ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธะสัญญาซาตาน: Satan's promise (ปิดรับสมัคร)

    ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 11 ความจริง

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 55


    ย้อนกลับไปในอดีต ภาพเหล่านั้นผุดขึ้นมาในหัวของเมทิสต์ราวกับเป็นภาพยนตร์ เขาเห็นร่างของตนในวัยเด็ก และพี่สาวของเขา รวมถึงเพื่อนๆอีก 3 คน

    ในคืนก่อนที่พวกเขาจะหนี อวามารีนต้องการจะให้กำลังใจน้องชายของตน จึงทำริ้นบิ้นสีม่วง ซึ่งเป็นสีเดียวกับเรือนผมและนัยน์ตาของเมทิสต์ให้ โดยผูกที่ผมที่ยังยุ่งเหยิงมอมแมมของน้องชาย เมื่อผูกเสร็จทั้งสองก็ยิ้มให้กัน แต่เมื่อเมทิสต์มองไปที่ผมของพี่สาวของตน ก็เห็นว่าไม่มีอะไรผูกผมเลย จึงได้หยิบริ้บบิ้นที่พี่ของตนขึ้นมา แล้วฉีกออกครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ผูกที่ผมของอวามารีน

    พี่ของผมสวยที่สุดเลยครับ...เมทิสต์ยิ้ม อวามารีนจึงลูบหัวน้องชายของตน

    ไปนอนได้แล้ว... พรุ่งนี้เรามีภารกิจสำคัญต้องทำนะผู้เป็นพี่บอก เมทิสต์ก็ทำตาม หลังจากที่เมทิสต์หลับไปแล้ว อวามารีนก็ยังนั่งอยู่ต่อ พร้อมกับรีเบลและอินดิโกที่นอนไม่หลับ

    พี่อวามารีน.. ถ้าแผนมันไม่ได้ผลล่ะ... ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งต้องตายล่ะ?” อินดิโกในวัยเด็กว่า ขณะนั่งเอามือกอดเข่า

    อย่าห่วงเลย... ไม่มีใครโทษเธอหรอก...หากเราไม่หนี...เราก็ต้องตายที่นี่อยู่ดี... คำพูดของอวามารีนนั้น ทำให้อินดิโกรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง ก่อนทั้งสามจะนอนหลับอยู่ตรงนั้น

    วันต่อมา พวกเขาจึงทำตามแผน โดยสามารถแอบหนีไปได้จนถึงอุโมงค์ทั้ง 5 ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่ผู้คุมชุดดำใช้เดินทางเข้ามา โดยสามารถเข้าได้แค่ทีละคน

    เราเข้าพร้อมกันไม่ได้เหรอ?” เฮเลนน่าพูดเสียงสั่นด้วยความกลัว

    ไม่ได้หรอก... ทางเข้ามันมีกลไก ที่ต้องอาศัยการถ่วงน้ำหนักทั้ง 5 คน..อินดิโกว่า

    ผมต้องแยกกับพี่แล้วใช่ไหม?...” เมทิสต์พูดเสียงเศร้า

    เราจะต้องได้เจอกันอีก ที่ทางออกซึ่งเชื่อมอุโมงค์ทั้ง 5 ไว้ด้วยกัน อวามารีนพูดอย่างใจเย็น ก่อนเด็กๆทุกคนจะวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ทั้ง 5 โดยภายในอุโมงค์ทั้ง 5 จะมีกลไกที่จะทำร้ายผู้เข้ามาโดยไม่รู้กลไก ทั้ง 5 จึงต้องหลบหลีกทั้งอาวุธ ทั้งก้อนหินที่ตกลงมามากมาย โดยอวามารีนสามารถหนีรอดออกมาได้เป็นคนแรก  ความทราบถึงเด็กหญิงผู้ใส่ชุดโลลิต้าสีดำ

