ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Bad Boy เป็นของฉันได้ไหมนายตัวแสบ - HaeEun feat. WonKyu

    ลำดับตอนที่ #23 : Special : ลูกแมว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      6
      4 ก.ค. 58


    ตอนพิเศษ : ลูกแมว








    “ยังไม่นอนอีกหรือไง จะขยันเกินไปแล้วนะ”


    เสียงทุ้มเอ่ยถามร่างบางในชุดเสื้อยืดคอวีสีขาวกับกางเกงนอนขายาวที่กำลังง่วนอยู่กับการเปิดอีเมล์ดูเอกสาร  ผ้าขนหนูสีขาวยังคงพาดอยู่บนไหล่ ในขณะที่ผมสั้นที่ควรจะถูกเช็ดจนเกือบแห้งแล้วกลับยังเปียกชื้นแนบศีรษะเล็กอยู่  จนคนที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จต้องเดินไปหยิบผ้าที่พาดอยู่บนไหล่เจ้าตัวมาเช็ดให้แทน


    “อาบเสร็จแล้วเหรอ เร็วจัง” เอ่ยถามทั้งที่ตายังคงจ้องอยู่กับหน้าจอ  นิ้วเรียวรัวคีย์บอร์ดร่างข้อความในอีเมล์

    “เร็วอะไรกันนี่มันจะตีสองแล้วนะ” คนที่เช็ดผมให้บ่นออกมาเบาๆ

    “อ้าวเหรอ  งั้นขอส่งเมล์อีกแปบเดียวนะ จะส่งใบเสนอราคาให้ฝั่งโน้น  เขาขอข้อมูลของล็อตใหม่”  เมื่อพิมพ์เสร็จก็กดแนบไฟล์ ก่อนจะลองเปิดไฟล์ที่แนบขึ้นดูอีกครั้งเพื่อเช็คความถูกต้องและกดส่งอีเมล์ไปยังปลายทาง 

     

    หลายเดือนมาแล้วตั้งแต่ที่ฮยอกแจยอมเปิดใจเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟัง  ทงเฮจึงเสนอแนะทางออกที่คิดว่าน่าจะดีกับทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือตัวฮยอกแจเอง  โดยการให้ฮยอกแจช่วยกิจการทางบ้านในแบบที่สามารถทำได้และไม่ต้องทิ้งงานนักร้องในผับที่เจ้าตัวนั้นรักนักหนา     นั่นก็คือการผันตัวเองมาเป็นฝ่ายขายให้กับไร่ชาคอยติดต่อหาตลาดใหม่ๆในแถบต่างประเทศโดยมีกูรูอย่างทงเฮเป็นคนช่วยสอนและแนะนำ   ดังนั้นจึงเป็นปกติที่หลังจากกลับมาจากร้องเพลงแล้วจะเห็นร่างบางนั่งคร่ำเคร่งอยู่หน้าแลปท็อปเพราะเวลาช่วงนี้คือช่วงกลางวันของทางฝั่งอเมริกาซึ่งเป็นตลาดแรกที่เลือกจะไปเปิด  และคนแนะนำก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนที่เคยไปเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างอี ทงเฮนั่นแหละ 

     

    ดวงตาคมมองเลยศีรษะเล็กไปยังหน้าจอเพื่อดูว่าอีกคนส่งเมล์และกดชัทดาวน์เครื่องเสร็จเรียบร้อยหรือยัง   แต่ปรากฏว่าหน้าจอแลปท็อปกลับปรากฏตารางตัวเลขและกราฟเปรียบเทียบข้อมูลยอดขายของเดือนเก่าๆขึ้นมาแทน  ทั้งที่เมื่อครู่บอกว่าขอส่งเมล์อีกแค่แปบเดียว   ดังนั้นแผนเรียกร้องความสนใจแต่ได้กำไรเกินคุ้มจึงบังเกิดขึ้น 

     

     “....อื้อ....ทงเฮ..”


    คนที่กำลังดูงานอยู่ร้องท้วงเมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นชื้นของริมฝีปากที่ประทับอยู่บนต้นคอด้านหลังกับมือหนาข้างหนึ่งที่เลื้อยหายเข้าไปในคอเสื้อ มือบางข้างที่ไม่ได้จับเมาส์วางทาบลงบนข้อมือหนาคล้ายจะยื้อมือนั้นไว้ แต่ก็กลายเป็นว่าทำได้แค่จับข้อมืออีกคนเอาไว้เฉยๆ  ในขณะที่ปลายนิ้วของคนเจ้าเล่ห์นั้นเลื่อนต่ำลงไปจนถึงบางสิ่งที่ไวต่อความรู้สึก


    ครับ

    น้ำเสียงทุ้มกระซิบตอบรับเบาๆอยู่ข้างหู ก่อนที่ปากหยักจะเลาะเล็มไปเรื่อยตั้งแต่ใบหูไล่กลับลงมาที่ลำคออีกครั้ง ไม่มีการขบเม้มหรือดูดดึง มันก็แค่การคลอเคลียด้วยริมฝีปากสลับกับการส่งปลายลิ้นออกมาแตะผิวเนื้อ พ่นลมหายใจร้อนๆเป่ารดให้อีกคนสยิวเล่น  มุมปากหยักยกยิ้มร้ายเมื่ออากัปกิริยาของคนตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว  จากที่ย่นคอหนีในตอนแรกก็กลายเป็นเอียงคอให้ปากกับจมูกเขาสัมผัสได้ง่ายขึ้น ไหนจะจังหวะการหายใจที่เริ่มถี่และแรงขึ้นนี่อีก ก็บอกแล้วว่าฮยอกแจน่ะ ความรู้สึกไว


    ท...ทงเฮ....เดี๋ยวก่อน ดู...ข..ข้อมูลแปบ...นึงถึงสติจะเริ่มเตลิดไปตามการนำพาแต่ว่าฮยอกแจก็ยังพยายามจะหยุดอีกคนไว้ แม้น้ำเสียงนั้นจะไร้ซึ่งน้ำหนักก็ตามที

    ก็ดูไปสิ

     

    “...ท..ทงเฮ..อ๊ะ...เดี๋ยว...

    ปากบอกให้ดู แต่อะไรคือการที่ปลายนิ้วหยอกล้ออยู่กับยอดอก ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็เลื้อยหายเข้าไปในขอบเกงเกงนอน ไหนจะรีมฝีปากกับจมูกโด่งที่ลากไล้อยู่แถวลำคอและทำท่าว่าจะเลื่อนลงต่ำไปข้างหน้าเรื่อยๆนี่อีก พนักพิงเก้าอี้ที่คั่นกลางแผ่นหลังของเขากับกายหนาของคนข้างหลังอยู่นี้ช่างไม่ได้ช่วยขวางกั้นอะไรจากคนเจ้าเล่ห์ได้สักนิด ตอนนี้อย่าไปว่าถึงดูข้อมูลเลย แค่จะคลิ๊กปิดโปรแกรมยังยาก

     

    มือเรียวทั้งไล่จับมือหนา ทั้งจะผลักใบหน้าหล่อนั้นออก แต่ไม่ทันไรก็ต้องเปลี่ยนมาเกาะยึดพนักพักแขนตรงข้างเก้าอี้ไว้แทนเพราะแรงสัมผัสจากตรงส่วนล่างของมือหนา


