ขออธิบายก่อนนะคะ ไรท์มีแรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่องMonday to Fridayค่ะ ของkinsang ลองไปหาอ่านได้นะคะสนุกมาก
เสียงเจี๊ยวจ๊าวในห้องเรียนที่อยู่ริมสุดทางเดินของชั้น6ดังออกมาไม่ขาดสาย ในวันแรกของการเปิดเทอม2นั้นเริ่มด้วยเสียงพูดคุยดังเต็มห้องก่อนที่เสียงกริ่งจะดังขึ้นเพื่อบอกว่าตอนนี้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว
"เอ้าๆนั่งที่"ครูประจำชั้นร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเริ่มเช็คชื่อนักเรียนแต่ละคน
"ศุภลักษณ์"
"มาครับ"ชายร่างเล็ก ที่มีสีผมสีดำตัดเหลืองที่มีเอกลักษณ์ได้พูดขึ้น
"สุภกานต์"
"มาครับ..."ชายร่างสูงที่ใบหน้าปิดแมสเอาไว้(กลัวโควิดหรอคะคุณพรี่)ได้พูดขึ้น
.
.
.
.
.
.
.
เวลาผ่านล่วงเลยไปจนเลิกเรียน ต่างคนต่างทำกิจของตัวเองก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน และเมื่อเช้าวันต่อมามาถึงพวกเราก็พบกับ
"สุกี้!"ใต้ชายหนุ่มตัวสูงโปร่งวิ่งเข้ามาดูร่างอันเย็นยะเยือกของเพื่อนร่วมชั้นด้วยสีหน้าที่ตอนนี้อารมณ์ได้ถูกตีกันไปหมด ซึ่งสีหน้าของใต้ตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากเพื่อนๆคนอื่นเลย ภาพที่พวกเราเห็นคือ ร่างของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่หมดลมหายใจตัวเย็นเชียบที่กำลังห้อยอยู่บนเพดานห้องเรียน ใบหน้าซีดเผือกตาลอยปากอ้าของไว้ มันช่างเป็นภาพหดหู่ใจของพวกเรา ในเวลาต่อมาพวกผู้ใหญ่ก็ได้จัดการเรื่องศพตามขั้นตอนกัน ตอนนี้พวกเราแต่ละคนนั้นสภาพไม่ต่างกัน การที่เปิดมาวันที่สองของเทอมแต่ต้องมาเจอกับการจากไปของเพื่อนตัวเองนั้นมันทำให้พวกเราแต่ละคนทำใจยากมาก
"เมื่อวานสุกี้มันอยู่เป็นคนสุดท้ายเพราะมันเป็นเวรถูพื้น แล้วพวกกูที่ทำงานเสร็จแล้วขอกลับก่อน....."เทนพูดก่อนที่จะเงียบไป ทุกคนรู้ว่าเขาคงรู้สึกผิดที่ไม่อยูากับสุกี้ให้มากกว่านี้ มันจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
"มันไม่ใช่ความผิดมึงหรอกโทน ไม่มีใครคิดหรอกว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้"เลื่อมได้พูดให้กำลังใจเทนด้วยสีหน้ายิ้มฝืด
"ฮึก....ฮึก.."เสียงสะอื้นของหญิงสาวผมสั้นสีทองที่สะดุดตานั้นกำลังตัวสั่นจากการร้องไห้ ตอนนี้เธอกลัว กลัวที่ต้องมาเจอศพ
"ไม่เป็นไรนะไอ"ฟิลม์ชายหนุ่มตัวสูงกับผมสีสว่างนั้นได้เข้ามาปลอบไอทั้งๆที่ตัวเองสภาพก็ไม่ต่างกัน
"ต้องมีผีแน่เลยๆๆๆๆ"ชินชายหนุ่มที่จะบอกว่าเตี้ยก็ไม่ใช่จะสูงก็ไม่เชิง กำลังขวัญเสียและพึมพำกับตัวเอง
กริ่ง!!!
เสียงกริ่งเข้าเรียนเริ่มขึ้น พวกเราต่างเรียนไปแบบไม่มีกะจิตกะใจเรียนจนหมดเวลา ในเย็นวันศุกร์พวกเราเลือกที่จะไปเยี่ยมงานศพของเพื่อนร่วมชั้นเรียนตนก่อนจะหอกัน
บรรยากาศนั้นมันช่างมืดมนแต่ละคนได้แต่ก้มหน้าก้มตามองดูรูปของเพื่อนตนที่ตั้งอยู่หน้าโรงศพ เมื่อจบพิธีแล้วพวกเราต่างแยกย้ายกันกลับหอกัน
"นี่ พี่แยม"สาวน้อยตัวเล็กอย่างไอรักถามหญิงสาวที่อายุมากกว่าตน2ปี
"มีอะไรหรอไอ"แยมตอบกละบด้วยนํ้าเสียงเรียบนิ่ง
"ไอว่ามันแปลกๆในตอนนั้นพี่สุกี้ก็ดูไม่ได้จะคิดเรื่องนั้นเลยนะคะ มันไม่แปลกไปหน่อยหรอคะที่อยู่ๆก็...."ไอพูดก่อนจะเงียบไปสักพัก
"พี่ก็ว่ามันแปลกจริงๆนั่นแหละ แต่เราจะคาดเดามั่วๆไม่ได้"นวลชายหนุ่มร่างเล็กพูดเสริม ทั้งสามได้เดินกลับหอแยกย้ายกันไปนอน
2วันผ่านไป
"กรี๊ดดด!!!"ในเย็นของวันจันทร์ที่เป็นเวลาเลิกเรียนได้มีเสียงร้องดังลั่นไปทั่ว เสียงของผู้คนมากมาย และการมุงดูของผู้คนที่กำลังจ้องมองศพที่เปื้อนเลือดร่างกายบิดเบี้ยวของเลื่อมพี่ชายที่แสนดีของไอรัก ในตอนนั้นร่างกายของเธอนั้นสั่นไปทั่วทั้งตัว มือที่เธอปิดปากอยู่กับดวงตาที่ตอนนี้มีนํ้าตาไหลมาอย่างไม่หยุดสาย มันทำให้หลายคนเข้าใจเธออาการของเธอตอนนี้มันคงเรียกว่าช็อคจนไม่มีเสียง ไม่นานก็มีตำรวจมาและดำเนินการตามวิธีขั้นตอน
"มันไม่จริง เลื่อมไม่มีทางฆ่าตัวตายหรอก"นวลพูดพึมพำกับตัวเองจนทำให้ใต้ที่ตอนนี้อาการหวาดกลัวไม่ต่างกันเกิดหัวเสีย
"เลื่อมตายแล้ว เขาตายไปแล้ว นายก็เห็น ยังจะมานั่งพึมพำอะไรอีก!"ใต้พูดด้วยอารมณ์ที่ไม่มีสติและหวาดกลัว
"ไม่!เลื่อมยังไม่ตาย คนอย่างเลื่อมน่ะไม่ฆ่าตัวตายแน่นอน!"นวลพูดด้วยอารมณ์โต้เถียงชินกลับ
"เห้ย พอๆทุกคน เขารู้ว่าพวกแกอ่ะรู้สึกยังไงแต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันไหม"โอ๊ตพูดเพื่อห้ามปรามเพื่อนทั้งสอง
"ฉันว่ามันแปลกๆ มันจะมีคนที่ตายวันเดียวกันเวลาเย็นเหมือนกันด้วยหรอวะ"เซปพูดด้วยสีหน้าที่ทั้งช็อคกับเหตุการณ์เมื่อกี้และสงสัยไม่น้อย
"......"บรรยากาศเงียบก่อนที่ฟิล์มจะพูดมาทำลายความเงียบนี้
"เอาเป็นว่าเรากลับหอกันก่อนเถอะ"ฟิลม์บอกก่อนที่ทุกคนจะตกลงและกลับหอกัน
ไลน์! เสียงแจ้งเตือนข้อความของไลน์กลุ่มดังขึ้น ก่อนที่จะเปิดโทรศัพท์ดู นิ้วเรียวของแยมจะปัดหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะตกใจกับข้อความในไลน์กลุ่ม
(พี่ๆ ไอเจอหนังสือรุ่นของปีก่อนๆมาแต่น่าแปลกที่ห้องเราไม่เคยมีใครใช้มาก่อนเลย)ไอรักพิมพ์ข้อมูลที่น่าสงสัยออกมา
(ไอคิดมากไปป่าว ห้องเรามันอาจจะพึ่งเปิดใช้ปีนี้ก็ได้)โอ๊ตพิมพ์ก่อนที่ไอจะขัดค้านความคิดนั้น
(ก็นั่นแหละค่ะ ไอสงสัยว่า ทั้งๆที่ปีก่อนๆไม่เคยมีเหตุการณ์นี้ทำไมปีนี้ที่เปิดใช้ห้อง ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้)ไอพิมพ์ตอบ
(ฉันว่าพน.เราลองไปดูในห้องสมุดไหม ที่สมุดรุ่นเพื่อจะเจอเบาะแสเพิ่ม)แยมพิมพ์เสนอก่อนที่ทุกคนจะตอบตกลงและไปนอนกัน
ในเช้าต่อมาพวกเราได้มาที่ห้องสมุดและทำการดูสมุดรุ่นของแต่ละปี ในตอนแรกก็เริ่มท้อกันแล้ว แต่เซปที่ได้ลองดูของปีเก่าๆก็เจอเบาะแส
