คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 17
“...ฉันรู้นะคะว่าคุณยังรักเธออยู่ แล้วก็ไม่ได้รักฉันกับลูกเลยแม้แต่น้อย”
“.....”
“แต่ขอร้องละคะ ช่วยทำเป็นดีกับเขาหน่อยเถอะ ฉันขอร้อง ถือซะว่าเห็นแก่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักคนหนึ่ง...อย่างน้อยเขาก็คือลูกของคุณกับฉันนะคะ”
“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจดังออกมาจากร่างสูงกำยำที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของเรือนญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่ เมื่อกี้เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยที่เธอยังอยู่...ภรรยาตามกฎหมายของเขา แม่ของเคียวยะ
ถ้อยคำที่เธอขอไว้นั้น เขาได้ทำตามทุกอย่างแล้วในเวลาที่เธอยังอยู่ แต่ตอนนี้เธอจากไปแล้ว เพราะงั้นเขาถึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นอีกต่อไป จริง ๆ เขาคิดจะไล่เจ้าเด็กเคียวยะออกจากบ้านไปแล้วด้วยซ้ำ ถึงแม้จะรู้ว่านั้นเป็นลูกแท้ ๆ ของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ทนมองหน้าอีกฝ่ายไม่ได้ ความรู้สึกเกลียดแบบไม่มีเหตุผลเกิดขึ้นกับเขา เกลียดจนแทบไม่อยากอยู่ร่วมโลกกัน เกลียดจนอยากจะให้หาย ๆ ไปซะให้พ้น ซึ่งเขาก็เริ่มจะรู้แล้วว่าความรู้สึกนี้มันเกิดจากอะไร บ้างทีมันคงเป็นเพราะ...
“แกต้องกลับไปแต่งงานกับเธอ”
“ทำไมผมจะต้องกลับไป ผมมีเมีย มีลูกแล้ว พ่ออย่ามาสั่งให้ยากเลย ยังไงผมก็ไม่กลับไปญี่ปุ่นเด็ดขาด ผมจะอยู่ที่อิตาลีกับลูกเมียผม”
เพี๊ยะ!!!
ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบ ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้หลังมือเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วหันมาเผชิญหน้ากับบิดาของตัวเอง แววตาแข็งกร้าวหม่นแสงลงนิดเมื่อฟังในสิ่งที่คนเป็นพ่อพูดออกมา
“แกคิดว่าที่ฉันปล่อยให้แกนอกลู่นอกทางมาขนาดนี้เป็นเพราะอะไร เพราะฉันเองก็รักและเอ็นดูอเลาดิ หลานชายที่เป็นเชื้อสายของฉันที่เกิดมาอยู่เหมือนกัน ถึงยอมหลับหูหลับตาให้แกมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวโดยไม่ต้องกลับไปทำงานของบริษัทที่ญี่ปุ่น...”
“.....”
“แต่อยู่ ๆ วันหนึ่งแกดันไปทำผู้หญิงอีกคนท้อง แถมยังเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่อีกด้วย ทำไมแกถึงชอบสร้างปัญหาให้ฉันขนาดนี้ แกทำอะไรทำไมไม่รู้จักคิดบ้าง...จะยังไงก็แล้วแต่ วันนี้แกต้องกลับไปเคลียร์ปัญหาของแกให้จบ”
“ผมทิ้งพวกเขาไม่ได้ ครอบครัวของผม อเลาดิยังเด็กอยู่เลย เขาต้องมีพ่อ แล้วผมก็ต้องอยู่ที่นี่”
ชายชราเบือนหน้าหนีเมื่อได้ยินลูกชายพูดแบบนั้น ยอมรับว่าตอนแรกเขารับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ แต่พอเธอให้กำเนิดหลานชายของเขาขึ้นมา ทรรศนะคติที่มีต่อเธอก็เปลี่ยนไป เขาถึงได้ยอมตามใจปล่อยให้ลูกมาขลุกอยู่ที่อิตาลีเป็น 6-7 ปีได้แบบนี้ แต่จะทำไงได้ เด็กอีกคนที่กำลังจะเกิดมาก็คือหลานของเขาเหมือนกัน
“แต่เด็กอีกคนก็คือลูกของแก ทำไมถึงไม่คิดอะไรให้ดีก่อนแล้วค่อยทำ แกรู้ไหมว่าสิ่งที่ทำลายความสุขและครอบครัวของแกก็คือตัวแกเอง”
พูดจบคนเป็นพ่อก็เดินออกไปปล่อยให้คนเป็นลูกทรุดตัวลงกับพื้นเหมือนคนหมดสิ้นหนทางจะไป เขาจะบอกภรรยายังไง เขาจะบอกลูกยังไง เขาจะแก้ปัญหานี้ยังไง เขาควรจะทำยังไงดี...เพราะดันไปมีอะไร ๆ กับคุณหนูตระกูลใหญ่ที่เดินทางมาเที่ยวอิตาลีเข้า ทุกอย่างในชีวิตเขามันถึงได้พังทลายลงแบบนี้
สรุปแล้ว เขาก็ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ ต้องเป็นสามีและพ่อให้กับครอบครัวนี้แล้วปล่อยให้อีกครอบครัวของเขาต้องเจ็บปวดจากการกระทำของเขาเอง
“ฮิบาริซังคะ”
“.....”