    ให้ตายเหอะ...อี ทงเฮนี่มันเหลือเกินจริงๆ 

     

    --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------

     

    ภาพของคนรักที่ยืนอยู่ในครัวหันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์ สองมือหยิบจับโน่นนี่ด้วยความคล่องแคล่วเช่นเคย  เรียกรอยยิ้มแห่งความสุขสดใสให้ปรากฏอยู่บนใบหน้าเรียว  นานแค่ไหนแล้วนะที่อี ฮยอกแจได้เฝ้ามองภาพนี้ตลอดแทบทุกวันหยุด   หากเป็นวันทำงานทงเฮก็จะตื่นมาทำมันแต่เช้าและวางไว้ให้  ไม่ในตู้เย็นก็บนโต๊ะอาหาร  โพสอิสท์สีเหลืองติดเต็มจนลามมาครึ่งบานประตูตู้เย็นแล้ว   


    ทงเฮใส่ใจเขาเสมอตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาขออาศัยเพื่อลี้ภัย  จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขายืนอยู่ที่นี่ในฐานะคนรักอีกคนก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย


    “ทำอะไรกินเอ่ยคุณพ่อครัว”  ชะโงกหน้าเข้าไปถามทั้งที่พอจะเดาออกอยู่แล้ว เพราะอีกคนกำลังตักข้าวเกลี่ยลงบนแผ่นสาหร่าย

    “คิมบับไง  เห็นวันนั้นบ่นอยากกิน”  ตอบเสร็จก็ขโมยหอมแก้มคนถามไปที 

    “แล้วในหม้อนั่นล่ะ” รีบเปลี่ยนไปถามถึงเมนูในหม้อที่กำลังเดือดจนไอลอยออกมาเพราะคุณพ่อครัวเปิดฝาแง้มไว้ไม่ให้น้ำแกงเดือดจนล้น   ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าสองสามวันที่แล้วเคยบ่นว่าอยากกินคิมบับ 

    “ซุปกิมจิ”  คนตอบตอบยิ้มๆ  ก็เพราะคนถามนั่นแหละที่บ่นว่าอยากกินพร้อมกับที่บ่นอยากกินคิมบับเมื่อไม่กี่วันก่อน

    “ขยันจังล่ะ ตื่นมาทำแต่เช้าเชียว”  พูดพลางเดินไปชะโงกดูหม้อซุป 

     

    ก็รู้หรอกนะว่าอีกคนน่ารักขนาดไหน ที่จำได้ว่าเขาบ่นอยากกิน แถมยังตื่นมาทำให้แต่เช้าอีกต่างหาก  แต่จะให้เอ่ยชมออกไปก็ยังไงอยู่  ให้มาพูดหวานๆเลี่ยนๆแบบ “น่ารักจังเลย จำได้ด้วย” อะไรแบบนี้มันก็ไม่ชินจริงๆ 


    “ไม่เช้าแล้วนะ  นี่เที่ยงกว่าแล้ว”  ทงเฮหันมาบอกพร้อมกับรอยยิ้มล้อเลียนคนตื่นสาย

    “กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแล้วเถอะ” 


    สะบัดเสียงใส่ก่อนจะเดินหนีออกมาจากห้องครัว  พร้อมกับคาดโทษพ่อครัวตัวดีอยู่ในใจ   ทำเป็นเดินเข้ามาถามว่ายังไม่นอนอีกเหรอ นึกว่าจะเป็นห่วงเป็นใยที่ไหนได้   ขนาดแลปท็อปที่เปิดค้างไว้แบตหมดจนหน้าจอดับไปตั้งนานแล้ว  คนหื่นกามก็ยังไม่ปล่อยให้เขาได้นอนเลย  กว่าจะได้ออกจากห้องทำงานก็ฟาดไปเกือบเช้า  ยังจะมีหน้ามาล้อเลียนที่เขาตื่นสายอีก ก็ใครล่ะทำให้อดหลับอดนอน  


     แต่จะว่าไป...ทั้งที่เข้านอนพร้อมๆกันแต่อีกคนก็ยังตื่นเช้ามาทำโน่นนี่นั่นก่อนเขาได้ทุกวัน  ไม่รู้ว่าอี ทงเฮนี่เป็นคนหรือหุ่นยนต์  


    “ฮยอกแจอาบน้ำเลยนะ  จะเสร็จแล้ว”  เดินคิดอยู่เพลินๆ เสียงทุ้มก็ตะโกนไล่หลังออกมาจากห้องครัว

    “คร๊าบ.....คุณพ่อ” ตอบกลับประชดออกไป  ก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำ

     

     





    คืนนี้พวกไอ้จุนซูจะมา สงสัยคงลากยาวไปจนผับปิดโน่นละมั้ง  ถ้าคุณจะไปก็...เดี๋ยวแยกกันไป ตอนกลับจะได้กลับก่อนได้เลยไม่ต้องรอ


    ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาบอกทงเฮที่นั่งอยู่หัวโต๊ะซึ่งเป็นที่ประจำในการทานอาหารระหว่างเขาทั้งคู่ถึงการมาเยือนของจุนซูและกลุ่มเพื่อนซี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย    ซึ่งสำหรับจุนซูนั้นทงเฮเคยได้เจอมาแล้ว 2-3 ครั้งเพราะไอ้เพื่อนตัวแสบเคยมาดื่มที่ SWAG กับเขาอยู่บ้าง  แต่สำหรับยูชอนที่เริ่มบริหารงานของบริษัทที่บ้าน กับยุนโฮและแจจุงที่ไปเรียนต่อโทที่อเมริกานั้นทงเฮยังไม่เคยได้เจอ


    เอางั้นเหรอ  แล้วถ้าเมาจะกลับยังไงน้ำเสียงแสดงถึงความกังวลอย่างชัดเจน

    พูดผิดให้พูดใหม่ นี่ใคร อี ฮยอกแจนะ  ระดับนี้ไม่มีเมา”  นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเอง  ทำหน้ามั่นใจเต็มที่  จนอีกคนได้แต่ส่ายหัวขำๆกับท่าทางนั้น

    งั้นก็ตามใจ แต่ขับกลับไม่ไหวก็โทรมาแล้วกัน อย่าฝืน”  ถึงจะตามใจคนที่อยากอยู่สนุกต่อกับเพื่อนแต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี  แต่ครั้นจะนั่งรอกลับพร้อมกันก็จะทำให้ฮยอกแจอึดอัดและหมดสนุกกับเพื่อนเปล่าๆ

    อืม”  รับคำไปเพียงเท่านั้นเพื่อให้อีกคนคลายกังวล   แต่ในใจก็ยังมุ่งมั่นว่ายังไงคืนนี้จะขับรถกลับมาเองอยู่ดี ไม่จอดทิ้งไว้ที่ผับแน่  เพราะพรุ่งนี้มีบางอย่างที่จะต้องทำ

     