"เห้ย ทุกคน ลองดูนี่ดิ"เซปได้เรียกทุกๆคนไปดูสิ่งที่พบ
"มีไรหรอพี่เซป"คนรักของเซปอย่างชินได้เอ่ยถามก่อนจะโอบเอวอีกฝ่ายไว้
"ลองดูตรงรุ่นที่40ดิ ห้อง8มันหายไป"เซปชี้ไปที่หน้าสุดท้ายของหนังสือรุ่นที่หยุดอยู่ตรงที่มี6/7เท่านั้น
"เออจริง"ใต้พูดออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
"ปีนั้นอาจจะไม่มีห้อง8ก็ได้"ชินพูดออกไป
"แต่ว่าโรงเรียนเรามีห้อง8มาตั้งแต่ยุคแรกเริ่เลยนิคะ"ไอรักพูดโต้แย้งตามความจริง
"จริงด้วย แปลว่าในปีนั้นต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ"เคนพูดเสนอความคิดก่อนที่ทุกคนจะเริ่มคิด
"ในนี้มีอาจารย์ที่อยู่เกิน40ปีไหม"เซนส์ถามด้วยความสงสัย
"มีอยู่นะ อาจารย์พิศมัยไง แกสอนมา43ปีแล้ว ว่าแต่ถามทำไมอ่ะ"เทนตอบกลับเซนส์ก่อนจะถามจุดประสงค์ของเซนส์ว่าทำไมถึงอยากรู้
"ถ้าเป็นแบบที่เคนพูดบางทีคนที่อยู่มานานกว่า40ปีอาจจะรู้ก็ได้ ลองไปถามก็ไม่เสียหายนิ"เซนส์พูดบอกจุดประสงค์ก่อนจะเสนอให้ลองไปถาม
เมื่อถึงตอนเย็นพวกเราได้ไปหาครูพิศมัยที่ห้องหมวดวิทย์ แต่ก็ไม่พบครูเลยแยกย้ายกันกลับ แต่เคนที่ลืมของไว้บนห้องจึงขึ้นไปเอาของกับเทน ซึ่งในช่วงตอนลงบรรไดจะกลับบ้าน พพวกเขาก็เจอกับอาจารย์พิศมัย
"พี่ๆนั่นอาจารย์พิศมัยป่ะ"เคนได้พูดถามโทรออกไป
"ใช่ๆนั่นอาจาร์ยพิศมัย"เทนตอบกลับคนที่อายุน้อยกว่าตนก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาอาจารย์พิศมัยเพื่อถามเรื่องที่อยากรู้
"อาจารย์ครับ คือว่า"เทนที่กึ่งกล้ากึ่งกลัวที่จะพูดกับอาจารย์เพราะด้วยความที่ว่าอาจารย์พิศมัยขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดกับนัดเรียนมากและด้วยหน้าตาของอาจารย์เขาที่เข้มงวดด้วยเลยทำให้เทนสะดุ้งและไม่กล้าพูดออกไปต่อหน้าอาจารย์
"นักเรียนเย็นขนาดนี้ยังไม่กลับอีกหรือไง"อาจารย์พิศมัยพูดด้วยนํ้าเสียงเรียบนิ่งบ่นบ่นเล็กน้อย
"........กำลังจะกลับแล้วครับครู แต่ผมมีเรื่องอยากที่จะถามหน่อยน่ะครับเทนเลือกที่จะพูดออกไปด้วย
"มีอะไรงั้นหรอ"อาจารย์พิศมัยถามเทนและเคน
"คือว่าอาจารย์เคยรู้จักม.6/8รุ่นที่40ไหมครับ"เคนถามอาจารย์ออกไปก่อนที่จะได้รับคำตอบ
"ทำไม เธอจะรู้ไปทำไม"อาจารย์พิศมัยไม่ได้มีนํ้าเสียงโมโหหรืออะไร แต่เป็นนํ้าเสียงแห่งความเศร้าโศกที่เปล่งออกมาแทน
"คืออาจารย์คงจะพอรู้เรื่องที่มันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้บ้าง พวกผมสงสัยเลยอยากจะลองถามว่าห้อง8รุ่นที่40ในหนังสือรวมรุ่นหายไปไหนหรอครับ"เทนพูดตอบคำถามของอาจารย์พิศมัยก่อนที่อาจารย์จะตอบกลับมา มันเหมือนจุดแสงไฟนิดๆให้เขา
"ในวันเสาร์นี้ เจอกันที่ร้านกาแฟหน้าโรงเรียน และเดี๋ยวอาจารย์จะเล่าให้ฟัง"อาจารย์ตอบก่อนจะกลับไป
พอพวกเขากลับถึงหอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อบอกข่าวดีให้ทุกคนฟัง แต่ในข่าวดีย่อมมีข่าวร้าย
(พวกนาย เราลองถามเพื่อนของลุงแล้ว เขาเคยเป็นเพื่อนข้างห้องกับเด็กห้อง8รุ่น40)แยมที่ส่งข้อความเปิดเรื่องมาทำให้ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่เรื่องที่แยมจะเล่า
(เล่ามาเลยแยม)เซนส์พูดบอกแยมให้พูดสิ่งที่ต้องการจะบอกออกมา
(เพื่อนลุงแยมอ่ะบอกว่า เขามีเพื่อนเป็นเด็กห้อง8เพื่อนของลุงมีอนาคตที่ดี แต่ต้องมาเสียชีวิตเพราะตู้ห้องเคมีล้มทับอย่างแรง แล้วเพื่อนของลุงเขาก็เคยเล่าว่าก่อนที่เพื่อนของเขาจะเสียชีวิตเคยเล่าเกี่ยวกับคำสาปที่จะพรากคนตายในทุกเย็นวันจันทร์)แยมพิมพ์ข้อความมายาวก่อนทุกคนจะพุ่งคำถามออก
(คำสาป คำสาปเหี้ยไรอีกว่ะเนี่ย)ใต้พิมพ์ออกมาด้วยความหัวเสีย
(คำสาป เรื่องล้อเล่นหรอ คิดว่าจะหลอกเด็กรึไง)ตามมาด้วยนวลที่พิมพ์ออกมาเชิงหัวเสียนิดๆ
(ไอเข้าใจว่าพวกพี่อ่ะไม่อยากเชื่อแต่ตอนนี้อ่ะไอไรที่เป็นข้อมูลเราก็ต้องเชื่อและเก็บไว้ก่อนเป็นทางรอด)ไอรักพิมพ์เพื่อให้ทุกคนใจเย็นลงบ้าง
(จริงอย่างที่ไอบอก ถึงมันจะไม่น่าเชื่อแต่มันคือสิ่งเดียวที่เรารู้ตอนนี้)ฟิลม์พิมพ์บอก
(มีข้อมูลอะไรอีกเดี๋ยวแยมจะรีบเอามาบอกนะ)แยมพิมพ์จบ เคนและเซนส์เลยพิมพ์บอกข่าวดีอันเล็กน้อยของเขา
(พวกเราเจอครูพิศมัยละนะ ครูแกบอกว่าเดี๋ยวจะเล่าเรื่องให้ฟังในวันเสาร์ร้านกาแฟตรงข้ามโรงเรียนอ่ะ)เทนพิมพ์บอกให้ทุกคนรับรู้ก่อนจะเลือกให้เทนและเคนไปรับข่าวสารจากครูแกมาและค่อยมาบอกพวกเขา
(ว่าแต่ครูบอกให้ไปเจอกี่โมงหรอ?)ชินพิมพ์ถามด้วยความสงสัยก่อนเจ้าเพื่อนร่วมชั้นตัวแสบจะตอบออกมาอย่างติดตลกว่า
(เออ ลืมถามว่ะ55)เทนพิมพ์ตอบติดตลกมาก่อนจะโดนเพื่อนๆด่าเล็กๆน้อยๆ
(ไอเทนมึงนี่นะ ได้เจอครูเขาแต่มึงดันไม่ถาม มึงโง่หรืออะไรวะเพิ่ล)ใต้พิมพ์ด่าเพื่อนเล็กๆน้อยๆก่อนที่เทนสัญญาว่าพน.จะไปถามครูเขาให้แน่ชัด
"ชินเป็นไงบ้าง"เซปที่เห็นท่าทีตกใจกลัวของชินเลยถามด้วยความเป็นห่วง
"ผมกลัวอ่ะพี่เซป"ชินตอบกลับเซผด้วยสีหน้าที่ความรู้สึกระหว่างกลัวกับตกใจปนกัน
"พี่ก็กลัวชิน แต่พี่สัญญาเราจะต้องรอดไปด้วยกัน"เซปให้คำสัญญากับชินก่อนจะโอบเอวเล็กเอาไว้แล้วจูบเบาๆที่หน้าผากของอรกฝ่ายเพื่อยากให้คลายเครียด แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือใบหน้าอันร้อนผ่าวของชิน
"555"เซปขำกับหน้าของชินเล็กน้อยก่อนจะลูบหัวคนตัวเล็กกว่าตนก่อนจะเดินไปส่งที่หน้าห้องของชิน
"พี่เซปสัญญากับชินแล้วนะ ว่าจะรอดไปด้วยกันอ่ะ พี่ต้องรักษาสัญญานะครับ"ชินที่กำละงจะเข้าห้องหันมาทำหน้าตั้งความหวัง
"ครับๆพี่สัญญา"เซปพูดก่อนจะลูบหัวคนตัวเล็ก ชินเดินเข้าห้องด้วยสีหน้าที่มีมีความสุขเล็กน้อย ถึงจะเห็นพวกเราเหมือนจะมีความสุขกันมากนักแต่มันคงไม่มีใครหรอกที่จะสุขไปในสถานการ์ณที่เพื่อนของตัวเองเสียไปแล้วสองคน
.