    หึหึ... คิดจะหนีฉันงั้นเหรอ ฉันจะไปดักรอผู้โชคดีซักอุโมงค์หนึ่งก็แล้วกันว่าแล้วเด็กหญิงผู้ใส่ชุดโลลิต้าสีดำก็เดินออกไป ซึ่งอุโมงค์ที่เด็กหญิงผู้ใส่ชุดโลลิต้าสีดำเลือก ก็คืออุโมงค์ของเฮเลนน่านั่นเอง

                    เด็กทั้ง 4 ไม่สามารถวิ่งหนีได้เร็วพอ จึงโดนอาวุธที่หล่นลงมาจากกลไกในอุโมงค์ จนบาดเจ็บสาหัส และขณะนั้นเอง เด็กน้อยทั้ง 4 ก็ได้ยินเสียงซาตาน โดยซาตานมาหลอกล่อให้พวกเขาทำสัญญา เมื่อทำเสร็จ ซาตานจึงถามถึงความปรารถนาของพวกเขา อินดิโก รีเบล และเฮเลนน่าจึงขอให้ตนรอดชีวิต ซาตานจึงจัดให้...กลไกในอุโมงค์ของเด็กทั้งสามจึงหยุด และบาดแผลตามร่างกายก็หายไป ยกเว้นเมทิสต์ซึ่งโดนก้อนหินทับ แต่ไม่ยอมเอ่ยปากบอกความปรารถนาต่อซาตานแม้จะได้ทำสัญญาไปแล้ว แต่เมื่อเฮเลนน่ารอดจากกลไกมรณะนั้นได้ แต่กลับต้องมาเจอกับเด็กหญิงผู้ใส่ชุดโลลิต้าสีดำที่มาดักรออยู่ในอุโมงค์ เด็กหญิงผู้ใส่ชุดโลลิต้าสีดำจึงจับเฮเลนน่าไป โดยบอกว่าจะปล่อยเพื่อนๆของเธอให้หนีไปหากเธอยอมเป็นลูกน้องของเด็กหญิงผู้ใส่ชุดโลลิต้าสีดำไปตลอดชีวิต ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเฮเลนน่าจึงต้องตอบตกลงไป  รีเบลและอินดิโกสามารถหนีออกมาจากอุโมงค์ได้พร้อมกัน จึงมาเจอกับอวามารีนที่ออกมาได้ก่อน

    เมทิสต์ล่ะ?” อวามารีนเริ่มทนไม่ไหว เมื่อยังไม่เห็นที่ท่าว่าน้องของตนจะออกมา จึงคิดจะเข้าไปช่วยในอุโมงค์ของเมทิสต์ แต่เด็กชายทั้งสองห้ามไว้ เพราะกลัวว่าอวามารีนจะต้องเจอกับซาตานและโดนบังคับให้เซ็นสัญญา

    ต่อให้ต้องตาย!... ฉันก็สัญญาว่าจะต้องปกป้องเมทิสต์ให้ได้ จะไปกลัวอะไรก็แค่ซาตาน... แต่พวกเธอต้องสัญญากับฉันนะ...อวามารีนคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กชายทั้งสองซึ่งยืนน้ำตาคลอเบ้า

    ว่าถ้าฉันเข้าไป แล้วไม่ได้ออกมา  แต่เมทิสต์ปลอดภัย พวกเธอห้ามบอกเรื่องนี้กับเขานะ...เด็กชายทั้งสองพยักหน้าด้วยแววตาเศร้าๆ เมื่ออวามารีนวิ่งเข้าในอุโมงค์ ก็มีเสียงประกาศจากเด็กหญิงผู้ใส่ชุดโลลิต้าสีดำว่าเฮเลนน่าทรยศ ทำให้รีเบลเสียใจมาก