“ฮิบาริซังขอร้องละคะ ช่วยฟังคำขอของฉันหน่อยเถอะคะ...ฉันรู้นะคะว่าคุณยังรักเธออยู่ แล้วก็ไม่ได้รักฉันกับลูกเลยแม้แต่น้อย”
“.....”
“แต่ขอร้องละคะ ช่วยทำเป็นดีกับเขาหน่อยเถอะ ฉันขอร้อง ถือซะว่าเห็นแก่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักคนหนึ่ง...อย่างน้อยเขาก็คือลูกของคุณกับฉันนะคะ”
และเพราะอย่างนั้นเขาถึงได้เกลียดเด็กคนนี้ เด็กที่ทำให้ครอบครัวแสนอบอุ่นของเขาต้องพังทลายลง ตลอดเวลาที่ภรรยาของเขายังอยู่ เขาต้องฝืนทำดีกับเด็กนั้นทั้งที่ภายในทั้งรังเกียจ ทั้งขยะแขยง ความรู้สึกทนทุกข์ของเขาเริ่มทวีขึ้นเมื่อภรรยาเก่าและลูกชายที่อยู่อิตาลีย้ายที่อยู่จนติดต่อกับพวกเขาไม่ได้ ไม่มีข่าวคราวอะไรอีกเลย ตอนนั้นเป็นช่วงที่ภรรยาคนปัจจุบันของเขาเสียพอดี เขาถึงได้ยิ่งเกลียดเด็กคนนี้เข้าไปอีก การกระทำทุกอย่างที่มีต่อเด็กนั้นถึงได้เปลี่ยนไปราวหน้ามือกับหลังมือ เขาเห็นว่าช่วงแรก ๆ เจ้าตัวร้องไห้บ่อยมาก แต่พอนานเข้าหยดน้ำตาพวกนั้นก็เริ่มหายไป เพิ่งจะได้เห็นล่าสุดก็วันนี้พร้อมกับแววตาตัดพ้อที่ทำให้เขาถึงกับสะอึก ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขนาดนั้นกันนะ กับแค่แววตาของเด็กที่เขาเกลียดที่สุดคนหนึ่ง ทำไมถึงได้รู้สึกเสียใจกับแววตานั้นขนาดนี้
“นายท่านครับ คุณเคียวกลับมาแล้วครับ”
เจ้าของเรือนเหลือบตามองคนมารายงานนิดหนึ่ง ก่อนจะออกคำสั่งที่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับชะงัก ใบหน้าซีดเผือด ออกอาการอึกอักทันที
“ห้ามให้เข้ามาเด็ดขาด ปล่อยให้อยู่ข้างนอกนั้นแหละ”
“ตะ แต่ว่า นายท่านครับ...”
“ใครขัดคำสั่งฉันโดนไล่ออกแน่ เข้าใจไหม...เท็ตสึ?”
คุซาคาเบะหน้าเสียไปกับคำขู่นั้น เจ้าตัวจำใจต้องค้อมหัวรับคำสั่งแล้วขอตัวออกไป ร่างสูงกำยำขยับกายนิดก่อนจะถอนหายใจออกมา ภาพดวงตาสีดำที่เต็มไปด้วยน้ำตายังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำไมเขาถึงต้องสนใจภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเจ้าเด็กนั้นด้วยนะ
“คุณเคียว”
คุซาคาเบะครางชื่อเจ้านายออกมาเสียงแผ่ว ตั้งแต่ที่เข้าไปรายงานนายใหญ่ของบ้านนี่ก็เป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว หลังจากที่เขารายงานคำสั่งของท่านพ่อของเจ้านายให้ท่านฟัง อยู่ ๆ ตัวเล็ก ๆ ก็ทรุดลงนั่งกอดเข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้าน แล้วก็นั่งตรงนั้น ท่านั้นมาตั้งแต่ตอนนั้น
ฮิบารินั่งกอดเข่ามองตรงไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย เขานั่งอยู่ตรงนี้มาเป็นเวลาเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ละ รู้แค่ว่ามาถึงนี่ตอนเย็น แต่ตอนนี้ท้องฟ้าเป็นสีดำไปแล้ว ตัวเล็ก ๆ ขดเข้าหากันก่อนจะเปลี่ยนเป็นวางคางบนเข่าตัวเอง
...หนาว...