.
.
.
.
.
.
.
ตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงวันเสาร์พวกเราต่างช่วยกันหาข้อมูลเพิ่มเติมแต่ก็ไม่ค่อยมีความคืบหน้าเท่าไหร่นัก วันนี้คือวันที่เทนกับเคนจะไปหาอาจารย์พิศมัยเพื่อที่จะให้อาจารย์เล่าเรื่องของเด็กห้อง8รุ่น40
"อาจารย์สวัสดีครับ"เทนและเคนพูดพร้อมกับยกมือไหว้ก่อนที่อาจารย์พิศมัยจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วบอกให้นั่งลงก่อนที่ชาไทยสองแก้วจะมาเสริฟพร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้ว
"เอ่อ คือว่าเรายังไม่ได้สั่/อาจารย์เลี้ยงให้"เคนที่กำลังจะบอกพนักงานว่าตนไม่ได้สั่งก็ถูกอาจารย์พิศมัยตีดบทว่าตนเลี้ยงให้
"ขอบคุณครับ"เทนและเคนขอบคุณอาจารย์กาอนอาจารย์จะเข้าเรื่อง
"ในตอนที่อาจารย์อายุ23อาจารย์ได้เป็นอาจารย์ได้ประจำชั้นม.6/5รุ่นที่40"อาจารย์เปิดเคื่องก่อนที่เคนและเทนจะตั้งใจฟัง
"ตอนนั้นห้อง8เป็นห้องที่ขึ้นชื่อด้านความดื๊อและเกเร และมีช่วงนึงที่เกิดการฆ่าตัวตายของเด็กคนนึงในห้อง8 หลังจากนั้นก็เริ่มมีเด็กเสียชีวิตตามๆกัน"อาจารย์พิศมัยได้เล่าเรื่องให้เราฟังเท่าที่ตนรู้แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่อาจารย์พิศมัยบอกนั้นคือสิ่งที่พวกเรารู้กันจากลุงของแยม
"ขอบคุณครับอาจารย์"พวกเราขอบคุณอาจารย์ก่อนจะกลับหอกัน
(พวกเรามาเจอกันที่ห้องของนวลนะ)ฟิลม์พิมพ์บอกทุกคน เคนที่เห็นข้อความของฟิลม์จึงบอกเมน
ก็อกก็อกๆ เคนและเทนที่เดินมาถึงที่ห้องนวลแล้วจึงเคาะประตูหลังจากนั้นนวลก็เดินออกมาเปิดประตู
"เข้ามาดิ"นวลบอกพร้อมให้ทั้งสองคนเข้ามา เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาก็เจอกับทุกคนในห้อง8ที่นั่งหน้าเครียดกันอยู่
"เป็นไรกันอ่ะ หน้าอย่างกับตูดลิง"เทนล้อนิดๆแต่เมื่อลองดูบรรยากาศอีกทีก็พบว่ามันน่าอึกอัดมาก
"คือเพื่อนของลุงแยมอ่ะเขาเล่าเรื่องมาให้ฟังตอนอยู่ม.6"แยมพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้เทนและเคนอ่าน
(แยม ลุงพึ่งนึกได้ว่าตอนลุงอยู่ม.6 เคยมีพวกของเด็กห้อง8และคนอื่นๆที่คิดว่าเจ้าของคำสาปน่าจะต้องการให้หาของสิ่งนึงที่พวกเด็กห้อง8เอาไปซ่อน แต่เจ้าตัวคนที่เอาไปซ่อนดันตายก่อนพวกนั้นเลยหากันเอง หลังจากที่พวกนั้นรวมตัวกันไปหาในตอนเย็นวันจันทร์ก็ไม่มีใครพบจนในวันศุกร์พวกเขาได้พบกับร่างของเด็กห้อง8ทุกคนส่วนคนที่รอดก็สติแตกกันหมดจนเป็นบ้า)ข้อความที่แยมจื่นให้คือข้อความของลุงแยมที่พิมพ์ข้อความยาวเหยียดมา
"แบบนี้แปลว่าไรวะ"เทนที่อ่านเสร็จก็พูดออกมาปนอารมณ์เสีย
ตอนนี้ในห้องเต็มไปด้วยความเงียบก่อนที่นวลที่คิดอะไรดีๆได้จึงพูดเสนอมา
"หรือบางทีมันอาจจะเป็นวิธีแก้คำสาปจริงๆก็ได้"นวลเสนอ
"แต่ทุกคนแม่งตายหมดนะ"เซนส์พูดด้วยสีหน้าที่ถึงแม้จะดูนิ่งๆแต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าเซนส์กลัว
"แต่ที่พวกนั้นตายอาจจะเพราะว่าหาของไม่เจอ"โอ๊ตเสนอบ้าง
"แต่ถ้าเราหาแล้วไม่เจอเราก็ต้องตายนิ"ชินเริ่มคัดค้าน
"แต่มันคือทางเลือกเดียวของเรานะ หรือพวกแกจะเฝ้ารอความตายอยู่แบบนี้ล่ะ"ฟิลม์พูดบ้าง
"มีความเป็นไปได้ไหมคะที่เจ้าของคำสาปจะเสียชีวิตเพราะเด็กห้อง8เลยแค้น และอาจจะตายในวันจันทร์ตอนเย็น....แต่มันเกี่ยวอะไรกับของล่ะ"ไอรักพูดเสนอความคิดหลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มคิดตาม
"ถ้าสมมุติเจ้าของคำสาปเขาถูกแกล้งเอาของไปซ่อนล่ะ แล้วก็อาจจะเป็นของที่เจ้าของคำสาปรัก"เซปเสนอความคิดหลังจากนั้นเซนส์จะเสนอบ้าง
"แล้วถ้าของที่รักถูกซ่อนเจ้าของคำสาปคงโมโหเลยมีท่าทีต่อสู้กลับ"เซนส์พูดจากนั้นใต้ก็เลยพูดต่อ
"แล้วคนที่แกล้งอาจจะไม่พอใจเลยทำร้ายร่างกายจนเจ้าของคำสาปตายในเย็นวันจันทร์"ใต้พูดขึ้น
"และบางทีกติกาของคำสาปอาจจะให้คนที่อยู่คนเดียวตายก็ได้ ดูจากตอนที่เลื่อมและสุกี้..."นวลพูดก่อนจะเงียบไป
พวกเราเงียบกันไปสักพัก พวกเขาเหมือนเจอทางออกแล้ว แต่มันเหมือนกลับว่าทางออกนี้มันจะแรกกับชีวิตของเพื่อนๆของเขา
หลังจากนั้นพวกเราแยกย้ายกันกลับห้อง
"เตงกลัวหรอ"โอ๊ตถามฟิลม์ที่เป็นคนรักของตนตอนนี้มือของเขาเย็นมาก
"ก็ต้องกลัวสิ ไม่มีใครที่ไม่กลัวหรอกสถานการณ์แบบนี้"ฟิลม์ตอบโอ๊ตด้วยนํ้าเสียงสั่นเครือ
"นั่นสินะ"โอ๊ตพูดพลางกำมือฟิลม์แน่นกว่าเดิม ใช่เขากลัว กลัวที่จะต้องตาย แต่กลัวมากกว่าถ้าฟิลม์จะต้องตาย
"เราจะต้องผ่านไปด้วยกันนะฟิลม์แล้วหลังจากนั้นเราจะไปสมัครมหาลัยด้วยกัน"โอ๊ตบอกฟิลม์ก่อนที่จะก้มลงไปหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างเบาๆ
"ทำบ้าอะไรของโอ๊ตเนี่ย"ฟิลม์ที่ตกใจกับสิ่งที่คนรักของตนกระทำ
"หน้าแดงแล้วนะ"โอ๊ตล้อฟิลม์ที่ตอนนี้ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ
"อ่ะ ถ่ะ ถึงห้องแล้ว ไปก่อนนะ"ฟิลม์ที่รู้สึกถึงใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าวเพราะความเขินจึงขอเข้าห้องไปแบบอายๆ
"จ้า55"โอ๊ตตอบกลับฟิลม์ ในความทุกข์นี้ความสุขเล็กๆของเขาคงเป็นฟิลม์นี่แหละ เขาคิดก่อนที่จะยิ้มแล้วเดินกลับห้อง
