คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 16
“เธอโอเคนะ”
อเลาดิถามคนที่นั่งถือโกโก้เย็นอยู่ในมือแต่กลับไม่แตะมันเลยสักนิด หลังจากที่โดนขู่มาแบบนั้นก็เป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวเพราะไม่เคยคิดว่าจะมีพ่อที่ไหนใจร้ายกับลูกได้ขนาดนี้ เขาคว้าตัวคนที่นั่งน้ำตาไหลพรากขึ้นมาแล้วพาออกจากเรือนหลังนั้นมาเลย
“อืม”
ฮิบาริพยักหน้ารับก่อนจะดูดโกโกเย็นในมือ ตอนนี้พวกเขาสองคนนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ โรงเรียน ตอนนั้นรู้สึกเสียใจมากกับคำพูดของท่านพ่อจนแทบจะไม่รับรู้อะไรรอบข้าง รู้สึกเหงา โดดเดียว แล้วก็อ้างว้าง จนกระทั่งคน ๆ นี้ยืนมือเข้ามาเขาก็เลยรีบคว้าเอาไว้เป็นหลักแล้วก็ตามมาจนถึงตรงนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้ออกมาข้างนอกทั้ง ๆ ที่ท่านพ่อก็ขู่ไว้แบบนั้น รู้แค่ว่าอยู่ ๆ ก็เชื่อมั่นขึ้นมาว่าถ้าเป็นคน ๆ นี้ก็จะไม่ต้องเสียใจ เชื่อว่าคน ๆ นี้จะไม่ปล่อยมือเขาแน่ ๆ
“วันนี้พักอารมณ์หน่อยก็ดีนะ นั่งเล่นกันอยู่ที่นี่แหละ”
“แล้วไม่ไปหาข่าวแล้วหรือไง”
“ทำอย่างกับเธอจะไหว”
อเลาดิหันมาพูดกับคนที่หันหน้ามาถามเขา...เด็กคนนี้เก่งจริง ๆ นะ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ปรับเปลี่ยนตัวเองให้อยู่ในสภาพปกติได้แล้ว แต่เขารู้ว่าแท้จริงแล้วความเจ็บปวดที่ถูกเก็บไว้ในใจนั้นยังไม่หายดี และมีแต่จะเจ็บปวดขึ้นเท่านั้น
“ไหวสิ ผมเป็นอะไรที่ไหนกัน”
ฮิบาริบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน ทำเอาคนที่นั่งข้าง ๆ กันต้องยืนขึ้นด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนสายตาของคนสองคนจะเหลือบไปเห็นคนคุ้นตาสามคนกำลังนั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับกันอยู่
“สึนะ ฮายะ มุคุโร่”
“เคียวยะ”
เจ้าของชื่อแทบกระอักเมื่อเจอคนสามคนกระโดดรุมเข้ามา เขาก็แค่เข้ามาทักเพราะเห็นนั่งทำหน้าบูดกันอยู่ ใครจะไปรู้ว่าปฎิกิริยาตอบสนองจะเป็นแบบนี้
“แก มีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกฉันวะ ฉันโทรไปแกก็ปิดเครื่อง จะไปหาที่บ้านก็ไม่กล้าเพราะตอนฉันโทรไปบ้านแกเมื่อกี้คุซาคาเบะบอกว่าท่านพ่อของแกกลับมาแล้ว แล้วแกก็ทะเลาะกับพ่อด้วยอะ แกร้องไห้ฉันรู้”
โกคุเดระที่ตอนนี้ยังคงกอดเพื่อนแน่นอยู่พูดออกมาเสียงอู้อี้เพราะยังมุดหน้าอยู่กับไหล่บาง แถมกำลังร้องไห้อยู่ด้วย เห็นแบบนั้นฮิบาริเลยต้องกอดตอบ ลูบหัวปลอบแล้วหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้มุคุโร่กับสึนะที่ถอยออกไปแล้วแต่ยังทำหน้าบึงอยู่
“ฉันขอโทษ แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้วเห็นไหม...ฮายะแกไม่ต้องร้องไห้แล้ว”