วันนี้อากาศตอนค่ำค่อนข้างหนาว ยิ่งมืดก็ยิ่งหนาว แต่จะยังไงก็สู้หัวใจที่เย็นชืดของเขาไม่ได้หรอก หัวใจที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากคนเป็นพ่อ ตั้งแต่ท่านแม่เสียไป เขาก็โดนท่านพ่อเย็นชาใส่เสมอ ไม่เคยมีคำชม ไม่เคยมีรอยยิ้ม ไม่เคยมีอ้อมกอดอบอุ่นให้เขาเลย สมัยเด็กที่เคยได้รับสิ่งเหล่านั้น เขาจำได้ว่ามันเป็นอะไรที่รู้สึกดีสุด ๆ เป็นอะไรที่ทำให้เขามีความสุขมาก อ้อมกอดของท่านพ่ออบอุ่น รอยยิ้มของท่านพ่ออ่อนโยน คำชมคำปลอบของท่านพ่อเป็นเหมือนกำลังใจชั้นดีที่ทำให้เขารู้สึกหึกเหิมขึ้นทุกครั้ง
“...ผมจะไปขออนุญาตนายท่านใหม่นะครับ”
คุซาคาเบะทำท่าจะลุกขึ้นเดินเข้าไปข้างใน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอคำสั่งห้ามของคนที่นั่งอยู่ด้านนอกประตู
“ไม่ต้อง”
คนร่างบางพูดขึ้นมาเสียงเบา แต่ก็ดังพอให้อีกฝ่ายได้ยิน เขารู้ว่าคุซาคาเบะหวังดี แต่ยิ่งทำแบบนั้นท่านพ่อก็จะยิ่งเกลียด ท่านไม่ชอบให้ใครในเรือนโอ๋เขามากนัก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ใครที่ให้ความเอ็นดูเขาก็จะถูกเขม่นมากเป็นพิเศษ เพราะงั้น...ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว
“คุณเคียว”
“เท็ตสึ เข้าเรือนไปเถอะ ถ้าท่านพ่อออกมาเห็นยังนั่งอยู่กับฉันแบบนี้เดี๋ยวก็โดนไล่ออกจริง ๆ หรอก”
“แต่ว่าคุณเคียวครับ...”
“เข้าไปข้างใน”
เจอสั่งแบบเสียงเขียวเข้าไปคุซาคาเบะเลยจำใจต้องเดินคอตกเข้าไปในบ้าน แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมามองเจ้านายร่างเล็กที่นั่งตากลมอยู่อย่างเป็นห่วง
พอได้อยู่คนเดียว ดวงหน้าสวยก็ฟุบลงกับเข่า น้ำตาที่เคยคิดว่าจะกลั้นไว้ได้กลับไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย สองมือกอดเข่าแน่น ตัวเล็ก ๆ ห่อเข้าหากันเหมือนเด็กขี้หนาว ความอ่อนแอพุ่งเข้าจู่โจมจนไม่สามารถข่มมันลงได้อีกแล้ว
“ท่านแม่”
เสียงครางแผ่ว ๆ ดังลอดออกมาจากริมฝีปากสีสวย ยิ่งคิดถึงผู้ที่มีรอยยิ้มปลอบโยนส่งมาให้เสมอก็ยิ่งเจ็บปวด ความอ่อนล้าทางใจที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้ไม่สามารถสั่งน้ำตาให้หยุดไหลได้ มิหน่ำซ้ำความน้อยใจ ความเสียใจยังเล่นงานจนตัวเขาแทบรับไม่ไหว เสียงสั่นเครือดังลอดออกมาอีก แม้จะเป็นเสียงที่แผ่วเบา หากแต่กรีดหัวใจคนพูดให้เจ็บลึกจนไม่สามารถเยียวยารักษาได้
“...ทำไมท่านพ่อถึงเกลียดผมละ”
ไม่ได้ต้องการถามให้ตัวเองเจ็บ แต่อยากได้คำตอบจากใครสักคน เขาอยากรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมท่านพ่อถึงต้องทำเย็นชาใส่เขาขนาดนี้ ที่ผ่านมาท่านพ่อไม่เคยเห็นน้ำตาของเขาก็ใช่ว่าจะไม่ร้องไห้สักหน่อย แต่เป็นเพราะต้องแอบร้องไห้อยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่อยากมีใครสักคนคอยปลอบใจแท้ ๆ แต่ก็ทำไม่ได้