เวลาผ่านไปจวบจนวันจันทร์อีกครั้ง พวกเราพยายามหาทางกันเพื่อที่จะไม่ให้มีคนตาย ไม่ว่าจะไปที่ไหนเราต่างก็อยู่ด้วยกันแต่
กึก!เพล้ง!เสียงเชือกที่ยกแท่งเหล็กขนาดมะหึมาขาดก่อนที่จะหล่นลงมาทับและแทงร่างของแยมเลือดสาดกระเด็น เสียงกรีดร้องดังออกมาจากแยมที่กำลังสิ้นใจ มันทำให้พวกเราทุกคนช็อคกับเหตุการณ์ข้างหน้า โดยเฉพาะโอ๊ตที่เดินข้างแยมก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก
"กรี๊ดดดดด"เสียงของผู้คนแถวนั้นกรี๊ดออกมา
"ย่ะ แยม"โอ๊ตที่ตอนนี้ช็อคมากที่สุด เสื้อผ้าของเขาเลอะไปด้วยเลือด มือสั่นเทาไปหมด
"โอ๊ต"ฟิลม์คนรักของเขาได้เดินทากุมมืออีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ทั้งช็อคและเป็นห่วงคนตรงหน้า แน่นอนว่าทุกคนต่างช็อคกันไปหมด ทำไม ทำไมถึงยังมีคนตายอยู่อีกล่ะ ทำไม ทำไม ทุกคนคิดแบบนั้น บางคนกัดฟัน บางคนร้องไห้
หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นพวกเราได้ถูกเรียกไปสอบปากคำถามเหตุการณ์แล้วจึงถูกปล่อยกับหอ พวกเราได้มานั่งรวมกันในห้องของนวล สิ่งที่เราคิดกันนั้นพังไปหมด ภายในห้องเงียบ จนได้ยินเสียงสะอื้นและลมหายใจของแต่ละคน
"ทำไมวะ!พวกเราก็อยู่ด้วยกันตลอดนี่วะ!ทำไมยังมีคนตายอยู่อีกวะ!"ใต้สบถพรัอมพร้อมต่อลงไปที่กำแพง
"พี่ใต้ อย่าทำแบบนั้น!โอ๊ย!"ไอรักพูดเสียงสั่นเครือเพราะเหตุการณ์เมื่อกี้ แต่ก็ต้องห้ามไม่ให้ใต้ทำอะไรบ้าๆลงไปอีกคน ก่อนจะถูกอีกฝ่ายเพลอพลักตามอารมณ์คนที่กำลังเดือด
"เห้ย ไอพี่ขอโทษ"ใต้ที่พึ่งรู้สึกตัวรีบมาดูสภาพไอหลังจากที่พลักไป
"ไม่เป็นไรมากค่ะ แต่พี่อย่าทำอย่างงี้เลยนะคะ ไอเข้าใจว่าพี่กำลังสับสนโมโหแต่ว่ามันไม่มีประโยชน์ถ้าจะต่อยกำแพงนะคะ"ไอรักพูดด้วยนํ้าเสียงสั่นๆ
"มีความเป็นไปได้ไหม ว่าจริงๆแล้วกติกาคำสาปอาจจะไม่ใช่ว่าห้ามอยู่คนเดียว"นวลพูดเสนอขึ้นทุกคนจึงคิดตาม
"แล้วถ้าเปลี่ยนจากห้ามอยู่คนเดียวเป็น ต้องอยู่ในสายตาละคะ"ไอรักเสนอความคิดก่อนทุกคนจะเริ่มเรียบเรียงเหตุการณ์
"สุกี้ที่ตอนนั้นอยู่คนเดียวก็..."โอ๊ตพูดจากนั้นฟิลม์ก็พูดต่อ
"แล้วเลื่อมที่ตอนนั้นอยู่ในที่ๆมีคน แต่ก็ยัง...."ฟิลม์พูดจากนั้นเคนก็พูดต่อ
"แล้วแยมที่อยู่กับพวกเราแต่ดันถูกแท่งเหล็ก..."เคนพูดเสร็จเซนส์ก็เสริม
"ซึ่งในทุกเหตุการณ์ไม่มีใครเห็นตอนที่สุกี้ เลื่อมเสียแต่แยมพวกเราตอนนั้นเห็นแค่ตอนที่แยมถูกเหล็ก...."เซนส์พูดจบทุกคนจึงคิดได้ว่าเราต้องอยู่ในสายตาของทุกคน จะได้ไม่มีใครเสียชีวิต
"แปลว่าในเย็นวันจันทร์พวกเราจะต้องอยู่ในสายตาของกันและกัน"โทนสรุปก่อนที่ใต้จะพูดสิ่งที่คิด
"งั้นแปลว่าวันจันทร์เรานั่งจ้องกันอาจจะไม่มีใครตายก็ได้นิ"ใต้ที่พูดขึ้นในสิ่งที่ทุกคนก็คิดเหมือนกัน
"แล้วจะเอาไง จะทำตามที่เพื่อนของลุงแยมเคยบอกไหม"เซปถามทุกคนก่อนจะได้รับคำตอบมาว่าตกลงจะลองทำตามเพราะมันคือหนทางสุดท้ายแล้ว พวกเราไม่อยากให้ต้องมีเพื่อนที่จากไปอีกแล้ว
สัปดาห์นี้ผ่านไปอย่างสงบ พวกเราแต่ละคนตั้งใจกับการเรียนให้มากขึ้นและช่วยสังคมให้มากขึ้น เพราะมันอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ทำแล้วก็ได้ และเมื่อเย็นของวันจันทร์มาถึง พวกเราได้นัดกันจัดเตรียมกระเป๋าของกินของจำเป็นในตอนกลางคืนอย่างไฟฉายและชาร์จโทรศัพท์มาพร้อม
(นัดรวมตัวที่ห้องเรานะ)นวลทักมาในไลน์บอกทุกคน
(โอเค)ใต้และคนอื่นๆทักตอบนวลไป
ชินและเซปที่มาซื้อลูกชิ้นอยู่ตรงหน้าโรงเรียนก็กำลังจะกลับเข้าโรงเรียนแล้วเหมือนกัน ส่วนนวลที่มาถึงห้องพร้อมๆกับโอ๊ตและฟิลม์ก็นั่งรอทุกคน ส่วนเซนส์และเทนที่กำลังกรอกนํ้าเตรียมมาใช้นั้นก็ยืนคุยกันพลาง เคน ใต้และไอรักที่กำลังซื้อของกืนอยู่ในเซเว่นก็กำลังจดจำเรื่องราวเหล่านี้ไว้เพราะพวกเขาอาจจะไม่ได้เห็นบรรยากาศยืนตากแอร์ในเซเว่นแล้วก็ได้ พวกเขาต่างรู้ว่าถ้าทำแบบนี้อาจจะไม่รอดกันแต่มันคือหนทางเดียวที่เขาจะอยู่รอดได้
และเมื่อทุกคนมาถึงที่นัดหมายต่างพากันนั่งเป็นวงกลมจับมือกันจดจำภาพเหล่านี้ไว้ก่อนที่นวลจะเริ่มพูดความรู้สึกแรกของตัวเองที่พบกับพวกเราให้ฟังกัน
"พวกมึงยังจำวันแรกได้ป่ะ ที่กูเข้ามาอ่ะ ตอนนั้นเว่นกูคิดว่าไอ้ใต้อ่ะมันคือโจรเว่ย"นวลพูดขึ้นมาทำให้ทุกคนหัวเราะเพราะว่าตอนนั้นใต้ก็เหมือนโจรจริงๆน่ะแหละ หลังจากที่นวลพูดเสร็จคนอื่นๆก็พากันพูดบ้าง
"ในตอนนั้นกูไม่คิดจะสนิทกับพวกมึงทุกคนเลยนะ แต่พอรู้จักจริงๆแล้วแม่ง...กูรัก...พวกมึงว่ะ"ใค้พูดออกมาบ้างพร้อมนํ้าตาแห่งมิตรภาพที่ไหลมา เขาไม่มีอาการสะอึกสะอื้นใดๆเลยแม้แต่น้อย
"กูก็รักพวกมึงเหมือนกัน/กูด้วย/ฉันด้วย"ทุกคนต่างพูดขึ้นมาเพราะตอนนี้อาจจะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวของพวกเขาก็ได้ที่จะได้บอกรักเพื่อนของตนก่อนจะสวมกอดกันพร้อมนํ้าตา
เวลาล่วงเลยไปจวบจนแสงสีเหลืองสว่างผันแปลเปลี่ยนเป็นสีส้มก่อนจะเป็นสีดำ พวกเรานั้นนั่งมองหน้ากัน ยังไม่มีใครจากไป แต่จู่ๆก็
พรึ่บ!ไฟในห้องดับ ก่อนจะได้ยินเสียงแก้วแตกและกรีดร้องของเทนออกมาพร้อมๆกันก่อนไฟจะเปิดขึ้นอีกครั้ง มีอีกแล้วทำไมถึงมีคนที่ต้องจากไปอีกแล้วล่ะ พวกเราคิดกันแบบนี้แต่ทุกคนรู้ดีว่าสัญญาณนี้แปลว่าพวกเราจะถอยไม่ได้แล้ว
