คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่ 6 : กลั่นแกล้งจนได้เรื่อง {4}
นัทชาก้าวเข้าไปข้างในคอกม้าด้วยแข้งขาที่อ่อนแรง
สูดลมหายใจลึกอย่างไม่ลำบากใจนัก
เพราะภายในนี้ไม่มีกลิ่นเหม็นอบอวลอย่างที่ควรจะเป็น
นั่นเกิดจากสร้างคอกม้าให้มีการระบายอากาศอย่างดีเยี่ยม
และความสม่ำเสมอของการทำความสะอาด จะว่าไปก็ต้องขอบคุณน้ำส้มคั้นกับแซนวิชของแพรสุดาเป็นอย่างมาก
เพราะมันช่วยให้ดวงตาที่พร่ามัวของเธอสว่างไสวขึ้น
เธอเดินผ่านม้าตัวใหญ่สง่างามที่อยู่ในคอกกั้นของตัวเองไปจนสุดทาง
พบห้องสี่เหลี่ยมที่มีไว้เพื่อเก็บหญ้า อาหารม้า อุปกรณ์ขี่ม้า
รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดต่างๆ พลางนึกถึงคำพูดที่กัมปนาทอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับการทำความสะอาดคอกม้า
‘พื้นในคอกม้าจะเป็นพื้นปูนครับ
เพราะมันสามารถล้างทำความสะอาดได้ดี ส่วนวัสดุปูรองก็จะใช้เป็นทราย ขี้เลื่อย แกลบ
หรือซังข้าวโพดบดก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกครับ
แต่ฟาร์มของเรานั้นจะเลือกใช้ซังข้าวโพดบด เพราะอะไรผมก็ไม่เคยถามลุยซ์เหมือนกัน
แต่ถ้าให้เดาคงเพราะอยากจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้านที่ทำไร่ข้าวโพด’
‘แล้วเวลาทำความสะอาด ต้องเอาม้าออกมาก่อนใช่ไหมคะ’
‘ใช่ครับ กดปุ่มเปิดประตูตรงนี้
แล้วจูงม้าออกไปผูกไว้ตรงกำแพงด้านนั้นก่อน
จากนั้นก็กวาดเศษซังข้าวโพดบดออกให้สะอาด เอามันใส่ไว้ในถังล้อเลื่อนที่มีให้
เพราะเสร็จจากที่นี่เราต้องเอาไปแปรสภาพเป็นปุ๋ยต่ออีกทีครับ
จากนั้นใช้สายยางแรงดันสูงฉีดล้างทำความสะอาด แล้วถูพื้นให้แห้งสนิทก่อนค่อยเอาซังข้าวโพดบดอันใหม่มาปูโรยบนพื้นไว้เหมือนเดิม’
“เท่าที่คุณเก่งบอกมันก็ฟังดูไม่ยากเท่าไรหรอก...มั้ง”
นัทชาพึมพำกับตัวเอง กลอกตาอย่างระอา
ตั้งใจจะเดินไปยังคอกกั้นหมายเลขหนึ่งเพื่อนำม้าออกมาผูกไว้ข้างนอกก่อน
เธอกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากเย็น มือสั่นระริกขณะที่ยื่นนิ้วไปแตะที่ปุ่มเปิดประตู
เพื่อจูงม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลที่มีขนนุ่มสลวยให้ออกมาข้างนอก จากป้ายเล็กๆ
ด้านหน้าบ่งบอกว่ามันคือม้าพันธุ์พันธุ์โธรัฟเบร็ด (Thoroughbred) เป็นเพศผู้ และมีชื่อว่า ‘พายุ’
“เฮ้! สวัสดีพายุ
เราเจอกันไปแล้วเมื่อตอนสายๆ นายคงยังจำฉันได้อยู่ใช่ไหม” หญิงสาวเอ่ยเสียงดังอย่างร่าเริง
เพื่อหวังจะกลบเกลื่อนความประหม่าของตัวเอง ขณะสายตาจ้องมองไปยังบานประตูที่กำลังเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ
ทุกอย่างคงเป็นไปด้วยดีตามที่คาดหวังเอาไว้
ถ้าไม่ใช่เพราะในตอนที่ประตูเปิดออกจนสุดแล้ว ท้องฟ้าเกิดร้องคำรามกึกก้อง
จนเจ้าพายุมีท่าทีแปลกไปเสียก่อน
นัทชาเดาว่ามันคงเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกะทันหัน หูของมันเอียงไปข้างหลังทั้งสองข้าง
ส่งเสียงร้องพร้อมตะกุยขาหน้า
หญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหลบไปได้ทันอย่างหวุดหวิดในตอนที่มันพุ่งตัวออกมาจากคอกกั้น
“กรี๊ด! ไอ้ม้าบ้า!” เธอก่นด่าด้วยความขุ่นเคือง หอบหายใจแรงจนทรวงอกสะท้าน
มองตามไปก็พบว่าเจ้าพายุวิ่งตรงไปทางด้านหน้าของประตูใหญ่ที่ตอนนี้ปิดสนิท
มันกระทืบเท้าลงบนพื้น แล้ววิ่งเหยาะๆ วนไปวนมาอย่างกระสับกระส่าย
ครืน!...
