่ตรงโต๊ะกลมด้านข้าง ซึ่งเป็นคนละฝั่งกับโต๊ะประจำของวง Lucifer ฮยอกแจนั่งคุยนั่งเล่นกับทั้งหมดไปเรื่อยๆฆ่าเวลา มือเรียวยกแก้วขึ้นดื่มบ้างแต่ไม่ถี่จนเกินไปนักเพราะยังต้องขึ้นร้องเพลง
“เอ้า..ชน แดกเต็มที่ คืนนี้ไอ้ฮยอกแจเลี้ยง” จุนซูยกแก้วขึ้นค้างกลางอากาศรอให้สมาชิกที่เหลือส่งแก้วมากระทบ
“ส้นตีนเหอะ กูแค่มาทำงานไม่ใช่เจ้าของผับ ให้ไอ้ยุนโฮโน่นเลี้ยง” หลังจากดื่มของเหลวในแก้วที่เพิ่งชนกับบรรดาผองเพื่อนไปก่อนนี้จนพร่องไปครึ่งแก้ว เจ้าตัวก็โบ้ยไปทางนักศึกษานอกที่เพิ่งมีเวลาหยุดหายใจกลับมาพักผ่อนที่บ้านเกิด ก่อนจะต้องกลับไปลุยกับการเรียนต่อในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อจากนี้
“ห่าไรล่ะ กูยังแบมือขอเงินพ่ออยู่ ไอ้ยูชอนมึงเลยต้องเลี้ยง” ยุนโฮโบ้ยไปหาคนที่มีการงานทำเป็นหลักเป็นฐานที่สุดในกลุ่ม ณ ขณะนี้
“อ้าว ทำไมมาตกที่กูวะ” ยูชอนมองทั้งกลุ่มก่อนสายตาจะมาหยุดยังคนที่ยังไม่มีใครเอ่ยชื่อ
“ไม่ต้องมองกู กูยังเกาะยุนโฮกินอยู่เลย มึงนั่นแหละดูดีมีสถุลที่สุดตอนนี้ละ” แจจุงว่า
“มีสกุลมั้ยมึง เดี๋ยวก็อดแดกกันยกวง” จุนซูช่วยแก้ต่างให้
“เออๆ นั่นแหละ คล้ายกัน”
แล้วเสียงหัวเราะเฮฮาสนุกสนานก็ดังแข่งกับเสียงเพลงกระหึ่มในผับ สลับกับเสียงพูดคุยไปเรื่อย ถามสารทุกสุขดิบบ้าง งัดวีรกรรมสมัยเรียนออกมาเล่ากันบ้าง จนกระทั่งฮยอกแจแยกขึ้นไปทำหน้าที่บนเวทีกับก๊วนเพื่อนร่วมวงอย่าง ฮีชอล ยงฮวาและซองกยูที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ก่อนจะกลับลงมาอีกครั้งเมื่อการแสดงเสร็จสิ้น
ใบหน้าเรียวมองเพื่อนอย่างต้องการคำอธิบายว่าก่อนไปที่โต๊ะมี 4 คน ทำไมตอนกลับลงมาถึงได้มี 7 แถมแต่เดิมที่มีโต๊ะแค่ตัวเดียวตอนนี้ก็มีอีกตัวมาต่ออยู่ข้างกันเรียบร้อย ไอ้พวกนี้ไปเก็บที่ไหนมาอีก 3
“มึงจำไม่ได้เหรอวะ น้องจีมินคณะมนุษย์ไง ที่เราไปแข่งรถกับพวกไอ้ซึงรีตอนปี 3” จุนซูไขความกระจ่างให้ก่อนจะเบาเสียงในประโยคท้ายลงพอให้ได้ยินกันสองคน
ฮยอกแจกรอกตาอยู่ครู่หนึ่งจึงพอจะจำได้ลางๆว่าน้องจีมินอะไรที่ไอ้จุนซูว่าคือผู้หญิงที่เป็นเดิมพันตอนแข่งรถกับซึงรีเด็กในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ในตอนนั้นที่แข่งชนะก็พาน้องเค้าไปฉลองรางวัลที่ไหนกันสักแห่งพอเช้าก็บ้านใครบ้านมัน อย่าว่าไปถึงหน้าตาเลย แค่ชื่อก็เพิ่งจะนึกออกตอนจุนซูบอกเมื่อกี้นี่แหละ
“ส่วนนี่โชอากับยูนา เพื่อนน้องเค้า พอดีเจอกันเมื่อกี้ น้องเค้าเข้ามาทัก” จุนซูยังคงอธิบายต่อไปเรื่อย ในขณะที่น้องจีมินกำลังส่งสายตาหวานเชื่อมมายังฮยอกแจ
ที่เค้าว่ากันว่าเสือย่อมไม่ทิ้งลายก็คงจะคล้ายลักษณะนี้ละมั้ง ถึงจะห่างหายจากวงการนักล่าไปพักใหญ่ แต่ก็นะ...ลูกกวางตัวเป็นๆมายืนล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า คนเคยเป็นเสือก็อดไม่ได้อยู่ดี ดวงตาเรียวสบกลับไปเชื่อมความสัมพันธ์ทันทีตามสัญชาตญาณ
ยิ่งดึกก็ยิ่งครึกครื้น
ไหนจะเสียงเพลงจังหวะตื้ดๆที่ชวนขยับแข้งขยับขา
ไหนจะแก้วเหล้าที่แทบไม่มีเวลาให้เว้นว่างพอหมดก็มีคนเติมตลอดเพราะได้สาวๆมาช่วยชงให้ เสียงหัวเราะพูดคุยยิ่งดังกว่าเดิมเมื่อแอลกอฮอล์ที่สูบเข้าร่างกายไปเริ่มทำหน้าที่ สองสาวเพื่อนน้องจีมินกับยูชอนออกไปยืนเลื้อยกันอยู่หน้าเวทีแล้ว