"พี่เทน"ชินที่นั่งอยู่ข้างๆเทนช็อคกับภาพที่เห็นคือสภาพของเทนที่มีเศษแก่วแทงที่ดวงตาและต้นคอเลือดไหลเป็นสาย
"เทน...."ใต้พูดก่อนจะเอามือไปจับชีพจรแต่มันก็สายไปแล้ว
"โทรไปแล้ว"ใต้บอกก่อนจะเอามือปิดเปลือกตาของเทนที่ค้างไว้ให้ปิดลงแล้วลากศพเทนไปไว้หลังห้อง
"ชินไหวไหม"เซปที่ตอนนี้เป็นห่วงชินสุดๆร่างของชินตอนนี้สั่นเทาไปหมด
"พี่เทนเขา"ชินพูดด้วยนํ้าเสียงสั่นไปหมดรวมถึงตัวเขา เซปที่เห็นท่าไม่ดีเลยกุมมือชินเอาไว้เพื่อนให้ชินอุ่นใจขึ้น
"เราจะเลิกกันตอนนี้ดีไหม"นวลที่ตอนนี้เกิดอาการกลัวได้พูดขึ้น
"แต่เราจะกลับก็ไม่ได้แล้วนะ"โอ๊ตพูดสวน ไม่รู้เพราะอะไรแต่เขารู้สึกว่าเกมคำสาปงี่เง่านี้ได้เริ่ขึ้นแล้ว
"แต่...."นวลที่ตอนนี้อยากกลับเต็มทนแล้วแต่ก็ไม่สามารถเถียงโอ๊ตได้เพราะเขาก็รู้สึกว่าพวกเขากลับไม่ได้แล้วจนกว่าจะเจอสิ่งนั้นของเจ้าของคำสาป
"ไอเข้าใจนะคะว่าทุกคนกลัว ไอก็กลัวค่ะ แต่พวกเรามากันไกลขนาดนี้แล้ว พวกเราจะถอยกันตอนนี้ไม่ได้ ทุกคนจะปล่อยให้พี่เทน พี่สุกี้ พี่เลื่อมและพี่แยมจากไปเปล่าๆหรอคะ"ไอรักพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงที่พยายามคุมโทนปกติให้มากที่สุดพูดมาเพื่อปลอบใจทุกคน
"ไอรู้ว่าทุกคนอยากกลับกันแล้ว แต่อีกแค่นิดเดียวพวกเราก็จะรอดไปด้วยกันแล้วนะคะ ทนอีกนิด ช่วยกันอีกหน่อยเราจะรอดไปด้วยกันนะคะ"ไอรักพูดก่อนจะยิ้มบางๆให้ทุกคน ไม่รู้ทำไมแต่คำพูดแค่นั้นของไอมันทำให้พวกเขาเกิดความกล้าและกล้าเผชิญหน้ากับคำสาปนี้
"ในวันนี้พวกเราจะแยกกันเป็นสามกลุ่มนะ แล้วให้ตรวจกันแต่ละตึก"ฟิลม์บอกก่อนที่ทุกคนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
"กลุ่มแรกตรวจตึก1จะมี โอ๊ต นวล เซนส์ นะ ส่วนกลุ่ม2ตรวจตึก2จะมี ไอรัก ชิน เคน นะ กลุ่มสามจะมี ใต้ ฟิลม์ เซป นะ"ใต้บอกก่อนที่คู่โอ๊ตฟิลม์และคู่เซปชินจะมองแบบทำไมให้แยก
"ก็เพราะถ้าให้คู่รักอยู่ด้วยกันฉันเกรงว่าจะดูแลกันจนไม่ได้ดูอีกคนที่มาด้วยกันน่ะสิ"ใต้พูดบอกเหตุผล ทั้งสองคู่จึงโอเคแม้ในใจเป็นห่วงคนรักของตนมากๆก็ตาม แต่มันก็จริงอย่างที่ใต้บอกนั่นแหละ
พวกเราเตรียมไฟฉายกันไว้คนละกระบอก ถึงแม้ทางเดินตะมีไฟตลอดทางแต่ก็เพื่อเอาไว้ดีที่สุด โชคดีที่ทั้งสามตึกนี้เป็นทางเชื่อมหมดเราเลยนัดกันจะมาเจอกันที่ตึกบรรไดตรงกลางของตึกสอง พวกเราเริ่มเดินตรวจที่ชั้น1กันก่อน เพื่อหาเบาะแสของเจ้าของคำสาปว่าของที่รักคืออะไร
"พี่ๆคะ ไอว่าเราลองหารูปในห้องสมุดกันก่อนไหมคะ"ไอรักเสนอกับชินและเคนก่อนจะตกลงเข้าห้องสมุด
เมื่อพวกเราเดินเข้าไปบรรยากาศของห้องสมุดในตอนกลางคืนกับเช้าช่างแตกต่างกันมาก ในตอนเช้าที่ถือว่าน่ากลัวแล้วในตอนกลางคืนน่ากลัวกว่าอีก แต่มันจะมีอะไรน่ากลัวไปกว่าการที่เราต้องมาจากไปทีละคนแล้วล่ะ พวกเราเริ่มค้นหารูปตอน20ปีที่แล้วกันก่อนจะพบกับภาพๆนึงที่เป็นภาพสีแต่เป็นงานหยาบๆเพราะอาจจะช่วงเวลาสมัยนั้นด้วย
"ดูนี่ดิเราเจอภาพของเด็กห้อง8รุ่น40"ชินพูดก่อนจะยื่นภาพสีขาวดำใบนึงให้พวกเราดู มันคือภาพรวมรุ่นของม.6/8รุ่นที่40 ในภาพนั้นมีจำนวนสมาชิก20คนพอดี และเป็นเพศชายล้วนเพราะในสมัยก่อนโรงเรียนของเราคือโรงเรียนชายล้วนก่อนจะเปบี่ยนมาเป็นชายหญิง ณ ปัจจุบันนี้
"นี่คนที่อยู่ตรงนี้อ่ะถูกขีดค่าหน้าด้วย"เคนพูดก่อนจะชี้ให้ทั้งสองคนดู มันคือภาพของเด็กผช.ตัวเล็กคนนึงที่กอดกระเป๋านักเรียนหนังทรงเหลี่ยมสีดำเอาไว้
พวกเราได้เป็นกลุ่มที่1ตรวจตึก1โอ๊ต นวล เซนส์กำลังปรึกษากันว่าจะเริ่มตรวจห้องไหนก่อน
"ลองเอาห้องแฟ้มข้อมูลในห้องเอกสารไหม"นวลพูดเสนอเสร็จเซนส์และโอ๊ตก็ตกลวเห็นด้วย ทั้งสามตรงไปที่ห้องเอกสารของโรงเรียนก่อนจะจับลูกบิดเปิดประตูเพื่อเปิดแต่ทุกอน่างใช่ว่าจะตรงตามสิ่งที่เราคิดเสมอไปเพราะประตูห้องเอกสารนั้นล็อค
"ล็อคว่ะ"โอ๊ตพูดบอกคนข้างหลังทั้งสอง
"ไม่แปลกหรอกเพราะห้องเอกสารเลยนะใครจะให้เข้าไปดูง่ายๆล่ะ"นวลบอก หลังจากนั้นทั้งสามคนจึงตัดสินใตไปห้องอื่นเพื่อหากุญแจและเบาะแสเพิ่ม
ในตึก3ชั้น1ไม่ค่อยมีอะไรมาก ส่วนใหญ่จะเป็นห้องเรียน พวกเราเดินตรวจทุกซอกทุกมุมของห้องเรียนแล้วแต่ก็ไม่เจออะไรที่เป็นเบาะแสเลยจนเหลือห้องสุดท้ายอย่างห้องเก็บกุญแจที่อยู่ฝั่งขวาสุดของชั้น
เมื่อพวกเราตรวจชั้นที่1เสร็จจึงเดินมารวมตัวกันกับเพื่อนๆที่อยู่ตรวจตึกอื่น
"พวกมึงเจออะไรบ้างป่ะ พวกกูไม่เจอไรเลยว่ะ"ใต้ถามคนอื่นๆ
"พวกเราเจอนี่ค่ะ"ไอรักยื่นภาพเก่าๆใบนึงให้ทุกคนดูกัน มันคือภาพรวมรุ่นที่มีใบหน้าของคนๆนึงถูกขีดเอาไว้
"พวกกูเจอแฟ้มประวัตินี่"โอ๊ตพูดก่อนจะส่งแฟ้มประวัติให้ทุกคนดู ถ้าถามว่าเขาได้มันมาได้ยังคงต้องเล่าหลังจากที่เปิดประตูไม่ออก พวกเราได้ทำการเอาที่ดับเพลิงมาทุบจนลูกบิดหลุดแล้วถึงเข้าไปได้ เป็นไงล่ะครับ ความพยายามของเรา ช่างหน้าชื่นชมใช่ไหมล่ะ