    หลังจากมื้ออาหารเช้าควบกลางวันผ่านพ้นไปทั้งคู่ก็ใช้เวลาในวันหยุดร่วมกันอย่างเคย  ทงเฮหยิบเอาแลปท็อปมาเปิดดูงานตรงโซฟากลางห้องสลับกับการดูทีวีและหันมองคนข้างๆที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เป็นระยะ   นานเข้าก็เอียงตัวมาซบ  ชะโงกมองจอว่าอีกคนทำอะไรอยู่    ก่อนจะได้รับแรงผลักให้กลับไปนั่งตัวตรงอยู่ตรงหน้าแลปท็อปดังเดิม  แต่สักพักก็เขยิบเข้ามาใหม่  แกล้งเขี่ยผมอีกคนเล่นบ้าง  แอบขโมยหอมแก้มบ้าง   ก่อนจะโดนผลักออกตามด้วยหลังมือที่ฟาดไปบนหน้าท้องแกร่ง  เมื่อเจ้าของใบหน้าจับได้ว่าจมูกโด่งๆของคนหื่นกามเริ่มจะเลื้อยจากแก้มลงไปแถวคอ  

     

    จนเวลาล่วงเข้ายามค่ำคืนจึงพากันอาบน้ำแต่งตัวออกไปหาอะไรกินข้างนอก  จากนั้นก็เลยไปยัง SWAG ด้วยพาหนะใครพาหนะมันตามที่ได้ตกลงกันไว้

     

    --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------

     

    SWAG ในยามค่ำคืนวันเสาร์ยังคงไม่ต่างไปจากเดิม นักท่องราตรียังคงแวะเวียนมาเหยียบยืนกันเต็มฟลอร์หน้าเวที  รวมไปถึงโต๊ะนั่งทั้งชั้นล่างชั้นบนก็เต็มแน่น เนื่องจากความนิยมในตัวผับที่นับวันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น  และยิ่งเป็นคืนวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างศุกร์เสาร์ด้วยแล้วเหล่าผีเสื้อราตรีก็ยิ่งเบียดเสียดกันมากเป็นพิเศษ


    ชั้นล่างด้านข้างคือมุมที่จุนซูเป็นคนเลือกให้ทั้งกลุ่มสิงสถิตอยู่  โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากไปนั่งข้างบน มันดูผู้ดีเกินไป  ไม่หนุกหนาน ดังนั้นตอนนี้ชายหนุ่มทั้งห้าคนจึงนั่งเบียดเสียดกับผู้คนอยู่ตรงโต๊ะกลมด้านข้าง  ซึ่งเป็นคนละฝั่งกับโต๊ะประจำของวง Lucifer  ฮยอกแจนั่งคุยนั่งเล่นกับทั้งหมดไปเรื่อยๆฆ่าเวลา  มือเรียวยกแก้วขึ้นดื่มบ้างแต่ไม่ถี่จนเกินไปนักเพราะยังต้องขึ้นร้องเพลง


    เอ้า..ชน  แดกเต็มที่ คืนนี้ไอ้ฮยอกแจเลี้ยง”  จุนซูยกแก้วขึ้นค้างกลางอากาศรอให้สมาชิกที่เหลือส่งแก้วมากระทบ

    ส้นตีนเหอะ  กูแค่มาทำงานไม่ใช่เจ้าของผับ  ให้ไอ้ยุนโฮโน่นเลี้ยงหลังจากดื่มของเหลวในแก้วที่เพิ่งชนกับบรรดาผองเพื่อนไปก่อนนี้จนพร่องไปครึ่งแก้ว  เจ้าตัวก็โบ้ยไปทางนักศึกษานอกที่เพิ่งมีเวลาหยุดหายใจกลับมาพักผ่อนที่บ้านเกิด ก่อนจะต้องกลับไปลุยกับการเรียนต่อในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อจากนี้

    ห่าไรล่ะ  กูยังแบมือขอเงินพ่ออยู่ ไอ้ยูชอนมึงเลยต้องเลี้ยงยุนโฮโบ้ยไปหาคนที่มีการงานทำเป็นหลักเป็นฐานที่สุดในกลุ่ม ณ ขณะนี้

    อ้าว ทำไมมาตกที่กูวะยูชอนมองทั้งกลุ่มก่อนสายตาจะมาหยุดยังคนที่ยังไม่มีใครเอ่ยชื่อ

    ไม่ต้องมองกู กูยังเกาะยุนโฮกินอยู่เลย  มึงนั่นแหละดูดีมีสถุลที่สุดตอนนี้ละ แจจุงว่า

    มีสกุลมั้ยมึง  เดี๋ยวก็อดแดกกันยกวง”  จุนซูช่วยแก้ต่างให้ 

    เออๆ นั่นแหละ คล้ายกัน




    แล้วเสียงหัวเราะเฮฮาสนุกสนานก็ดังแข่งกับเสียงเพลงกระหึ่มในผับ สลับกับเสียงพูดคุยไปเรื่อย  ถามสารทุกสุขดิบบ้าง งัดวีรกรรมสมัยเรียนออกมาเล่ากันบ้าง  จนกระทั่งฮยอกแจแยกขึ้นไปทำหน้าที่บนเวทีกับก๊วนเพื่อนร่วมวงอย่าง ฮีชอล ยงฮวาและซองกยูที่นั่งอยู่อีกฝั่ง  ก่อนจะกลับลงมาอีกครั้งเมื่อการแสดงเสร็จสิ้น


    ใบหน้าเรียวมองเพื่อนอย่างต้องการคำอธิบายว่าก่อนไปที่โต๊ะมี 4 คน  ทำไมตอนกลับลงมาถึงได้มี แถมแต่เดิมที่มีโต๊ะแค่ตัวเดียวตอนนี้ก็มีอีกตัวมาต่ออยู่ข้างกันเรียบร้อย  ไอ้พวกนี้ไปเก็บที่ไหนมาอีก 3


    มึงจำไม่ได้เหรอวะ  น้องจีมินคณะมนุษย์ไง  ที่เราไปแข่งรถกับพวกไอ้ซึงรีตอนปี 3”  จุนซูไขความกระจ่างให้ก่อนจะเบาเสียงในประโยคท้ายลงพอให้ได้ยินกันสองคน 


    ฮยอกแจกรอกตาอยู่ครู่หนึ่งจึงพอจะจำได้ลางๆว่าน้องจีมินอะไรที่ไอ้จุนซูว่าคือผู้หญิงที่เป็นเดิมพันตอนแข่งรถกับซึงรีเด็กในมหาวิทยาลัยเดียวกัน  ในตอนนั้นที่แข่งชนะก็พาน้องเค้าไปฉลองรางวัลที่ไหนกันสักแห่งพอเช้าก็บ้านใครบ้านมัน  อย่าว่าไปถึงหน้าตาเลย  แค่ชื่อก็เพิ่งจะนึกออกตอนจุนซูบอกเมื่อกี้นี่แหละ

    ส่วนนี่โชอากับยูนา เพื่อนน้องเค้า พอดีเจอกันเมื่อกี้ น้องเค้าเข้ามาทัก”  จุนซูยังคงอธิบายต่อไปเรื่อย  ในขณะที่น้องจีมินกำลังส่งสายตาหวานเชื่อมมายังฮยอกแจ


    ที่เค้าว่ากันว่าเสือย่อมไม่ทิ้งลายก็คงจะคล้ายลักษณะนี้ละมั้ง  ถึงจะห่างหายจากวงการนักล่าไปพักใหญ่  แต่ก็นะ...ลูกกวางตัวเป็นๆมายืนล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า  คนเคยเป็นเสือก็อดไม่ได้อยู่ดี  ดวงตาเรียวสบกลับไปเชื่อมความสัมพันธ์ทันทีตามสัญชาตญาณ  