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกระลอก เจ้าพายุสะบัดหน้ามาทางที่นัทชายืนอยู่
ร้องลั่นอีกครั้งราวกับต้องการปลุกระดมม้าตัวอื่นๆ ที่ยังอยู่ในคอกกั้นของตัวเอง
พ่อม้าหนุ่มเลือดร้อนตั้งท่าจะวิ่งวนตรงเข้าไปหา
แต่เธอกรีดร้องดังลั่นแล้วเผ่นแนบหนีไปก่อนแล้ว เสียงฝีเท้าของม้าไล่ตามหลังมาติดๆ
แต่ก่อนที่มันจะได้ผูกมิตรอย่างสนิทสนมแบบถึงเนื้อถึงตัว
เธอก็วิ่งผลุบหายเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ม้า แล้วดันประตูปิดลงได้ทันเสียก่อน
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ ช่วยฉันที!”
นัทชาร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องดังกระหน่ำไม่ยอมหยุด ตามด้วยฝนที่ตกหนักลงมาราวกับฟ้ารั่ว
ร่างบางสั่นสะริก น้ำตาไหลไม่ขาดสายด้วยความหวาดกลัว
เมื่อยังคงได้ยินเสียงกระทืบเท้าของม้าที่วนเวียนอยู่ด้านนอก
แพรสุดาช่วยประคองนมถวิลเข้ามานั่งที่โซฟาข้างในห้องโถง
เพราะเห็นว่าฝนตกแรงมากและสาดซัดเข้ามาตรงลานระเบียงจนเปียกหมดแล้ว
หญิงสาวเดินลงไปข้างล่าง กำลังจะบอกให้อานนท์ไปรับนัทชากลับมาที่เรือน
แต่เจอกัมปนาทนำรถเข้ามาจอดแล้ววิ่งเข้ามายืนหลบฝนในเขตชายคาเข้าพอดี
“คุณเก่ง” หญิงสาวร้องเรียก
“อ้าว แพรเองเหรอ” เขาทักท้วงแล้วตรงเข้ามาหา
“คุณเก่งมาทำอะไรที่นี่คะ
ปกติน่าจะกลับไปที่เรือนใหญ่แล้วนี่นา”
“ผมเห็นลุยซ์กำลังใช้เวลาอยู่กับคุณลุงน่ะ
ท่าทางสนุกสนานกันมากทีเดียว ผมไม่อยากรบกวนเวลาของสองพ่อลูก
เลยว่าจะมาทานข้าวที่นี่แทน มีอะไรเหลือถึงผมบ้างไหมเนี่ย” ชายหนุ่มถามพร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้อง
“มีกับข้าวทำไว้รอน่านอีกเยอะแยะเลยค่ะ
คุณเก่งขึ้นไปทานก่อนก็ได้นะคะ ไม่ต้องรอน่านก็ได้”
“น่านยังไม่กลับมาจากคอกม้าอีกเหรอ?” ใบหน้าหล่อเหลาขาวคมเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ยังเลยค่ะ น่านไม่ยอมให้พี่นนท์อยู่เป็นเพื่อน
พี่นนท์เลยกลับมาก่อน นี่ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วก็ยังไม่โทร.มาบอกให้ไปรับเลยค่ะ”
เธอไม่ค่อยสบายใจนัก “น่านยังใหม่มากสำหรับที่นี่
โดยเฉพาะกับคอกม้า แพรกลัวเหลือเกินค่ะว่าเธอจะเป็นลมเป็นแล้งไป
เพราะก่อนออกไปจากที่นี่ก็หน้าตาซีดเซียวดูเพลียๆ ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้วด้วย”
“ถ้างั้นผมจะออกไปรับเธอให้เอง แพรไม่ต้องห่วงนะ”
กัมปนาทเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่บาง
ยิ้มให้เธอแล้วหมุนตัววิ่งฝ่าฝนกลับไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาเองก็มัวแต่ทำงานอยู่ในออฟฟิศ
ลืมนึกไปเลยว่าลุยซ์มีคำสั่งให้นัทชาไปทำความสะอาดคอกม้าต่ออีก
นี่ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อมาถึงคอกม้า กัมปนาทก็จอดรถแล้วเปิดประตูลงไปอย่างรีบร้อน
เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่พบว่าลุยซ์เองก็กำลังเปิดประตูลงมาจากรถเช่นกัน
คนที่มีดวงตาสีเทาเยียบเย็นมองมาโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเดินไปกดรหัสที่ใช้ล็อกประตูอัตโนมัติบานใหญ่
ทันทีที่มันเปิดออกเขาก็ได้ยินเสียงมาร้องและตะกุยพื้นไปมาอย่างหงุดหงิด
“นายมาทำอะไรที่นี่” ลุยซ์หันมาถามคนที่เพิ่งเดินมายืนข้างตัว
“แพรบอกว่าน่านหายเงียบไม่ยอมติดต่อไป
เธอเป็นห่วงน่ะเลยขอให้ฉันช่วยมาดูให้” กัมปนาทไม่ได้บอกว่าความจริงแล้วเขาเป็นอาสาเอง
เพราะเบื่อที่จะเห็นรอยยิ้มกวนประสาทของลุยซ์
“อ้าว นายไม่เรียกยัยนั่นว่าคุณน่านแล้วเหรอ” กระนั้นก็ยังไม่วายโดนแขวะอีกอยู่ดี
“แล้วนายล่ะ คิดยังไงถึงออกมาที่นี่ตอนนี้” กัมปนาทถามบ้าง
“ฉันก็มาดูคนงานคนใหม่น่ะสิว่ามาทำงานตามคำสั่งหรือเปล่า”
“ฉันว่านายทำเกินไปนะ” เป็นอีกครั้งที่ลุยซ์ถูกตำหนิตรงๆ
“ฉันไม่สน แต่นายคงสนมากล่ะสิ
ดูร้อนรนแทนคุณน่านของนายออกขนาดนี้”
เมื่อกัมปนาทไม่โต้ตอบอะไร ลุยซ์ก็ยักไหล่กวนๆ แล้วเดินนำเข้าไปข้างในคอกม้าก่อน ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง ก่อนจะสบถพึมพำกับตัวเอง เมื่อเห็นคอกม้าหมายเลขหนึ่งที่เป็นของเจ้าพายุถูกเปิดทิ้งไว้ ส่วนตัวมันนั้นกำลังเดินย่ำไปมาอยู่สุดทางที่เป็นห้องเก็บของ เมื่อมันเห็นเขาก็วิ่งเหยาะๆ ตรงเข้ามาหา ยืดคอขึ้นแล้วสูดจมูกไปในอากาศ เป็นลักษณะที่บอกว่ามันกำลังพอใจและอารมณ์ดีขึ้นมาก เมื่อได้เห็นคนที่ฝึกมันตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นแค่เพียงม้าดื้อรั้นตัวหนึ่ง
เอาแล้วววววววว น่านซวยแล้วจ้า พี่ลุยซ์นี่ก็มัวแต่ต่อปากกับหนุ่มเก่งอยู่ได้
ปากดีไม่พอออออ แขวะเก่งไปอี๊กกกก 555555+
พรุ่งนี้พบกันตอนหน้าค่า ขอกำลังใจหนักๆ ด้วยเน้อ ไรต์อ่อนเพลียมากช่วงนี้ ฮ่า!
ปล. ท่านใดแวะเวียนผ่านเข้ามาฝากกดแอด fav. กันด้วยน้าาาาา
ขอบคุณล่วงหน้าค่า จ๊วบบบบบบบบ <3
ความคิดเห็น