"แฟ้ม?"เซปพูดก่อนจะเปิดดู มันคือแฟ้มประวัติของเด็กห้อง8รุ่น40ที่มีตัวอักษรสีแดงเขียนไว้หน้าปกว่า เสียชีวิตหมด เอาไว้ พวกเราเริ่มเปิดอ่านดู ในแฟ้มนั้นมีชื่อ วันเกิด การศึกษาต่างๆนาๆที่ประวัตทั่วไปมี แต่สิ่งที่ห้อง8รุ่นนี้มีต่างกันไปคือทุกคนได้มีวันมรณะกันทุกคน พวกเราไล่เปิดอยู่สักพักไปเจอกีบรูปของเด็กผู้ชายตัวเล็กคนนึงที่มีวันมรณะเร็วกว่าคนอื่น
"คนนี้ป่ะพี่ ใช่คนเดียวกับภาพนี้ปาะ"ชินชี้ไปที่รูปของเด็กชายคนนั้น
"เออใช่ว่ะ"ใต้ที่ลองเทียบหน้าตาและลักษณะภาพนอกดูแล้วนั้นพูดขึ้น
"นาย ธนกิตต์ สมติวงค์ มรณะ 23 กุมภาพันธ์ 2543 สาเหตุการตาย ถูกพบเป็นซพในสภาพเลือดอาบ คาดว่า อาจมีผู้ร้ายทำร้ายร่างกาย"เซนส์อ่านออกเสียงให้ถูกคนฟัง
"เจ้าของตำวาปอาจจะเป็นนายธนกิตต์ก็ได้ แล้วดูจากภาพเขาน่าจะหวงกระเป๋านักเรียนแน่ๆ"นวลพูดสรุปก่อนที่ทุกคนจะคิดไปในทางเดียวกัน
"งั้นเราลองหา---/เห้ย!เคน"ชินยังพูดไม่จบใต้ก็พูดแทรกขึ้นมาเรียกเคนที่ตอนนี้เซไปตกลงบันได สภาพของเคนหลังจากตกบันไดนั้นมีสภาพบิดเบี้ยวกระดูกผิดรูปล่างคอที่ถูกหักหมุนมาที่ด้านหลัง
"เคน....."ใต้ที่วิ่งไปช่วยเคนไม่ทันได้พูดก่อนที่จะเดินลงไปยกศพเคนมาวางไว้ข้างๆบันได
ตอนนี้ทุกคนกำลังช็อคกีบเรื่องที่พึ่งเกิดพวกเขาไม่คิดว่าจะมีคนที่จากไปมากกว่า1คนได้ภายใน1วัน
"เมื่อกี้กูยังมองเคนอยู่นะ!ทำไมถึง...."ใต้พูดด้วยนํ้าเสียงโมโหขึ้น
ในความเงียบที่ทุกคนกำลังเสียใจไอรักคิดได่บางอย่างจึงเสนอออกมา
"หรือว่า เพราะเรามาเริ่มเปิดเกมถอนคำสาป คำสาปจึงให้มีคนตายได้มากกว่า1คนใน1วัน เพราะตอนที่เพื่อนของลุงของพี่แยมเล่าว่าเด็กห้อง8ทุกคนเสียชัวิตหมด พวกเขามีกันมากกว่า10คน แต่ไปแค่5วันเจออีกทีจากไปหมดแล้ว ซึ่งนั้นก็แปลว่าพวกเรา....."ไอรักพูดเสนอสิ่งที่เธอคิด แต่เธอรู้ว่าถ้าเธอพูดไปแปลว่าพวกเราก็คงไม่ต่างกันแน่นอน
พวกเราเงียบกันอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจไปตรวจชั้นที่2กันต่อโดยสภาพจิตใจค่อนข้างอ่อนล้าอ่อนแอ
ในชั้น2ของตึก1นั้นไม่ค่อยมีอะไรมากเพราะเป็นห้องของหมวดวิทย์หมดพวกเขาจึงตัดสินใจเดินตรวจทุกห้องไล่ตั้งแต่ซ้ายไปขวา แต่ก็ไม่เจออะไรมากพวกเราจึงตัดสินใจว่าถ้าตรวจห้องสุดท้ายเสร็จจะกลับไปรวมตัวกับเพื่อนๆของตน แต่เจ้ามือที่ไม่อยู่สุขของนวลได้ไปเพลอทำตู้เก็บของห้องวิทย์ล้มลงมา โชคดีที่นวลยืนข้างๆตู้เลยไม่ได้โดนอะไรมาก แต่ถ้านวลไปอยู่ด้านหน้าตู้พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"เหี้ย!มึงเป็นไหม!"โอ๊ตที่ตกใจเลยพูดเสียงดังแล้ววิ่งเข้ามาดูในห้องก็พบกับตู้ขนาดใหญ่ที่ล้มลงมากับนวลที่ยืนด้วยความช็อคอยู่ข้างๆตู้นั้น
"ไม่เป็นไรมึง แต่.....ช็อคว่ะ"นวลพูดด้วยเสียงสั่นปนตกใจเล็กน้อย
"เกิดไรขึ้น"เซนส์ที่เดินเข้ามาภายหลังพูดก่อนจะเดินมาพบกับตู้ใหญ่ที่กองบนพื้น
"พอดีนวลสงสัยว่าหลังตู้จะมีอะไรซ่อนไหมแล้วก็เลยเลื่อนออกจะดูแต่มันล้มลงมา"นวลพูดบอกก่อนที่ทุกคนจะเห็นกระดาษที่โพล่ออกมาจากกำแพงนิดหน่อย
พวกเราจึงตักสินใจดึงกระดาษออกมาจากกำแพงนั้น ตอนที่พวกเราดึงออกมาปูนตรงนั้นก็ล้วงลงมาหมด กระดาษนั้นสีเหลืองนิดๆเพราะความนาน และบนผิวของกระดาษนั้นเส้นและตัวกลมๆที่อยู่บนเส้น ระหว่างเส้น พวกเราจึงเก็บเอาไว้ก่อนแล้วไปรวมตัวกับเพื่อนๆ
ในชั้นที่2ของตึก2นั้นพบกับห้องหมวดคณิตพวกเราเดินเช็คชั้นนั้นอยู่สักพักก่อนจะไปรวมตัวกับเพื่อนๆ พอพวกเราเดินไปที่นัดหมายก็พบกับกลุ่มชั้น1ที่มารออยู่ก่อนแล้ว ส่วนชั้น3ก็กำลังเดินมา
"เจอไรบ้างป่ะ"ใต้ถาม
"ไอกับพี่ชินไม่เจออะไรเลยค่ะ"ไอรักบอกกับทุกคน
"พวกชั้นก็เหมือนกันว่ะ ไม่เจอไรเลย"ใต้บอกกับทุกคน
"ส่วนพวกชั้นเจอนี่"เซนส์พูดก่อนจะยื่นยื่นกระดาษสีเหลืองตามอายุความนานของมัน พอเราลองอ่านดูก็เจอแต่บรรทัด5เส้นที่มีจุดกลมๆเต็มไปหมด
"ตัวโน้ตนิคะ"ไอรักพูดก่อนที่ทุกคนจะสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับคำสาป
ติ่งต่องแต่งต่อง เสียงนาฬิกาดึงขึ้นในตอนที่เวลา05:59 พวกเขาไม่รู้เป็นนาฬิกาของใครและเวลามันผ่านมาเร็วถึงตอนตี5ตอนไหนแต่เมื่อพวกเขาได้ยินก็เกิดอาการง่วงมึนและสลบไปในห้วงนิทราแห่งความฝัน
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้พวกเราตื่นจากการหลับใหลมาในตอนที่ฟ้ามืดอีกครั้ง เมื่อลองมองไปรอบๆพวกเขาก็พบว่าพวกเขาได้กลับมายังห้อง8ซึ่งเป็นห้องเรียนของพวกเขา หลังจากที่ทุกคนตื่นกันก็ลองเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบกันเวลาทุ่มกว่าของวันอังคาร ตอนนี้ทุกคนต่างสลึมสลือตื่นขึ้น บ้างหลับอยู่ บ้างงัวเงีย บ้างกินขนมปังที่เตรียมมาอยู่
"เอาเป็นว่าวันนี้พวกเราจะตรวจชั้นที่เหลือกันต่อเลยนะ ส่วนตอนนี้ก็พักกันไปก่อนแล้วเดี๋ยวมาเจอกันอีกทีตอน2ทุ่ม"เซนส์พูดแผนของวันนี้ให้ทุกคนฟังก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไป
"พวกมึงกูกลัวว่ะ"ใต้บอกเพื่อนๆที่เหลืออยู่ในห้อง8ก่อนจะได้รับคำตอบที่เหมือนกันกลับมา
"กูก็ด้วย/ฉันด้วย"เซนส์และฟิลม์พูดบอกใต้ก่อนที่บรรยากาศตรงนั้นจะเต็มไปด้วยความเศร้า ไอรักที่เห็นท่าไม่ดีเลยพูดบางอย่างออกมาเพื่อให้กำลังใจ