“พี่ฮยอกแจออกไปเต้นกัน” น้องจีมินชวน มือนุ่มนิ่มจับข้อมือของฮยอกแจไว้ เตรียมจะลากออกไปหน้าเวที แต่เจ้ากรรมตอนที่หญิงสาวทิ้งตัวลงมาจากเก้าอี้ทรงสูงเพื่อจะลุกขึ้นยืน กลับเซจนเกือบจะล้ม ดี?ที่ยังมีฮยอกแจนั่งอยู่ข้างๆเป็นหลักให้สาวเจ้าล้มใส่
สองมือประครองร่างของหญิงสาวไว้ก่อนจะเปลี่ยนจากนั่งเป็นยืนเพื่อเป็นหลักให้อีกคน ใบหน้าเรียวก้มมองหญิงสาวในอ้อมแขน ในขณะที่จีมินกำลังเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะเอ่ยขอโทษ
ปากสีแดงอิ่มอยู่ห่างจากริมฝีปากของฮยอกแจไปเพียงระยะแค่แมลงบินผ่าน แต่ทว่า.....นี่มันละครน้ำเน่าชัดๆ เพราะพอฮยอกแจเหลือบสายตาขึ้นไปมองบนชั้นสองก็พบว่าใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เอ่ยถามออกไปกลบเกลื่อนพร้อมกับจับไหล่หญิงสาวไว้แล้วดันออกเบาๆทำทีเป็นสำรวจด้วยความห่วงใย
“มะ..ไม่เป็นไร จีมินไปห้องน้ำก่อนนะ” สาวเจ้าดูจะเหวอไปเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวเพื่อหนีไปตั้งหลักในห้องน้ำ
“โห่วววว เหี้ยอะไรของมึงเนี่ยไอ้ฮยอกแจ” จุนซู
“ตกลงปีกว่าที่จบมานี่มึงร้องเพลงในผับหรือในวัดกันแน่วะ” แจจุง
“เอ้า...ยืนนิ่งเป็นเสาไฟฟ้าเลย ไม่ตามเค้าไปวะ” ยุนโฮ
ฮยอกแจหันมองตามทิศที่จีมินเพิ่งเดินไป ก่อนจะหันมามองอีก 3 คนที่โต๊ะ นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามว่า “กูต้องตามไปเหรอ”
“เออ/ เออ/เออ” สามเสียงประสานกันแข็งขัน
“น้องเค้าเสียเซลฟ์หมดแล้ว” ยุนโฮส่ายหัวเอือมๆกับท่าทางของเพื่อนรักที่ทำอย่างกับเป็นวัยรุ่นเพิ่งหัดจีบสาว ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้
“เป็นเกย์มั้ยเนี่ยเพื่อนกู สุภาพบุรุษไม่ดูเวล่ำเวลา ไอ้ห่า...น้องเค้าล้มใส่ขนาดนั้น เสือกเงยหน้ามาถามว่าเจ็บตรงไหนป่าว เป็นกูไม่ถงไม่ถามแล้ว” จุนซูยังใส่ต่อเป็นชุด
ฮยอกแจหันมองไปยังทางเดินไปห้องน้ำอีกครั้ง ประโยคของจุนซูดังก้องอยู่ในหัว “เป็นเกย์มั้ยเนี่ย” ถึงจะรู้ว่าเพื่อนพูดเล่น แต่คนที่มีชนักติดหลังก็อดจะคิดตามไม่ได้ อยากเถียงว่าไม่ใช่แต่ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก ก็สถานะที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
ดวงตาเรียวเหลือบมองคนที่อยู่ด้านบนอีกครั้ง ริมฝีปากบางพ่นลมหายใจออกมาเบาๆเมื่อพบว่าใครบางคนไม่ได้ยืนมองอยู่ตรงนั้นแล้ว
“เออ...เดี๋ยวกูมา”
--------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------
มือหนาเอื้อมคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูบนหัวเตียงมาดูเวลาไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของคืนแล้ว 04.52 น. ฮยอกแจยังไม่กลับ เขากลับมาถึงคอนโดตั้งแต่ตีหนึ่งกว่าๆหลังจากเห็นภาพของผู้หญิงที่มาเกาะแกะกับฮยอกแจ ไม่อยากให้ร่างบางต้องรู้สึกอึดอัดกับสายตาของตนเองเลยเลือกที่จะกลับ
อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เปิดดูอีเมล์ฆ่าเวลาเพื่อรอให้อีกคนกลับมา คิดว่าเต็มทีก็คงไม่เกินตีสาม เพราะผับปิดตีสอง จากผับถึงคอนโดก็ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงหรือหากฮยอกแจจะไปส่งเพื่อนก่อน ให้เต็มที่ก็คงไม่เกินตีสี่ แต่ตอนนี้เกือบจะตีห้าเข้าไปแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าฮยอกแจจะกลับมา โทรไปก็ปิดเครื่อง โทรถามแจ็คสันก็บอกว่าฮยอกแจออกไปตั้งแต่ก่อนผับจะปิดแล้ว ยิ่งโทรไปหาฮีชอลยิ่งไม่รู้หนักเข้าไปอีกเพราะรายนั้นกลับตั้งแต่หลังเล่นดนตรีเสร็จ
05.45 น.