“ต้องทำยังไง...ท่านพ่อถึงจะรักผมเหมือนเดิม”
เจ้าตัวยังถามออกมาแม้จะรู้ว่าไม่มีทางได้รับคำตอบ น้ำตายังคงไหลลงมาไม่ขาดสายหากแต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น ตัวเล็ก ๆ ขดเข้าหากันแน่นขึ้นกว่าเดิม โดยไม่ได้รู้เลยว่าคำถามของตนเมื่อกี้ ได้ลอยเข้าไปอยู่ในหัวใจของใครบางคน
ฮิบาริคนพ่อยืนหลับตานิ่งอยู่หลังประตูบานใหญ่ หลังจากที่นั่งทำงานอีกร่วม 3 ชั่วโมงนับจากที่คุซาคาเบะเข้าไปบอกว่าลูกชายของเขากลับมาแล้ว ตอนแรกเขากะว่าจะไม่ออกมาดูหรอกเพราะเข้าใจว่าเจ้าตัวคงจะไปหานอนค้างบ้านเพื่อนเหมือนอย่างเคย แต่ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้ออกมาจนได้ และก็ได้เห็นว่าตอนนี้ลูกชายของเขากำลังนั่งขดตัวอยู่ข้าง ๆ ประตูบ้าน เหมือนจะได้จังหวะพอดีที่ออกมาได้ยินประโยคคำถามจากปากของคนที่นั่งกอดตัวเองอยู่
“...ทำไมท่านพ่อถึงเกลียดผมละ”
ทำไมนะหรอ...เพราะว่าเธอเกิดมาไงละ ฉันถึงได้ต้องทิ้งลูกและเมียที่ฉันรักมาอยู่กับเธอและแม่ของเธอ เป็นเพราะเธอไงละ ครอบครัวของฉันถึงต้องพังทลายลง เป็นเพราะเธอไงละ ฉันถึงโดนคนที่ฉันรักเกลียด เป็นเพราะเธอ ทุกอย่างในชีวิตฉันมันถึงได้ผิดพลาดไปหมดอย่างนี้...ทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอเกิดมาไงละ
“ต้องทำยังไง...ท่านพ่อถึงจะรักผมเหมือนเดิม”
...ต้องทำยังไง อย่างนั้นหรอ
นั้นสิ แล้วเธอต้องทำยังไงละ ในเมื่อฉันไม่เคยรักเธอมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่ฉันแสดงให้เธอเห็นมันเป็นเพราะฉันต้องทำตามคำขอของแม่เธอมันก็แค่นั้นแหละ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น ความรู้สึกเกลียดที่ฉันมีต่อเธอมันไม่ได้ลดน้อยลงไปตามกาลเวลาหรอกนะ
ร่างสูงกำยำยืนตอบคำถามอีกฝ่ายในใจ ก่อนจะก้าวเท้าเพื่อจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักกับคำพูดต่อมาของลูกชายอีกคนที่นั่งอยู่ด้านนอกประตู
“หรือว่า...ท่านพ่อไม่เคยรักผมตั้งแต่แรก”
คนร่างบางถามออกมาอย่างตัดพ้อ เจ้าตัวยังคงนั่งฟุบหน้าอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าคำถามทั้งหมดที่คิดว่าไม่มีใครได้ยินกลับดังอยู่ในหัวของคนที่ตัวเขาต้องการคำตอบมากที่สุด
“ท่านพ่อครับ”
“ว่ายังไงเจ้าตัวเล็ก ไปซนที่ไหนมา ถึงได้มอมแมมขนาดนี้”
“อ๋า เคียวยะไม่ได้ซนนะครับ เคียวยะไปช่วยท่านแม่ปลูกดอกไม้ สวยมากเลยด้วย ท่านพ่อไปดูสิ นะครับ ไปดูกับเคียวยะนะ”
รอยยิ้มน่ารักถูกส่งให้คนเป็นพ่อขำฮ่า ๆ กับท่าทางของลูกชาย ร่างสูงกำยำอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นโดยไม่สนว่าเศษดินตามตัวเล็ก ๆ นั้นจะเลอะเสื้อผ้าของเขาไหม จังหวะก้าวเท้ามั่นคงพาคนถูกอุ้มมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวคนหนึ่งแล้วก้มตัวลงวางร่างเล็กไว้ใกล้ ๆ กับมารดาของเจ้าตัว