"ไอรู้นะคะว่าทุกคนกลัว ไอก็กลัว แต่ว่าพวกเรายังมีกันอยู่ตรงนี้ พวกเราจะช่วยกันและกันจะซัพพอร์ตกันจนกว่าจะถึงเส้นชัยนะคะ"ไอรักพูด ไม่รู้ทำไมตอนที่เธอพูดมันเหมืนจุดแสงไฟสว่างให้พวกเขาจนมีกำลังฮึดสู้ต่อ
เมื่อถึงเวลานัดพวกเราก็มารวมตัวกันที่ห้อง8ก่อนจะคุยเรื่องแผนนิดหน่อยแล้วถึงค่อยแยกย้ายกันไปที่ชั้นต่างๆตามหน้าที่ของตน
ในชั้น4ของตึก2ไม่ค่อยมีอะไรมาก ส่วนใหญ่จะเป็นห้องชมรมและห้องเรียน พวกเราเดินตรวจตามตึกก่อนสักพักจะไปหยุดที่ห้องดนตรีไทย ในห้องนี้เป็นห้องที่เก่าที่สุด พวกเราเลนคิดว่าบางทีอาจจะมีเบาะแสในห้องนี้ก็ได้ก่อนจะช่วยกันหา แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอจนสายตาไปสะดุดกับกระดานดำที่สภาพเก่ามากแล้ว
"พี่ชินไอสงสัยไอเจ้ากระดานดำนี้อ่ะ"ไอรักพูดบอกก่อนจะชี้ไปที่กระดานดำ
"โอเคเราลองสำรวจกัน"ชินตอบคนที่มีอายุมากกว่าก่อนจะสำรวจดูแต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร ก่อนไอรักจะเริ่มเคาะตรงกระดานดำดู
ป๊อก ป๊อก ป๊อก เปาะ ป๊อก ไอรักหยุดมือตรงกระดานดำทีมีเาียงต่างจากพวก ก่อนจะลงมือเคาะตรงนั้นอีกรอบเพื่อความแน่ใจ
เปาะ เปาะ เปาะ หลังจากที่ไอรักเคาะอยู่สามครั้งเธอก็มั่นใจแล้วลงมือทุบกระดานดำแต่ไมาเป็นผล ชินที่มองอยู่จึงหยิบเก้าอี้ห้องข้างๆมาทุบจนกระดานไม้เป็นรู พวกเราก็พบกับกระดาษสีเหลืองตามอายุความนาน5แผ่นที่มีตัวอักษรที่ถูกขีดเขียนไว้เต็มหน้า หลังจากที่ตรวจเสร็จก็พากันไปที่จุดนัดรวมตัว
"อะไรในมืออ่ะ"นวลถามไอรักและชินก่อนที่ชินจะยื่นแผ่นกระดาษให่ดู ภายในแผ่นกระดาษได้เขียนไว้ว่า
"พวกเราได้พบเจอกับคำสาปแล้วลองหาวิธีแก้กันจนตัดสินใจลองมาหาของรักของหมอนั่นดูแต่ก็ไม่พบ"กระดาษแผ่นแรกเขียนไว้แค่นี้ก่อนจะมีแผ่นต่อไป
"วันนี้มีคนตายอีกแล้ว สมพงษ์ ตายไป พวกเราทุกคนกลัวกันมาก"กระดาษแผ่นที่สองเขียนไว้แค่นี้
"วันที่สามเราเหมือนตายทั้งเป็นเพื่อนเราจากไปอีก3คน เบาะแสที่มีตอนนี้มันนิดเดียว พวกเรารู้ว่าหมอนั่นมันชอบเครื่องดนตรี และดนตรีไทยมาก แค่นั้นเอง"แผ่นที่สามเขียนไว้แค่นี้
"วันนี้มีคนตายเพิ่มอีกแล้ว ฉันต้องทำไงดี"ในกระดาษแผ่นนี้มีรอยคราบเลือดและการขีดเขียนที่ตอนนี้มันกลายเป็นลายเส้นขีดไปมาแทน
"พวกเรารู้แล้วว่าของๆนั้นคืออะไร มันคือกระเป๋าแน่นอน"แผ่นที่5ถูกเขียนเอาไว้ แต่พอเราลองกลับกระดาษดูก็พบกับข้อความที่ว่า
"ฉันจะเก็บกระดาษนี้ไว้ในห้องนาฏศิลป์นะ เพื่อที่ทุกคนจะได้รู้"ด้านหลังเขียนบอกไว้แค่นี้ เมื่อพวกเราอ่านจบจึงตัดสินใจวำเบาะแสมารวมกันแต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
"เห้ยใต้!"นวลพูดพร้อมดึงใต้เขามาจากการตกจากขอบบันไดไปข้างล่าง แต่การที่เขาดึงใต้ขึ้นมานั้นเขาต้องใช้แรงที่เยอะพอตัวจนทำให้ตัวของเขาและใต้เพลอสลับตำแหน่ง มันทำให้นวลได้ตกลงไปแทนใต้
"นวล!!!"ใต้ที่ตอนนี้นํ้าตาที่เก็บไว้ไม่ไหวจึงได้ปล่อยโฮออกมา เขาได้ยินประโยคสุดท้ายของนวล เขารู้ เขาจึงเสียใจมากที่สุด การจากไปของนวลทำให้พวกเราแต่ละคนเริ่มอ่อนล้า แต่ก็ต้องไปที่ชั้น4ต่อ เมื่อถึงชั้น4พวกเราก็ได้แยกกันไปหา แต่ก็เหมือนเดิมไม่ค่อยได้อะไรมาก แต่พวกเขากลับต้องเสียเพื่อนไปอีกคน
"เซนส์!!!!"ฟิลม์พูดตกใจ เพราะเซนส์ที่กำลังเดินๆอยู่ในห้องเรียน กลับพัดลมตกลงมาทำตายคอหัก
พวกเราหลังจากที่รู้ข่าวการจากไปของเซนส์แล้วก็ต่างเสียใจอย่างมากแต่ก็ต้องสู้ต่อเพราะจะให้เพื่อนเราจากไปแบบฟรีๆไม่ได้ ส่วนโอ๊ตที่อยู่กลุ่มเดียวกับนวลและเซนส์คงใจบอบชํ้ามาก
"โอ๊ต"ฟิลม์เรียกโอ๊ตพร้อมกับจับมือโอ๊ตเอาไว้ มันทำให้โอ๊ตสะดุ้งขึ้น
"มีอะไรหรอฟิลม์"โอ๊ตพูดด้วยรอยยิ้มที่ภายในเจ็บปวดนั้นทำเอาฟิลม์แทบใจสลาย
"ไหวไหม ไม่ไหวพักก่อนได้นะ ตอนนี้หน้าโอ๊ตโทรมมาก"ฟิลม์พูดก่อนจะจับมือโอ๊ตมาวางไว้บนแก้มของตน
"ฟิลม์เนี่ยนะ น่ารักจริงๆเลย และก็ขอบคุณมากนะ ที่คอยอยู่ข้างๆ"โอ๊ตพูดก่อนที่ทั้งสองจะค่อยๆเลื่อนใบหน้ามาจูบกับแบบแผ่วเบา
ส่วนชินที่ตอนนี้สภาพก็ไม่ต่างกันเพราะตกใจกลัว
"ชินมานี่มา"เซปบอกชินก่อนที่ชินจะเข้าไปในอ้อมกอดของเซปพร้อมปล่อยร้องไห้ออกมา
"พี่เข้าใจ ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่ตรงนี้"เซปบอกชินกาอนจะจุ๊บหัวชินไปทีนึง
ใต้ที่กำลังช็อคอยู่นั้นก็นั่งเงียบๆที่มุมห้อง และไอที่ตอนนี้กำลังพยายามแก้เบาะแสอยู่นั้นก็ตัวสั่นตลอดพร้อมนํ้าตาที่ไหลมาอาบแก้ม
หลังจากที่เราพักกันสร็จ ไอได้ยืนอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนจะพูดออกมาคำนึงที่เป็นภาษาอังกฤษ
"Gate"เธอพูดออกมาซึ่งนั้นทำให้พวกเขามองด้วยความสงสัย
"พี่ๆคะ ไอคิดว่า คำพวกนี้อาจจะสื่อถึงประตูโรงเรียนก็ได้ค่ะ เพราะเมื่อลองเอาตัวโน้ตมาแทนเป็นตัวภาษาอังกฤษแล้วจะได้เป็น Gace แต่ตัวcมันคือโน้ตตัวt เมื่อลองเอามาใส่แล้วจะได้ gate ค่ะ"ไอรักพูดด้วยนํ้าเสียงสั่นเครือ
"แปลว่าบางทีของอาจจะอยู่ที่นั้นก็ได้สินะ!"โอ๊ตพูดก่อนจะวิ่งออกจากห้องคนแรก เขาไม่อยากต้องให้มีใครจากไปอีกแล้ว
"พี่โอ๊ตเดี๋ยวก่อนค่ะ"ไอรักที่วิ่งตามมาเพคาะเห็นว่าประตูกำลังปิดอยู่ ซึ่งนั้นแปลว่า โอ๊ตตกอยู่ในอันตรายแต่สะดุดก่อนจะถูกประตูหนีบขาหัก โอ๊ตที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตกใจมากขาชาแล้วล้มลง