ต่อให้ข่มตานอนต่อไปก็คงไม่หลับ ร่างหนาลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า ไหนๆก็หลับไม่ลงแล้ว ลงไปวิ่งออกกำลังให้ผ่อนคลายหน่อยดีกว่า ถ้ายังอยู่ในห้องแบบนี้คงจะเป็นบ้าอีกภายในไม่เกินครึ่งชั่วโมงแน่ รอให้สายกว่านี้สักหน่อยแล้วค่อยโทรไปถามที่คอนโดโน้นว่าฮยอกแจกลับไปนอนโน่นหรือเปล่า
และเพราะความร้อนรุ่มที่อยู่ในใจ สุดท้ายวิ่งออกจากคอนโดไปได้ไม่ไกลก็ตัดสินใจยอมเป็นคนไร้มารยาทโทรไปหาประชาสัมพันธ์ของคอนโดฮยอกแจแต่เช้า ทั้งที่รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาเข้าทำงานของเธอคนนั้น
หลังวางสายไปได้สักพักเพื่อรอให้เธอติดต่อกับรปภ.ของตึกเพื่อสอบถาม ปลายสายก็โทรย้อนกลับมา แต่คำตอบที่ได้รับก็คือ Porsche 911 Carrera 4S สีขาว ไม่ได้จอดอยู่ที่ลานจอดรถของคอนโด ฮยอกแจไม่ได้กลับไปนอนที่โน่น
“หายไปของคุณกันนะ...”
ยิ่งวิ่งในสมองก็ยิ่งวุ่น สุดท้ายเลยตัดสินใจกลับคอนโด รอให้สายกว่านี้อีกสักหน่อยถ้าฮยอกแจยังไม่กลับมาค่อยโทรไปหาคังอิน หมอนั่นอาจจะมีช่องทางติดต่อกับเหล่าเพื่อนของฮยอกแจได้บ้าง บางทีร่างบางอาจจะไปค้างบ้านเพื่อนคนใดคนหนึ่ง หรือไม่...ป่านนี้อีกคนก็อาจจะกลับมาแล้ว เพราะนี่ก็เกือบจะเจ็ดโมงแล้ว
“ฮยอกแจ”
ยังไม่ทันจะเดินถึงหน้าประตูห้องก็เห็นร่างบางกำลังยืนล้วงกระเป๋าอยู่หน้าห้อง คงจะกำลังหาคีย์การ์ด แต่ท่าทางเหมือนคนตกใจที่ถูกเขาร้องเรียกจนทำคีย์การ์ดร่วงจากมือนั้นทำให้ทงเฮชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเป็นคนก้มเก็บคีย์การ์ดขึ้นมารูดเปิดประตูห้องให้อีกคนเข้าไปด้านในตามด้วยตนเอง
“หายไปไหนมาทั้งคืน โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้” ยิงคำถามออกไปทันทีที่ประตูปิดลง
“คือ...” ฮยอกแจจ้องมองอีกคนนิ่ง สมองกำลังประมวลผลว่าระหว่างเล่าความจริงกับโกหก เขาควรจะเลือกพูดสิ่งไหน
แต่คนที่กำลังจมอยู่กับความคิดคงไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นกับรอยลิปสติกจางๆที่ติดอยู่บนปกเสื้อ และสภาพอิดโรยเหมือนคนอดหลับอดนอนมันทำให้คนที่ยืนตรงหน้าได้คำตอบสำหรับคำถามแล้ว
“ช่างมันเถอะ กลับมาก็ดีแล้ว ไปอาบน้ำซะ แล้วถ้าง่วงก็นอนไปก่อน เดี๋ยวข้าวเช้าเสร็จแล้วจะไปเรียก” กว่าสติของฮยอกแจจะกลับมาคนพูดก็เดินไปจนเกือบจะถึงห้องครัวแล้ว
“ผมกลับไปนอนที่คอนโดมา” อยากจะตบปากตัวเองนัก มันเป็นการโกหกที่ไม่เนียนที่สุด สภาพตอนนี้อย่างกับซอมบี้แต่ดันโพร่งออกไปว่ากลับไปนอนคอนโด อ้าปากจะแก้ตัวอีกคนก็เดินหายเข้าห้องครัวไปแล้ว
“เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จค่อยมาเคลียร์แล้วกัน”
“ชิปหาย มาได้ไงวะ”
คิ้วเรียวขมวดหากันยุ่งในตอนที่ถอดเสื้อออกมาแล้วจะโยนลงตระกร้าหวาย แต่ดันเห็นสัญญาณหายนะติดอยู่ที่ปกเสื้อ รอยลิปสติกของจีมิน ฮยอกแจย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