“ไม่ร้องได้ไงละไอ้บ้า ฉันไม่น่ามีเพื่อนอย่างแกเลยจริง ๆ ทำให้ฉันเป็นห่วงแทบบ้าได้ตลอดเวลาเลย มีเรื่องอะไรก็ไม่เคยปรึกษา เอาแต่เก็บไว้คนเดียวแบบนี้นะ แกคิดว่าถ้าฉันไม่รู้แล้วฉันจะสบายใจหรือไง มันน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิมอีกนะเว้ย ไอ้เพื่อนบ้า แกมันบ้าเคียวยะ ไอ้บ้า ฮือ ๆ”
อเลาดิที่ยืนมองทั้งสี่คนอมยิ้มออกมานิด ๆ กับมิตรภาพของเพื่อนแท้ที่ทั้งสี่คนมอบให้กัน ถึงจะดูเป็นเด็กเกเรแต่พวกนี้ก็เป็นห่วงกันดีมาก ๆ เลย จะว่าไปเด็กทั้งห้องก็เป็นแบบนี้เหมือนกันนะ เกเร เรียกร้องความสนใจ แต่ก็ให้ความสำคัญกับคำว่าเพื่อนมาก
“โทษที ๆ แกร้องไห้จนน้ำมูกเปื้อนเสื้อฉันหมดแล้วนะ”
“ฉันไม่ได้ร้องไห้สกปรกขนาดนั้นนะเว้ย”
“เอาน่า ๆ แกก็เลิกร้องก่อนเถอะฮายะ จะได้ถามเคียวยะมันสักทีว่ามันทะเลาะอะไรกับพ่อ”
มุคุโร่พูดห้ามคนสองคนที่อีกหนึ่งยืนยิ้มกวน ๆ ส่วนอีกหนึ่งแยกเขี้ยววับพร้อมทั้งปาดน้ำตาบนใบหน้าออกไปด้วย
“เออพอดีเลย ตอนนี้ฉันกับอาจารย์กำลังตามหาความจริงเรื่องหนึ่งอยู่ ถ้าอยากช่วยจริง ๆ พวกแกช่วยเรื่องนี้ก่อนได้ไหม ไว้เดี๋ยวเคลียร์ตรงนี้เสร็จเมื่อไหร่ฉันค่อยเล่าเรื่องท่านพ่อให้ฟัง”
“เรื่องอะไร”
สึนะขมวดคิ้วถามก่อนจะมองอาจารย์ที่ปรึกษาผมสีฟางที่ยืนอยู่ด้านหลังของเพื่อนเขา เห็นแบบนั้นอเลาดิเลยนั่งลงบนม้านั่งที่ทั้งสามคนเมื่อกี้นี้นั่งอยู่แล้วเริ่มอธิบาย
“คืออย่างนี้ พวกเธอจำพี่ชายของดีโน่ได้หรือเปล่า”
“พี่ชายของอาจารย์???”
“คนผมดำตาสีส้ม ๆ แดง ๆ...คนรักเก่าของฉันไง ที่เคยมีเรื่องกัน”
ฮิบาริอธิบายให้ทั้งสามฟังเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามเด้งขึ้นมาบนใบหน้าของคนฟัง ซึ่งพอเขาบอกไปแบบนี้ก็ร้องอ๋อออกมาพร้อมกันแล้วพยักหน้าหงึก ๆ
“แล้วทำไม หรือว่าหมอนั้นมาทำอะไรแกอีก”
“ฮายะ แกฟังให้จบก่อนได้ไหม”
“ฉันจะบอกว่า ที่ฮิบาริเพื่อนของพวกเธอเลิกกับผู้ชายคนนั้นก็เป็นเพราะว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่าเธอท้องกับเขา”
ทุกคนที่ฟังนิ่งเงียบก่อนจะหันมองหน้ากันเอง แล้วย้ายกับไปมองหน้าคนสองคนที่นั่งอยู่บนม้านั่ง ตอนนี้พวกเขาทั้งสามค่อนข้างช็อคกับเรื่องที่เพิ่งรู้ ก่อนโกคุเดระจะทำหน้าถมึงทึงแล้วลุกพรวดขึ้นมา
“เจ้าหมอนั้นมันเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง เห็นหน้าตาซื่อ ๆ ไม่คิดว่าจะทำตัวแบบนี้เลยจริง ๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นละอยู่ที่ไหน ฉันจะช่วยเธอเอง”
“แกอารมณ์เดียวกับฉันในตอนแรกเลยวะฮายะ”
“ก็แหงสิ ฉันนะให้ความสำคัญกับเรื่องครอบครัวมากนะเว้ย ถึงจะเห็นฉันเป็นเด็กเกเรแบบนี้แถมยังมีเรื่องกับที่บ้าน ใครจะรู้ว่าฉันจะอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้บ้างละ...ฉันนะ...”