     



    ยิ่งดึกก็ยิ่งครึกครื้น ไหนจะเสียงเพลงจังหวะตื้ดๆที่ชวนขยับแข้งขยับขา  ไหนจะแก้วเหล้าที่แทบไม่มีเวลาให้เว้นว่างพอหมดก็มีคนเติมตลอดเพราะได้สาวๆมาช่วยชงให้  เสียงหัวเราะพูดคุยยิ่งดังกว่าเดิมเมื่อแอลกอฮอล์ที่สูบเข้าร่างกายไปเริ่มทำหน้าที่    สองสาวเพื่อนน้องจีมินกับยูชอนออกไปยืนเลื้อยกันอยู่หน้าเวทีแล้ว


    “พี่ฮยอกแจออกไปเต้นกัน”  น้องจีมินชวน  มือนุ่มนิ่มจับข้อมือของฮยอกแจไว้  เตรียมจะลากออกไปหน้าเวที   แต่เจ้ากรรมตอนที่หญิงสาวทิ้งตัวลงมาจากเก้าอี้ทรงสูงเพื่อจะลุกขึ้นยืน  กลับเซจนเกือบจะล้ม  ดี?ที่ยังมีฮยอกแจนั่งอยู่ข้างๆเป็นหลักให้สาวเจ้าล้มใส่ 


    สองมือประครองร่างของหญิงสาวไว้ก่อนจะเปลี่ยนจากนั่งเป็นยืนเพื่อเป็นหลักให้อีกคน  ใบหน้าเรียวก้มมองหญิงสาวในอ้อมแขน  ในขณะที่จีมินกำลังเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะเอ่ยขอโทษ  ปากสีแดงอิ่มอยู่ห่างจากริมฝีปากของฮยอกแจไปเพียงระยะแค่แมลงบินผ่าน     แต่ทว่า.....นี่มันละครน้ำเน่าชัดๆ  เพราะพอฮยอกแจเหลือบสายตาขึ้นไปมองบนชั้นสองก็พบว่าใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว  


    “ไม่เป็นไรใช่มั้ย  เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”  เอ่ยถามออกไปกลบเกลื่อนพร้อมกับจับไหล่หญิงสาวไว้แล้วดันออกเบาๆทำทีเป็นสำรวจด้วยความห่วงใย 

    “มะ..ไม่เป็นไร  จีมินไปห้องน้ำก่อนนะ”  สาวเจ้าดูจะเหวอไปเล็กน้อย  ก่อนจะขอตัวเพื่อหนีไปตั้งหลักในห้องน้ำ



    “โห่วววว  เหี้ยอะไรของมึงเนี่ยไอ้ฮยอกแจ” จุนซู

    “ตกลงปีกว่าที่จบมานี่มึงร้องเพลงในผับหรือในวัดกันแน่วะ”  แจจุง

    “เอ้า...ยืนนิ่งเป็นเสาไฟฟ้าเลย ไม่ตามเค้าไปวะ” ยุนโฮ

    ฮยอกแจหันมองตามทิศที่จีมินเพิ่งเดินไป ก่อนจะหันมามองอีก 3 คนที่โต๊ะ  นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามว่า “กูต้องตามไปเหรอ”

    “เออ/ เออ/เออ”  สามเสียงประสานกันแข็งขัน 

    “น้องเค้าเสียเซลฟ์หมดแล้ว” ยุนโฮส่ายหัวเอือมๆกับท่าทางของเพื่อนรักที่ทำอย่างกับเป็นวัยรุ่นเพิ่งหัดจีบสาว  ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้

    “เป็นเกย์มั้ยเนี่ยเพื่อนกู   สุภาพบุรุษไม่ดูเวล่ำเวลา  ไอ้ห่า...น้องเค้าล้มใส่ขนาดนั้น เสือกเงยหน้ามาถามว่าเจ็บตรงไหนป่าว  เป็นกูไม่ถงไม่ถามแล้ว”   จุนซูยังใส่ต่อเป็นชุด

     

    ฮยอกแจหันมองไปยังทางเดินไปห้องน้ำอีกครั้ง  ประโยคของจุนซูดังก้องอยู่ในหัว “เป็นเกย์มั้ยเนี่ย”  ถึงจะรู้ว่าเพื่อนพูดเล่น  แต่คนที่มีชนักติดหลังก็อดจะคิดตามไม่ได้   อยากเถียงว่าไม่ใช่แต่ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก  ก็สถานะที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง  

     

    ดวงตาเรียวเหลือบมองคนที่อยู่ด้านบนอีกครั้ง  ริมฝีปากบางพ่นลมหายใจออกมาเบาๆเมื่อพบว่าใครบางคนไม่ได้ยืนมองอยู่ตรงนั้นแล้ว 

     


    “เออ...เดี๋ยวกูมา”

     

    --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------

     

    มือหนาเอื้อมคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูบนหัวเตียงมาดูเวลาไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของคืนแล้ว    04.52 น.  ฮยอกแจยังไม่กลับ   เขากลับมาถึงคอนโดตั้งแต่ตีหนึ่งกว่าๆหลังจากเห็นภาพของผู้หญิงที่มาเกาะแกะกับฮยอกแจ  ไม่อยากให้ร่างบางต้องรู้สึกอึดอัดกับสายตาของตนเองเลยเลือกที่จะกลับ 

     

    อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เปิดดูอีเมล์ฆ่าเวลาเพื่อรอให้อีกคนกลับมา คิดว่าเต็มทีก็คงไม่เกินตีสาม  เพราะผับปิดตีสอง  จากผับถึงคอนโดก็ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงหรือหากฮยอกแจจะไปส่งเพื่อนก่อน  ให้เต็มที่ก็คงไม่เกินตีสี่  แต่ตอนนี้เกือบจะตีห้าเข้าไปแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าฮยอกแจจะกลับมา  โทรไปก็ปิดเครื่อง  โทรถามแจ็คสันก็บอกว่าฮยอกแจออกไปตั้งแต่ก่อนผับจะปิดแล้ว  ยิ่งโทรไปหาฮีชอลยิ่งไม่รู้หนักเข้าไปอีกเพราะรายนั้นกลับตั้งแต่หลังเล่นดนตรีเสร็จ

     

    05.45 น.

    ต่อให้ข่มตานอนต่อไปก็คงไม่หลับ  ร่างหนาลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า ไหนๆก็หลับไม่ลงแล้ว  ลงไปวิ่งออกกำลังให้ผ่อนคลายหน่อยดีกว่า ถ้ายังอยู่ในห้องแบบนี้คงจะเป็นบ้าอีกภายในไม่เกินครึ่งชั่วโมงแน่   รอให้สายกว่านี้สักหน่อยแล้วค่อยโทรไปถามที่คอนโดโน้นว่าฮยอกแจกลับไปนอนโน่นหรือเปล่า

     

    และเพราะความร้อนรุ่มที่อยู่ในใจ  สุดท้ายวิ่งออกจากคอนโดไปได้ไม่ไกลก็ตัดสินใจยอมเป็นคนไร้มารยาทโทรไปหาประชาสัมพันธ์ของคอนโดฮยอกแจแต่เช้า  ทั้งที่รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาเข้าทำงานของเธอคนนั้น   หลังวางสายไปได้สักพักเพื่อรอให้เธอติดต่อกับรปภ.ของตึกเพื่อสอบถาม  ปลายสายก็โทรย้อนกลับมา  แต่คำตอบที่ได้รับก็คือ  Porsche 911 Carrera 4S สีขาว  ไม่ได้จอดอยู่ที่ลานจอดรถของคอนโด  ฮยอกแจไม่ได้กลับไปนอนที่โน่น


    “หายไปของคุณกันนะ...”