หลังจากที่ตามไปดักรอจีมินอยู่ตรงทางเดินไปห้องน้ำ ไม่นานหญิงสาวก็ออกมา อาการที่เดินไม่ค่อยตรงทางเท่าไหร่บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงดื่มไปไม่น้อย
เมื่อเห็นว่าเขายืนอยู่จีมินก็ตรงดิ่งเข้ามาหา
ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นดูจะดีใจมากที่เห็นว่าเขาตามมา
“นึกว่าจะไม่สนใจกันซะแล้ว จีมินน้อยใจนะเนี่ย” ไม่พูดเปล่าแต่สองแขนของหญิงสาวยังส่งมาโอบรอบคอเขาไว้ พร้อมกับเดินหน้าเข้าหาจนเขาถอยหลังไปติดผนังทางเดิน ไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าออกไปยังไง อยู่ๆจีมินถึงได้เขย่งปลายเท้าแล้วแหงนหน้าขึ้นมาจูบเอาดื้อๆ วูบหนึ่งของความคิดบอกให้ผละออก แต่ความคิดนั้นก็หายไปเมื่อปลายลิ้นเล็กๆสอดแทรกเข้ามา
จากตอนแรกที่จีมินเป็นคนเริ่มก็กลายเป็นเขาเองที่สานต่อและควบคุมทุกอย่าง ไม่รู้ว่าตอนไหนที่มือข้างหนึ่งของตนเองเอื้อมไปกอดเอวหญิงสาวไว้แล้วรั้งเข้าหาตัว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฝ่ามือและปลายนิ้วอีกข้างสัมผัสถึงความนุ่มหยุ่นจากอกอวบที่โผล่พ้นขอบบราออกมา “นี่มือเขาเลื้อยเข้ามาในเสื้อจีมินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“พี่ฮยอกแจ
!!” จีมินดูจะเสียดายระคนตกใจที่อยู่ๆเขาก็หยุดทุกอย่างลงกะทันหัน
“ไปต่อข้างนอกกันนะ” เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวก็พยายามเข้ามาคลอเคลียเขาอีกครั้ง
“นะ...นะ..” ไม่อ้อนเปล่า ปากอิ่มยังไล้อยู่แถวซอกคอ พยายามสานต่อจากเมื่อครู่
ฮยอกแจเอียงคอหนี
ก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงจีมินให้กลับไปที่โต๊ะเหมือนเดิม ไม่สนใจจะตอบในสิ่งที่จีมินรอฟังอยู่ เสียงโห่เสียงแซวจากไอ้พวกเพื่อนเวรดังมาไม่ขาดสายเมื่อเห็นว่าเขากลับมาพร้อมกัน
ซึ่งมันก็ดีแล้ว
เพราะดูหญิงสาวจะอารมณ์ดีขึ้น
และเขาก็ไม่ต้องมานั่งบื้อให้ไอ้พวกนี้ด่าเล่น แต่ไม่นานปัญหาใหม่ก็เกิด เมื่อไอ้ยูชอนที่หายหัวไปเลื้อยอยู่หน้าเวทีเดินกลับมาพร้อมกับบอกว่า...
“เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ จะพาโชอากับยูนาไปทำธุระ”
“สัส..” จุนซู
“ธุระพ่องมึงตอนจะตีสอง” ฮยอกแจ
ส่วนยุนโฮกับแจจุงนั้นเข้ายานแม่บินไปสร้างโลกส่วนตัวกันที่ดาวอังคารนานแล้ว สุดท้ายความซวยก็มาตกกับเขาที่ต้องกลายเป็นคนไปส่งจีมิน ตอนมาก็มากันเองทำไมตอนกลับต้องมีคนไปส่งวะ
รอยลิปสติกนี่น่าจะมาจากตอนหน้าห้องน้ำมั้ง แต่ตอนนี้ปัญหาคือเมื่อกี้ทงเฮเห็นหรือเปล่า แล้ว....จะแก้ตัวยังไงดี
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารโคตรจะมาคุจนฮยอกแจรู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความอึดอัดที่แผ่กระจายอยู่เต็มห้องครัว ต่างคนต่างนั่งทานในส่วนของตัวเองไปเงียบๆ ทงเฮไม่ได้พูดหรือถามอะไรเกี่ยวกับเมื่อคืน และฮยอกแจก็รู้ว่าอีกคนคงรอให้เขาเป็นคนเล่ามันออกมาเอง
“คือ..เมื่อคืนม...”