“อย่าเพิ่งดราม่าตอนนี้สิวะ พวกเราก็เหมือนกันหมดนั้นแหละ เพราะงั้นพวกฉันเข้าใจแกนะ”
สึนะลุกขึ้นยืนตามก่อนจะกดไหล่ให้อีกคนนั่งลงแล้วตัวเองก็นั่งลงใหม่ อเลาดิมองเด็กพวกนี้ทีละคน นอกจากฮิบาริแล้วเด็กพวกนี้ก็เหมือนกัน เจ้าตัวสะบัดหัวนิดหน่อยก่อนจะเริ่มเล่าต่อ
“ตอนนี้ฉันฟังเรื่องราวจากทั้งดันเต้และผู้หญิงคนนั้นแล้ว แต่ไม่รู้จะเชื่อใครดี เพราะฉะนั้นอยากจะให้พวกเธอช่วยกันหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อย จะได้ตัดสินกันไปว่าใครถูกใครผิด”
พูดจบเจ้าตัวก็เอนตัวพิงพนักเก้าอี้มองเด็กสามคนหันไปมองหน้ากันเอง ก่อนจะแย้มรอยยิ้มถูกใจเมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ
“ได้เลยผมช่วยเต็มที่”
“ผมเองก็เหมือนกัน”
“ผมก็ด้วย”
“เฮ้อ...”
ดันเต้หันไปมองคนที่ถอนหายใจมาสักร้อยครั้งได้แล้วมั้ง เจ้าตัวส่ายหัวนิด ๆ ก่อนจะเดินไปตบบ่าน้องชายที่นั่งทำหน้าซังกะตายอยู่ที่ระเบียง
“บอกให้ไปเคลียร์กับเขาไง นายไม่จำเป็นต้องมาทะเลาะกับเคียวยะเพราะเรื่องของฉันนะ”
“ก็ไม่ได้อยากจะทะเลาะ แต่เด็กคนนั้นไม่ยอมฟังเหตุผลของพี่นี่ ดันเต้”
“เพราะงั้นฉันถึงได้บอกให้นายไปเคลียร์กับเขาไง เห็นนั่งถอนหายใจตั้งแต่เช้าแล้วนะ ไม่สิ ตั้งแต่กลับมาเมื่อวานต่างหาก”
ดีโน่เหลือบมองพี่ชายนิดหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองวิวด้านล่างต่อ เขามานั่งรับลมตรงนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว ด้วยความที่คอนโดนี้มีหลายชั้น แล้วเขากับดันเต้ก็อยู่ชั้นบน ๆ ด้วย ลมก็เลยจะพัดแรงเป็นพิเศษ ซึ่งเขาจะชอบมากเพราะเหมือนกับได้ผ่อนคลาย
“ไม่เอาหรอก ถ้าอยากเข้าใจผิดอยู่แบบนั้นก็ปล่อยไปเถอะ”
“อ้าว เป็นครูภาษาอะไรเนี้ย”
“ไม่ได้เป็นครูจริง ๆ สักหน่อย เดี๋ยวสองสัปดาห์กว่าก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว ว่าแต่ฉันพี่เองเถอะ จะเอ้อระเหยอยู่แบบนี้อีกนานไหมเนี้ย”
“ฉันไม่ได้เอ้อระเหยนะ”
“แล้วไอ้การที่มาคลุกอยู่กับฉันเนี้ยไม่ได้เรียกว่าเอ้อระเหยเรอะ”
“เขาเรียกว่าพักผ่อน มาพักผ่อนต่างหากเล่า อีกอย่าง ฉันยังเหลือกำหนดการเยอะกว่านายด้วย”
“หนึ่งวัน”
ดีโน่พูดขึ้นมาอย่างเซ็ง ๆ จริง ๆ แล้วตัวเขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อิตาลีเชียวนะ แน่นอนว่าเขาไม่ได้บริหารงานที่บ้าน เพราะยกให้ดันเต้ไปแล้ว แต่ขานี้แอบออกมาเที่ยวแล้วค่อยโทรไปบอกให้พ่อทำงานแทน เห็นยิ้มเก่ง ๆ แบบนี้แต่นิสัยได้เรื่องอยู่นะ ฮ่า ๆ แอบสะใจที่พ่อผู้บัญชาการต้องมานั่งทำงานไปบ่นดันเต้ไป