     

    ยิ่งวิ่งในสมองก็ยิ่งวุ่น  สุดท้ายเลยตัดสินใจกลับคอนโด  รอให้สายกว่านี้อีกสักหน่อยถ้าฮยอกแจยังไม่กลับมาค่อยโทรไปหาคังอิน  หมอนั่นอาจจะมีช่องทางติดต่อกับเหล่าเพื่อนของฮยอกแจได้บ้าง  บางทีร่างบางอาจจะไปค้างบ้านเพื่อนคนใดคนหนึ่ง   หรือไม่...ป่านนี้อีกคนก็อาจจะกลับมาแล้ว เพราะนี่ก็เกือบจะเจ็ดโมงแล้ว

     

     




    “ฮยอกแจ”

    ยังไม่ทันจะเดินถึงหน้าประตูห้องก็เห็นร่างบางกำลังยืนล้วงกระเป๋าอยู่หน้าห้อง คงจะกำลังหาคีย์การ์ด  แต่ท่าทางเหมือนคนตกใจที่ถูกเขาร้องเรียกจนทำคีย์การ์ดร่วงจากมือนั้นทำให้ทงเฮชะงักไปเล็กน้อย   ก่อนจะเป็นคนก้มเก็บคีย์การ์ดขึ้นมารูดเปิดประตูห้องให้อีกคนเข้าไปด้านในตามด้วยตนเอง


    “หายไปไหนมาทั้งคืน โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้”  ยิงคำถามออกไปทันทีที่ประตูปิดลง

    “คือ...”  ฮยอกแจจ้องมองอีกคนนิ่ง  สมองกำลังประมวลผลว่าระหว่างเล่าความจริงกับโกหก เขาควรจะเลือกพูดสิ่งไหน 


    แต่คนที่กำลังจมอยู่กับความคิดคงไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นกับรอยลิปสติกจางๆที่ติดอยู่บนปกเสื้อ และสภาพอิดโรยเหมือนคนอดหลับอดนอนมันทำให้คนที่ยืนตรงหน้าได้คำตอบสำหรับคำถามแล้ว


    “ช่างมันเถอะ กลับมาก็ดีแล้ว  ไปอาบน้ำซะ  แล้วถ้าง่วงก็นอนไปก่อน เดี๋ยวข้าวเช้าเสร็จแล้วจะไปเรียก”   กว่าสติของฮยอกแจจะกลับมาคนพูดก็เดินไปจนเกือบจะถึงห้องครัวแล้ว 

    “ผมกลับไปนอนที่คอนโดมา”  อยากจะตบปากตัวเองนัก   มันเป็นการโกหกที่ไม่เนียนที่สุด สภาพตอนนี้อย่างกับซอมบี้แต่ดันโพร่งออกไปว่ากลับไปนอนคอนโด  อ้าปากจะแก้ตัวอีกคนก็เดินหายเข้าห้องครัวไปแล้ว

     

    “เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จค่อยมาเคลียร์แล้วกัน”

     

     


     

    “ชิปหาย  มาได้ไงวะ”

    คิ้วเรียวขมวดหากันยุ่งในตอนที่ถอดเสื้อออกมาแล้วจะโยนลงตระกร้าหวาย แต่ดันเห็นสัญญาณหายนะติดอยู่ที่ปกเสื้อ   รอยลิปสติกของจีมิน  ฮยอกแจย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

     

    หลังจากที่ตามไปดักรอจีมินอยู่ตรงทางเดินไปห้องน้ำ  ไม่นานหญิงสาวก็ออกมา   อาการที่เดินไม่ค่อยตรงทางเท่าไหร่บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงดื่มไปไม่น้อย  เมื่อเห็นว่าเขายืนอยู่จีมินก็ตรงดิ่งเข้ามาหา  ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นดูจะดีใจมากที่เห็นว่าเขาตามมา


    “นึกว่าจะไม่สนใจกันซะแล้ว  จีมินน้อยใจนะเนี่ย”  ไม่พูดเปล่าแต่สองแขนของหญิงสาวยังส่งมาโอบรอบคอเขาไว้ พร้อมกับเดินหน้าเข้าหาจนเขาถอยหลังไปติดผนังทางเดิน   ไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าออกไปยังไง  อยู่ๆจีมินถึงได้เขย่งปลายเท้าแล้วแหงนหน้าขึ้นมาจูบเอาดื้อๆ  วูบหนึ่งของความคิดบอกให้ผละออก  แต่ความคิดนั้นก็หายไปเมื่อปลายลิ้นเล็กๆสอดแทรกเข้ามา  


    จากตอนแรกที่จีมินเป็นคนเริ่มก็กลายเป็นเขาเองที่สานต่อและควบคุมทุกอย่าง   ไม่รู้ว่าตอนไหนที่มือข้างหนึ่งของตนเองเอื้อมไปกอดเอวหญิงสาวไว้แล้วรั้งเข้าหาตัว  รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฝ่ามือและปลายนิ้วอีกข้างสัมผัสถึงความนุ่มหยุ่นจากอกอวบที่โผล่พ้นขอบบราออกมา  “นี่มือเขาเลื้อยเข้ามาในเสื้อจีมินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

     

    “พี่ฮยอกแจ !!  จีมินดูจะเสียดายระคนตกใจที่อยู่ๆเขาก็หยุดทุกอย่างลงกะทันหัน


    “ไปต่อข้างนอกกันนะ”  เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวก็พยายามเข้ามาคลอเคลียเขาอีกครั้ง 

     

    “นะ...นะ..” ไม่อ้อนเปล่า  ปากอิ่มยังไล้อยู่แถวซอกคอ พยายามสานต่อจากเมื่อครู่

     

    ฮยอกแจเอียงคอหนี ก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงจีมินให้กลับไปที่โต๊ะเหมือนเดิม  ไม่สนใจจะตอบในสิ่งที่จีมินรอฟังอยู่  เสียงโห่เสียงแซวจากไอ้พวกเพื่อนเวรดังมาไม่ขาดสายเมื่อเห็นว่าเขากลับมาพร้อมกัน   ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะดูหญิงสาวจะอารมณ์ดีขึ้น  และเขาก็ไม่ต้องมานั่งบื้อให้ไอ้พวกนี้ด่าเล่น  แต่ไม่นานปัญหาใหม่ก็เกิด  เมื่อไอ้ยูชอนที่หายหัวไปเลื้อยอยู่หน้าเวทีเดินกลับมาพร้อมกับบอกว่า... 