                    ในอุโมงค์... เมทิสต์โดนก้อนหินก้อนใหญ่ทับขาอยู่จึงไม่อาจจะขยับตัวได้ กลไกของอุโมงค์นั้นเป็นเลื่อยที่กำลังเข้ามาใกล้ร่างของเด็กชายตัวน้อย เขาพยายามจะดึงร่างของตนออกจากก้อนหินที่ทับอยู่ เสียงของซาตานก็แทรกเข้ามาบอกให้เขาบอกความปรารถนาของเขาในตอนนี้ แต่เมทิสต์ก็ไม่ยอมบอก ขณะนั้นอวามารีนวิ่งมาถึงพอดี แต่อยู่ด้านหลังของเมทิสต์ อวามารีนจึงลอดเข้าไปในห้องควบคุมกลไก และพยายามจะหยุดมัน แต่ก็ไม่สำเร็จ พลันก็มีเสียงซาตานอันแหบพร่าดังขึ้นในความคิดของเธอ

    เธออยากจะช่วยน้องชายรึเปล่า... ฉันช่วยเขาได้นะ..อวามารีนหันไปมองเมทิสต์ซึ่งใบเลื่อยเริ่มขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

    แต่ก็ต้องมีการแลกเปลี่ยน... นั่นก็คือ ชีวิตของเธอ... เธอจะยอมไหมล่ะ  อวามารีนอึ้งไปพักหนึ่ง แต่เมื่อหันหลับไปมองอีกทีก็พบว่าใบมีดเข้ามาใกล้จะเกือบจะถึงตัวของเมทิสต์แล้ว 

    ตกลง...ผู้เป็นพี่ตอบ

    งั้นทำตามที่ฉันบอก...ซาตานว่า ใช้ริ้บบิ้นสีม่วงนั่นผูกข้อมือของแกไว้ที่เสาเล็กๆนั่น แล้วห้อยตัวของเธอลงมา... เธอเห็นกลไกข้างล่างนั่นไหม มันจะบดร่างกายเธอ ตั้งแต่ขาขึ้นไปเรื่อยๆ ฉันให้แกใช้ร่างของแกเป็นตัวถ่วงการทำงานของกลไก และมันจะทำให้น้องของแกมีเวลามากขึ้น แล้วเมื่อมันบดร่างของแกจนหมด เลือดของแกที่ไหลของมา จะไปหยุดการทำงานของกลไกโดยสมบูรณ์...ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของพี่ ทำให้เธอยอมทำได้ทุกอย่าง แม้แต่แลกชีวิตของตนกับน้องของเธอ อวามารีนยอมทำตามที่ซาตานบอกทุกอย่าง จนเมื่อขาของเธอเริ่มโดนกลไกนั้นบด เธอต้องพยายามฝืนตัวเองไม่ให้ร้องออกมา เพราะกลัวว่าเมทิสต์จะได้ยินและจำเสียงเธอได้ เมทิสต์จึงสามารถดึงตนเองออกจากก้อนหินได้ทัน ก่อนที่ใบมีดจะพุ่งเข้ามาถึง แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่า การที่เขารอดออกมาในครั้งนั้น มันทำให้พี่สาวของเขาต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน... เลือดของอวามารีนพุ่งกระฉูดเปื้อนริ้บบิ้นสีม่วงอันนั้น...ร่างของเด็กสาวต้องแหลกละเอียดอย่างน่าเวทนา

    ทั้งอินดิโกและรีเบลเมื่อเห็นเมทิสต์รอดออกมาเพียงคนเดียวก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด แต่พวกเขาก็จำต้องแอบซ่อนน้ำตา และทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับอวามารีน นั่นคือจะไม่บอกความจริงต่อเมทิสต์

                    ภาพเหตุการณ์ในอดีตเหล่านั้นค่อยๆจางหายไป กลับมาสู่ปัจจุบัน เมทิสต์ทรุดลงข้างๆอินดิโกซึ่งนอนสิ้นใจจมกองเลือดอยู่ข้างๆตัวเขา

    ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เมทิสต์ร้องเหมือนคนเสียสติ เขาไม่อยากจะเชื่อกับเหตุการณ์ที่เขาได้พบเจอในตอนนี้ หยดน้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาสีม่วงของเขา... 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×