คืนผวา นักศึกษาแพทย์ - คืนผวา นักศึกษาแพทย์ นิยาย คืนผวา นักศึกษาแพทย์ : Dek-D.com - Writer

    คืนผวา นักศึกษาแพทย์

    เฮ้อ......พรุ่งนี้ก็จะสอบล่ะแต่อาจารย์ยังต้องมาให้ผมทำรายงานส่งอีกจะทำเสร็จทันไหมนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,138

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.13K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 มิ.ย. 50 / 12:25 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      บ่ายสามโมงตรงเป็นเวลาที่ผมต้องเลิกเรียนจากวิชาของอาจารย์ วิสุทธิ์ นักศึกษาแพทย์กว่าสามสิบคนค่อยๆทยอยเดินออกจากห้องเพื่อไปพักผ่อนและอ่านหนังสือเตรียมสอบ ผมก็ควรทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน แต่ทะว่า เสียงของชายร่างเล็ก ผมบาง ท่าทางค่อนข้างจะตุ้งติ้ง พยายามดัดเสียงให้เล็กลง เรียกผมให้หยุดเสียก่อน "คุณวิชาญ เดี๋ยวก่อน" ผมหยุดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกของอาจารย์ วิสุทธิ์ "มีอะไรหรือเปล่าครับอาจารย์" "เพื่อนนักศึกษาแพทย์ห้องเดียวกับคุณเขาส่งรายการการผ่าตัดมาหมดทุกคนแล้วนะ เหลือแต่คุณคนเดียวถ้าคุณไม่ส่งพรุ่งนี้ผมจะไม่ให้เข้าสอบวิชาของผม" น้ำเสียงและถ้อยคำที่ผมได้ยินจากปากของอาจารย์วิสุทธิ์ทำให้ผมต้องลำบากใจอย่างมาก เพราะพรุ่งนี้ก็จะสอบแล้วแต่ผมกลับต้องมาผ่าศพเขียนรายงานส่งอาจารย์

      ผมคิดถึงเพื่อนคนหนึ่งที่ผมคิดว่าสามารถช่วยผมได้อย่างแน่นอน ผมรีบควักโทรศัพท์จากในกระเป๋ากางเกงเพื่อขอความช่วยเหลือจาก วิเชษฐ์ เพื่อนนักศึกษาแพทย์คณะเดียวกับผม และอยู่ปีเดียวกันกับผม "ฮัลโหล เฮ้ย ไอ้เชษฐ์เหรอ คืนนี้มาช่วยกูผ่าศพหน่วยว่ะกูทำคนเดียวกลัวว่ามันจะเสร็จไม่ทันว่ะ" "ไอ้ชาญพรุ่งนี้จะสอบแล้วนะโว๊ยกูคงไปช่วยไม่ได้ว่ะเพราะคืนนี้กูต้องอ่านหนังสือสอบโทษที" "เออ ไม่เป็นไรว่ะแค่นี้นะ" ความหวังสุดท้ายที่ผมพอจะพึงได้กลับปฏิเสธอย่างหน้าตาเฉย แต่ก็ถูกของมันพรุ่งนี้จะสอบแล้วเป็นใครก็ต้องอ่านหนังสือกันทั้งนั้น คงมีแต่ผมคนเดียวที่ต้องมาผ่าศพในคืนนี้

      ก่อนจะออกจากห้องนี้เพื่อไปพักผ่อนตามปกติ ก็มีลุงภารโรงคนหนึ่งเดินเข้ามาทำความสะอาดห้อง ผมรีบเดินไปหาลุงภารโรงคนนั้นทันที "ลุงครับ ลุงช่วยเตรียมศพให้ผมสักศพหนึ่งได้ไหมครับ คือว่า คืนนี้ผมต้องมาผ่าศพน่ะครับลุง" "อ๋อได้สิ เดี๋ยวลุงจะเตรียมไว้ให้ที่ห้องผ่าตัดนะ"

      "ขอบคุณมากครับลุง" หลังการสนทนาขอร้องจบลงผมก็รีบเดินกลับไปที่หอพัก เพื่อพักผ่อนก่อนที่จะมาผ่าศพเพราะคงต้องใช้เวลานานมาก

      กว่าสี่ชั่วโมงแล้วที่ผมพักผ่อนเพื่อปฏิบัติภารกิจอันสำคัญยิ่งนั้นคือการผ่าศพกำลังจะเริ่มขึ้น ผมรีบไปที่ห้องผ่าตัดอย่างรวดเร็วแต่ก็พอสังเกตได้ว่า วันนี้เป็นคืนวันเพ็ญที่สว่างมาก ไม่มีเมฆมาบดบังแสงจันทร์เลยแม้แต่น้อย ถึงจะไม่ได้เปิดไฟแต่แสงของดวงจันทร์ก็ยังสาดส่องให้เห็นวัตถุรอบข้างได้