    “เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ  จะพาโชอากับยูนาไปทำธุระ”

    “สัส..”  จุนซู

    “ธุระพ่องมึงตอนจะตีสอง” ฮยอกแจ


    ส่วนยุนโฮกับแจจุงนั้นเข้ายานแม่บินไปสร้างโลกส่วนตัวกันที่ดาวอังคารนานแล้ว  สุดท้ายความซวยก็มาตกกับเขาที่ต้องกลายเป็นคนไปส่งจีมิน  ตอนมาก็มากันเองทำไมตอนกลับต้องมีคนไปส่งวะ

     

    รอยลิปสติกนี่น่าจะมาจากตอนหน้าห้องน้ำมั้ง  แต่ตอนนี้ปัญหาคือเมื่อกี้ทงเฮเห็นหรือเปล่า  แล้ว....จะแก้ตัวยังไงดี

     

     


     

    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารโคตรจะมาคุจนฮยอกแจรู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความอึดอัดที่แผ่กระจายอยู่เต็มห้องครัว    ต่างคนต่างนั่งทานในส่วนของตัวเองไปเงียบๆ  ทงเฮไม่ได้พูดหรือถามอะไรเกี่ยวกับเมื่อคืน  และฮยอกแจก็รู้ว่าอีกคนคงรอให้เขาเป็นคนเล่ามันออกมาเอง

     

    “คือ..เมื่อคืนม...”

     

    RRRrrrrrrrr

    กว่าจะเรียบเรียงเนื้อหาได้ว่าจะเริ่มเล่าออกไปยังไง แต่พอจะอ้าปากพูดเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียนี่  ใครมันเสล่อโทรมาแต่เช้ากัน

    “ฮัลโหล”  น้ำเสียงติดจะห้วนเล็กน้อยจากการหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะเอ่ยกรอกไปตามสาย

    “อ้าวมาแล้วเหรอ  ครับๆ  รอแปบนึง เดี๋ยวผมลงไป” 

     

    วางโทรศัพท์เสร็จก็เงยหน้าขึ้นบอกคนตรงหน้าว่า  “เดี๋ยวมานะ ลงไปข้างล่างแปบ”  ก่อนจะเข้าห้องนอนคว้ากุญแจรถเดินออกไปทันที  

     

    กว่าจะรู้ตัวว่าความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกก็ตอนที่กลับขึ้นมาแล้วพบว่าในครัวไม่มีใครแล้ว  เหลือแค่อาหารเช้าจานเดียวของตนเองที่วางคาทิ้งไว้  ฮยอกแจเอาพลาสติกครอบจานอาหารเช้าก่อนจะเดินออกมานั่งเล่นตรงโซฟาหน้าทีวี  คิดว่าเดี๋ยวอีกคนก็คงจะหยิบแลปท็อปออกมาดูงานข้างๆกัน  แต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าทงเฮจะออกมาจากห้องทำงาน  


    “นี่โกรธจริงๆเหรอวะ”

     




    ผ่านไปเกือบวันกับบรรยากาศอันอึมครึม  ฮยอกแจเผลอหลับไปตรงหน้าทีวีระหว่างรอทงเฮ  พอลืมตาขึ้นมาก็โผล่หน้าเข้าไปดูอีกคนในห้องทำงาน   ร่างหนาหันมาถามเขาว่า “มีอะไรหรือเปล่า”  แต่ใบหน้านั่นนิ่งมาก  นิ่งซะจนเขาไม่รู้ว่าคำว่า  มีอะไรหรือเปล่า   ของทงเฮมันหมายถึงตอนนี้ที่เขาโผล่หน้าเข้าไป  หรือหมายถึงมีอะไรจะสารภาพเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่า   สุดท้ายก็ทำได้แค่ส่ายหน้าแล้วตอบออกไปว่า “เปล่า ไม่มีอะไร” ก่อนจะหมุนตัวกลับออกมา

     

    คนไม่เคยง้อใครเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข  ก็รู้ว่าทงเฮขี้หวง  ขี้หึง  แต่ทุกครั้งเจ้าตัวก็จะแสดงออกตรงๆแบบเปิดเผยเลย  อย่างตอนที่ไปนั่งที่บาร์ในฟลอริด้าแล้วมีพวกฝรั่งมอง  ทงเฮก็เรียกให้เขามานั่งข้างๆโอบเอวแสดงความเป็นเจ้าของทันที   แต่มานิ่งๆแบบนี้เขารับมือไม่ถูกจริงๆ

     

    “ฮัลโหลพี่ฮีชอล

    เปล่าๆไม่ได้จะโทรหาเรื่องซ้อมเพลง

    คือ....  ยังไงดีล่ะ

    พูดๆ  โห่ว...ใจเย็นดิ

    คือ.........เวลาพี่ทำอะไรผิด แล้ว...พี่ฮันมันโกรธพี่...แล้ว........แล้วพี่ง้อยังไงวะ

     

     

     





    19.34 น.

    ฮยอกแจยืนมองตัวเองในกระจก  ใบหน้าเรียวขึ้นสีเล็กน้อย  หมุนซ้ายหมุนขวาจะก้าวเดินออกนอกประตูห้องนอน  แต่ยังไม่ทันพ้นประตูก็กลับเข้ามาส่องกระจกใหม่อีกครั้ง

    “เชี่ยเอ้ย....กูปรึกษาถูกคนเปล่าวะ”

     

     

    “ทงเฮ”  เสียงที่ตั้งใจให้หวานเอ่ยเรียกคนที่อยู่ในครัว

    “หืม”  พ่อครัวขานรับทั้งที่ยังไม่ได้หันมามอง

    “ทงเฮ”  เมื่อไม่ได้รับความสนใจ คนเรียกจึงเดินเข้าไปยืนพิงกับโต๊ะอาหารแล้วเอ่ยเรียกอีกครั้ง

    “ว่ายังไง”  ทงเฮตีหน้านิ่งเหมือนเคย  ถึงแม้จะแปลกใจอยู่บ้างกับสภาพของอีกคน


    ฮยอกแจอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว  ไม่สิ...ต้องเรียกว่าแต่งตัวแล้วแต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย   ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่กระดุม 2 เม็ดบนไม่ได้ติด  เผยให้เห็นผิวขาวตรงช่วงอก  แต่นั่นก็ยังไม่น่าแปลกใจเท่ากับช่วงล่างที่มีเพียงขาขาวๆโผล่พ้นออกมาจากชายเสื้อเท่านั้น 


    “คือ...กางเกงยีนส์สีดำตัวขาดๆอยู่ไหนอ่ะ หาไม่เจอ”  ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เก้อ  “เขิน ชิปหาย ไอ้ห่าพี่ชอลเวลามึงทำมึงไม่อายพี่ฮันบ้างไงวะ”

    “ก็อยู่ที่เดิมนั่นแหละ  อาทิตย์นี้ยังไม่ได้ใส่นี่  ไม่น่าจะลงไปอยู่กับแม่บ้านหรอก”   ทงเฮตอบก่อนจะหันไปปิดเตาเมื่อกะเวลาว่าน้ำซอสโคชูจังที่เตรียมไว้สำหรับราดบนเส้นสปาเกตตี้ได้ที่ดีแล้ว

    “เหรอ...เดี๋ยวไปหาดูอีกที”  ได้แต่ทำหน้าเหรอหรา ออกไป “หรือวิธีไอ้พี่ฮีชอลจะไม่ได้ผลวะ”