ส่วนตัวเขาเองร่วมลงทุนกับเพื่อนเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง เป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้เพราะสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ถึงจะเสียงดังหนวกหูไปหน่อยแต่ก็เป็นคนที่ทำงานดีมาก ๆ เขาเองก็ยังอดยอมรับไม่ได้ แต่ที่มานี่ไม่ได้หนีมานะ แต่เพราะอาจารย์พิเศษของเขาโทรไปให้มาควบคุมเด็กห้องหนึ่งต่างหาก ทางสควอโล่ก็รู้ ถึงจะบ่นแต่ก็อนุญาตให้มาจนได้ แต่สุดท้ายหมอนั้นก็ไปลากแฟนมาช่วยกันบริหารตลอดเวลาที่เขาไม่อยู่ เอ จะว่าไป ป่านนี้ตีกันตายหรือยังก็ไม่รู้นะแซนซัสกับสควอโล่นะ
“ก็นั้นแหละ”
ดันเต้บอกก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ น้องชาย ใจจริงแล้วที่หนีมาญี่ปุ่นนี้ก็เป็นเพราะอยากจะปรับความเข้าใจกับคนรักเก่านั้นแหละ แต่นี่ผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้วยังไม่คืบหน้าเลย มิหน่ำซ้ำจะทำให้เขาเกลียดกว่าเดิมอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็มีเรื่องดี ๆ ที่เขาได้พบกับใครบางคน ที่นิสัยคล้ายกับเคียวยะมาก แต่ก็ไม่ถึงกับเหมือน สองคนนี้มีส่วนที่แตกต่างกันอยู่เยอะเลยถ้าได้สังเกตดูดี ๆ แล้วละก็
“เฮ้อ...”
“ไหนไม่ให้ฉันถอนหายใจ แล้วจะมาถอนเองทำไม”
ดีโน่หันไปถามคนข้าง ๆ ที่นั่งถอนหายใจอยู่...เขาเลยเปลี่ยนเป็นนั่งหันหน้าเข้าหาพี่ชายแล้วเริ่มพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง ตัดสินใจแล้วละว่าจะต้องหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของพี่ชายให้ได้ เพราะงั้นต้องเริ่มจากการถามข้อมูลเบื้องต้นก่อน
“ดันเต้ ถามจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“ไม่รู้ ไม่รู้จัก”
“ไม่รู้เลยหรอ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยหรือไง”
“ชื่อแกรนด์เซีย รู้แค่นี้แหละ”
“ไร้ประโยชน์ที่สุดเลย”
ดันเต้ค้อนขวับใส่น้องชายที่พูดออกมาแบบนั้น ก็รู้ว่าไร้ประโยชน์แต่ไม่เห็นต้องมาว่ากันขนาดนี้เลยนี่หน่า ถึงจะเป็นน้องชายก็เถอะแต่พูดแบบนี้เขาก็งอนเป็นนะเออ
“ไม่เห็นต้องพูดตรง ๆ แบบนี้เลย”
“ไม่ใช่เวลามางอน ดันเต้ เราต้องหาหลักฐานมาให้สองคนนั้นเห็นว่าพี่ไม่ได้ทำเธอท้อง”
“จะหายังไงเล่า จะให้ฉันไปถามเธอไหมว่าเธอเป็นใครมาจากไหน”
“ถ้าได้อย่างนั้นจะดีมากเลย”
ดีโน่พูดด้วยสีหน้านิ่งสนิท ทำเอาคนเป็นพี่ถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ ทำไมละ วิธีนี้ก็ไม่เลวนี่หน่า ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนั้นเลย
“รู้บ้างไหมว่าเมื่อกี้ฉันประชด”
“แต่ฉันเอาจริง ดันเต้นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้ว แต่จะว่าไป...เหมือนฉันจะคุ้นหน้าเธอไม่น้อยเลยนะ”
“หือ?”