"ไอรัก!!!"โอ๊ตพูดขึ้นเสียงดัง เพราะตอนนี้น้องสาวที่พวกเขาสนิทและเอ็นดูได้จากไปแล้ว มีเพียงแต่ร่างไร้วิญญาณที่ให้ไว้ดูต่างหน้า คนที่อยู่ภายในห้องตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะยกร่างของไอรักไปไว้ตรงมุมห้อง ตอนนี้พวกเขาตัดสินใจยังไม่ไปไหนเพราะรู้สึกหดหู่และดิ่งมากที่สุด
"เพราะมึงเลยโอ๊ต มึงวิ่งออกไปอ่ะ เลยทำให้น้องต้องตาย!"ใต้ที่กำลังหัวเสียพูดด่าทอโอ๊ต
"เพราะกูหรอ แล้วที่พวกมึงอ่ะนั่งอยู่ในห้อง จะช่วยน้องก่อนที่ประตูจะหนีบคอน้องอ่ะ ทำไมมึงไม่ช่วยกัน!"โอ๊ตเถียงตอบด้วยนํ้าเสียงที่กำลังโกรธจัด
"พวกมึงผิดทั้งคู่อ่ะแหละ"ฟิลม์ที่ตอนนี้ฟิวก็เริ่มขาดแล้วพูดขึ้น
"เอ้านี้มึงจะบอกตัวเองไม่ผิดว่างั้น ใต้พูดพร้อมกระชากคอเสื้อของฟิลม์ขึ้นมา
"ไม่-/พวกมึงหยุดกันก่อน กูมีอะไรจะให้ดู"ฟิลม์ที่กำลังจะเถียงใต้ถูกแทรกโดยเซปที่หยิบโทรศัพท์ไอขึ้นมาพร้อมปัดหน้าจอแล้วเอาโปรเจคเตอร์ต่อกับโทรศัพท์แล้วก็เปิดคริปๆนึง มันคือคริปที่เปิดมาตอนแรกเขียนว่า พวกเรามี.6/8 ความทรงจำดีๆที่ไม่มีวันลืมพร้อมกับเพลง ไม่อยู่ในชีวิตแต่อยู่ในหัวใจ บรรเลงคลอไปหลังจากนั้นภาพของพวกเราม.6ห้อง8ก็ถูกฉาย ภาพแต่ละภาพถูกเลื่อนผ่านไป ถึงมันจะเป็นคริปที่เอาไว้ฉายตอนจบแต่มันมีค่ามากสำหรับพวกเรา ภาพของพวกเราถูกฉายต่อไปเรื่อยๆพร้อมเพลงที่บรรเลงตาม คริปนั้นมันช่วยดึงพวกเรากลับมาได้มาก บางคนร้องไห้พร้อมหัวเราะ บางคนนํ้าตาซึม บางคนปล่อยร้องไห้โฮออกมา คริปนี้ทำให้เรามีกำลังใจและฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง พวกเราตัดสินใจลงไปหน้าประตูเพื่อหากระเป๋าแต่
"โอ๊ต!!"ฟิลม์พูดชื่อโอ๊ตขึ้นมด้วยน๊าเสียงสั่นคลอน โอ๊ตที่พึ่งรอดตายมาเพราะไอได้เป็นตัวแทนไปก่อนแต่ครั้งนี้คงไม่รอดแล้ว โอ๊ตที่อยู่ในห้องคนเดียวถูกพัดลมที่กำลังหมุนอยู่ตกใส่และหัวถูกตัดขาด แต่เพราะฟิลม์ไม่อยากให้โอ๊ตต้องตายไปฟรีๆจึงตัดสินใจไปต่อแต่พอลงมาชั้น3ก็
"ใต้!"ใต้ที่กำลังเดินลงบรรไดชั้นสามมาอยู่นั้นอยู่ดีๆนั้นสะดุดขา แล้วเซไปตรงที่มีเหล็กแหลมก่อนจะถูกเหล็กแหลมทิ่มเสียชีวิตพวกเราเลือกที่จะปล่อยใต้ไว้ก่อนแล้วไปต่อจนลงมาที่หน้าประตูใหญ่
พวกเขาหากระเป๋าแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบจนชินที่สังเกตุเจอบางอย่างเลยบอกทุกคน
"พี่ผมว่าของรักของเจ้าของคำสาปน่าจะไม่ใช่กระเป๋านักเรียนแต่อาจจะคือกระเป๋าสตางค์นะพี่"ชินพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพที่พวกเขาไปเจอในห้องสมุดพร้อมกับไอรักและเคน ในภาพถ้าลองสังเกตจะพบว่าข้างขวาของเด็กชายในภาพจถือกระเป๋าสตางค์ไว้ พวกเขาจึงเริ่มเปลี่ยนไปหา แต่ก็พบก็ต้องนึกย้อนไปตอนที่เพื่อนของลุงแยมบอกว่า ถูกแกล้ง ถ้าจะแกล้งแค่เอากระเป๋าสตางค์ไปซ่อนมันคงไม่เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้หรอก เซปจึงเสนอว่าลองหาอะไรที่เป็นกล่องๆดู หรืออะไรที่ใส่ของได้ เพราะขางมีกระเป๋าสตางค์อาจจะอยู่ในนั้น แต่เมืาอพวกเราหาไม่เจอจึงคิดว่าหรืออาจจะอยู่ในดินจึงพากันไปเอาพลั่วมาเพื่อขุดแต่
"พี่เซป!!!!"เซปที่เดินอยู่ข้างเลื่อยไฟฟ้า ที่อยู่ๆก็ติดขึ้นมาได้ถูกใบมีดเลื่อยและพลาดท่าล้มเพราะความเจ็บปวดก่อนแต่ก็พบกับเลื่อยไฟฟ้าที่รออยู่ ศีรษะของเขาถูกแบ่งเป็น2ส่วน ชินที่ตอนนี้อ่อนล้ามาก แต่ก็ต้องสู้จึงพาฟิล์มไปช่วยกันขุดหา แต่ฟิลม์
"พี่ฟิลม์!!!!"ฟิลม์ที่อยู่ๆเกิดอาการช็อคแล้วสลบไป ชินที่พยายามข่วยแต่ช่วยไม่ได้จนวัดชีพจรอีกครั้งก็พบว่าฟิลม์ชีพจรหนุดเต้นแล้ว ชินที่ตอนนี้เหลือคนเดียวได้พยายามขุดหาจนไปพบกับกล่องเหล็กเข้า ในตอนทีากำลังจะเปิดออกแสงแดดก็ได้มาเยือน ฟิลม์ที่กำลังงงว่าทำไมเขาถึงไม่ได้หลับก็เกิดอาการช็อคหัวใจวายหยุดทำงานอัตโนมัติ ก่อนที่กระดาษที่พวกเขาเคยอ่านนั้นเมื่อลองดูดีๆมันมีแผ่นนึงที่ขาด และกระดาษแผ่นที่ว่านั่นก็ลอยมาแล้วเขียนว่า เรามีเวลาแค่3วันเท่านั้น และเมื่อเช้าของวันพุธมาถึงทุกคนจะตาย
แป๊ะๆๆๆๆ เสียงปรบมือดังขึ้น ก่อนที่จะมีคนพูดออกไมค์ว่า
"จบไปแล้วนะคะกับหนังของห้องม.6/8ด้วยค่าาาา"พิธีกรสาวพูด
"เป็นเรื่องที่น่าตกใจมากนะคะ บลาๆ"พิธีกรสาวถามไอรักด้วยคำถามมากมาย พวกเราที่รออยู่ข้างล่างก็ได้แต่อมยิ้มและนั่งดูกับคำชมของหนังของพวกเรา เมื่อพิธีกรสาวถามเสร็จไอก็ได้ลงมาด้านล่าง พวกเราเลยวิ่งไปหาก่อนจะคุยกัน
"เจ๋งไปเลยเนอะว่าไหม"โอ๊ตพูดขึ้น
"หนังเราโคตรดีอ่ะ"ฟิลม์พูด
"ใช่5555"ใต้พูดพร้อมหัวเราะ
"แต่"ไอรักพูดก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนไป คอที่เริ่มบิดเบี้ยว
"จะมีใครรู้บ้างไหมว่ามันคือเรื่องจริง"ไอรักพูดเสร็จ ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปตามการตายในหน้า
"นั่นสินะ"เซปพูดหน้าของเขาถูกแบ่งเป็น2ซี
"55555"พวกเราทั้งหมด13คนหัวเราะพร้อมกับใบหน้าอันน่าสยดสยอง
"คำสาปน่ะยังไม่จบหรอกนะ"ไอรักพูดด้วยรอยยิ้มก่อนที่ทุกคนจะหันมาแล้วยิ้มพร้อมกัน
จบ.(จริงๆค่ะ)
ความคิดเห็น