     

    ทงเฮหันเหความสนใจจากคนข้างหลังมาตักเส้นสปาเกตตี้จากหม้อใส่จาน  มือที่กำลังจะตักน้ำซอสราดลงไปบนจานชะงักเมื่อหันไปเห็นคนที่ยืนยั่วตาอยู่เมื่อกี้ย้ายทิศไปยืนก้มๆเงยๆอยู่หน้าตู้เย็น  น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคอไปอย่างยากเย็น  ก็รู้ว่าอีกคนตั้งใจจะยั่วกัน  คงอยากจะไถ่โทษที่หายไปทั้งคืน  แต่แค่นี้ไม่ทำให้เขาใจอ่อนได้ง่ายๆหรอก......มั้ง

     

    “ทงเฮนมสตอร์เบอร์รี่หมดแล้วเหรอ”  ส่งเสียงถามทั้งที่ยังยืนก้มโค้งหันหลังให้  ชายเสื้อเลิกขึ้นจนเห็นชั้นในสีขาวที่อยู่ด้านใน

    “ก็ยังอยู่” คนด้านหลังยืนยิ้มขำ กอดอกมอง 

    “ไม่เห็นมีเลย ดูให้หน่อยดิ”  กลั้นใจพูดออกไปอีกครั้ง  กะว่าถ้าคราวนี้ยังไม่สนใจกันอีกก็พอกันที  แผนบ้าๆแบบนี้ให้ตายยังไงชาตินี้ก็จะไม่ทำอีกแล้ว 

    “จะหาเจอได้ยังไง   ก็นมมันอยู่ตรงฝาตู้นี่.....ไม่รู้ไง...หืม”  ทงเฮเดินเข้าไปยืนซ้อนหลัง ใช้แขนแกร่งโอบรั้งคนหัดยั่วให้ยืดตัวขึ้น  ริมฝีปากหยักกระซิบคำบอกข้างหู  ก่อนจะเป่าลมหายใจอุ่นรดในตอนท้าย

    “ก็..ลืม”  อ้อมแอ้มตอบอยู่ในลำคอ

    “เหรอ”  มือหนาหยิบนมที่อยู่ข้างฝาประตูขึ้นวางบนหลังตู้เย็นแล้วก็ทำท่าจะผละออกไป  จนฮยอกแจต้องรีบรั้งตัวเอาไว้

    “เดี๋ยวสิ”

    ????  คิ้วหนาเลิกขึ้น คล้ายจะถามว่ามีอะไรอีก


    “เมื่อกี้ยังเหมือนจะดีอยู่เลย  ทำไมกลับมาโหมดนิ่งอีกแล้ว   เอาวะมาถึงขึ้นนี้แล้ว เป็นไงเป็นกัน”

     

    มือบางปิดประตูตู้เย็นลงในขณะที่อีกมือก็ยังไม่ปล่อยชายเสื้อของทงเฮออก  แถมยังดึงรั้งให้อีกคนเข้ามาใกล้   จากที่ดึงชายเสื้อไว้ก็เปลี่ยนเป็นโอบเอวแทน  ใบหน้าเรียวอยู่ห่างจากใบหน้าของทงเฮเพียงคืบ


    “เรื่องเมื่อคืนผมอธิบายได้นะ” 

    “ช่างมันเถอะ” ทงเฮตีหน้านิ่งเข้าใส่  หันมองออกไปด้านข้างทั้งที่ไม่ได้มีอะไรน่ามอง

    “ไม่เอาอ่ะ  อย่านิ่งแบบนี้ดิ”  ฮยอกแจเอี้ยวใบหน้าตาม น้ำเสียงตอนนี้งุ้งงิ๊งยิ่งกว่าลูกแมวซะอีก

    “ก็ปกติ”

    “ไม่ปกติ”


    เถียงออกไปทันควันพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มยู่ลง  ก่อนจะตัดสินใจใช้สองมือประคองใบหน้าอีกคนให้หันกลับมารับจุมพิตที่ตนเองเป็นคนเริ่มก่อน  ซึ่งไม่บ่อยครั้งนักที่จะเป็นแบบนี้  เพราะส่วนใหญ่ทงเฮจะเป็นคนเริ่มตลอด  ถ้าไม่นับตอนที่ไฟติดแล้วน่ะนะ  

     




    ไปที่แทกกันเถอะ  #ฟิคมายแบดบอย





    กว่าจะเล่าจบก็เล่นเอาคนบนโต๊ะเกือบหมดแรงล้มพับไป     ทงเฮไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างเสียงเล่ากระท่อนกระแท่นขาดตอนที่เล่าไปครางไป  กับสิ่งที่มือเรียวสาวขึ้นลงอยู่ตรงหน้าอันไหนน่าสนใจกว่ากัน  รู้แต่ว่าไอ้วิธีแกล้งคนรักแบบนี้มันทำให้เขาทรมานแทบบ้า  ต้องพยายามยั้งตัวเองไว้ไม่ให้พุ่งให้เข้าใส่ร่างยั่วตาของฮยอกแจไปก่อนที่อีกคนจะเล่าจนเสร็จ

     

    จับใจความได้แค่ว่า  ที่หายไปทั้งคืนเพราะมัวออกไปส่งผู้หญิงที่ชื่อจีมิน  เจ้าหล่อนบอกทางไปได้แค่ครึ่งก็ดันหลับเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปซะก่อน  ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น  สุดท้ายเลยต้องจอดรถอยู่แถวนั้นรอให้ตื่น  รอไปรอมาคนรอก็หลับไปด้วยกัน รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้วเลยรีบปลุกถามทางแล้วก็รีบไปส่ง





    #ฟิคมายแบดบอย






    “ให้ตายเหอะ อะไรจะเอ็กซ์ขนาดนี้กัน”

     

    ไวเท่าความคิด  ทงเฮจับอุ้มอีกคนออกจากครัวไปวางกลางโซฟา  ก่อนจะเริ่มบรรเลงบทลงโทษอีกครั้ง  โดยที่จำเลยอย่างฮยอกแจไม่สิทธิ์คัดค้านหรือต้านทานใดๆได้เลย   เพราะทงเฮอนุญาตให้แค่ส่งเสียงร้องหวานๆออกมาเท่านั้น

     

    “อยากจะกลับไปเป็นเสืออย่างงั้นเหรอ    อนุญาตให้เป็นได้แค่ลูกแมวของผมก็พอ”

     

     

    ร่างเปลือยเปล่าสองร่างนอนหอบหายใจแข่งกันอยู่บนโซฟาหลังจากที่ทงเฮเพิ่งถอดถอนตัวตนออกไป  แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ๆก็ดังขึ้นมา   ทงเฮหยิบโทรศัพท์ส่งให้ร่างบาง  ฮยอกแจรับไปดูชื่อคนโทรเข้าก่อนจะไสด์หน้าจอเพื่อรับสาย

     

    RRRrrrrrrrrrrrr

    “ว่าไง”

    “ว่าไงบ้านมึงสิ กูโทรหาไม่รู้กี่สาย  นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว มึงจะมาร้องเพลงมั้ยเนี่ย”  ฮยอกแจเอาโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน  ก่อนจะมองเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ   แล้วก็พบว่า  “ชิบหาย  นี่มันสี่ทุ่มแล้วนี่หว่า”

    “ไปๆ  แปบนึง  ถึงก่อนห้าทุ่มแน่”

    “เออๆ รีบมาเลยนะมึง แค่นี้แหละ”

    “เดี๋ยว...