RRRrrrrrrrr
กว่าจะเรียบเรียงเนื้อหาได้ว่าจะเริ่มเล่าออกไปยังไง แต่พอจะอ้าปากพูดเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียนี่ ใครมันเสล่อโทรมาแต่เช้ากัน
“ฮัลโหล” น้ำเสียงติดจะห้วนเล็กน้อยจากการหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะเอ่ยกรอกไปตามสาย
“อ้าวมาแล้วเหรอ ครับๆ รอแปบนึง เดี๋ยวผมลงไป”
วางโทรศัพท์เสร็จก็เงยหน้าขึ้นบอกคนตรงหน้าว่า “เดี๋ยวมานะ ลงไปข้างล่างแปบ” ก่อนจะเข้าห้องนอนคว้ากุญแจรถเดินออกไปทันที
กว่าจะรู้ตัวว่าความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกก็ตอนที่กลับขึ้นมาแล้วพบว่าในครัวไม่มีใครแล้ว
เหลือแค่อาหารเช้าจานเดียวของตนเองที่วางคาทิ้งไว้ ฮยอกแจเอาพลาสติกครอบจานอาหารเช้าก่อนจะเดินออกมานั่งเล่นตรงโซฟาหน้าทีวี
คิดว่าเดี๋ยวอีกคนก็คงจะหยิบแลปท็อปออกมาดูงานข้างๆกัน
แต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าทงเฮจะออกมาจากห้องทำงาน
“นี่โกรธจริงๆเหรอวะ”
ผ่านไปเกือบวันกับบรรยากาศอันอึมครึม ฮยอกแจเผลอหลับไปตรงหน้าทีวีระหว่างรอทงเฮ พอลืมตาขึ้นมาก็โผล่หน้าเข้าไปดูอีกคนในห้องทำงาน ร่างหนาหันมาถามเขาว่า “มีอะไรหรือเปล่า” แต่ใบหน้านั่นนิ่งมาก นิ่งซะจนเขาไม่รู้ว่าคำว่า มีอะไรหรือเปล่า ของทงเฮมันหมายถึงตอนนี้ที่เขาโผล่หน้าเข้าไป หรือหมายถึงมีอะไรจะสารภาพเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่า สุดท้ายก็ทำได้แค่ส่ายหน้าแล้วตอบออกไปว่า “เปล่า ไม่มีอะไร” ก่อนจะหมุนตัวกลับออกมา
คนไม่เคยง้อใครเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ก็รู้ว่าทงเฮขี้หวง ขี้หึง แต่ทุกครั้งเจ้าตัวก็จะแสดงออกตรงๆแบบเปิดเผยเลย อย่างตอนที่ไปนั่งที่บาร์ในฟลอริด้าแล้วมีพวกฝรั่งมอง ทงเฮก็เรียกให้เขามานั่งข้างๆโอบเอวแสดงความเป็นเจ้าของทันที แต่มานิ่งๆแบบนี้เขารับมือไม่ถูกจริงๆ
“ฮัลโหลพี่ฮีชอล
เปล่าๆไม่ได้จะโทรหาเรื่องซ้อมเพลง
คือ.... ยังไงดีล่ะ
พูดๆ โห่ว...ใจเย็นดิ
คือ.........เวลาพี่ทำอะไรผิด แล้ว...พี่ฮันมันโกรธพี่...แล้ว........แล้วพี่ง้อยังไงวะ”
19.34 น.