ดันเต้เลิกคิ้วกับคำพูดของน้องชาย คุ้นหน้าอย่างนั้นหรอ แต่จะว่าไปแกรนด์เซียเองก็จัดอยู่ในประเภทลูกคุณหนูนะ ไม่แน่ว่าแค่ชื่อก็อาจจะหาข้อมูลอย่างอื่นของเธอได้ถ้าเธอเป็นคนดังจริง ๆ
“เหมือนจะเคยเห็น...ผ่าน ๆ”
“ดีโน่ ฉันว่าเปิดคอมดูดีกว่า ถ้านายคุ้นหน้าเธอจริง ๆ ไม่แน่ว่าเธออาจจะเป็นคนสำคัญก็ได้นะ อย่างพวกลูกคุณหนูตระกูลดังนะ”
พูดจบเจ้าตัวก็ลุกขึ้นโดยมีดีโน่ลุกตาม ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้วเอาโน๊ตบุ๊คมานั่งหาข้อมูลกันอยู่สักครู่ ในที่สุดก็เจอรูปหญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดสีชมพูหวานกำลังยืนยิ้มอยู่ ใบหน้าที่เหมือนกับคนที่เจอเมื่อวานเรียกรอยยิ้มจากสองหนุ่มที่กำลังนั่งมองอยู่ได้เป็นอย่างดี ใต้ภาพปรากฏชื่อบุคลในภาพด้วยตัวหนังสื่อที่ใหญ่พอควร...
...แกรนด์เซีย คาลาโอเน่......GRANDZIA CALAONE...
“เหนื่อยหรือเปล่า”
“ไม่เท่าไหร่หรอก”
ฮิบาริตอบคนถามที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน ตอนนี้เขามานั่งจุมปุ๊กอยู่ที่ห้องของอาจารย์เพราะต้องมาหาข้อมูล ถึงจะให้สามคนนั้นช่วยแต่การหาให้เจอเองก็เป็นอะไรที่อเลาดิและฮิบาริชอบเหมือนกัน เพราะงั้นสรุปก็ต้องมานั่งเปิดคอมดูด้วยกันทั้งวัน แต่นอกจากจะประวัติของเธอที่เป็นลูกคุณหนูตระกูลใหญ่ในอิตาลีแล้วก็ยังไม่ได้อะไรคืบหน้า
“งั้นไปหาข้าวเย็นกินกันเถอะ”
อเลาดิบอกพลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าตอนนี้ ห้าโมงสี่สิบนาทีแล้ว เจ้าตัวปิดคอมแล้วลุกขึ้นยืนแต่พอเห็นว่าอีกคนยังคงนั่งขมวดคิ้วอยู่เลยได้แต่มองอย่างสงสัย
“ลุกขึ้นได้แล้ว ไปหาข้าวเย็นกินกัน”
“.....ผมจะกลับบ้าน”
ฮิบาริเงียบไปนานแต่สุดท้ายก็พูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วย ได้ยินแบบนั้นอเลาดิเลยจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ จะกลับบ้านไปทำไม กลับไปหาคนแบบนั้นนะหรอ
“พ่อเธอไม่ให้กลับไม่ใช่หรือไง”
“ท่านพ่อโมโหก็เลยตวาดแบบนั้น...ถ้าผมไม่กลับไปอาจจะโดนโกรธจริง ๆ”
“แต่...”
“ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ผมต้องกลับบ้าน”
เจ้าตัวบอกก่อนจะก้มหน้าเดินออกจากห้องไป แต่พอกำลังจะเปิดประตูก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าของห้องเดินตามมาจับบ่าของเขาเอาไว้
“ฉันจะไปส่ง”
“อย่าดีกว่า เดี๋ยวท่านพ่อไม่พอใจ”
“เฮ้อ...ฉันจะไปขอโทษที่ทำนิสัยไม่ดีไว้ ไม่แน่เขาอาจจะหายโกรธเธอด้วยก็ได้”
“ไม่หายโกรธหรอก...อาจารย์อยู่ที่นี่เถอะ ผมไม่เป็นไรหรอก”
อเลาดิมองคนที่พูดด้วยสีหน้าจริง ๆ แล้วก็ได้แต่เหนื่อยใจ มันรู้สึกหน่วงในอกแปลก ๆ คงจะเป็นความรู้สึกห่วงละมั้งที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ ห่วงเด็กคนนี้จะโดนคุณพ่อดุ ภาพที่อีกฝ่ายสะอื้นอยู่กับอ้อมอกเขาตอนที่พาออกมาแว็บเข้ามาในหัว แล้วนั้นก็จุดประกายความอยากปกป้องคน ๆ นี้ให้เกิดขึ้น
“ผมกลับก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาหา...ถ้ามาได้น่ะนะ”
“ถ้าเกิดเรื่องอะไรต้องโทรมาหาฉันทันทีนะ”
คิ้วเรียวบนใบหน้าสวยเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ ดวงหน้าเล็กพยักรับก่อนที่จะเดินออกไป อเลาดิมองตามจนแผ่นหลังบางนั้นหายลับไปกับสายตา เจ้าตัวถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาพลางคิดถึงคุณพ่อแสนดุของลูกศิษย์ที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้ ความรู้สึกโหยหาเกิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นก็มาพร้อมความไม่ชอบใจที่เห็นว่าเขาใจร้ายกับลูกชายขนาดนั้น
“อะไรกันนะ ครอบครัวนี้ชักจะทำให้ฉันสับสนมากเกินไปแล้ว”
.........................................................................................
Writer talk : สวัสดีคะ กลับมาแล้วนะ(แล้วไปไหนมาอะ) เหมือนกับจะไม่ได้เจอทุกคนนานมากเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาปกติที่หายไป(เอ๊ะ เริ่มงง) วันนี้ไรท์เตอร์มาแบบงง ๆ อีกแล้วละ แต่ว่านะตอนนี้ทุกฝ่ายกำลังเริ่มสืบเกี่ยวกับเรื่องของแกรนด์เซียแล้วละคะ คาดว่าอีกไม่นานเกินรอเรื่องจริงก็จะปรากฎ ว่าสุดท้ายแล้วเฮียดันเต้หรือแกรนด์เซียเป็นคนโกหกกันแน่ ตอนนี้สามหน่อออกมาเหมือนเดิมแล้วด้วยนะ ก๊กคุงน่ารักเนาะว่าไหม? ^^
จะแอบบอกเกี่ยวกับเรื่องนามสกุลของแกรนด์เซียละ ที่ออกมาเป็น คาลาโอเน่ แบบนี้นะเป็นเพราะ ไรท์เตอร์คิดอะไรไม่ออกแล้วเปิดเพลงฟังพอดี มันขึ้นที่มุมบนว่า คาราโอเกะ ไรท์เตอร์เลยเอามาแปลงเป็นแบบนี้ละ อนาจดีแท้เนาะ
ปล.ขอฝากนิยายหน่อยนะ เป็นของน้องที่น่ารักคนหนึ่งฝากมานะคะ ไรท์เตอร์ลองไปอ่านมาแล้วละสนุกดีนะ ยังไงก็ลองเข้าไปอ่านดูแล้วกันคะ น้องชื่อแตงกวานะ แต่ตัวไรท์เตอร์เองชอบเรียกว่าน้องกวามากกว่า เอ...แต่สำหรับบางคนน้องกวาอาจจะเป็นพี่นะ ไม่นอกเรื่องแล้วดีกว่า ตามไปดูกันที่ลิ้งค์นี้ได้เลยนะคะ
http://writer.dek-d.com/parepilin/writer/view.php?id=933142
ปลล.น้องแต่งมากมายหลายเรื่องมากเลยละ แต่ไรท์เตอร์ชอบ D18 ก็เลยแปะให้แต่ D18 นะคะ ^^
ความคิดเห็น