    “อะไรอีก”

    “วิธีของพี่  แม่งโคตรได้ผลเลยว่ะ”


    พูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก็กดวางสายไป   ฮยอกแจแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาสงสัยของอีกคนที่ส่งมา  ก่อนจะชวนกันไปอาบน้ำแต่งตัว  เพราะพวกเขาต้องไปให้ถึง SWAG ก่อนห้าทุ่ม 

     

    “มันจะยากอะไรวะ  มึงก็แต่งตัววับๆแวมๆ  เสื้อบางๆกางเกงไม่ต้องใส่  ไปเดินป้วนเปี้ยนล่อสายตาเค้า  ขี้คร้านจะรีบพุ่งเข้าใส่    ครางไป เอ้ย !!  คุยไปสารภาพไป    ถ้ายังใจแข็งแม่งก็ไม่ใช่คนแล้ว”

     

     

     


    กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็สี่ทุ่มครึ่ง  ซึ่งไม่ต้องห่วงเลยว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะไปไม่ทัน  ระดับฝีเท้าอดีตนักแข่งอย่างทงเฮแล้ว  15 นาทีก็เกินจะพอ  ระหว่างทางทงเฮไม่ได้ถามอะไรฮยอกแจถึงเรื่องเมื่อคืนอีก  ไม่ได้ถามว่าทำไมโทรศัพท์ถึงติดต่อไม่ได้   ไม่ได้ถามว่าไปจอดรถกันอยู่แถวไหน  ไม่แม้กระทั่งจะเปิด GPS เพื่อย้อนดูว่าเมื่อคืนฮยอกแจไปไหนมาบ้าง  ก็ถ้าอีกคนบอกว่าไม่เขาก็จะเชื่อว่าไม่   

     

    นึกถึง GPS แล้วก็อยากจะตบกะโหลกตัวเอง  เมื่อคืนถ้าเขามีสติอีกนิดก็คงจะนึกขึ้นได้ว่าแค่เปิดดูในมือถือก็รู้แล้วว่าฮยอกแจอยู่ที่ไหน    เพราะไม่ได้ใช้งานมันมานานจนทำให้เกือบลืมไปเลยว่าเคยให้ชินดงติดมันไว้ในรถของฮยอกแจ    ช่วงแรกๆก็เห่อดูอยู่เดือนสองเดือน แต่พอหลังจากนั้นก็แทบไม่เคยได้กดเข้าไปดูอีก  เพราะเลือกที่จะเป็นฝ่ายโทรไปถามเองด้วยความห่วงใยมากกว่าว่าอีกคนทำอะไรอยู่ที่ไหน   จนนานวันเข้าก็แทบจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันอีกเลย

     

    นึกถึง GPS แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ตอนลงมาจากคอนโดไม่เห็นรถของฮยอกแจจอดอยู่

     

    “ฮยอกแจ รถจอดอยู่ที่คอนโดหรือเปล่า  เมื่อกี้เหมือนไม่เห็นเลย”

    “เปล่า  เอาให้ร้านขับไปเมื่อเช้าอ่ะ” 

     

    “ก็ไอ้จุนซูมันแนะนำว่าเพื่อนมันมีร้านติดเครื่องเสียงรถยนต์  มันบอกว่าเสียงดีงานเนี๊ยบมาก  ไปดูมาแล้วมันโอเค ก็เลยนัดร้านให้เค้าเข้ามาเอารถวันนี้”  ฮยอกแจอธิบายต่อให้เมื่อเห็นว่าอีกคนละสายตาจากถนนมามองเขาอย่างต้องการคำอธิบาย

    “เมื่อตอนสายที่วิ่งลงไปข้างล่างน่ะนะ”

    “อืม”

    “ทำไมไม่บอกผมก่อน”  น้ำเสียงของทงเฮดูตกใจจนฮยอกแจอดแปลกใจไม่ได้

    “ก็กะว่าจะบอกอยู่  แต่มันติดเรื่องเมื่อคืนซะก่อน  มีอะไรหรือเปล่า”

    “เปล่าๆ  ไม่มี”

     

    พอถึงที่จอดรถทงเฮก็เปลี่ยนเกียร์ ดึงเบรกมือแล้วดับเครื่องทันที  รอจนฮยอกแจลงจากรถก็กดล็อค ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาชินดง 

     

    “ไหนพูดใหม่ซิ ว่าติดตัวส่งสัญญาณ GPS ไว้ตรงไหน”

    “ก็บอกว่าติดไว้ตรงหลังเครื่องเล่นดีวีดี  เข้าใจยากตรงไหนวะ”

     

    ถึงจะวางสายไปแล้วแต่ประโยคของชินดงยังก้องอยู่ในหู  GPS ถูกติดอยู่ด้านหลังเครื่องเล่นดีวีดี  หวังว่าไอ้ร้านนั่นจะถอดออกมาเจอแล้วไม่สงสัยอะไรนะ   

     

    แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างคนเจ้าเล่ห์เสมอไป..............

     

     


    RRrrrrrrrrr

    “เออ...ถึงแล้ว  ไม่ต้องตามแล้ว

    อ้าว..โทษๆกูนึกว่าพี่ที่ผับ   มีไรเนี่ยมึงไอ้จุนซู

    อะไรนะ !!!  ตัวส่งสัญญาณ GPS

     

    เออๆ  ขอบใจมาก  กูพอจะรู้แล้วว่าใคร”

     

     

    สองขาเรียวรีบก้าวเดินให้ทันคนข้างหน้า  ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะเดินเข้าผับพร้อมกัน  

     

     

     

    “อี-ทง-เฮ !!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

     

     

    ------------------  The  End of Special Part  -------------------

     

    งานนี้โดนแมวข่วนแน่คนเจ้าเล่ห์    ในที่สุดก็ลากจนจบ  มันยาวมากแต่ขี้เกียจตัด เปลี่ยนชื่อตอนเป็น “ลูกแมว” ด้วยละ  อ่านกันให้สนุกนะ  ไม่สนุกก็พยายามอ่านให้สนุกแล้วกัน  ไม่รู้โคมไฟจะถูกใจมั้ย   อ่อ...โคมไฟมีอายุนะ   ใครมาทีหลังก็ไปหาเอาที่ลิ้งค์เดิม

     

    ขาดๆเกินๆไปมั่งก็หวังว่าทุกคนจะสนุกและยิ้มไปกับทงเฮและฮยอกแจนะ  ถ้าคิดถึงเรา (จะมีป่ะ) ก็ไปอ่านจอมใจสุริยันกันได้  ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกการทวงถามค่ะ  รักคนอ่านนะ จุ๊บๆ

     

    ปล.ถ้าหลังจากนี้ขึ้นเตือนว่านิยายอัพก็ไม่ต้องตกใจอะไรนะ อาจจะเข้ามาแก้คำผิด เคาะบรรทัด หรือแก้อะไรบางอย่าง ไม่ต้องอ่านใหม่จ้า




    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×