ฮยอกแจยืนมองตัวเองในกระจก ใบหน้าเรียวขึ้นสีเล็กน้อย หมุนซ้ายหมุนขวาจะก้าวเดินออกนอกประตูห้องนอน แต่ยังไม่ทันพ้นประตูก็กลับเข้ามาส่องกระจกใหม่อีกครั้ง
“เชี่ยเอ้ย....กูปรึกษาถูกคนเปล่าวะ”
“ทงเฮ” เสียงที่ตั้งใจให้หวานเอ่ยเรียกคนที่อยู่ในครัว
“หืม” พ่อครัวขานรับทั้งที่ยังไม่ได้หันมามอง
“ทงเฮ” เมื่อไม่ได้รับความสนใจ คนเรียกจึงเดินเข้าไปยืนพิงกับโต๊ะอาหารแล้วเอ่ยเรียกอีกครั้ง
“ว่ายังไง” ทงเฮตีหน้านิ่งเหมือนเคย ถึงแม้จะแปลกใจอยู่บ้างกับสภาพของอีกคน
ฮยอกแจอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว
ไม่สิ...ต้องเรียกว่าแต่งตัวแล้วแต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่กระดุม 2
เม็ดบนไม่ได้ติด เผยให้เห็นผิวขาวตรงช่วงอก
แต่นั่นก็ยังไม่น่าแปลกใจเท่ากับช่วงล่างที่มีเพียงขาขาวๆโผล่พ้นออกมาจากชายเสื้อเท่านั้น
“คือ...กางเกงยีนส์สีดำตัวขาดๆอยู่ไหนอ่ะ หาไม่เจอ” ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เก้อ “เขิน ชิปหาย ไอ้ห่าพี่ชอลเวลามึงทำมึงไม่อายพี่ฮันบ้างไงวะ”
“ก็อยู่ที่เดิมนั่นแหละ อาทิตย์นี้ยังไม่ได้ใส่นี่ ไม่น่าจะลงไปอยู่กับแม่บ้านหรอก” ทงเฮตอบก่อนจะหันไปปิดเตาเมื่อกะเวลาว่าน้ำซอสโคชูจังที่เตรียมไว้สำหรับราดบนเส้นสปาเกตตี้ได้ที่ดีแล้ว
“เหรอ...เดี๋ยวไปหาดูอีกที” ได้แต่ทำหน้าเหรอหรา ออกไป “หรือวิธีไอ้พี่ฮีชอลจะไม่ได้ผลวะ”
ทงเฮหันเหความสนใจจากคนข้างหลังมาตักเส้นสปาเกตตี้จากหม้อใส่จาน มือที่กำลังจะตักน้ำซอสราดลงไปบนจานชะงักเมื่อหันไปเห็นคนที่ยืนยั่วตาอยู่เมื่อกี้ย้ายทิศไปยืนก้มๆเงยๆอยู่หน้าตู้เย็น น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคอไปอย่างยากเย็น ก็รู้ว่าอีกคนตั้งใจจะยั่วกัน คงอยากจะไถ่โทษที่หายไปทั้งคืน แต่แค่นี้ไม่ทำให้เขาใจอ่อนได้ง่ายๆหรอก......มั้ง
“ทงเฮนมสตอร์เบอร์รี่หมดแล้วเหรอ” ส่งเสียงถามทั้งที่ยังยืนก้มโค้งหันหลังให้ ชายเสื้อเลิกขึ้นจนเห็นชั้นในสีขาวที่อยู่ด้านใน
“ก็ยังอยู่” คนด้านหลังยืนยิ้มขำ กอดอกมอง
“ไม่เห็นมีเลย ดูให้หน่อยดิ” กลั้นใจพูดออกไปอีกครั้ง กะว่าถ้าคราวนี้ยังไม่สนใจกันอีกก็พอกันที แผนบ้าๆแบบนี้ให้ตายยังไงชาตินี้ก็จะไม่ทำอีกแล้ว
“จะหาเจอได้ยังไง ก็นมมันอยู่ตรงฝาตู้นี่.....ไม่รู้ไง...หืม” ทงเฮเดินเข้าไปยืนซ้อนหลัง ใช้แขนแกร่งโอบรั้งคนหัดยั่วให้ยืดตัวขึ้น ริมฝีปากหยักกระซิบคำบอกข้างหู ก่อนจะเป่าลมหายใจอุ่นรดในตอนท้าย
“ก็..ลืม” อ้อมแอ้มตอบอยู่ในลำคอ
“เหรอ” มือหนาหยิบนมที่อยู่ข้างฝาประตูขึ้นวางบนหลังตู้เย็นแล้วก็ทำท่าจะผละออกไป จนฮยอกแจต้องรีบรั้งตัวเอาไว้
“เดี๋ยวสิ”
“????” คิ้วหนาเลิกขึ้น คล้ายจะถามว่ามีอะไรอีก
“เมื่อกี้ยังเหมือนจะดีอยู่เลย ทำไมกลับมาโหมดนิ่งอีกแล้ว เอาวะมาถึงขึ้นนี้แล้ว เป็นไงเป็นกัน”
มือบางปิดประตูตู้เย็นลงในขณะที่อีกมือก็ยังไม่ปล่อยชายเสื้อของทงเฮออก แถมยังดึงรั้งให้อีกคนเข้ามาใกล้ จากที่ดึงชายเสื้อไว้ก็เปลี่ยนเป็นโอบเอวแทน ใบหน้าเรียวอยู่ห่างจากใบหน้าของทงเฮเพียงคืบ
“เรื่องเมื่อคืนผมอธิบายได้นะ”
“ช่างมันเถอะ” ทงเฮตีหน้านิ่งเข้าใส่ หันมองออกไปด้านข้างทั้งที่ไม่ได้มีอะไรน่ามอง
“ไม่เอาอ่ะ อย่านิ่งแบบนี้ดิ” ฮยอกแจเอี้ยวใบหน้าตาม น้ำเสียงตอนนี้งุ้งงิ๊งยิ่งกว่าลูกแมวซะอีก
“ก็ปกติ”
“ไม่ปกติ”
เถียงออกไปทันควันพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มยู่ลง ก่อนจะตัดสินใจใช้สองมือประคองใบหน้าอีกคนให้หันกลับมารับจุมพิตที่ตนเองเป็นคนเริ่มก่อน ซึ่งไม่บ่อยครั้งนักที่จะเป็นแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่ทงเฮจะเป็นคนเริ่มตลอด ถ้าไม่นับตอนที่ไฟติดแล้วน่ะนะ
ไปที่แทกกันเถอะ #ฟิคมายแบดบอย
กว่าจะเล่าจบก็เล่นเอาคนบนโต๊ะเกือบหมดแรงล้มพับไป ทงเฮไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างเสียงเล่ากระท่อนกระแท่นขาดตอนที่เล่าไปครางไป กับสิ่งที่มือเรียวสาวขึ้นลงอยู่ตรงหน้าอันไหนน่าสนใจกว่ากัน รู้แต่ว่าไอ้วิธีแกล้งคนรักแบบนี้มันทำให้เขาทรมานแทบบ้า ต้องพยายามยั้งตัวเองไว้ไม่ให้พุ่งให้เข้าใส่ร่างยั่วตาของฮยอกแจไปก่อนที่อีกคนจะเล่าจนเสร็จ
จับใจความได้แค่ว่า
ที่หายไปทั้งคืนเพราะมัวออกไปส่งผู้หญิงที่ชื่อจีมิน เจ้าหล่อนบอกทางไปได้แค่ครึ่งก็ดันหลับเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปซะก่อน ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น สุดท้ายเลยต้องจอดรถอยู่แถวนั้นรอให้ตื่น รอไปรอมาคนรอก็หลับไปด้วยกัน
รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้วเลยรีบปลุกถามทางแล้วก็รีบไปส่ง
#ฟิคมายแบดบอย
“ให้ตายเหอะ อะไรจะเอ็กซ์ขนาดนี้กัน”
ไวเท่าความคิด ทงเฮจับอุ้มอีกคนออกจากครัวไปวางกลางโซฟา ก่อนจะเริ่มบรรเลงบทลงโทษอีกครั้ง โดยที่จำเลยอย่างฮยอกแจไม่สิทธิ์คัดค้านหรือต้านทานใดๆได้เลย เพราะทงเฮอนุญาตให้แค่ส่งเสียงร้องหวานๆออกมาเท่านั้น
“อยากจะกลับไปเป็นเสืออย่างงั้นเหรอ อนุญาตให้เป็นได้แค่ลูกแมวของผมก็พอ”
ร่างเปลือยเปล่าสองร่างนอนหอบหายใจแข่งกันอยู่บนโซฟาหลังจากที่ทงเฮเพิ่งถอดถอนตัวตนออกไป แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ๆก็ดังขึ้นมา ทงเฮหยิบโทรศัพท์ส่งให้ร่างบาง ฮยอกแจรับไปดูชื่อคนโทรเข้าก่อนจะไสด์หน้าจอเพื่อรับสาย
RRRrrrrrrrrrrrr
“ว่าไง”
“ว่าไงบ้านมึงสิ กูโทรหาไม่รู้กี่สาย นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว มึงจะมาร้องเพลงมั้ยเนี่ย” ฮยอกแจเอาโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน ก่อนจะมองเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ แล้วก็พบว่า “ชิบหาย นี่มันสี่ทุ่มแล้วนี่หว่า”
“ไปๆ แปบนึง ถึงก่อนห้าทุ่มแน่”
“เออๆ รีบมาเลยนะมึง แค่นี้แหละ”
“เดี๋ยว...”
“อะไรอีก”
“วิธีของพี่ แม่งโคตรได้ผลเลยว่ะ”
พูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก็กดวางสายไป ฮยอกแจแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาสงสัยของอีกคนที่ส่งมา ก่อนจะชวนกันไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะพวกเขาต้องไปให้ถึง SWAG ก่อนห้าทุ่ม
“มันจะยากอะไรวะ มึงก็แต่งตัววับๆแวมๆ เสื้อบางๆกางเกงไม่ต้องใส่ ไปเดินป้วนเปี้ยนล่อสายตาเค้า ขี้คร้านจะรีบพุ่งเข้าใส่ ครางไป เอ้ย !! คุยไปสารภาพไป ถ้ายังใจแข็งแม่งก็ไม่ใช่คนแล้ว”
กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็สี่ทุ่มครึ่ง ซึ่งไม่ต้องห่วงเลยว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะไปไม่ทัน ระดับฝีเท้าอดีตนักแข่งอย่างทงเฮแล้ว 15 นาทีก็เกินจะพอ ระหว่างทางทงเฮไม่ได้ถามอะไรฮยอกแจถึงเรื่องเมื่อคืนอีก ไม่ได้ถามว่าทำไมโทรศัพท์ถึงติดต่อไม่ได้ ไม่ได้ถามว่าไปจอดรถกันอยู่แถวไหน ไม่แม้กระทั่งจะเปิด GPS เพื่อย้อนดูว่าเมื่อคืนฮยอกแจไปไหนมาบ้าง ก็ถ้าอีกคนบอกว่าไม่เขาก็จะเชื่อว่าไม่