“อ้าวคุณคะ ทำไมถึงออกมาละ เคียวยะไปกวนท่านพ่อหรือเปล่าลูก”
ท่านแม่คนสวยหันไปดุลูกชายตัวน้อยทั้งที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนเธอจะแย้มยิ้มมากขึ้นไปอีกเมื่อมือแกร่งของสามีสวมกอดเธอจากด้านหลัง
“ไม่กวนหรอก เคียวยะไปเรียกตอนฉันทำงานเสร็จพอดี”
“ใช่ไหมครับ เคียวยะเป็นเด็กดีนะ ไม่กวนท่านพ่อกับท่านแม่หรอก เคียวยะฉลาด”
“เหมือนพ่อจะไม่เคยสอนนะคำนี้ หึ ๆ”
ใบหน้าน่ารักที่งอง้ำทำเอาชายหญิงทั้งคู่ยืนหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะย่อตัวลงรับเจ้าตัวเล็กเข้าอ้อมแขน ทั้งสามช่วยกันปลูกดอกไม้ที่ซื้อมาจนเสร็จท่ามกลางเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
...วันเวลาเหล่านั้น จะเอามันกลับมาอีกครั้งไม่ได้หรอ
วันเวลาแห่งความสุข เสียงหัวเราะและรอยยิ้มอ่อนโยนที่ท่านพ่อมอบให้ ผมอยากได้มันอีกครั้ง กลับมามอบความรักให้ผมอีกครั้งจะได้ไหมครับ ท่านพ่อ...
ฮิบาริคนพ่อยืนนิ่งอยู่กับที่หลังจากฟังที่อีกฝ่ายถามจนจบ ดวงตาเรียวคมหลุบลงก่อนจะนึกถึงเรื่องราวในอดีต สมัยที่แม่ของเคียวยะยังอยู่ สมัยที่เขาต้องทำตัวเป็นครอบครัวเดียวกันกับทั้งสองคน
“กลับมาแล้วคร้าบ”
เสียงใส ๆ ตะโกนขึ้นพร้อมเสียงลงเท้าตึง ๆ ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ดวงหน้าคมเงยหน้าขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมร่างเล็กที่กระโจนเข้าหาทั้งตัว
“ท่านพ่อครับ เคียวยะกลับมาแล้วครับ”
“วันนี้กลับเย็นจังนะ”
“นี่ ๆ วันนี้เคียวยะอดทนมากเลยนะ ไปต่อแถวซื้อคุกกี้มาให้ท่านพ่อด้วยละ”
“รอเองแน่นะ?”
“แน่สิ เคียวยะต่อคิวเองนะไม่ได้ให้ใครต่อให้เลย นี่ไงครับ นี่ไง”
เจ้าตัวชูถุงใส่กล่องเล็ก ๆ ที่ติดมือมาตอนกระโจนเข้าใส่ให้ดู ด้วยความที่แพ็คเก็จเป็นแบบใสเลยทำให้มองเห็นของข้างในได้ จึงทำให้ทั้งคู่เห็นว่าคุกกี้พวกนั้นแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหมดแล้ว
“ตะ แตก...แตกหมดเลยอะ”
น้ำตาใส ๆ เริ่มเอ่อคลออยู่รอบดวงตาโต ๆ เจ้าตัวกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะถอนตัวออกมาจากคนเป็นพ่อ นั่งทับเข่ามองกล่องคุกกี้พร้อมทั้งกำมือแน่น...คุกกี้ที่ตั้งใจซื้อ คุกกี้ที่ตั้งใจจะให้ท่านพ่อทาน แตกหมดแล้วเพราะตัวเขา
“เคียวยะ”
“ทั้ง ๆ ที่ ฮึก เคียวยะอยากให้ท่านพ่อลองชิมแท้ ๆ อุตส่าห์ไปต่อแถวมา แต่เคียวยะก็ทำแตกหมดเลย ฮึก ๆ ฮือออออ”
คนเป็นพ่อขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างเล็ก ๆ ก่อนจะคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด มือแกร่งลูบหัวกลมทุยเบา ๆ อย่างปลอบโยน น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกับลูกชายตัวน้อยที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด
“ไม่เป็นไรหรอก พ่อรู้ว่าเคียวยะไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่าง ถึงมันจะแตกก็ไม่ได้หมายความว่าจะทานไม่ได้สักหน่อย เอาไปใส่จานแล้วมานั่งทานด้วยกันดีกว่านะ”
“ทะ ท่านพ่อ”
เจ้าตัวเงยหน้ามองอย่างงง ๆ แต่พอได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนก็พยักหน้าหงึก ๆ รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว คนเป็นพ่อนั่งมองตามหลังเจ้าตัวเล็กที่วิ่งออกไป
ทั้ง ๆ ที่เกลียดแสนเกลียดขนาดนี้ แต่ทำไมถึงได้หุบยิ้มไม่ลงสักที เพียงเพราะแค่เห็นประกายตาสุกใสของเด็กคนนั้น...อย่างนั้นนะหรอ
บ่อยครั้งที่เขาไม่เข้าใจว่าการกระทำพวกนั้นเขาแค่ทำตามคำขอของแม่เจ้าเด็กนั้นหรือมันคือสิ่งที่เขาอยากทำ เพราะบางครั้ง ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังมีความสุขที่ได้กอด ได้หอมลูกชายตัวเล็กที่มีนิสัยร่าเริงคนนี้ แต่พอคิดถึงหน้าลูกชายอีกคนขึ้นมาความรู้สึกเกลียดก็จะพุ่งขึ้นริ้ว ๆ จนต้องปลีกตัวออกให้ห่าง ไม่อย่างนั้นเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเผลอทำร้ายเด็กคนนี้หรือเปล่า
ยิ่งนานวันไปยิ่งไม่แน่ใจจนเผลอคิดไปว่าตัวเขาเองอาจจะรักลูกชายคนนี้แล้วก็ได้ แต่พอคิดได้แบบนั้น เรื่องเลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้นกับเขาเมื่อภรรยาและลูกชายที่อิตาลีย้ายที่อยู่ จะหายังไงก็หาไม่พบจนข่าวคราวเงียบหายไป เป็นจังหวะพอดีกับที่ภรรยาคนปัจจุบันล้มป่วยลง และอาการก็เริ่มทรุดลงเรื่อย ๆ จนเธอจากไปในที่สุด ณ วินาทีนั้น เขาก็เข้าใจว่าตัวเองมีแค่ความรู้สึกเกลียดเด็กนี่เท่านั้น เด็กที่เกิดมาแล้วทำให้ทุกอย่างในชีวิตของเขาพังพินาจลง ทุกอย่างมันพังลงเพียงเพราะเด็กคนนี้เพียงคนเดียว...
“ไม่ว่าเธอจะทำยังไงฉันก็ไม่มีทางรักเธอได้หรอก มิหน่ำซ้ำยังเกลียดมากขึ้นทุกวัน...เคียวยะ”
............................................................................
Writer talk : รอนานไหมคะ จริง ๆ ไรท์เตอร์ต้องมาอัพอย่างช้าก็เมื่อวานเนาะ รู้ตัวคะ และก็ขอโทษด้วย พอดีเมื่อวานเปิดคอมแล้วละ แต่เปิดได้แป๊บเดียวก็ต้องออกไปข้างนอกคะ ก็เลยยังไม่ทันได้อัพอะไรเลย วันนี้เลยรีบมาแต่เช้าเลย ขอโทษทีนะคะ
ตอนนี้ ๆ ไรท์เตอร์เอาเรื่องราวของท่านพ่อ และของเคียว ๆ มาให้ดูกันนะ เป็นเรื่องในอดีตของท่านพ่อ แบบว่าความหลังฝังใจนะคะ จริง ๆ แล้วไรท์เตอร์แอบเข้าใจนะ ความรู้สึกของท่านพ่อในตอนนั้น แต่ก็อย่างที่ท่านแม่บอก เคียว ๆ เป็นเด็กที่เพิ่งเกิดมาและก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ เจอแบบนี้เข้าไปก็น่าสงสารมากมายเลยละ ตอนเด็กช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริง ๆ เนาะ อยากให้ท่านพ่อกลับมารักเคียว ๆ จังเลยอะ...
ปล.รู้หรือยังว่าอเลาจังเป็นอะไรกับเคียว ๆ ถ้ายังไม่รู้ย้อนกลับไปอ่านข้างบนนะคะ มีเฉลยไว้ด้วยละ อิ ๆ
ความคิดเห็น