      ที่ห้องผ่าตัดมีศพอยู่สองศพนอนอยู่ผมพอจะรู้ว่าศพใดเป็นศพที่ลุงภารโรงเตรียมไว้ให้ ศพแรกมีมีดปักอยู่กลางอกรอบตัวมีรอยสักรูปมังกรอยู่เต็มตัว หัวล้าน หนวดเคราดกดำรกรุงรัง หน้าตาดุดัน เป็นศพที่ตายเพราะถูกลูกน้องหักหลังเมื่อปล้นธนาคารได้สำเร็จ แล้วตำรวจนำมาฝากไว้ที่นี่

      ส่วนอีกศพหนึ่ง ผมเดาว่าอายุคงจะประมาณยี่สิบสองต้นๆ เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่ง

      ร่างกายซีดขาวเพราะถูกดองด้วยสารเคมี ผมอุ้มเธอไปไว้ที่เตียงที่ใช้สำหรับการผ่าตัดโดยเฉพาะ เป็นเตียงที่มีรางและท่อไว้สำหรับให้เลือดและน้ำเหลืองไหลลงไปในท่อโดยไม่ต้องคอยเช็ด

      ผมค่อยๆผ่าศพของเธออย่างประณีตจนเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน บรรยากาศโดยรอบเริ่มเปลี่ยนไปจากที่ไม่มีเมฆมาบดบังเลยกลับมีเมฆก้อนสีดำใหญ่ค่อยๆเลื่อนมาบดบังแสงจันทร์ที่สาดส่องอยู่

      ฟ้าเริ่มร้องอย่างบ้าคลั่งลมพัดอย่างแรงจนทำให้หน้าต่างที่เปิดอยู่ตีกับขอบหน้าต่างอย่างแรงจนกระจกแตก จากฟ้าร้องเริ่มกลายเป็นฟ้าแลบและสุดท้ายก็กลายเป็นฟ้าผ่า ทำให้ไฟที่เปิดอยู่ในห้องดับสนิทจนมองไม่เห็นอะไร ผมรีบค้นในตัวว่าพอจะมีไม้ขีดไฟหรือไฟแช็คหรือเปล่า แต่ก็พบว่าไม่มีสิ่งใดที่พอจะทำให้เกิดแสงสว่างได้เลย แต่ไม่นานแสงสว่างก็เริ่มกลับมาอีกครั้งผมจึงเริ่มผ่าตัดต่อไปอีกครั้งเหมือนกัน

      ผมพอสังเกตเห็นว่าศพข้างๆนิ้วกระดิกได้ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าศพนั้นเพิ่งจะตายมาใหม่ๆคงจะมีกระแสไฟฟ้าเหลืออยู่ แต่ศพนั้นเริ่มขยับอย่างช้าๆจนลุกขึ้นมายืนที่ข้างเตียง ขาของผมสั้นและเข่าอ่อนจนไม่สามารถวิ่งหนีได้ มือของผมจับที่ขอบเตียงและเกร็งอยู่เปรียบเหมือนล็อคชั้นที่สอง หัวใจเต้นอย่างเร็วเพราะความกลัวอาจจะทำให้ช็อคได้ทุกเมื่อ เหงื่อที่ไหลออกมาเป็นเม็ดๆทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อนเลยแม้แต่น้อย ศพนั้นเริ่มเดินมาหาผมอย่างช้าๆผมพยายามรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป "จะไปไหนเหรอ" ศพนั้นมองหน้าผมอย่างไม่พอใจที่ผมยืนขวางทางอยู่แบบนั้น "กูจะไปแก้แค้น กูโดนลูกน้องหักหลัง กูจะเอามันไปอยู่ด้วย" ศพนั้นพูดอย่างโกรธแค้นก็แน่ล่ะเป็นถึงโจรแล้วโดนหักหลังก็ต้องแค้นเป็นธรรมดา "ผมว่าอย่าไปเลยเวรย่อมระงับได้ด้วยการไม่จองเวร ถึงคุณฆ่าเขาไปชาติหน้าเขาก็ต้องกลับมาฆ่าคุณอีก แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ไม่จบไม่สิ้นสักที คุณทำบาปทำกรรมมามากมายแล้วคุณควรจะไปอยู่ที่คุณควรไปได้แล้ว" ผมเริ่มใช้ธรรมะเข้าขัดเกลาความโกรธแค้นของเขาแต่แทนที่ศพนั้นจะสงบลง กลับทำให้ดวงตาของศพนั้นลุกโพรงสีแดงฉาน แสงไฟติดๆดับๆบรรยากาศอึ้มครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัด

      ทันใดนั้นศพนั้นก็ดึงมีดที่ปักอยู่กลางอกออกมาจ่วงแทงผมนับสิบครั้ง ผมสิ้นลมหายใจลงในทันที แล้วศพนั้นก็เดินออกไปจากห้องผ่าตัดด้วยความโกรธแค้นที่สุ่มอยู่ข้างใน เดินหายไปในความมืด

       

      พระจันทร์ สีน้ำเงิน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×