นึกถึง GPS แล้วก็อยากจะตบกะโหลกตัวเอง เมื่อคืนถ้าเขามีสติอีกนิดก็คงจะนึกขึ้นได้ว่าแค่เปิดดูในมือถือก็รู้แล้วว่าฮยอกแจอยู่ที่ไหน เพราะไม่ได้ใช้งานมันมานานจนทำให้เกือบลืมไปเลยว่าเคยให้ชินดงติดมันไว้ในรถของฮยอกแจ ช่วงแรกๆก็เห่อดูอยู่เดือนสองเดือน แต่พอหลังจากนั้นก็แทบไม่เคยได้กดเข้าไปดูอีก เพราะเลือกที่จะเป็นฝ่ายโทรไปถามเองด้วยความห่วงใยมากกว่าว่าอีกคนทำอะไรอยู่ที่ไหน จนนานวันเข้าก็แทบจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันอีกเลย
นึกถึง GPS แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ตอนลงมาจากคอนโดไม่เห็นรถของฮยอกแจจอดอยู่
“ฮยอกแจ รถจอดอยู่ที่คอนโดหรือเปล่า เมื่อกี้เหมือนไม่เห็นเลย”
“เปล่า เอาให้ร้านขับไปเมื่อเช้าอ่ะ”
“ก็ไอ้จุนซูมันแนะนำว่าเพื่อนมันมีร้านติดเครื่องเสียงรถยนต์ มันบอกว่าเสียงดีงานเนี๊ยบมาก ไปดูมาแล้วมันโอเค ก็เลยนัดร้านให้เค้าเข้ามาเอารถวันนี้” ฮยอกแจอธิบายต่อให้เมื่อเห็นว่าอีกคนละสายตาจากถนนมามองเขาอย่างต้องการคำอธิบาย
“เมื่อตอนสายที่วิ่งลงไปข้างล่างน่ะนะ”
“อืม”
“ทำไมไม่บอกผมก่อน” น้ำเสียงของทงเฮดูตกใจจนฮยอกแจอดแปลกใจไม่ได้
“ก็กะว่าจะบอกอยู่ แต่มันติดเรื่องเมื่อคืนซะก่อน มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าๆ ไม่มี”
พอถึงที่จอดรถทงเฮก็เปลี่ยนเกียร์ ดึงเบรกมือแล้วดับเครื่องทันที รอจนฮยอกแจลงจากรถก็กดล็อค ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาชินดง
“ไหนพูดใหม่ซิ ว่าติดตัวส่งสัญญาณ GPS ไว้ตรงไหน”
“ก็บอกว่าติดไว้ตรงหลังเครื่องเล่นดีวีดี เข้าใจยากตรงไหนวะ”
ถึงจะวางสายไปแล้วแต่ประโยคของชินดงยังก้องอยู่ในหู GPS ถูกติดอยู่ด้านหลังเครื่องเล่นดีวีดี หวังว่าไอ้ร้านนั่นจะถอดออกมาเจอแล้วไม่สงสัยอะไรนะ
แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างคนเจ้าเล่ห์เสมอไป..............
RRrrrrrrrrr
“เออ...ถึงแล้ว ไม่ต้องตามแล้ว
อ้าว..โทษๆกูนึกว่าพี่ที่ผับ มีไรเนี่ยมึงไอ้จุนซู
อะไรนะ !!! ตัวส่งสัญญาณ GPS
เออๆ ขอบใจมาก กูพอจะรู้แล้วว่าใคร”
สองขาเรียวรีบก้าวเดินให้ทันคนข้างหน้า ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะเดินเข้าผับพร้อมกัน
“อี-ทง-เฮ !!!!!!!!!!!!!!!! ”
------------------ The End of Special Part -------------------
งานนี้โดนแมวข่วนแน่คนเจ้าเล่ห์ ในที่สุดก็ลากจนจบ มันยาวมากแต่ขี้เกียจตัด เปลี่ยนชื่อตอนเป็น “ลูกแมว” ด้วยละ อ่านกันให้สนุกนะ ไม่สนุกก็พยายามอ่านให้สนุกแล้วกัน ไม่รู้โคมไฟจะถูกใจมั้ย อ่อ...โคมไฟมีอายุนะ ใครมาทีหลังก็ไปหาเอาที่ลิ้งค์เดิม
ขาดๆเกินๆไปมั่งก็หวังว่าทุกคนจะสนุกและยิ้มไปกับทงเฮและฮยอกแจนะ ถ้าคิดถึงเรา (จะมีป่ะ) ก็ไปอ่านจอมใจสุริยันกันได้ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกการทวงถามค่ะ รักคนอ่านนะ จุ๊บๆ
ปล.ถ้าหลังจากนี้ขึ้นเตือนว่านิยายอัพก็ไม่ต้องตกใจอะไรนะ
อาจจะเข้ามาแก้คำผิด เคาะบรรทัด หรือแก้อะไรบางอย่าง ไม่ต้องอ่านใหม่จ้า
ความคิดเห็น